คืนก่อน ผมนอนไม่หลับทั้งคืน หลังจากที่รู้ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวไม่ผ่าน ตอนเช้าผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะโทรไปบอกลูกอย่างไรดี ที่จะทำให้เธอเสียใจน้อยที่สุด ผลคะแนนมันประกาศเมื่อเวลา 18.00 น ของตอนเย็นวันที่ 12 ผมเปิดดูได้ตอน 2 ทุ่มทางเว็ปไซค์ตามที่เธอบอก เธอโทรมาจากเชียงใหม่ในตอนเช้าของวันนั้นเอง บอกให้พ่อช่วยดูให้ที เพราะไม่กล้าดูเอง (จริงๆแล้ว เธอก็คงหวังเอาไว้มากเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆทั่วไป) ผมตัดสินใจกดโทรศัพท์โทรไปหาลูกทันทีในเช้าวันนั้น (หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืน) เสียงโทรศัพท์ดังครั้งเดียวจริงๆหลังจากที่ผมกดเข้าไปยังมือถือของเธอ " พ่อๆ หนูติดหรือเปล่าจ๊ะ " เป็นประโยคแรกที่เธอถามคำแรก ผมนิ่งคิดไปชั่วขณะ " อืม ม ไม่ติดหรอกลูก " ผมตัดสินใจพูดออกไปทันทีหลังจากที่ต้องอึ้งอยู่พักหนึ่ง ผลที่ตามมาคือความเงียบ ... เงียบจนผมแทบไม่ได้ยินเสียงอะไร เงียบจริงๆ ผมเรียกชื่อเธอเบาๆ เพื่อเรียกสมาธิของเธอกลับคืนมา ผมรู้ว่าเธอคงเสียใจมาก " เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ? " ผมค่อยๆถาม " พูดกับพ่อหน่อยสิ อย่าเงียบอย่างนี้ " ผมพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยน (ตอนนั้นเธอเงียบมากเหมือนกับเลิกสายไปแล้ว) " หนูไม่เป็นไรพ่อ ... " เธอตอบออกมาเบาๆ เสียงสั่นเครือ บ่งบอกว่าเธอกำลังร้องให้ ... ผมได้แต่คอยปลอบลูกซึ่งเธอก็เข้าใจทุกสิ่ง แต่ในขณะนั้นเธอคงยังรับไม่ทันกับความผิดหวัง ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เราพ่อลูกได้คุยกันในขณะนั้น ผมชวนเธอคุยถึงเรื่องการวางแผนการเรียนต่อของเธอ พยายามพูดออกไปมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้เธอได้หายจากอาการเศร้าเสียใจที่มันเพิ่งเกิด ผมถามเธอว่าเพื่อนๆโทรมาหากันบ้างหรือเปล่า ? เธอตอบว่า ก็โทรมา แต่ไม่มีใครติดเลย หลุดไปหลายคน ตอนนี้พวกเพื่อนๆคงกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพกัน เพื่อหามหาวิทยาลัยเอกชนที่สามารถเรียนได้ ผมบอกลูกไปว่า ไม่ต้องกลัวอะไร ถึงอย่างไรพ่อก็จะช่วยลูกจนถึงที่สุด ที่จะให้ลูกได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย วันนี้ เป็นวันเกิดของลูกสาวคนเดียวของผม เธอจะอายุ 19 ปีเต็มใน 11.29 น.ของวันนี้ ผมดีใจที่คุยกับเธอรู้เรื่อง และดีใจมากที่เธอไม่ได้ฟูมฟายมากนัก ตอนบ่ายของวันนี้เธอจะกลับมาบ้าน กลับมาเพื่อเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อชดเชยให้กับความผิดหวังที่มันเพิ่งเกิดขึ้น ผมเลิกเสียใจ เธอก็บอกว่าเลิกเสียใจแล้วเช่นกัน เธอบอกกับผมว่า เรื่องนี้พ่อไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเธอเผื่อใจไว้แล้วมากมาย อาจจะมากกว่าพ่อด้วยซ้ำไป พ่อก็เชื่อนะว่า ลูกสาวของพ่อทำดีที่สุดแล้ว " มหาวิทยาลัยที่เราหวัง มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราหรอกนะ" เพราะชีวิตของคนเรายังต้องเจออะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่า อีกตั้งมากมาย รักลูกสาวของพ่อเสมอนะ ...
16 พฤษภาคม 2550 10:09 น. - comment id 96176
สวัสดีคะ เพลง-ทิชากร หนูก็อายุรุ่นลูกคุณแหละคะ ตอนดูผลสอบก็ตื่นเต้น พอรู้ก็ผิดหวังมากมาย ถึงหนูจะติดก็เถอะคะ เพราะติดอันดับที่4 ได้คณะและมหาลัยที่เราเลือกไว้เผื่อๆ ไม่ได้อยากเรียนเลยคะ เพราะเลือกไว้เป็นอันดับ4 ซึ้งไม่คิดว่าตัวเองจะหุดได้ขนาดนี้ เพื่อนหนูได้ๆหลายๆคนก็ไม่ติด อาจจะเป็นเพราะคะแนนปีนี้สูงจากปีก่อนมาก เพื่อนหนู๋บางคนเผือ่ไว้เกือบ2000 ยังหลุดเลยคะ พ่อแม่ของหนูก็คงผิดหวังมาก แต่ท่านก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร ปีหน้าเอาใหม่ ถ้าคณะที่ได้ไม่อยากเรียนก็เรียนเอกชน หรือถ้าอยากเรียนดูไปก่อนก็ได้ พ่อแม่ไม่ว่า ถือว่าซื้อประสบการณ์ ทำงานถึงอายุ60 เราได้มีเวลาทำงาน 27 ปีกับ28 หลังจาที่เราเรียนจบ ไมไต่งกันเลย ท่านว่าอย่างนี้นะคะ หนูก็ทำใจแล้วคะ คงจะเรียน คณะที่หนูติดไปก่อนนะค่ะ ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ คือหนูติดวิศวะ นะค่ะ เรียนปี1 จะเป็นการทบทวนพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ม.ปลาย เลนคิดว่าจะรียนค่ะเป็นการทบทวนเราไปในตัว ถ้าไปได้สวยหรือยังไงก็ค่อยพูดอีกทีค่ะ พี่หนูบอกว่าจะสอบติดมันยาก เรียนให้จบอยากกว่า หางานทำดีดียิ่งอยากไปใหญ่ การเรียนไมได้วัดการที่สอบติด แต่วัดกันที่เวลาทำงานมากกว่าคะ พี่น้องบอกแบบนั้น
16 พฤษภาคม 2550 12:44 น. - comment id 96177
สวัสดีคุณ อามีน ได้อ่านเรื่องราวที่เล่ามาฟังดูแล้วได้มุมมองและแนวคิดที่ดีมากเลยครับ และขอบคุณที่แวะเข้ามาพูดคุยกันตรงนี้นะ ... มีอะไรก็เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ จะรอฟังคนแรกเลยนะ