จะมีใครบางคนเคยสงสัยหรือไม่ว่า สถานที่บางสถานที่ ที่เราได้ก้าวล่วงเข้าไปนั้นมีความเกี่ยวพันกับเราหรือไม่ สำหรับตัวฉันเองบางสถานที่ก็ใคร่รู้ และบางสถานที่ก็มิใคร่รู้ เฉกเช่นเดี่ยวกับการที่ชีวิตของเราที่ต้องไปข้องเกี่ยวผูกพันกับใครบางคน หรือเกลียดชังใครบางคนทั้งที่ไม่เคยได้ข้องเกี่ยวกัน ตั้งแต่จำความได้สถานที่บางสถานที่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้าไปนั้น ช่างมีความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับได้เคยเหยียบย่างมาก่อน ทั้งที่พึ่งไปเป็นครั้งแรก จนบางครั้งต้องพยายามนั่งนึกว่าเราเคยมาหรือไม่ และต่อเมื่อนึกได้นั่นก็คือเราเคยมา แต่เป็นการมาในรูปแบบของความฝัน (ที่บางคนอาจจะเรียกว่านิมิต) ฉันไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ทุกครั้งมักเป็นเช่นนั้น สถานที่บางสถานที่ ไปแล้วไปอีกจนมีใครถามว่าไปทำไมกันนักหนา ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่าไปทำไม ครั้งหนึ่งจำได้ว่าได้ดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ถ้าจำชื่อไม่ผิดคือ รักน่ารัก ของ คุณศุภักษร (คุณศุภวัฒน์ จงศิริ) ซึ่งได้ไปถ่ายทำที่เชียงใหม่ หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ในความรู้สึกก็คืออยากไปเชียงใหม่มาก ๆ จนตั้งใจว่าชีวิตนี้ต้องไปเชียงใหม่ให้ได้สักครั้งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าเมื่อได้ไปเชียงใหม่เพียงครั้งแรก และได้ขึ้นไปบน พระธาตุดอยสุเทพ แล้ว ได้ตั้งจิตว่า จะขอกลับมาเชียงใหม่อีกครั้ง กาลกลับปรากฏว่านับตั้งแต่ครั้งนั้นฉันได้ขึ้นเชียงใหม่ทุกปี และบางปีมากกว่าสองหน นอกจากเชียงใหม่แล้วเชียงรายก็เป็นสถานที่ ที่ได้ก้าวล่วงไปบ่อยมาก ยิ่งระยะทางระหว่างแม่สายกับพม่านั้นไปทุกครั้งที่ได้ไปเชียงราย จนระยะหลังนี้เวลาที่ได้ไปแม่สายทีไร ใครที่คิดจะข้ามไปพม่าก็ข้ามไปเถอะ สำหรับฉันขอเดินเล่นอยู่ฝั่งแม่สาย เนื่องจากว่าไม่อยากจะต้องไประมัดระวัง และไม่คิดจะอยากได้อะไรจากฝั่งนั้นเลย แต่มาปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นับจากที่ได้มีการสร้างภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น ใหม่ ๆ ก็รู้สึกเฉย ๆ คือดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ และกาลต่อมาก็กลับกลายเป็นว่าไม่ดูไม่ได้แล้ว และเมื่อได้ดูภาคแรก ตัวประกันหงสา ก็ต้องมีภาคสองตามมา นั่นคือ ประกาศอิสรภาพ หลังจากนั้นชีวิตก็เหมือนเข้าไปผูกพันกับพม่ามากขึ้น เพราะว่าในชีวิตนี้ไม่เคยคิดที่จะไปเที่ยวพม่าเลย แต่ก็ได้ไปจากที่เคยเล่าไว้ใน เยี่ยมเยือนเมืองพม่า ทั้ง5 ตอน แม่น้ำสะโตง ที่อยากเห็นว่ามันกว้างใหญ่แค่ไหนก็ได้ไปเห็น จนได้รู้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะ บารมีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้วไซร้ จะมีผู้ใดที่ยิงปืนข้ามแม่น้ำนั้นจนดับชีวิตคนได้ และการไปพม่าในครั้งนั้นทำให้ได้พบได้เห็น ได้เรียนรู้เรื่องราวที่ผ่านเข้ามากระทบโสตประสาท และเกิดความรู้สึกว่าฉันเคยมีอะไรผูกพันกับพม่าหรือไม่ ได้เคยกล่าวไว้ตอนหนึ่งซึ่งเป็นตอนที่ได้เดินทางขึ้นไป พระธาตุอินทร์แขวน และมีผู้กล่าวว่าในอดีตเขาเคยทำกับเราไว้ ชาตินี้เขาถึงต้องมารับใช้เรา ซึ่งตอนนั้นฉันก็นึกอยู่ในใจว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขออโหสิกรรมแก่กันและกัน