ผมพาตัวเองเข้ามายืนในร้านหนังสือแห่งหนึ่งซึ่งนานๆครั้งจะเข้ามาสักที ชีวิตวันนี้เริ่มต้นด้วยการทำอะไรที่ต่างไปจากทุกๆวัน เริ่มจากแทนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟเย็น วันนี้ผมเริ่มต้นด้วยการสั่งนมเย็นแทน เล่นเอาพี่คนขายถึงกับส่งสายตาสงสัยกลับมา ก็แหมร้อยวันพันปีกินแต่กาแฟ จนเดินเข้าร้านเข้าร้านไม่ต้องสั่งถือเป็นอันรู้กัน หลังจากใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือนานพอสมควรสิ่งที่ผมได้แทนที่จะเป็นหนังสือดีๆสักเล่ม กลับเป็น ความประทับใจในร้านหนังสือแห่งนี้ เหตุผลที่อธิบายง่ายๆคือ ผมสังเกตได้ว่าแม้จะไม่ใช่ร้านที่ใหญ่โตเหมือนกับร้านประจำที่ผมมักจะไปนั่งจิบกาแฟพร้อมกับเลือกหนังสือสักเล่มมาอ่าน แต่การจัดร้าน และจัดหมวดหมู่ของหนังสือ ช่างดึงดูดใจลูกค้าเรื่องมากอย่างผมได้ดีจนบอกกับตัวเองว่าต่อไปร้านนี้จะเป็นร้านประจำที่จะเข้ามายืนอ่านหนังสือ(อิอิ ถูกใจก็จะซื้อจ้า) ออกจากร้านหนังสือเดินผ่านอาหารหลักที่กินอาทิตย์ละอย่างน้อย 4 วัน เป็นอะไรไปซะไม่ได้นอกจาก...ข้าวมันไก่ แต่แล้วก็เกิดอาการประหลาดขึ้นมาอีก ไหนๆวันนี้ก็ทำอะไรแปลกๆมาตลอดใช่ครับ...ผมเดินผ่านร้านข้าวมันไก่ไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ติดกัน อีกครั้งที่ถูกคนขายข้าวมันไก่มองมาด้วยสายตาอ้อนวอนปนสงสัยว่าวันนี้ทำไม่พี่ไม่อุดหนุนผม (เอาน่าน้องพี่ไม่กินวันเดียวร้านน้องคงไม่เจ๊งหรอก) หลังจากอิ่มอร่อยกับก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ใส่เนื้อสดเยอะๆ พี่เศษสุดๆ(คือพิเศษกว่าปกติน่ะครับ คงเข้าใจกันนะครับ) ที่สั่งคนขายไป ผมก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบแบงค์ใบละ 20 สองใบให้คนขาย แล้วก็พาตัวเองกลับมาที่รถ ทันใดนั้นเองเสียงๆหนึ่งดังมาจากสถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกลกันนัก เสียงประกาศเตือนผู้โดยสารที่อยู่ในชานชาลากลับกลายเป็นเสียงที่ดึงดูดผมให้พาตัวเองไปยังที่ๆไม่คุ้นเคยอีกครั้ง เหมือนกับโดนสะกดผมมาหยุดอยู่หน้าสถานีรถไฟพร้อมกับตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่กูทำอะไรวะเนี่ย ไม่มีคำตอบออกจากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ผมเดินต่อไปยังชานชาลาที่ผู้คนพากันมาออกันอยู่ บ้างก็มารอรับญาติ บ้างก็กำลังยืนรอญาติมารับด้วยท่าทางกระวนกระวาย ณ วินาทีนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นศูนย์กลางของจักรวาลที่สงบนิ่งท่ามกลางความเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่รอบๆตัว รถมอไซด์รับจ้างต่างพากันเชื้อเชิญผู้โดยสารให้ใช้บริการ ผู้คนต่างชนชั้น ต่างถานะ แต่มารวมตัวกัน ณ ที่เดียวกันเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายของตัวเอง แล้วผมล่ะมาทำอะไร? อีกครั้งแล้วสินะที่ไม่มีคำตอบออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ขณะที่กำลังยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบให้กับตัวเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ อีกครั้งหนึ่งที่เสียงใสๆของผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่กับผมในตอนที่ผมกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวปนสับสนในตัวเอง ผมหาที่นั่งคุยโทรศัพท์กับเธอในชานชาลานั่นเอง ขณะคุยผมสังเกตเห็นเด็กๆ พากันมาเล่นว่าวอยู่ไม่ไกลจากสถานีนัก เป็นสัญญาณเตือนว่าลมหนาวได้ใกล้เข้ามาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ...การสนทนาระหว่างผมกับหวานใจดำเนินไปเรื่อยๆ ผมอยากจะกระโดขึ้นรถไปหาเธอซะตอนนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ด้วยความเหมาะสมต่างๆนาๆ เมื่อถึงเวลาต้องกล่าวคำอำลาผมและยอดรักตัวเล็กๆคนเดิมและคนเดียว ยังคงไม่ลืมที่จะบอกรักกันและกันด้วยนิยามความรักของเราที่มีให้แก่กัน(อยากรู้ใช่มะ..ไม่บอก) หลังการสนทนาผมมีคำตอบให้กับทุกการกระทำของตัวเองว่า บางครั้งเราก็ควรออกจากบรรยากาศเดิมๆ หรือความจำเจของชีวิตบ้าง เพื่อสร้างมุมมองใหม่ๆให้กับตัวเอง ไม่แน่นะคุณอาจจะได้พบกับสิ่งที่คุณค้นหามาตลอดชีวิตก็ได้ ป.ล. ตั้งชื่อเรื่องว่า หนังสือ รถไฟ หวานใจ ข้าวโพดต้ม คงสงสัยใช่มั๊ยครับว่าเรื่องนี้มันไปเกี่ยวกับข้าวโพดต้มยังไง ก็ระหว่างเขียนเรื่องนี้ ท้องผมเพิ่งจะบรรจุข้าวโพดต้มแสนอร่อยเข้าไปไงล่ะครับ
11 พฤษภาคม 2550 13:40 น. - comment id 94568
30 เมษายน 2550 23:46 น. - comment id 96015
... อ่านแล้วแอบยิ้ม .....อ่านแล้วแอบอิจฉาคนที่มีหวานใจ อิอิ ........
2 พฤษภาคม 2550 12:07 น. - comment id 96043
เฉลยแล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับข้าวโพดต้มยังงัย...งั้นช่วยเฉลย ต่ออีกนิดจิ นิยาม (อยากรู้ใช่มะ..ไม่บอก)