::โศกพิรี้พิไรรำพัน:: ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ 6 เมษายน 2550 ( เผยแพร่ครั้งแรกในpraphansarn.com ในกระทู้ของวิวรรธน์ ) ฟ้ากำหนดให้จันทร์บัง มาเป็นคนเลี้ยงเป็ด เขาเช่าพื้นที่ริมหนองน้ำใหญ่ท้ายหมู่บ้านเพื่อเลี้ยงเป็ดแบบกึ่งปล่อยกึ่งขัง ทุกเช้าเขาจะขี่รถเครื่องคันเก่าต่อท้ายสองข้างเพื่อวางแผงไข่ออกขายไข่ตามหมู่บ้าน ไข่เป็ดของจันทร์บังขึ้นชื่อมากในเรื่องความใหญ่และไข่แดงเข้ม จันทร์บังไม่ใช่คนธรรมดาครับ เขาขยันชนิดหาตัวจับยาก ทำโน่นทำนี่สารพัด แต่ที่ผมนิยมเขาไม่ใช่ขนาดของไข่และอะไรที่เขาทำเปื้อนเหงื่อได้ทั้งวันนะครับ ผมนิยมโคลงของเขา ใช่แล้วครับโคลงสี่สุภาพนั่นแหละ จันทร์บังเขียนโคลงได้เป็นเล่ม ๆ ถ้อยคำเพราะพริ้งกินใจ ผมได้รู้จักความชำนาญเชิงโคลงของจันทร์บังในวันหนึ่งที่ไปซื้อไข่เพื่อให้ลูกชายเอาไปทำไข่เค็มที่โรงเรียน หนนั้นผมเหมาไข่เป็ดของจันทร์บังไป 30 ฟอง เขายิ้มแย้มดีใจและเอาสมุดจดโคลงมาให้ชม ปกติมือโคลงคนนี้ไม่เปิดเผยตัวเองต่อใครง่าย ๆ นอกจากจันทร์บังแล้วคงมีผมกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งมั้งครับที่รู้ว่าโคลงกูรูได้มาเกิดผิดที่อยู่ที่นี่ จันทร์บังบอกเคล็ดลับในการขุนเป็ดว่าต้องให้เปลือกหอยคลุกกับข้าวเปลือก ในนาข้าวของชาวบ้านรอบหนองน้ำมีหอยเชอรี่อยู่เต็มไปหมด หอยชนิดนี้ออกไข่แดงเถือกเห็นลานตาอยู่ตามกอข้าว คนปลูกข้าวถือว่าหอยเชอรี่คือศัตรูพืชหมายเลขสองรองจากปูนานะครับ สัตว์สองชนิดนี้ปราบอย่างไรก็ไม่หมด แต่เมื่อจันทร์บังมาอยู่ที่นี่ดูเหมือนหอยและปูบางตาลงไปมาก ด้วยหนุ่มใหญ่มือโคลงเก็บมาเลี้ยงเป็ดซะเกือบเกลี้ยง ถ้าปูกับหอยหมดนา บางทีจันทร์บังคงย้ายที่ไปเลี้ยงเป็ดในถิ่นใหม่ต่อไปอีก หญิงสาวคนที่ผมพูดถึงเป็นคนผิวขาวหน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมเข้าใจว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มาเก็บข้อมูลชุมชนเพื่องานวิจัยของอาจารย์ เธอไม่ได้สัมภาษณ์ผม เธอสัมภาษณ์จันทร์บัง ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอสัมภาษณ์ชาวบ้าน รวมทั้งตัวผมด้วยเรื่องรายได้และรายจ่ายในครัวเรือน พวกเธอมาอยู่ในหมู่บ้านหลายวัน โดยพักอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านกลางหมู่บ้าน มีใครได้เคยดูสมุดจดโคลงของจันทร์บังไหม ผมถามขณะหย่อนก้นลงม้านั่งยาวใกล้เพิงที่พักของเขา กลิ่นสาบของเป็ดโชยมารุนแรง หน้าผมคงเริ่มเหยเกให้คู่สนทนาเห็น เขาว่า กลิ่นแรงไปหน่อย ผมอยู่นี่จนชิน คุณคงไม่ชิน เออ ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งได้อ่าน เธอขอยืมไปถ่ายเอกสารด้วย อืม..