ผมทำงานอยู่ในกรุงเทพ นานๆถึงจะกลับบ้านทีหนึ่ง วันนี้ผมลาพักร้อนปลายปี ขณะที่ขับรถกลับบ้านก็เจอต้นลีลาวดีขาวพวงต้นหนึ่งทรงพุ่มสวยมาก ไปถามราคาแค่ห้าพันบาท ก็เลยนัดให้เขามาส่งที่บ้าน ส่วนตัวผมกลับมาขุดหลุมที่บ้านรอไว้ก่อน ดินที่บ้านผมค่อนข้างดี ต้นไม้รอบๆบ้านต้นใหญ่ใบเขียว ให้ลูกให้ผลดกทุกต้นโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยรุ่นทวดของทวดแล้ว 3 เดือนก่อนผมซื้อต้นลีลาวดีพันธุ์ขาวพวงต้นแรกมาปลูกมันโตเร็วมาก มีเรื่องแปลกก็คือโคนกลีบดอกปกติจะเป็นสีเหลือง แต่ต้นของผมเป็นสีแดงจัด เคยไปถามคนขายเขาบอกว่ามันน่าจะกลายพันธุ์ เวลาที่ผมขุดดินหรือใครก็ตามที่ขุดดิน รอบๆบ้านผม ยายของผมแกจะไปนั่งเฝ้าเสมอ คอยดูว่าอะไรอยู่ก้นหลุม แกจะน้ำตาไหลทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าที่ก้นหลุมไม่มีอะไรนอกจากดิน ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่คิดว่าแกสติไม่ดี ชาวบ้านแถวนี้ก็คิดเหมือนกัน ที่จริงแกไม่ใช่ยายแท้ๆของผมหรอก แกเป็นพี่สาวของยายผมอีกที แกชื่อยายเพ็ญ แกไม่มีลูก เพราะแกไม่ได้แต่งงาน ผมขุดได้หลุมขนาดใหญ่พอควร ยายเพ็ญเดินกระย่องกระแย่งมานั่งริมหลุมเหมือนเดิม เห็นว่าไม่มีอะไรแกก็ร้องไห้ ร้องมากกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยเห็น ผมทั้งรำคาญทั้งสงสารแก ปกติผมไม่ค่อยได้ยินเสียงแกแต่ครั้งนี้ไม่ใช่. ไม่มาแล้ว..ไม่มาแล้วจริงๆ แกบ่นไปตลอดทาง น้ำเสียงแหบพร่าสั่นเครือ ยายผินซึ่งเป็นยายแท้ๆของผมแต่ดูแข็งแรงกว่ายายเพ็ญมากต้องเข้ามาปลอบกอดประคอง อย่าคิดมากน่าพี่ ลืมเขาเสียเถอะ คิดถึงตัวเองซะบ้าง พี่น่ะร้องไห้มากี่ปีแล้ว คำปลอบของผู้น้องยิ่งทำให้ผู้พี่ซบหน้าลงกับอกผู้น้องร้องไห้ปานจะขาดใจ หลังจากปลูกต้นไม้เสร็จ ผมก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าวปลาแล้วก็ลงมานั่งรับลมที่ชิงช้าที่ตั้งที่ใต้หูกวาง เย็นมากแล้วแดดลำสุดท้ายเพิ่งจากไป ลมเย็นๆพัดผ่านหอบเอากลิ่นดอกลีลาวดีมาปะทะช่างหอมชื่นใจ แม่เดินมานั่งชิงช้าใกล้ๆผม ยายเพ็ญเป็นไงบ้างครับ ผมถามขึ้น ค่อยยังชั่วแล้ว ตอนนี้หลับอยู่ แม่ตอบ ดูลูกไม่ค่อยชอบยายเพ็ญ โธ่..แม่ ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่ชอบ หาว่าแกบ้า ดูแกเป็นตัวตลก แม่คิดดูนะพอแกเห็นใครขุดดินก็มานั่งดูแล้วก็ร้องไห้ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำกัน ที่จริงผมไม่ได้ไม่ชอบแกหรอก ผมแค่รำคาญ แม่ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มให้ผม....