วิถีละอ่อนเมือง...(เด็กหญิงผู้มีความสุข)
ถนปายี
ตั้งแต่อินท์เหลาเกิดมา บัวลาก็นึกน้อยใจอยู่หลายหน เพราะใครๆ ก็ดูจะเห่ออินท์เหลาเสียจริง คงจะเพราะอินท์เหลา เป็นเด็กชายตัวขาวจั๊วะ เนื้อแน่น แก้มอวบๆ นั้น ดูจะเป็นสีชมพูอยู่ตลอดเวลา ทั้งปู่และย่า ก็คอยเอาใจเสียจริง ตอนอินท์เหลา เริ่มเดินเตาะแตะนั้น อินท์เหลาก็เริ่มแย่งบัวลาเล่นสิกก้องก๋อกับพ่อ เสียแล้ว
ตอนบัวลายังเล็กอยู่ เวลาจะเข้านอน ก่อนที่แม่จะกางมุ้งนั้น พ่อมักจะให้บัวลาเล่น สิกก้องก๋อ กับพ่อทุกคืน พ่อจะนอนหงาย แล้วยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วแม่จะจับบัวลาไปนั่งตรงปลายเท้าพ่อ พ่อก็จะโยกปลายเท้าขึ้นลงๆ ตัวบัวลาก็เหมือนจะลอยอยู่ใน อากาศได้อย่างนั้นแหละ บางครั้งพ่อยกตัวบัวลาขึ้นสูงไปหน่อย บัวลากลัวตกก็กอดขาพ่อเสียแน่น พ่อจะร้องเพลงตามไปด้วยว่า
"สิกก้องก๋อ บ่าหลอก้องแก้ง บ่าแคว้งสุก ปลาดุกเน่า หัวเข่าป๋ม หัวนมปิ้ว ปิ๊ดจะหลิ้ว ตกน้ำแม่กวง จะลงตังใด จะลงตังนี้ ตกโต้ม!"
พอถึงคำว่า โต้ม แค่นั้นแหละ พ่อก็จะแกล้งเอียงไปทางซ้ายไม่ก็ทางขวา ให้บัวลาตกลงบนฟูก แล้วพ่อก็หัวเราะเสียงดัง บัวลาก็หัวเราะชอบใจด้วยความตื่นเต้น แหมก็ตอนที่พ่อเอียงตัวจะให้บัวลาตกลงมาน่ะ มันยังกะเรือบินร่อนแน่ะ บัวลาก็คิดไปยังงั้นเองแหละ เกิดมายังไม่เคยเห็นเครื่องบินเลย จะเห็นก็แต่ในทีวีที่ไปดูกันหน้าร้านเจ๊กเฮงในตลาดแค่นั้นเอง
บางทีพี่แก้วเมืองก็อยากจะเล่นด้วย ตอนนั้นพี่แก้วเมืองอายุสัก 8-9 ขวบก็เท่าๆ กับบัวลาในตอนนี้แหละ แต่พี่แก้วเมือง ตัวโตมาก พ่อบอกว่าถ้าให้พี่แก้วเมืองเล่นสิกก้องก๋อด้วยสงสัยหลังพ่อจะหัก แม่บอกว่าพี่แก้วเมืองน่ะเหมาะจะเป็นช้าง ให้บัวลาขี่ มากกว่า เพราะพี่แก้วเมืองตัวโต แข็งแรง ไม่รู้ว่าแม่จะพูดถูกใจพี่แก้วเมืองหรือยังไง พี่แก้วเมืองถึงได้ยิ้มแก้มแทบปริ แล้วก็ยอม ให้บัวลาเล่นขี่หลังช้างอย่างเต็มใจ ไม่บ่นสักแอะ
เวลาช้างเดินมันจะเดินโคลงเคลง พี่แก้วเมืองทำเสียง โหน่งเน้งๆ ไปด้วย พี่แก้วเมืองเคยเห็นช้างจริงๆ หลายหน เพราะ ชอบเข้าป่าไปกับปู่ พี่แก้วเมืองเล่าว่าในป่าลึกๆโน่น เขาตัดไม้กัน มีช้างไปลากไม้ อยู่หลายตัว บัวลาฟังแล้วแทบเนื้อเต้นเพราะ ไม่เคยเห็นช้างจริงๆ เลยตั้งแต่เกิดมา เลยได้แต่ขี่ช้างแก้วเมืองอยู่อย่างนี้