ครับ..ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยู่กับกลิ่นเหมือนกัน คงชินกลิ่นวัวและขี้ของมันจนไม่รู้สึกอะไร แล้วน้องคนนั้นว่าอย่างไรบ้างครับ เธอเทียวพูดว่า วิเศษ วิเศษ อยู่เกือบตลอดเวลาที่เปิดอ่าน ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยมากอย่างนี้มาก่อน เวลาอ่านหนังสือมีเสน่ห์ เหมือนผู้หญิงในวรรณคดี ผมเห็นด้วยมากทีเดียวครับจันทร์บัง เห็นด้วยเรื่องหญิงสาวคนนั้นและคำว่าวิเศษของเธอ โคลงนี้ขึ้นสูงลงสูง เขียนได้ยาก อ่านได้ง่าย วิเศษจริง ๆ ครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก ตั้งแต่เป็นคนมา ผมไม่เคยได้รับคำชมจริงใจอย่างนี้จากใครเลย ส่วนมากคนมองผมอย่างเย้ยหยัน ทำนองอ้ายดำจอมงกอะไรทำนองนี้ ม่าย ๆ จันทร์บัง ไม่ใช่คนอย่างนั้น จันทร์บังเป็นคนจริงผู้สร้างตัว ผิดกับผมที่เหลาะแหละเหลวไหล จันทร์บังเชื่อไหม ผู้หญิงทุกวันนี้เขาเกลียดผู้ชายเหลาะแหละเหลวไหลนะ บางคนไม่ยอมแต่งงานเพราะกลัวจะถูกเกาะ คนอย่างจันทร์บัง ผมว่าผู้หญิงต้องชอบมากแน่ๆ มีทุกอย่างทั้งเงินและพลัง ฮ่า ๆ เข้าใจพูดนะ เดี๋ยวรออยู่นี่ ผมจะเอาน้ำในตู้เย็นมาให้กิน เมื่อจันทร์บังอ้อมเพิงไปที่ใต้ถุนบ้าน ที่อยู่ห่างไปซักสิบก้าว ผมก็ถือโอกาสสำรวจสมุดโคลงต่อ ผมจะอ่านให้ฟังซักบทนะครับ ๒๓๓ แรมรอนมาเหนื่อยแล้ว....เรียมเอ๋ย ยังโศก บ สร่างเลย............ชีพข้า วนเวียนหวั่นทรวงเหวย...ยังหวั่น อยู่นอ พอเถิดแนวโศกล้า.............ผ่อนเช้าโรยสาย ๚ ๒๓๔ .... เสียงเจ้าของฟาร์มเป็ดเดินแกรก ๆ มาแล้วครับ ผมหันไปทางนั้น เจ้าของเสียงเดินลากเท้าถือแก้วน้ำสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งมา 2 เขายื่นให้ผมหนึ่ง ได้แล้วครับ น้ำเย็น แม้ผมจะอยู่ดูสกปรก แต่น้ำดื่มและของกินของผมมาจากห้างนะ ครับผม ขอบคุณครับ เขาดื่มน้ำให้ดู ทำให้ผมต้องดื่มตาม เพื่อแสดงว่าผมเชื่อในความสะอาดของน้ำแก้วพลาสติกสำเร็จรูปตามที่เขาพูด เป็นไงคุณชอบไหม น้ำนี่หรือโคลงครับ ฮ่า ๆ โคลงสิ ชอบมาก ผมไม่แปลกใจเลยที่น้องคนนั้นขอไปถ่ายเอกสาร แต่ว่าจันทร์บังไม่หวงหรือถ้าเขาเอาไปพิมพ์ขาย ผมจ้องหน้าและปิดสมุดโคลงแต่ยังถือไว้ ถ้าน้องเขาเอาไปพิมพ์ ผมยินดี แต่ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ให้ ผมอยู่คุยกับจันทร์บังเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์กลอน หลายนาทีจนแฟนโทรตาม จึงลาจากโคลงกูรูออกมา เจ้าของฟาร์มแถมไข่ให้อีกหลายฟองโดยบอกว่าสนับสนุนการศึกษาการทำไข่เค็มของลูกชายของผม หลังจากวันนั้นแล้วผมไม่ได้ไปอ่านโคลงของจันทร์บังอีก เพราะมีธุระเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อติดต่อเรื่องการเรียน ไม่อยากเชื่อสายตาเลยครับ ผมได้เห็นจันทร์บังนั่งเหมือนรอใครอยู่ที่ซุ้มกิจกรรมของนักศึกษา ใกล้อาคารสโมสรนักศึกษา ผมนึกภาพนิยายขึ้นในใจ แต่มันเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้นเองว่า จันทร์บังอาจจะมีใจปฏิพัทธ์กับน้องนักศึกษาคนนั้น แล้วตามเธอมาเพื่อพูดคุยเรื่องพิมพ์หนังสือคำโคลงของตนเอง เมื่อติดต่อเรื่องการเรียนจนแล้วเสร็จกลับออกมาจากสำนักงานอธิการบดี ผมก็ยังเห็นจันทร์บังนั่งอยู่ที่เดิม ผมเดินเข้าไปทักตามประสาคนที่เคยรู้จักกัน ฝ่ายนั้นมีท่าทีอาย ๆ ครับ เมื่อจับท่าทีของเขาได้ว่าไม่ต้องการเปิดเผยตัวผมก็ขอตัวลาจากมา เพื่อนของแฟนผมที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยเล่าให้ฟังว่าคนเลี้ยงเป็ดคนนั้นแวะเข้าไปที่ตึกอาคารสโมสรนักศึกษาบ่อย ๆ แรก ๆ ก็มีคนมาพูดคุยด้วยหลายคน หลัง ๆ มา ไม่มีใครมาพูดคุยด้วยเลย ได้ยินเรื่องเท่านั้นผมก็ปะติดปะต่อนิยายของผมจนจบเรื่อง และแวะไปพิสูจน์สมมติฐานของตัวเองอีกครั้งว่าจริงหรือไม่จริง การกลับไปที่ฟาร์มเป็ดของกูรูโคลงหนหลังนี้ผมต้องนั่งจิบวิสกี้ข้าวเหนียวแนมโคลงอยู่เป็นเพื่อนของจันทร์บังอยู่นับช่วงโมง และได้รู้ว่าจันทร์บังหลงรักน้องนักศึกษาสาวคนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ แต่เธอไม่ได้สนใจจันทร์บังจริง ๆ หรอก นั่นแลผมจึงได้มีโอกาสฟังโคลงสดของจันทร์บัง ในบทที่ชื่อว่า โศกพิรี้พิไรรำพัน เสียดายที่ไม่ได้เอาเครื่องบันทึกเสียงจิ๋วไปด้วย ไม่งั้นผมต้องได้หนังสือหนึ่งเล่มส่งประกวดรางวัลเซเว่น บุ๊ค อวอร์ดปีนี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นไม่นานนักจันทร์บังก็ได้ย้ายถิ่นไปตั้งฟาร์มที่หนองน้ำแห่งใหม่ ก่อนไปเขาบริจาคเงินให้หมู่บ้าน 100,000 บาท เป็นกองทุนหมุนเวียน โดยขอให้ตั้งชื่อหนองน้ำที่เคยเป็นฟาร์มของเขาว่า หนองพิริ้พิไร โชคดีในความรักนะครับจันทร์บัง