เป็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ที่ยิ้มให้เด็ก ลูกไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนั้น ลูกดูต้นไม้รอบๆบ้านเราซิ มันงามมากใช่ไหม ไม่มีเพลี้ยหนอน แล้วดูของชาวบ้านแถวนี้ ต้นไม่ค่อยงาม แถมแมลงก็เยอะ แม่ผมเปลี่ยนเรื่องคุย นั่นซิแม่ ทำไมเป็นแบบนี้ ผมอยากรู้มานานแล้ว เมื่อก่อนบ้านเราเป็นโคกสูงมีน้ำล้อมรอบ ผมมองตามมือแม่ บ้านเรายังเป็นโคกอยู่ แต่พื้นที่รอบๆโคกเป็นที่ราบเป็นทุ่งหญ้าโดยรอบ ก็หญ้านวลน้อยที่ผมปลูกไว้นั่นแหละ หลังจากผมรื้อหญ้าขนกับผักบุ้งรกๆออก ตอนหลังมีตะกอนดินทับถมมันก็ตื้นขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพื้นดินอย่างที่ลูกเห็น ตอนเป็นน้ำคงสวยมากใช่ไหมแม่ สวยมากๆ...ยายแกเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่ยังสาวๆ ที่รอบๆเป็นบึงกว้างน้ำใส ดอกบัวหลวงเต็มไปหมด แล้วไงต่อครับ ผมชักเริ่มสนใจ ตอนนั้น ยายผินอายุ 8 ขวบ ยายเพ็ญอายุ 9 ขวบ เย็นวันนั้นอากาศเริ่มโพล้เพล้...ฝนตกหนัก ยายเพ็ญออกไปรองน้ำฝนใส่ตุ่ม มองออกไปนอกบ้านเห็นคนหลายสิบคน เดินเข้ามาใต้ชายคาบ้าน...พวกเขาสูงไม่ถึงเอวของเรา ใส่เสื้อผ้าแปลกๆ..... ยายเพ็ญตกใจมาก.. ........................................................................................................................ พ่อๆ...มีใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้าน เพ็ญตะโกนเรียกพ่อเสียงหลง รู้แล้วๆ...ไหนใครมาวะ ชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่ใส่เสื้อ..นุ่งกางเกงเล..คาดผ้าขาวม้าเดินออกมาที่หน้าบ้าน สวัสดีครับพ่อครู ชายร่างเล็กท่าทางเป็นหัวหน้ายกมือไหว้ ทุกคนในกลุ่มยกมือไหว้ตาม อ้าว...ท่านแสนหล้า สวัสดีครับ 10 ปีนี่ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ...มาขึ้นเรือนกินน้ำกินท่ากันก่อน ชายเจ้าของบ้านกุลีกุจอรับไหว้ ขอบพระคุณท่านพ่อครูมาก พวกเราไม่อยากขัดน้ำใจท่านหรอกขอรับ แต่พวกกระผม ธุระมาก คงต้องรีบไปเก็บดอกบัวให้ทันงานบุญ เอ้า..ไม่เป็นไร งั้นก็เชิญตามสบายเลย ปีนี้บัวงามมาก อย่างนั้น พวกกระผมขอลาเลยขอรับ ท่านแสนหล้ากล่าวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน กลุ่มชายร่างเล็ก เดินฝ่าสายฝนลงไปในบึง ช่วยกันตัดดอกบัวหลวงใส่ตะกร้านับร้อยดอก สามคนพ่อลูกยืนดูอยู่ที่ระเบียงบ้าน พ่อจ๊ะพวกเขาเป็นใครกัน เด็กหญิงเพ็ญถามพ่อ ตอนอายุเท่าลูกพ่อก็ถามปู่ของลูกแบบนี้เหมือนกัน...