น้ำมันพราย
สุญญะกาศ
โอม... คะมำดำดึมโจ๊ะพรึมพรึมทำเม ประดังซังแตมาระเดยำยำ..... พรูดดดดด
เสียงสุดท้ายที่ดังพรูด เป็นจังหวะที่ลุงปลั่งโน้มกระหม่อมลงมารับลมปากเต็มๆจากอาจารย์คงพอดิบพอดี แกควรสระผมก่อนนอนคืนนี้ มิฉะนั้นพรุ่งนี้เช้าต้องคันคะเยอที่หัวอย่างแน่นอน แต่ผมดูท่าแกแล้วคงไม่ยอมสระเป็นอาทิตย์แน่ เพราะเกรงลมศักดิ์สิทธิ์จะเสื่อม
ยังไม่ทันที่เด็กวัดอย่างผมจะนึกอะไรต่อ เสียงหมอผีระดับชั้นนำของตำบลก็เปล่งขึ้นอีกครั้ง
เอ้า...รายต่อไปมานั่งนี่ ประโยคที่คุ้นหูผมดังก้องกังวาน ก่อนที่สาวใหญ่นางหนึ่งซึ่งผมคุ้นหน้าค่อยๆเอี้ยวตัวออกจากที่เดิม แล้วคลานมานั่งพับเพียบต่อหน้า ผมซึ่งนั่งเยื้องด้านหลังคอยเป็นมือขวา ไม่ห่างจากอาจารย์คงนัก ผมเดาได้ทันทีว่าน้าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องอะไร
พ่อหมอขา อิฉันสงสัยเหลือเกินว่าทำไม ผัวอิฉันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อิฉันก็ทำอย่างที่พ่อหมอบอกแล้วนะเจ้าคะ
อุบ๊ะ.... เสียงคำรามดังลั่นบ้านไม้หลังใหญ่ มึงรู้มั้ย... ผู้หญิงฝั่งกระโน้นกับหมอผีเขมรมันช่วยกันทำเสน่ห์ยาแฝด ผัวมึงถึงได้หลงหัวปักหัวปำ ..........
โน่น... มันไปฝังหุ่นไว้ที่ท้ายป่าโน่น พูดเสร็จ เสียงผู้คนที่มานั่งเต็มบ้านไม้หลังใหญ่มองหน้ากันแล้วพูดเสียงอื้ออึงไปทั่ว เดาว่าคงกำลังทึ่งกับความเก่งกาจและแม่นยำของอาจารย์ผม
ระหว่างนั้นอาจารย์คงหันมามองหน้าผม ผมรีบพยักหน้าเบาๆ เหมือนรู้ว่าหน้าที่ของผมคือต้องขุดดินตรงบริเวณท้ายป่าตามที่บอก
ผมเริ่มทำตาลอยๆ พยายามนึกถึงภาพเหตุการณ์ของเมื่อวาน.....น้าผู้หญิงไม่รู้หรอกว่า ผู้หญิงอีกฝั่งก็ไหว้วานให้อาจาย์ของผมทำเสน่ห์ยาแฝดให้สามีคนเดียวกันกับเธอ ผมเห็นอาจารย์คงเอาด้ายสายสิญจน์พันหุ่นแฝดนั้นจะจะด้วยตาของผมเอง
มีผม ไอ้เปี๊ยก กับอาจารย์เท่านั้นที่รู้กันว่าฝังตรงไหน คำถามหนึ่งซึ่งผมเกือบหลุดปากถามอาจารย์เดี๋ยวนั้นว่า จะให้ขุดตัวที่ฝังไว้เมื่อวานรึว่าของวันก่อน ดีที่ยั้งไว้ทัน
ผมตั้งใจเจริญรอยตามอาจารย์คง พร้อมจิตใจที่แน่วแน่ว่าจะสานต่อกิจการ เอ๊ย... ปณิธาน ว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป
คืนนี้เดือนมืด ลมเริ่มสงบ สรรพสิ่งทั้งคุ้งน้ำเงียบสนิท มีเพียงเสียงบริกรรมคาถาในวงสายสิญจน์ดังขึ้นกลางป่าช้าเหมือนเช่นหลายคืนที่ผ่านมา มีผมกับไอ้เปี๊ยกนั่งด้านหลังอาจารย์เช่นเคย แสงเทียนที่จุดรอบๆบริเวณสาดส่องสลัวๆ กระนั้นผมสังเกตเห็นเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวของอาจารย์ที่รีดเนี๊ยบเรียบกริบ กลิ่นจากครีมใส่ผมที่ทำให้ผมของอาจารย์เป็นมันเงาอยู่ทรง เหมือนเสร็จภารกิจนี้แกคงเตรียมเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าต่อเป็นแน่
เนื้อตัวของผมกับไอ้เปี๊ยกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ใช่เพราะคืนนี้จะร้อนหรอก แต่เป็นเพราะว่าหลุมใหญ่ด้านหน้าที่เกิดจากฝีมือการขุดของพวกผมนั่นเอง ข้างในหลุมเป็นศพตาตุ่น
