ไม่มีใครคาดคิดได้ว่า การพูดคุยกับผู้ชายนอกสายตาคนนึงอย่างจริงจัง จะทำให้ชะตาชีวิตของฉันพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ วันนั้นที่ทำงานฉันจัดการแข่งขันกีฬาภายใน เพื่อเชื่อมความสามัคคีแก่พนักงานในองค์กร และแน่นอนเมื่อไม่ต้องเป็นวันที่ทุกคนต้องทำงานกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว ความสนุกสนาน คึกคัก มีชีวิตชีวาก็เข้ามาแทนที่ เช้าวันนั้น ฉันขับรถมาทำงานด้วยความสดชื่น แจ่มใสมากกว่าเช้าวันไหนๆ เส้นทางเดิมที่ฉันขับรถผ่านทุกวันจนคุ้นตา ฉันกลับได้เห็นความงดงามบนท้องถนนยามเช้า มากกว่าความหงุดหงิดเหมือนทุกๆๆวันที่ผ่านมา ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดกองเชียร์และขบวนพาเหรด มันเป็นงานที่ฉันเต็มใจทำเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าฉันจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อมาให้ทันดูขบวนพาเหรดในเวลา 7 โมงเช้า หรือต้องคอยจับตาดูกองเชียร์ทั้งหมด เพื่อเก็บคะแนนและตัดสิน ไม่มีสิ่งใดที่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าในชั่วโมงที่ยาวนาน กว่าจะถึงผลการตัดสิน ฉันมีเพื่อนมากมายรอฉันอยู่ในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆๆนี่เอง เพราะเพียงแค่ฉันออนไลน์ ชั่วโมงที่คิดว่ายาวนานขนาดนั้น มันกลับรวดเร็วซะจนฉันรู้สึกแปลกใจ และแน่นอน..วันนี้ ฉันยังคงเจอเขา ทักทายกัน 2-3 คำเหมือนเคย พิเศษอยู่นิดตรงที่ ฉันบอกเขาว่า วันนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง และฉันสามารถออนไลน์ได้ทั้งวัน เขาบอกฉันประโยคเดิมว่า "ผมจะรอ" เราทักทายกันประโยคแรก เมื่อแสงแดดอ่อนยามเช้ารำไร ฉันวิ่งไป-วิ่งมา ระหว่างหน้าจอ กับสนามแข่งขันกีฬา ฉันคุยกับเพื่อนๆๆมากมายหลายคน อย่างออกรส แต่ฉันกลับไม่ไยดีที่จะคุยกับเขาต่อ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในขณะที่ความมืดค่อยๆโรยตัวมาอย่างเชื่องช้า ภารกิจทั้งหลายของฉันเสร็จสิ้น พร้อมกับพลังงานทั้งหมดทั้งมวลในกายของฉันแทบจะหมดไปกะภารกิจที่สำคัญนั้น ฉันกลับมาหน้าจออีกครั้ง และพบว่า....เขายังอยู่ กับข้อความที่ส่งกลับมาว่า "งานยังไม่เสร็จหรอครับ เหนื่อยมั้ย".....ตลอดเวลา 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา เขายังคงอยู่...ยังคงเฝ้ารอฉันอย่างเงียบๆๆ ข้อความที่ส่งมาเป็นระยะจากเขา แม้จะไม่ได้รับการตอบรับจากฉัน แต่เขาก็ยังเพียรส่ง เพียงเพื่อให้ฉันรู้ว่ายังมีเขาที่เฝ้ารอ ที่สุดฉันก็แพ้น้ำใจของผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดในขณะนั้นก็คือ ฉันจะให้เวลาเขา ฉันจะลองคุยกับเขามากกว่าแค่ 2-3 คำ เหมือนที่ฉันเคยทำ ไม่น่าเชื่อ เมื่อฉันได้คุยกับเขาจริงจัง เรากลับเหมือนคนที่เคยรู้จักกันมาแสนนาน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันมองดูเวลาที่ข้อมือ และต้องตกใจ....เกือบ 5 ทุ่ม ฉันคุยกับเขาร่วม 4 ชั่วโมง..จากเดิมที่คุยกันไม่ถึง 1 นาที ผู้ชายคนนี้ สามารถทำให้ฉันสนใจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ฉันจำไม่ได้ ว่าเราคุยเรื่องอะไรกันบ้าง แต่ฉันจำได้ว่า ไม่มีเรื่องไหน ที่เราไม่คุยกัน ชีวิตวัยเด็ก ครอบครัว เพื่อน งาน ฯลฯ ล้วนแต่เป็นหัวข้อสนทนาของเราทั้งนั้น....ฉันจบคำถามสุดท้ายของฉันที่ว่า "คุณทำงานอะไร" (คุณผู้อ่านคงแปลกใจใช่มะคะ คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามแรกๆๆในหัวข้อสนทนา...ค่ะ..