น้องเพลง พี่สาวเบื๊อก อายุครบ 19 ปี เมื่อ 2 วันที่แล้ว หลายคนว่าเธอนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ตัวเธอเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ผมผู้พ่อ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ... กลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง เราพ่อลูก เคยคุยกันหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการคบหาเพศตรงข้าม ผมไม่ได้ห้ามสักนิดในเรื่องการคบหาเพื่อนชาย แต่ก็ปรามอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะ เธอก็เชื่อ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ก็มีหลายครั้งที่เราต้องขัดคอกันอยู่บ้างเพราะความไม่เข้าใจกัน ... ลูกสาวผมเค้าเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวเรื่องของความรักผมรู้ดี ผมคอยปรามอยู่บ่อยๆเวลาเห็นเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชาย (เห็นแล้วนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ) ในที่สุดเธอก็ต้องเลิกคุยและเลิกคบหากันไป (เธอเคยบ่นว่า รำคาญพ่อ เลิกเลยดีกว่า) ปัจจุบันเธอเองไม่เคยมีแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่น ในรุ่นราวคราวเดียวกันสักคน เธอเคยถามผมว่า ... " พ่อพอใจไม๊ ? ที่ลูกสาวของตัวเองหง่ะ ป่านนี้ยังไม่มีเพื่อนชายที่ใหน กล้ามาคบหาเลยสักคน" "ใครแวะเวียนมาหน้าบ้าน พ่อก็ออกมาแยกเขี้ยวใส่เค้าไปซะหมด จะแยกเขี้ยวทำไม ?" นั่นเป็นเสียงบ่นของเธอ ... ผมก็มีเหตุผลของผม ซึ่งสามารถอธิบายได้บ้างเล็กน้อย ... เป็นเรื่องจริงไม๊ ? ... ที่พ่อแม่ทุกคนไม่เคยมองเห็นเลยว่าลูกของตัวเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งๆที่หลายคนรอบข้างกลับมองเห็นว่า เค้าโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว และบรรลุนิติภาวะแล้ว ? เป็นเรื่องจริงไม๊ ? ที่เด็กหนุ่มเด็กสาวอายุ 19-20 ปี จะสามารถปกครอง ตนเองได้ และเอาตัวรอดได้เองในสังคมของเราวันนี้ ?
16 พฤษภาคม 2550 07:40 น. - comment id 96172
คิดว่าน่าจะดูแลตัวเองได้...แต่ยังไงก็ต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ ด้วยค่ะ ลูกจะรู้สึกอบอุ่นถ้าพ่อแม่ใส่ใจมากกว่าปล่อยทิ้งขว้างไม่ดูดำดูดี..แต่ยังไงต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม พอดีๆ ไม่เข้มงวดเกินไปนัก.. ตอบในมุมมองของลูกแล้วกัน เพราะยังไม่เคยรับบทคุณแม่.. มีแต่ลูกแมวให้อุปการะ.. :) ก็เริ่มเป็นผู้ใหญ่ ต้องใช้เวลาปรับตัวเหมือนกันน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณพ่อและคุณลูกค่ะ..