7 เมษายน 2550 01:37 น. - comment id 95607
หากชื่อตัวละครและเรื่องราวไปพ้องกับชีวิตของท่านผู้ใดก็ตาม ต้องขออภัยด้วยครับ
8 เมษายน 2550 10:57 น. - comment id 95616
เคยถามปู่ลิง (จอมยุทธเมรัย) ว่า .. ทำไมต้องรอให้เมาก่อน แล้วอารมณ์กลอนจึงจะบรรเจิด ปู่ลิงตอบว่า .. นั่นสิ คงเหมือนโกวเล้งมั๊ง ที่เวลาร่ำเมรัยแล้ว ความรู้สึกที่ถูกเก็กกักไว้ มันจะพรั่งพรูออกมา เคยถามลุงราม (ราม ลิขิต) ว่า .. ลุงนี่ .. ไม่เมา ไม่โทรหานะ โทรมาแต่ละที อัลมิตราหาปากกากระดาษแทบไม่ทัน ลุงรามตอบว่า .. นั่นสิ แต่อย่าเพิ่งเอาคำตอบ ตอนนี้รีบจดก่อน ปูเหลียวลืม ลุงอ่ำก็เหมือนกัน ถ้าไม่ได้จิบวิสกี้สักหน่อย ก็ร่ายโคลงไม่ออก ยังมีอีกนะ หลายตัวอย่าง บางคนถึงจะถูกปรามเรื่องบุหรี่ แต่ก็อุตส่าห์เอาบุหรี่มาทัดหูสักหน่อย แล้วจึงเขียนได้ เออ หนอ .. มีอะไรแปลก ๆ อีกแยะ ไอ้ที่ว่าแปลก ๆ นั้น คือ กุญแจทั้งนั้น กุญแจไขปริศนาในหัวใจ คุณก่อพงษ์อยู่ในสภาวะการณ์ใดบ้างคะ ตอนเขียน สำหรับอัลมิตรานะ .. ไม่แน่นอนเลย บางครั้ง ช่วงที่รอให้ program complete .. มันพอมีเวลา เขียนได้หน่อย สักวรรค สักบท .. บางทีนั่งทานข้าวที่โต๊ะทำงาน ก็อ่านบ้าง เขียนบ้าง เวลาไปต่างจังหวัด ว่าจะเขียนในตอนท่องเที่ยว แต่ในที่สุด ก็ไม่ได้เขียนในตอนนั้นหรอกค่ะ ส่วนใหญ่แล้ว กลับมาก่อน แล้วค่อยเขียน ราวกับว่า ในช่วงที่สัมผัสอารมณ์นั้น ๆ อัลมิตราไม่อยากแบ่งจิตทำอย่างอื่น กลับมา แล้วค่อยรื้อฟื้นความคิด ทบทวนความหลัง มีความสุขดี นะคะ
8 เมษายน 2550 14:03 น. - comment id 95618
สวัสดีครับคุณอัลมิตรา ผมฝึกที่จะเขียนให้ได้วันละเรื่อง อยากเป็นมืออาชีพ ศึกษาค้นคว้าทั้งอ่าน ทั้งฟัง และสังเกตชีวิตผู้คนเพื่อนำมาก่อผลึกใหม่แล้วเขียน เวลานี้ผมคิดว่าไม่ต้องรออารมณ์ถึง เพียงรอเวลาที่สงบและเย็นก็เขียนได้ แต่จะได้สาระอะไรหรือไม่ ผมยังไม่เข้มงวดกับตัวเองอย่างนั้น มีช่วงเวลาที่ผมจะเข้มงวดกับงานมากขึ้นคือ เมื่อได้ปล่อยให้เรื่องที่เขียนหมักตัวอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อจะทำเป็นเล่มหรือคัดออกมาเพื่อทำเป็นเล่ม ผมจึงอ่านใหม่ แก้ใหม่ แก้ไม่ได้ หรือแก้ได้ไม่ดีก็ตัดทิ้งไป วิธีการแบบนี้ หลายคนอาจว่า สูญเสียเวลาและแรงงาน แต่ผมรู้สึกทนไม่ได้ที่จะไม่เขียนอะไรบ้าง เวลาที่ผมเข้ามาอ่านงานของหลายท่านในthaipoem.com ผมได้แรงฮึดที่จะเขียนให้ดีขึ้นเสมอ หลังจากเขียนจบลงมีความรู้สึกอิ่มเอม