ปู่ของปู่ของปู่ก็ถามเหมือนกันหมด มันเป็นเรื่องที่เล่ากันมาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว....มีเมืองหนึ่งอยู่ใต้ดิน ชื่อเมืองลับแล ฟังดูคุ้นๆใช่ไหม ตรงบ้านที่เราปลูกอยู่เป็นปากทางเข้าเมือง ผู้คนในเมืองนี้ตัวเล็กมาก เวลาเราต่างกัน 10 ปี หมายความว่า ถ้าของเราผ่านไป 10 ปี ของเขาจะผ่านไปแค่ปีเดียว อย่างท่านแสนหล้า ท่านอยู่มาตั้งแต่ต้นตระกูลเราแล้ว เขาแก่กว่าเราแล้วทำไมเขาไหว้พ่อ เด็กหญิงผินถามบ้าง เขาไหว้ทุกคนนั่นแหละ เพราะเขาถือว่าพวกเรามีบุญคุณกับเขา ใครที่มีบุญคุณด้วยเขาจะเรียกว่า พ่อครูหรือแม่ครูแล้วแต่ บุญคุณอะไรจ๊ะพ่อ เด็กหญิงเพ็ญถามอย่างสนใจ ดอกบัวนั่นไง เขาจะมาขอทุก 10 ปี คือทุกปีของเขาจะมีงานบุญไหว้พระ เป็นงานใหญ่ของเมืองต้องใช้ดอกบัวมาไหว้ แล้วดอกบัวนี่ก็จะบานตลอด 1 ปีของเขา จะไม่เหี่ยว จนกว่าจะครบรอบปี เขาเคยเล่าว่าดอกบัวเวลาอยู่ที่เมืองเขาจะมีกลิ่นหอม มีแสงเรืองๆเป็นรัศมี ทำให้บ้านเมืองเขาสงบร่มเย็น บ้านเขาปลูกบัวไม่ได้ต้องขึ้นมาเอาจากข้างบน พ่อเคยลงไปเที่ยวเมืองเขาไหมจ๊ะ เพ็ญถามขึ้นอย่างอยากรู้ ไม่เคย ไม่มีใครได้ลงไปหรอก รู้ว่าอยู่ใต้ดิน แต่ขุดลงไปยังไงก็ไม่เจอ ชาวลับแลตัดดอกบัวไปจนหมดสระ พวกเขาหันมายกมือไหว้สามพ่อลูกอีกครั้งแล้วเดินลับหายไปกับความมืด ที่เริ่มมาเยือน. ........................................................................................................................ พวกเขาตอบแทนเรา โดยช่วยให้ต้นไม้บ้านเรางาม ชั่วลูกชั่วหลาน แม่ผมชี้ให้ดูต้นไม้รอบๆบ้าน ตอนนั้นเราทำนา ทำสวน ขายข้าวขายผลไม้ได้ตลอดทั้งปี เรียกว่าเป็นผู้มีอันจะกินในย่านนี้เลยทีเดียว แล้วเกิดอะไรขึ้นครับแม่ ผมอยากรู้ว่านิทานเรื่องจะจบยังไง 9 ปีต่อมา ก็มีชายหนุ่มชื่อทิดมั่น ลูกชายโทนของเพื่อนพ่อครูที่เพิ่งเสียชีวิตไปย้ายเข้ามาอยู่ด้วย มาช่วยเกี่ยวข้าว และเก็บผลไม้ ช่วยไล่พวกหัวขโมย ที่ชอบแอบมาขโมยผลไม้ตอนกลางคืน ยายเพ็ญตอนนั้นเริ่มเป็นสาวแล้ว คอยหาข้าวหาปลาให้ทาน ความที่ใกล้ชิดก็เลยรักใคร่กัน กำลังจะแต่งงานกัน......จนกระทั่งวันหนึ่งวันนั้นเย็นมากแล้ว ฝนเริ่มตก.......ยายเพ็ญ นั่งรอทิดมั่นมากินข้าวเย็นอย่างกระวนกระวาย ........................................................................................................................ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ยังไม่ปรากฏเงาชายหนุ่ม สาวน้อยมายืนที่ชานหน้าบ้าน นังเพ็ญ...เข้ามากินข้าวกินปลาก่อน ไม่ต้องห่วงพ่อมั่นหรอก เดี๋ยวก็มา เข้าไปส่งของในเมืองนี่คงจะติดฝนเลยกลับมาช้าหน่อย ไม่เป็นไรจ๊ะพ่อ พ่อกินไปก่อนหนูยังไม่หิว สาวเพ็ญตอบพ่อ ตามใจเอ็ง..เดี๋ยวหิวก็มากินแล้วกัน ที่นอกบ้าน มีร่างเล็กๆหลายคนเดินฝ่าฝนเข้ามาในบ้าน พ่อจ๊ะ...ท่านแสนหล้ามาหา เพ็ญตะโกนบอกพ่อ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สาวน้อยมองดูกลุ่มชาวลับแลที่เก็บดอกบัวอยู่ในบึง ทันใดนั้นก็เห็นร่างหนึ่งวิ่งฝ่าน้ำตรงไปที่ชาวลับแล ไอ้พวกหัวขโมย ออกไปเดี๋ยวนี้ พี่มั่น...อย่า เพ็ญร้องตะโกนสุดเสียงแข่งกับเสียงฝน พ่อครูได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งลงไปในบึง....แต่ช้าไปแล้ว... ผัวะ! เสียงไม้กระทบร่างชายร่างเล็กคนหนึ่งล้มลง ก่อนที่พ่อครูจะคว้าข้อมือทิดมั่นไว้ได้ ที่ชานบ้าน....พ่อครูวางร่างแน่นิ่งของชาวลับแลลงบนแคร่ ทิดมั่นยืนอยู่ใกล้ๆอย่างสำนึกผิด กลุ่มชายลับแลตาแดงกล่ำอย่างโกรธแค้น แต่แค่ไม่ถึงครึ่งนาทีพวกเขาก็สงบลงเป็นปรกติ ท่านแสนหล้า ข้าต้องขอโทษท่านด้วย เจ้ามั่นมันไม่รู้ เพราะเรื่องของพวกท่านพวกเราเก็บเป็นความลับตลอดมา ท่านพ่อครู...พวกกระผมเข้าใจท่าน แต่พวกเรามีกฎ กฎอะไรครับท่านแสนหล้า พ่อครูถาม ถ้าใครทำให้คนหนึ่งคนใดเสียชีวิต จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้นั้นต้องรับใช้ครอบครัวผู้ตายเป็นเวลา 6 ปี หมายความว่า เจ้ามั่นต้องไป.... พ่อครูทำท่าตกใจ ใช่ขอรับ ท่านพ่อครู เขาต้องไปรับใช้ครอบครัวท่านแสนทิพย์ 6 ปีของเรา หรือ 60 ปีของท่าน ทิดมั่นทรุดลงกราบท่านพ่อครู เพ็ญถลาเข้าไปกอดพ่อ น้ำตาไหลพราก พ่อ..อย่าให้พี่มั่นไป พ่อช่วยพี่มั่นด้วย พ่อครูนิ่ง สาวน้อยยืนกอดพ่อ ร้องไห้ปานใจจะขาด มองดูคนรักถูกมัดมือเดินไปพร้อมชาวลับแล และร่างท่านแสนทิพย์ที่พวกเขาช่วยกันแบกค่อยๆหายไปในความมืดของรัตติกาล 1 ปีผ่านไป เย็นวันนั้นพ่อครูขุดหลุมใหญ่เพื่อปลูกมะม่วง มีอะไรบางอย่างไหวๆที่ก้นหลุม แล้วก็มีหัวคนโผล่ขึ้นมา พ่อครูตกใจมาก ทิดมั่น...ทิดมั่นนี่หว่า นังเพ็ญ....พ่อมั่นมา พ่อครูตะโกนเรียกลูกสาว ขณะที่มือพยายามดึงชายหนุ่มขึ้นจากหลุม ไม่ต้องหรอกคุณอา ผมขึ้นไปไม่ได้หรอก นี่ผมขอเขามาครู่เดียว พี่มั่น..ๆ พี่กลับมาแล้ว สาวเพ็ญวิ่งถลาลงมาจากบันไดบ้าน มานั่งที่ปากหลุม มองร่างชายหนุ่มเปื้อนดินที่โผล่ขึ้นมาได้ครึ่งตัว พี่มั่น..