ก่อนนั้นพวกผมใช้ชะแลงช่วยกันงัดฝาโลง แล้วใช้มีดหมอตัดผ้าที่โยงระหว่างปลายหัวกับเท้าศพ จากนั้นค่อยเข้ามานั่งในวงสายสิญจน์เช่นเดิม
เสียงบริกรรมคาถายังมีอยู่ต่อไป พร้อมกับศพตาตุ่นที่ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ผมเห็นภาพนี้อย่างชินตา อันดับต่อไปอาจารย์ก็คงต้องใช้เทียนไขไปลนคางเอาน้ำมันพราย
โบร๋ววววววว........ เสียงหอนลากยาวของหมาดังลอยมาแต่ไกล เดาว่าน่าจะเป็นอีนวลที่คุ้งน้ำฝั่งกระโน้นมันทำให้เข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างดี...........น้ำเสียงใช้ได้นะแต่ลูกคอต้องปรับปรุง ผมนึกในใจ
นานเท่าใดไม่อาจทราบได้จากความเมื่อยล้าเริ่มเป็นความง่วง ผมเผลอหลับและเริ่มสัปหงกจนเกือบจะเอนล้ม เงยหน้าขึ้นมาอีกทีมองหน้าไอ้เปี๊ยกคูหูของผมที่กำลังอ้าปากตาค้าง จ้องหน้าผมเหมือนส่งสัญญาณให้ดูอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกว่ามีร่างหนึ่งกำลังนั่งถัดจากที่ผมกับไอ้เปี๊ยกนั่งอยู่ ผมต้องค่อยๆชำเลืองด้วยหางตาไปช้าๆเพราะรู้ว่าถ้าหันไปเร็วๆตรงๆคงสติแตกแน่
ผมมั่นใจว่าผู้ที่นั่งถัดจากผมกับไอ้เปี๊ยกหน้าตาละม้ายคล้ายกับที่อยู่ในหลุมข้างหน้า มิหนำซ้ำยังทำหน้าตรงๆนิ่งๆไม่ใส่ใจพวกผม แต่กระนั้นผมก็เริ่มพยายามเอื้อมมือไปสะกิดอาจารย์สุดที่รัก แม้แขนมันจะขัดๆแทบจะเอื้อมไปยากแสนยาก
อะ... อา..จานนนนนนน เสียงผมเบาหวิว ด้วยความเกรงใจ ไม่กล้ารบกวนผู้ที่อยู่ด้านหลัง
..............................อาจารย์คงทำท่าเหมือนรำคาญ...................................................
ผมกับไอ้เปี๊ยกมองตากัน เหมือนคำพูดนับหมื่นคำส่งผ่านเงียบๆตามแนวสายตา มันทำให้ผมกับไอ้เปี๊ยกเข้าใจเหตุการณ์กันถ่องแท้ ก่อนที่จะค่อยๆก้มหน้าคลานแบบถอยหลัง ช้าๆพร้อมๆกัน จนกระทั่งห่างจากบริเวณนั้นได้สักสี่ถึงห้าเมตร จากนั้นผมกับไอ้เปี๊ยกวิ่งแข่งกันอย่างไม่คิดชีวิต เป็นการแข่งที่สะเปะสะปะ ไม่มีลู่วิ่ง โดนกิ่งอะไรต่อมิอะไรข่วนเต็มไปหมด แถมช่วยกันแหกปากร้องโหยหวนลั่นป่า มีเป้าหมายคือเรือนหลังใหญ่ของอาจารย์คง
วิ่งไปได้สักกลางทางถึงได้รู้ว่า อาจารย์ไม่ได้รอพวกเราที่เรือนหลังใหญ่ อาจารย์ยังนั่งบริกรรมคาถาของแกอยู่ที่จุดเดิม ความเป็นห่วงเริ่มมี ผมกับไอ้เปี๊ยกปรึกษากันก่อน แล้วค่อยๆเดินย่องกลับไปด้วยใจหวาดหวั่น ต่อให้เหงื่อผุดเต็มตัวแต่รู้สึกหนาวและเสียวสันหลังเหลือเกิน
ภาพที่เห็นคืออาจาย์ของพวกเราเหมือนกำลังนอนแผ่หงายชมดาวอย่างสบายใจ แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกตัว เดาว่าท่านน่าจะหลับลึก หรือไม่ก็สลบ
..........................................................
อาจารย์คงทำหน้าที่ตามปกติหลังจากที่นอนซมเป็นไข้ร่วมเดือน ลูกศิษย์ลูกหาต่างไถ่ถามถึงสุขภาพรวมถึงอาการที่ผมบนหนังศีรษะร่วงหลุดจนหมดสิ้น
อ๋อ...รากผมไม่แข็งแรงผมกับไอ้เปี๊ยกเริ่มคุ้นหูกับประโยคคำตอบของอาจารย์แล้ว