คล้ายตอนที่เพิ่งออกจากสมาธิใหม่ ๆ สงบเย็น โล่งโปร่ง สบาย งานเขียนของผม เป็นงานที่เขียนหลังเหตุการณ์ทั้งนั้นนะครับ บางชิ้นใช้เวลาหลังเหตุการณ์ไม่นาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะมันกระทบความรู้สึกหรืออารมณ์มาก แต่บางชิ้นก็ต้องรอให่เวลาผ่านไปเป็นปี เป็นหลายปี จึงอยากเขียนถึง โศกพิริ้พิไรรำพัน ก็ค้างอยู่ในความนึกคิด ร่วมสิบกว่าปี ร้อยกรองนี่เป็นอันที่ต่างออกไป ขอแต่กำหนดหัวข้อ ผมเขียนได้เลย อาจช้า อาจเร็ว แต่ทำได้ไวกว่าเรื่องสั้นมาก ๆ ครับ วันนี้ผมเข้ามาทำธุระในเมือง รอแฟนซื้อของผมก็เข้ามาในร้านเน็ต อีกหน่อยก็คงกลับแล้วครับ
12 เมษายน 2550 14:48 น. - comment id 95654
ในส่วนของฉัน ออกจะชอบเรื่องสั้นมากกว่า ด้วยเพราะว่า ไม่สามารถพอที่จะจำกัดความให้ได้ในไม่กี่ประโยค จึงหนักหนาหากคิดจะเขียนสักบท แต่ถ้าเรื่องสั้นแล้วล่ะก็ ง่ายกว่า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสั้นตามมาตรฐานหรอกนะคะ เป็นแต่บึนทึก หรืออาจเรียกว่าความทรงจำที่เป็นตัวหนังสือก็ได้ ขอคารวะบุคคลทุกผู้ที่สามารถเขียนเรื่องราวให้จำกัดได้เพียงไม่กี่บรรทัดค่ะ นับถือๆ
12 เมษายน 2550 16:04 น. - comment id 95655
สวัสดีครับคุณผู้หญิงสีรุ้ง ร้อยกรองบังคับผู้เขียนด้วยแบบ หรือฉันทลักษณ์ ผมได้ยินนักกรองถ้อยคำพูดกันว่า เมื่อฝึกถึงที่สุดแล้ว ฉันทลักษณ์ก็เหมือนลมหายใจที่แยกไม่ออกจากชีวิต เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นจังหวะที่เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ผมก็คารวะท่านเหล่านั้นด้วย ผมอ่านงานของนักเขียนด้วยความเคารพนับถือในภูมิปัญญาและการสร้างสรรค์เสมอ เรื่องสั้นเป็นงานที่ผมชอบอีกงานหนึ่ง ก็เป็นแบบของผมนั่นแหละครับ อาจไม่ใช่เรื่องสั้นตามนิยามสากล ผมเขียนเรื่องสั้นที่สั้นมาก ๆ ไม่กี่บรรทัดก็มี อย่างเช่นเรื่อง เจี๊ยบ ขอบคุณที่เข้ามาพูดคุยด้วยนะครับ สวัสดีครับผม
15 เมษายน 2550 19:10 น. - comment id 95673
สวัสดีค่ะ คือว่า เพิ่งเข้ามาอ่าน search เจอ เป็นคนชอบอ่านเรื่องสั้น (แหะๆ เข้เกียจอ่านเรื่องยาวๆ ) เป็นกำลังใจให้นะค่ะ อ่านแล้วนึกถึงบรรยากาศได้เลย คืออ่านปายก้อจินตนาการบรรยากาศ ณ ตอนนั้นได้เลย ไว้ถ้ามีโอกาสจะแวะมาอ่านบ่อยๆ เน้อ สู้ๆ งับ
16 เมษายน 2550 15:56 น. - comment id 95679
ขอบคุณคุณหญิงแปลกหน้าครับผม ยินดีที่ได้ทักทายกันครับ