สรรพสิ่งในโลกล้วนแปรเปลี่ยน ปรับหมุนเวียนเรื่อยไปไม่หยุดนิ่ง คือสัจธรรมแท้แน่นอนจริง แม้แต่สิ่งเรียกว่าคนมิทนนาน กาลเวลาผ่านไปใจอาจเปลี่ยน ด้วยมีเหตุใหม่เวียนมาผันผ่าน ตามเงื่อนไขใดหนักจักบันดาล ให้เปิดม่านความจริงสิ่งที่ทำ สิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงแสดงต่อ มิใช่ข้อบังเอิญประเมินต่ำ มีเหตุจึงดึงผลดลมาย้ำ ควรจดจำให้ดีนี้แน่นอน การจะจากบ้านไปไกลสุดกู่ มีเหตุอยู่เหมือนนกันครั้นอนุสรณ์ ด้วยความอยากพัฒนาจากป่าดอน จึงเร่รอนจากถิ่นพรากดินแดน ในชีวิตของคนเรา มีสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเราสังเกตดี ๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์บอกให้เรารู้ว่า เซลล์ในร่างกายเกิดขึ้นใหม่และตายไปทุกวัน นั่นคือความเปลี่ยนแปลง เมื่อหลายปีก่อน คนตัวเล็ก ๆ ยังเป็นเด็กน่ารัก ๆ วันนี้แม้จะโตก็ยังเป็นเหมือนคนหน้าหัก แต่ก็ยังคงความน่ารักแบบลงตัว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีอะไรมั่นคงถาวรแน่นอนตายตัวหรอก เมื่อก่อนเคยได้ยินบทเพลงแนวเพื่อชีวิต ที่ลิขิตไว้อย่างลงตัว ทำให้คิดถึงตนเองนะ เนื้อเพลงนั้นตอนหนึ่งมีว่า ชีวิตที่ผ่านพบ มีลบย่อมมีเพิ่ม ขอเพียงให้เหมือนเดิม "กำลังใจ" แต่ถ้าใครที่ไม่มีใครมาตั้งแต่ต้น ก็ต้องอดทนและทนอดกันต่อไป จริง ๆ การอยู่ลำพังตัวคนเดียว ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ บางทีอาจจะดีซะอีก มีอิสระ เสรี มีโลกส่วนตัวดีออก อยากจะเรียนหนังสือ (อายุปูนนี้แล้วนะ) ก็ยังสามารถเรียนได้ ขอเพียงมีปัญญาให้หาเงินเรียนเองได้ล่ะกัน เพราะทุกวันนี้ค่าเล่าเรียนแพงขึ้นยังกว่าค่าน้ำมันรถหลายเท่าตัว อีกอย่างก็สอบเข้าเรียนต่อให้ได้ เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่ เพราะหลาย ๆ สถาบันวิ่งหานักศึกษาแทบจะชนกัน มีโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ก็อีกนั่นล่ะ ค่าเล่าเรียนก็แย่งกันขึ้นตามไปด้วย ตั้งแต่เกิดมา ผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนนี้ไม่เคยคิดว่า ตนเองจะต้องแก่ขนาดนี้เลยนะ ถึงกลับต้องมานั่งทบทวนความเก่า เล่าความหลัง ฟังเสียง (เพลง) ของสาว ๆ รุ่นใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นยังกะดอกเบี้ย จะว่าดอกเห็ด นั่นก็ยังเกิดเป็นฤดูกาล แม้จะมีการเพาะเห็ดฟางขายหลายฤดูก็ตาม แต่ก็ยังไม่ทันดอกเบี้ย ในชีวิตของคนเรามีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากมาหลายอย่างนะ ถ้าเราไม่ใส่ใจดูเหตุผล ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง บางทีเราก็จะบอกว่า "บังเอิญ" จริง ๆ แล้วในโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญหรอก ถ้าบังอร น่ะยังพอมี หาได้เยอะแยะ แต่รู้สึกช่วงหลัง ๆ ชื่อนี้จะเชยไปแล้วล่ะ ตั้งแต่มีบทเพลงเหมื่อหลายปีก่อน "บังอรเอาแต่นอน" พ่อแม่รุ่นใหม่กลัวลูกสาวกลายเป็นคนขี้เกียจ ก็เลยไม่ตั้งชื่อ "บังอร" อีก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครชื่อ "บังเอิญ" เลยนะ จริง ๆ ถ้าเรามองตามความจริง เมื่อครู่นี้เราไปทานข้าวกลางวันมา เราจึงอิ่มตอนนี้ ไม่ใช่ว่า อยู่ ๆ แล้วจะอิ่มได้โดยบังเอิญซะที่ไหนล่ะ ความเปลี่ยนแปลงแกล้งเป็นเห็นที่ไหน มีเงื่อนไขเกิดก่อนสะท้อนค่า พรหมลิขิตใดเล่าจะนำพา หากมัวมาหลับนอนตอนกลางวัน มิขยันหมั่นเพียรพากเพียรสู้ จะไปดูหมอแม่นกี่แคว้นนั่น ชื่อ "โชคชัย" ไม่ช่วยอำนวยทัน การกระทำสำคัญจงหมั่นตรอง เพราะทำดีวันก่อนสะท้อนสู่ วันนี้อยู่สบายขวนขวายคล่อง หากไม่เรียนแต่น้อยโตค่อยปอง อาจจะหมองมัวได้ไม่รู้ตัว เด็กควรเรียนเพียรพากยากก็ใฝ่ เมื่อเติบใหญ่มีการทำงานทั่ว หากวัยเยาว์เจ้าเล่นเป็นหมองมัว ดูน่ากลัวขายแรงงานจนวันตาย ชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลง ย่อมแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการรับผิดชอบตนเองของบุคคล สมัยก่อนจบ ปกศ., พ.ม., ก็เป็นครูอาจารย์ได้แล้ว ปัจจุบันต้องจบปริญญา ถ้าจะสอนระดับปริญญา ก็ต้องจบปริญญาชั้นสูงขึ้นไป เห็นเยาวชนรุ่นใหม่ ใจเร็ว เร่งหาเพื่อนต่างเพศ จนเกินขอบเขตไป สุดท้ายก็เรียนไม่จบกัน แม้แต่มัธยม แล้วต่อไปชีวิตจะขื่นขมแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ วันนี้พ่อและแม่ของเยาวชนไทยรุ่นใหม่ ต้องร่ำร้องไห้ ทำงานลำบาก ตากแดด ตากลม เพื่อหาเงินมาสะสมไว้ให้ลูก ๆ เรียนหนังสือ แต่ลูกกับถือเอาความสุขสบายไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนต่างเพศ/ต่างวัย หรือว่า จะเป็นความเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ของสังคม สมัยก่อน ลูกอยากจะเรียน ร้องไห้ขอพ่อแม่เรียนหนังสือ แต่วันนี้ พ่อแม่อยากให้ลูกเรียน ร้องไห้อ้อนวอนขอให้ลูกกลับมาเรียน อะไรหรือ? คือความเปลี่ยนแปลงที่ควรจะเป็นไป ในสังคมยุคโลกาภิวัตน์นี้
2 กรกฎาคม 2550 15:01 น. - comment id 96784
เฒ่าแล้วจ่มเก่งเนาะอ้ายเนาะ อิอิ
2 กรกฎาคม 2550 16:10 น. - comment id 96787
ขอให้เขียนเรื่องสั้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะ
2 กรกฎาคม 2550 18:58 น. - comment id 96792
จริงอย่างที่ตัวเล็กว่าเลย พ่อแม่สมัยนี้ต้องขอร้อง อ้อนวอนให้ลูกเรียนหนังสือ แม้กระทั่งครูเองยังอุตส่าห์ไปตามถึงบ้าน อยากให้เรียนจบ มีออนาคตที่ดี แต่เด็กจะทำตามรึเปล่านั่นอีกเรื่องนึง
3 กรกฎาคม 2550 19:29 น. - comment id 96804
เรื่องจริง คือ เด็กที่ติดศูนย์ สมัยนี้ ครูที่ให้เกรดแทบจะกราบให้มาแก้ศูนย์ มิ่ฉะนั้นผู้บริหารจะไม่พิจารณาขั้น เพราะผลงานโรงเรียนไม่ดี ฮา
3 กรกฎาคม 2550 21:14 น. - comment id 96806
สมัยนี้เลี้ยงลูกยากจริง ๆ เลี้ยงได้แต่ตัว ต้องใช้จิตวิทยาในการการพูดกับลูก มีลูกดี ก็เป็นบุญวาสนาของพ่อแม่ ฉะนั้น ลูก ๆ ทั้งหลายโปรดเห็นใจพ่อแม่และสำสำนึกในบุญคุณให้มาก แล้วชีวิตจะได้เจริญรุ่งร่งุเรืองในอนาคต