16 พฤษภาคม 2550 09:16 น. - comment id 96175
สวัสดีคะ คุณเพลง-ทิชากร หนูก็อายุ 18ย่าง19 เพิ่งจบม.6 เปิดเทอมนี้ก็เรียนมหาลัยแล้วคะ สำหรับตัวหนูเองก็ยังไม่เคยมีแฟนคะ เนื่องจากที่โรงเรียน เวลาส่วนมากก็จะเรียน และก็ทำกิจกรรมร่วมกับครูและเพื่อนๆเป็นส่วนมาก เช้าก็ต้องไปเรียนแต่เช้า เย็นกลับมาก็เหนื่อย ตัวหนูเอง อายุเท่านี้ ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเด็กอยู่เลยคะ เด็กมากๆ เกิดมานอกจากเรียน ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้ดี เลยคะ ความรับผิดชอบก็ยังไม่ดีพอ (อันนี้เป็นหนูคนเดี๋ยวรึป่าวก็ไม่ทราบ) ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่า ลูกสาว จะมีแฟน หนูว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้นๆมั้งคะของวัยรุ่นที่เห็นเพื่อนมีก็อยากมี (หนูคิดว่า) บางทีหนูก็อยากมีนะคะ แต่คิดว่าเรายังต้องเรียน ยังต้องมองเห็นหน้าพ่อแม่ และเวลาได้อยู๋กับเพื่อน หนูก็ลืมมันไป เวลาอยู่ที่โรงเรียนส่วนมากก็จะอยู่กับเพื่อน ซะมากกว่า หนูมีเพื่อนผู้ชายนะคะ แต่เป็นเพื่อนแบบเพือ่นนะคะ เยอะมากด้วย ซึ้งอันนี้พ่อแม่หนูก็ไมได้ว่าอะไรเพราะเป็นเพื่อนกันจิงๆ พ่อหนูก็เคยถามนะคะ เมือ่ไม่กี่วันมานี้เอง ถามว่า"ก้อยมีแฟนรึยัง" หนูก็เลยบอกบอกไปว่า "ก้อยยังไม่มีความรับผิดชอบขนาดนั้น ที่จะมีแฟนได้" หนูบอกออกไปอย่างงี้ค่ะ ไม่รู้เป็นคำตอบที่ถูกหรือผิด แต่หนูคิดแบบนั้นจริงๆคะ สำหรับลูกของคุณ วุฒิภาวะ ก็คงไม่ต่างกับหนู "วัยรุ่นไม่เคยเป็นผู้ใหญ่นะค่ะ แต่ผู้ใหญ่เคยเป็นวัยรุ่นมากก่อน" น่าจะเข้าใจปัญหาเรื่องวัยรุ่นดีกว่าที่จะให้วัยรุ่นมาเข้าใจผู้ใหญ่นะคะ อันนี้พูดในแง่ที่เข้าข้างตัวเองนิดหนึงนะคะ
17 พฤษภาคม 2550 08:02 น. - comment id 96188
"พ่อ" คำๆนี้ไง ที่ทำให้ พ่อ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง และ พ่อ เป็นเพศชาย ย่อทรู้เรื่องผู้ชายดีอยู่แล้ว ดังนี้การหวง ห่วง ลูกสาวจึงย่อมมีมากนัก เด็กสาวอายุ 19 ปี หรือกว่านี้ ในสังคมไทย ปัจจุบันเปลี่ยนไปมากแล้ว เด็กบางคนเรียนรู้ได้ดีกับสังคม แต่เด็กบางคนใส ซื่อ ไม่เท่าทันคนในสังคม กรณีที่พ่อต้องทำอย่างยิ่ง คือเป็นเพื่อนลูก ให้ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเพศศึกษา ศาสนา เรื่องสังคมและการครองสถานะของเด็กในช่วงแต่ละเวลา อย่าปิดกั้นหรือห้ามโดยเข้มงวดเกินไป ซึ่งที่ถูกต้องคอยดูอย่างห่างๆ แล้วคอยทัก หรือเอ้อออไปด้วยเพื่อให้เด็กไม่เครียดและมีวัยที่สดใสตามสภาพสังคมของเด็กในปัจจุบัน หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย ก็อธิบายอย่างมีเหตุมีผล โดยการยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง เชื่อว่าเด็กทุกคน ก็คงเข้าใจ "พ่อ" แน่นอน พ่อ ต้องหัดเรียนรู้ลูก มิใช่ให้ลูกเรียนรู้พ่อ นี่จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสังคมแห่งการเรียนรู้ในปัจจุบัน หากพ่อทำได้ ลูกก็จะเป็นคนมีเหตุผล และพิจารณาเรื่องที่ผ่านเข้ามาอย่างถูกต้อง....
