ผู้ชายในสายลม (2)
โนริโกะ
แพร เดี๋ยวจะกลับบ้านแวะรับผมที่หอพักหน่อยนะ รถผมเสีย
อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวจะไปรับนะ
วันนี้บริษัทนัดพนักงานไปซ้อมร้องเพลงเชียร์กีฬาสี ที่จะมีขึ้นอาทิตย์หน้า จึงให้พนักงานไปซ้อมร้องเพลงเชียร์ที่โรงยิม ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
พี่จ๋า เดี๋ยวแวะรับภานุที่หอพักหน่อยนะคะ ปกติฉันกับพี่จ๋าจะขับรถจักรยานยนต์คนละคันกลับบ้านพร้อมกันเสมอ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าฝนจะตกด้วย เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
เมื่อฉันกับพี่จ๋าไปถึงทางเข้าหอพัก และต้องข้ามถนนเข้าไป พี่จ๋าพูดกับฉันว่า
แพร ภานุจะไปกับแพรเหรอ ฝนจะตกแล้วด้วย และรถยนต์ของน้องนัทก็จอดอยู่ เขาอาจจะนั่งรถยนต์ไปกับน้องนัทก็ได้นะแพร
แต่เขาบอกให้แพรมารับนะคะ ยังไงขอแพรเข้าไปถามเขาก่อนนะ พี่จ๋ารอแพรอยู่ตรงนี้ก่อนนะ
เมื่อฉันขับรถจักรยานยนต์ข้ามถนนมาถึงหน้าห้องพักของภานุ
ภานุ จะไปกันหรือยัง
เอ่อ ฝนจะตกแล้วผมกลัวจะเปียกฝนเดี๋ยวจะไม่สบาย
แล้วจะไปหรือเปล่า ขณะนั้นฝนเริ่มตกแล้ว และดูเหมือนว่าจะแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันรอการตัดสินใจของภานุสักพักเมื่อหันไปมองพี่จ๋า พี่จ๋าก็ขับรถจักรยานยนต์ไปก่อนแล้วเพราะฝนเริ่มตกหนัก
ถ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะ งั้นแพรไปก่อนนะเพราะพี่จ๋าเขาไปแล้ว ขณะนั้นในใจเริ่มรู้สึกน้อยใจ
เมื่อฉันและพี่จ๋ามาติดไฟแดงพร้อมกัน พี่จ๋าถามฉันว่า
ภานุ ไม่มาเหรอ
เขาไม่มาคะ เขากลัวเปียกฝน
พี่ก็ว่างั้นแหละ เขาสำอางจะตาย เมื่อฉันกลับพี่จ๋าใกล้จะถึงโรงยิมแล้ว รถยนต์ของน้องนัทก็ขับแซงหน้ารถของฉันไปพร้อมกับบีบแตรให้ ขณะนั้นฉันกับพี่จ๋าเปียกปอนไปทั้งตัวแล้ว มองทางแทบไม่เห็น แต่ไม่เป็นไร เพราะบ้านของฉันอยู่ก่อนถึงโรงยิม ฉันจึงแวะเข้าบ้านก่อน
ขณะนั้นฉันกำลังตัดสินใจว่าจะไปซ้อมเชียร์ดีไหม หรือไม่ไปดีเพราะในใจฉันคิดถึงแต่เรื่องที่ผ่านมา จึงตัดสินใจโทรไปหาพี่จ๋า
ฮัลโหล พี่จ๋า มีคนมาซ้อมเชียร์เยอะไหมคะ
ก็เยอะเหมือนกัน แพรมาสิ ภานุเขาก็มานะ เขามากับน้องนัท ฝนเริ่มหยุดแล้ว รีบมานะ
ฉันมีความรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี ใจหนึ่งก็อยากจะไปเห็นหน้าเขา อีกใจก็รู้สึกน้อยใจจนไม่อยากจะพบหน้าเขาอีก นี่หรือคนที่เขาบอกว่ารักเรา แค่เปียกฝนเขายังไม่ยอมเปียกฝนกับเราเลย หากเขาห่วงเราสักนิด เขาคงจะขับรถจักรยานยนต์ให้เรานั่งแล้วเพราะขับรถขณะที่ฝนตกนั้นมันอันตรายเหมือนกันนะ...
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจมาซ้อมเชียร์ เมื่อมาถึงก็นั่งใกล้กับพี่จ๋า และเพื่อนคนอื่น ๆ ภานุหันมามองฉัน
และฉันก็มองกลับอย่างเฉยเมย ระหว่างซ้อมฉันกับภานุไม่คุยกันเลย จนกระทั่งซ้อมเชียร์เสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ภานุเดินมาหาฉัน และชวนฉันไปกินข้าวเย็นด้วยกัน
แพร ไปกินข้าวกันไหม เมื่อเขาเข้ามาพูดดี ๆ กับฉัน ฉันก็ตอบกลับไปดี ๆ และพยายามไม่เอาเรื่องที่ผ่านมามาคิดมาก
แล้วไม่กลับ หอพักเหรอ
ไม่กลับ วันนี้จะค้างกับเพื่อนแถวนี้แหละ ไปกินข้าวด้วยกันนะ เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลย
แล้วไหนบอกว่า จะไม่มาไง ถึงยังไงฉันก็อดถามไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่รื้อฟื้นแล้วนะ
ใครบอกว่าจะไม่มา ก็กำลังคิดอยู่ แพรก็รีบออกมาเลย นี่ถ้าไม่ได้น้องนัทนะ คงไม่ได้มาเจอแพรหรอก ฟังแล้วเหมือนคำแก้ตัว และเหมือนฉันเป็นคนผิดที่ใจร้อนไม่ยอมรอคำตอบจากเขา ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจที่จะลืมเรื่องราวเหล่านี้ทิ้งไปซะ เพราะมันจะทำให้ฉันกับภานุทะเลาะกันและไม่สบายใจกันไปเปล่า ๆ
เรื่องราวระหว่างฉันกับภานุก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม คือในที่ทำงานเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็ยังโทรคุยกันทุกวัน วันไหนที่ภานุจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ตอนเย็นเขาจะโทรมาบอกว่า
คืนนี้ผมจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ นะ
เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก เพิ่งหายไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้เมื่อภานุไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ทีไรเขาจะไม่สบายทุกที เขาบอกว่าปฏิเสธเพื่อนไม่ค่อยได้ และก็ไม่ได้ไปบ่อย ๆ นาน ๆ เพื่อนจะชวนสักที
กลับดึกไหม
ไมรู้เหมือนกัน
กลับเมื่อไร โทรบอกด้วยนะเป็นห่วงนะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าการกระทำของฉันนั้น เป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขามากไปหรือเปล่าแต่ขณะนั้น ไม่ได้คิดอะไร
ได้ แล้วผมจะโทรหานะ
ภานุ ก็ปฏิบัติอย่างนี้ตลอดจะโทรบอกเมื่อจะไปเที่ยว หรือเวลากลับก็จะโทรหา ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนฉันก็นอนรอโทรศัพท์ บางครั้งก็หลับไปแล้วก็ยังตื่นมารับโทรศัพท์ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งภานุบอกว่าจะโทรบอก ว่ากลับเมื่อไหร่ แล้วเขาก็ไม่โทรบอก ซึ่งทำให้ฉันโมโห เมื่อเจอกันที่ทำงานตอนเช้าฉันจึงทำบึ้งตึงใส่เขา และเขาก็รู้ตัวนะ เขาก็ไม่เข้ามาวุ่นวายกับฉันเลยตลอดทั้งวัน... (โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)