สำหรับฉันการถามเรื่องส่วนตัว เช่น การศึกษา หรือหน้าที่การงาน เป็นคำถามที่ฉันมักหลีกเลี่ยงเสมอ ถ้าต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ยกเว้นแต่เมื่อเราคุยจนรู้สึกสนิทสนมกันมากพอแล้ว ฉันจึงจะถาม เพราะบางครั้งการถามคำถามแบบนี้ สำหรับบางคนอาจไม่ต้องการตอบ หรือไม่สะดวกใจตอบ เพราะนั้นเพื่อให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ฉันจึงหลีกเลี่ยงที่จะถาม) เขาตอบว่า "ผมเป็นทหาร" ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ฉันแอบหัวเราะเยาะในใจ และด้วยความคะนองของฉัน ฉันแอบต่อท้ายคำตอบของเค้าอยู่ในใจว่า "ทหารเกณฑ์ล่ะจิ ..อิอิ" แต่ที่ได้ถามเค้าไปจริงๆกลับถามต่อว่า "ทหารอะไร" เมื่อเขาตอบกลับมา ฉันก็แอบคิดในใจอีกว่า "จะแค่ไหนเชียว ก็คงแค่จ่าหทารช้ำรัก หรือก็จ่าที่ชอบกินเหล้า เจ้าชู้ซิไม่ว่า ไม่งั้นจะมีเวลามาออนไลน์ทิ้งเป็นวันๆๆรื้อ" ด้วยความเป็นคนตรง ฉันถามต่อทันทีว่า "คุณยศอะไร" คำตอบที่ได้ ทำให้ฉันงุนงงเป็นครั้งที่ 2 และดูเหมือนจะหนักกว่าครั้งแรกด้วยซ้ำ เมื่อเขาตอบมาว่า "ร้อยเอกครับ".....ฉันนิ่งไปซักพัก จนเขาแปลกใจ เขาถามกลับมาอย่างร้อนรนว่า "ทำไมคุณเงียบไป มีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อ คุณโทรหาผมได้ทุกเวลา" เขาให้เบอร์โทรศัพท์ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน รวมทั้งบอกชื่อ นามสกุล และหน่วยงานอย่างละเอียด คราวนี้ คนที่คิดหนักกลับเป็นฉัน ถ้าเรากำลังมองหาใครซักคนที่ ทัดเทียม และเหมาะสมกับเรา ผู้ชายคนนี้ ก็เป็นตัวเลือกนึง ที่ไม่น่ามองข้าม ฉันจดรายละเอียดของเขาไว้ทั้งหมด และรอคอยเวลาที่จะพิสูจน์ความจริงในวันรุ่งขึ้น....ถ้าสิ่งที่เขาบอกทั้งหมด เป็นจริง...เขาจะไม่ใช่คนนอกสายตาของฉันอีกต่อไป ฉันควรทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น...ถ้าเรามีใจตรงกัน ปฐมบทแห่งรักระหว่างฉันกับเขามันก็น่าจะเปิดฉากได้เสียที
4 กรกฎาคม 2550 21:38 น. - comment id 96810
ว๊าวววว เป็นร้อยเอกซะด้วย รอตอน 3 ค่ะ สู้ๆ ค่ะ
5 กรกฎาคม 2550 09:29 น. - comment id 96812
เรื่องสั้นนี้คือเรื่องจริงใช่ไหม ค่อนข้างจะตกใจกับเกณฑ์มาตรฐานในการเลือกคบคน(เน้น)ที่เหมาะสมว่าเลือกจากยศ,ฐานะหรือเนี่ยะ
5 กรกฎาคม 2550 19:25 น. - comment id 96815
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับคุณโอ้ละหนอที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นค่ะ แต่หากถ้าคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความพร้อมทั้งตำแหน่งหน้าที่การงานที่ทรงเกียรติ มีการศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเมืองไทย มีบ้าน มีรถเป็นของตัวเอง มีความสะดวกสบายในชีวิตทุกอย่างที่ต้องการและถ้าคุณคิดจะคบใครอย่างจริงจัง อาจมีเป้าหมายไปถึงการแต่งงานและใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นก็น่าจะมี"อะไรๆ"ที่ทัดเทียม เหมาะสมกับคุณไม่ใช่หรือ....ถ้าคน 2 คนคบกัน และมีความต่างระหว่างกันมากนัก....คุณจะรู้สึกเหนื่อย..ที่จะต้องสู้กับความขัดแย้งที่ตามมาเป็นระลอก..ตลอดเวลาที่คบกัน.... ไม่เคยคบคนจากฐานะ การศึกษา หรือหน้าตาอะไรทั้งนั้น เพราะแต่ละคนมีคุณค่าในตัวของเขาเอง แต่เมื่อเราต้องเลือก..เราก็ควรจะเลือกคนที่เหมาะสมกับเราที่สุด ไม่ใช่หรือ
5 กรกฎาคม 2550 20:45 น. - comment id 96816
ค่ะ ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ และให้โชคดีค่ะ เพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิก คงจะได้อ่านเรื่องของคุณในตอนต่อๆ ไปนะคะ
5 กรกฎาคม 2550 20:52 น. - comment id 96817
ไม่เป็นไรค่ะ คุณโอ้ละหนอ..ยินดีกับถ้อยคำติ ชม และการแสดงความคิดเห็นของผู้อ่านค่ะ ถือว่าเราได้แลกเปลี่ยนกันนะคะ ตอน 3 เพิ่งเสร็จเด๋วนี้เองค่ะ (สดๆๆร้อนๆๆ) ติดตามได้เลยค่า ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