19 พฤษภาคม 2550 07:58 น. - comment id 96210
ความเจริญของเทคโนโลยีมันรวดเร็วเหลือเกิน จริงๆแล้วก็ไม่อยากจะโทษเทคโนโลยีหรอกนะค่ะแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ทำให้เด็กโตเร็วเกินไป เรียนรู้ทุกอย่างมากพอที่จะมาบอกเราว่าเขาโตแล้วดูแลตัวเองได้แล้ว แต่...เขาไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว เขายังไม่รู้จักโลกดีเลย เห็นเด็กสาวๆปัจจุบันแล้วใจหาย ไม่ได้หัวโบราณ แต่มันมากจนเกินไปหน่ะค่ะ สำหรับ น้องเพลง คิดว่าเป็นเด็กดีแน่นอนเพราะมีคุณพ่อที่ดี ที่รักและห่วงใย แม้จะถกเถียงบ้างแต่เชื่อได้เลยว่าเขาจะคิดได้เองอย่างแน่นอน ช่วงนี้ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์วูบไหว เพียงเราคอยดูห่างๆ (หรือบางทีก็ใกล้บ้างก้อได้) อย่าบังคับจนน้องเขารู้สึก หรือปละปล่อยจนรู้สึกห่างเหิน เราต้องอยู่ในระยะที่พอดี บางครั้งเราต้องทำใจเราให้เป็นวัยรุ่นบ้างในการคุยกับเขา แล้วเราจะเข้าใจเขาค่ะ.....สู้ สู้ นะค่ะ เป็นกำลังใจให้
20 พฤษภาคม 2550 21:10 น. - comment id 96244
สวัสดีค่ะคุณเพลง ทิชากร ค่ะ..สำหรับดิฉันเองก้ออยู่ในวัยเดียวกันกับลูกของเพลง ทิชากรถ้าคุณถามว่าอายุแค่19เป็นผู้ใหญ่แค่ไหนดิฉันขอตอบว่าก็โตพอที่จะคิดอะไรได้แล้วบ้างแต่ก้อยังขาดความพ้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้างไม่มากก็น้อยยังไงก็ต้องมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำว่าสิ่งที่จะกระทำนั้นควรหรือไม่ควรดีหรือไม่ดีอย่างไรดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พ่อ-แม่คิดว่าเรายังเด็กอยู่เป็นเด็กยังไม่ควรมีแฟนถ้าจะมีก็มีได้แต่ก็คบๆแบบเพื่อนไปก่อนเพราะตอนนี้เรายังเรียนอยู่แฟนค่อยหาเมื่อไหร่ก็ได้อนาคตข้างหน้ายังอีกไกลเรียนให้สูงๆเข้าไว้ต่อไปในภายภาคหน้าจะได้สบายดิฉันก็เข้าใจหัวอกของพ่อ-แม่ดีที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูกอยากให้ลูกได้อยู่สุขสบายไม่ต้องมาลำบากลำบนเหมือนเค้าแต่ปัจจุบันสังคมของเราก็แปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างรวดเร็วโดยนำวัฒนธรรมของชาวตะวันตกมาเผยแพร่กันมากขึ้นเพราะความอยากรู้ อยากลองกับสิ่งแปลกใหม่ในกรณีนี้พ่อ-แม่ควรแนะนำใหความรู้และความเข้าใจในเรื่องเพศศึกษา ศาสนาและสังคมอย่าปิดกั้นเด็กหรือเข้มงวดกับเด็กมากจนเกินไปเพราะมันอาจทำให้เด็กเครียดโดยหาทางออกไปในทางผิดๆก็เป็นได้ทางที่ดีพ่อ-แม่ควรดูแลบุตร-หลานดูพวกเค้าอย่างห่างๆและคอนตักเตือนในเวลาที่พวกเค้าได้กระทำผิดพลาดไปอย่างมีเหตุมีผลอธิบายให้พวกเค้าเข้าใจเชื่อว่าเด็กผู้หญิงทุกคนก็อยากที่จะเรียนรู้ว่าการที่ผู้ชายกับผู้หญิงมีความรู้สึกดีดีต่อกันมันจะเป็นยังไงถ้าคบกันแล้วจะเกิดอะไรไหม