การที่ช่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ได้ก้าวล่วงเข้าไปในบางสถานที่ หรือได้ไปเกี่ยวพันกับคนอีกผู้หนึ่ง อาจบอกได้ว่าเขาเคยมีความเกี่ยวพันกันมาในครั้งอดีต และนั่นเป็นข้อสมมติฐานของฉันเอง และในครั้งนี้ที่ได้มีการนัดหมายใครบางคนไปเที่ยวกัน ณ กาญจนบุรี สถานที่ที่ได้ไปนั้นก็ยิ่งอดคิดไม่ได้ว่า เพราะอะไรและเหตุใดที่ต้องมาสถานที่ ที่ใช้ในการถ่ายทำตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำ แต่ความขรึมและความขลังก็มิได้ลดหน่อยลงไปเลย จนมีใครบางคนกล่าวว่าฉันเดินอ้อยอิ่งและคิดในใจว่าถ้าได้นุ่งซิ่นห่มผ้าสไบคงจะดีไม่น้อย รวมถึงกล่าวว่ามีทหารศึกมองตามไม่เว้นวาง (แต่ไม่ยอมสะกิดบอกกันสักนิด) เป็นอันว่ามติลับที่ตกลงกันไว้ก็ถูกเปิดเผยโดยฉันเอง (อย่างนี้เขาเรียกว่าความลับไม่มีในโลกหรือเปล่านะ) ตามที่แมงโม้ได้เล่าไว้ในเรื่อง วันวาร ณ กาญจนบุรี การไปเที่ยวคราวนี้อดทำให้คิดไม่ได้ว่าฉันเคยมีอะไรเกี่ยวพันกับอดีตหรือไม่ ในอดีตฉันอาจเป็นทหารศึกสักคนหนึ่งที่ช่วยกอบกู้เอกราช หรือเป็นเชลยศึกสักคนหนึ่งที่ถูกต้อนไปอยู่พม่า ใครจะรู้ได้ อย่างที่เคยบอกแล้วว่า อดีตก็คืออดีตฯ เราอาจจะสงสัยใคร่รู้ แต่ก็มิอาจจะรู้ได้ เพราะถ้าขืนมีใครล่วงรู้อดีต คงทำให้วุ่นวายดีพิลึก เพราะวัน ๆ คงไม่ต้องทำอะไร เนื่องจากจะคอยมองเห็นแต่อดีตที่ผ่านมาแล้วทำให้กระวนกระวายใจ แต่ถ้าการรู้อดีตแล้วช่วยทำให้เราสามารถที่จะแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ดีในอดีตได้คงจะดีไม่น้อย แต่การไปเยี่ยมเยี่ยนอดีต ณ สถานที่ปัจจุบันในครั้งนี้ ทำให้ฉันได้พบได้เห็น และได้รู้จัก ได้มิตรภาพ ที่บางใครบอกว่า มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ฉันไม่รู้ว่ามิตรภาพจะตราบสิ้นฟ้าหรือไม่ เพราะมิตรภาพบางมิตรภาพที่เราคิดว่าจะอยู่ตราบสิ้นฟ้ายังสูญหายไปตามกาลเวลา สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกและคิดได้คือการที่เราได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันอาจจะเคยได้รู้จัก ได้พบเห็น และได้เป็นมิตรหรือศัตรูกันในอดีต จนปัจจุบันพาเราทั้งหมดให้ได้มาพบมาเจอกันอีกในอีกมิติ และอีกห้วงเวลาหนึ่ง ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่มีให้
27 สิงหาคม 2550 23:17 น. - comment id 97350
เคยมีบุคคลผู้หนึ่งกล่าวต่อประโยคของเราว่า .. มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า - มิตรภาพตราบสิ้นใจ และแล้วมิทันที่บุคคลนั้นจะสิ้นใจ มิตรภาพพลันมาสูญสิ้นเสียก่อน สรุปว่า .. การประเมินกันด้วยความรู้สึกเพียงชั่วขณะหนึ่ง ยังไม่เพียงพอ สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู .. เราให้โอกาสเราเสมอ แล้วแต่ภาพที่เห็น .. หากใครเห็นเราเป็นมิตร เราก็จักมอบมิตรภาพนอบนอบให้ หาไม่แล้ว ก็อย่าได้ถกเถียงโทษสายตาที่เลอะเลือนเลย ต่างโคจรกันไป ..๏ มิตรภาพจักฝากไว้........แห่งใด ดีฤๅ กลัวหมดสูญจากไตร-..........โลกแล้ว มวลมิตรต่างกลัวใจ.............ยุคเสื่อม สมัยแล ผิว์มั่นสิเพริศแพร้ว.............ตราบสิ้นดินฟ้า ๚
28 สิงหาคม 2550 08:48 น. - comment id 97353
เมื่อเช้าดูข่าวพม่า ยังนึกถึงพี่แม่มดค่ะ
28 สิงหาคม 2550 15:17 น. - comment id 97358
การเวียนว่ายตายเกิดย่อมหมุนไปดุจกงล้อ เกวียนแหละครับ เขียนได้ดีมากเชียวครับ แก้วประเสริฐ.