พี่มั่นจะไม่จากเพ็ญไปอีกแล้วใช่ไหม สาวน้อยสะอื้นถาม มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มอย่างแห้งแล้ง เพ็ญฟังพี่ให้ดีนะ อีก 59 ปีจากนี้ถ้ามีคนที่เป็นญาติหรือลูกหลานของเพ็ญขุดหลุมโดยคนขุดต้องไม่รู้เรื่องของเรามาก่อน วันนั้นพี่จะเป็นอิสระ........เพ็ญ.....พี่รู้ว่ามันนานมาก เพ็ญไม่ต้องรอพี่ก็ได้นะถ้าใครมาขอก็แต่งไปกับเขาได้เลย......หมดเวลาแล้วพี่ต้องไปล่ะนะ.... ร่างทิดมั่นค่อยๆจมหายไปในดิน ท่ามกลางความเสียใจของเพ็ญและพ่อครู เพ็ญ..ไม่เป็นไรนะ พ่อรู้ว่าเขาต้องกลับมา พ่อครูพยายามปลอบลูกสาวทั้งที่ในใจก็รู้ว่า 59 ปีมันนานเกินไป...อาจจะนานเกินอายุลูกสาวเขาก็ได้ เขาไม่อยากให้ลูกสาวจมปรักอยู่กับความทุกข์ชั่วชีวิต ........................................................................................................................ แม่ของผมเล่าเรื่องจบแล้ว ใครได้ฟังคงคิดว่าแม่ช่างแต่งเรื่องได้เก่งมาก แต่สำหรับผม.....ไม่... แล้วทำไมแม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง น้ำตาแม่เริ่มคลอเบ้า แม่คงสงสารยายเพ็ญมาก เพราะวันนี้ ครบ 59 ปีเต็ม....แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มปีที่ 60 ผมใจหายวูบ นึกถึงคำเพ้อของยายเพ็ญ ใช่เขาคงไม่มาแล้วจริงๆ ผมรู้สึกผิดมาก ที่เห็นแกเป็นคนบ้า ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะรอคอยคนรักได้นานขนาดนั้น.......ยายครับผมขอโทษ ผมเดินเข้าไปกราบเท้ายายเพ็ญที่หลับอยู่....มีคราบน้ำตาแห้งจับอยู่ทั้งสองแก้ม...............ยกโทษให้ผมด้วยครับผมไม่รู้จริงๆ ผมเดินออกมาเหมือนร่างไร้วิญญาณ ทรุดกายลงที่ใต้ลีลาวดีที่ผมปลูกไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน...ที่ที่ผมขุดหลุมแล้วเจอคนโผล่ออกมา ผมตกใจกระแทกเสียมใส่อย่างแรง ร่างเขาแน่นิ่งจมหายไปในดิน แล้วผมจึงปลูกต้นไม้ทับ ผมยังจำเลือดสดๆที่ทะลักขึ้นมาได้ สีมันแดงจัด...แดงเหมือนโคนกลีบดอกลีลาวดี กลายพันธุ์ต้นนี้
5 พฤษภาคม 2550 21:39 น. - comment id 96069
คุณเขียนเรื่องสั้นได้น่าอ่านมากครับ ลีลาสำนวนเนื้อความ บทจบ งามครับ ขอแสดงความนับถือ
10 พฤษภาคม 2550 13:59 น. - comment id 96112
เป็นเรื่องที่จบได้ดีมากคะ ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ น่าเศร้ามาก
4 มีนาคม 2553 11:52 น. - comment id 115460
จับแต่ละอักษรมาแต่งแต้มให้มีชีวิต ทั้งแปลกประหลาด ตื่นเต้น และการรอคอยของใครบางคน สุดยอดเลยค่ะ ขอคารวะ