แต่พออินท์เหลาเกิดมา ดูเหมือนใครๆ ก็จะแห่ไปสนใจน้องใหม่กันเสียหมด บัวลาเลยต้องตกกระป๋องไปชั่วคราว พอจะเล่น สิกก้องก๋อ พ่อก็บอกว่าให้อินท์เหลาเล่นก่อน บัวลาเป็นพี่ ต้องเสียสละให้น้อง บัวลาไม่เห็นอยากจะเป็นพี่เลยนี่นา แม้ว่าอินท์เหลา จะน่ารักยังไงก็เหอะ เล่นมาแย่งพ่อกับแม่ของบัวลา ไปครองเสียคนเดียว อย่างนี้ยอมไม่ได้
บัวลานึกน้อยใจอย่างนั้นอยู่หลายปี แต่พออินท์เหลาเริ่มโตพูดจารู้เรื่องแล้ว ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ก็จะมีเวลาให้บัวลามากขึ้น เหมือนเดิม ตกเย็นพอกินข้าวกินปลาเสร็จ แม่จะชวนทุกคนไปนั่งเล่นที่ชานไม้กว้างนอกหลังคาบ้าน บางทีแม่ก็จะมีนิทานมาเล่า ให้ลูกๆ ฟังเหมือนกัน
แม่ชี้ให้ดูดาวลูกไก่เจ็ดดวงบนฟ้า แล้วเล่าว่า ครั้งหนึ่งตากับยายยากจนมาก มีแม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ เพิ่งฟักไข่ มีลูกไก่อยู่ 6 ตัว ตายายได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จมาแถวบ้าน ตายายไม่รู้จะถวายอะไรดีเลยปรึกษากันว่าจะฆ่าแม่ไก่เพื่อทำอาหารถวาย พระพุทธเจ้า แม่ไก่ได้ยินก็ตกใจ เรียกลูกๆ มาหาแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเอาแม่ไปฆ่าแล้ว คืนนี้แม่จะได้อยู่กับลูกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้ลูกๆ รักและสามัคคีกัน อย่าทะเลาะกัน ลูกไก่ก็ร้องไห้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าตายายมาเอาแม่ไก่ไปฆ่าโยนเข้ากองไฟ ลูกไก่ทั้งหกตัว ก็กระโดดเข้ากองไฟตายตามแม่ ด้วยความรักแม่ถึงกับยอมอุทิศชีวิตตัวเองจึงทำให้ลูกไก่และแม่ไก่ได้ไปเกิดเป็นดาว อยู่บนฟ้าด้วย กันเจ็ดดวง
บัวลาฟังแม่เล่าแล้วก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ถ้าใครมาเอาแม่ของบัวลาไปฆ่าแล้ว บัวลาจะอยู่ได้ยังไงนะ โอ้ยไม่เอาๆ บัวลาไม่คิด อะไรอย่างนี้อีกแล้ว เดี๋ยวบัวลาจะร้องไห้ ฟังแม่เล่านิทานอีกหลายเรื่องดีกว่า แม่มีนิทานมาเล่าเยอะแยะ ทั้งเรื่องจั๋นต๊ะฆาปูจี่ เต่าน้อยอองคำ หมาขนคำ บัวลาฟังแม่เล่านิทานไป ตาก็จ้องดูดาวที่กระพริบอยู่เต็มฟ้า แต่พอฟังไปฟังมา ดาวบนฟ้าก็ชักพร่ามัว แล้วก็ม่อยหลับไปตั้งแต่ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พ่ออุ้มบัวลาแล้วจูงพี่แก้วเมืองเดินเข้าไปนอน ส่วนแม่อุ้มอินท์เหลาที่หลับไปก่อนบัวลาตั้งนานแล้ว พ่อจัดแจงให้บัวลานอน ตรงกลางกับอินท์เหลา แล้วพ่อกับแม่นอนขนาบคนละข้าง ส่วนพี่แก้วเมือง พ่อมีฟูกกับมุ้งให้นอนอยู่ใกล้ๆ กัน
เสียงสวดมนต์ของพ่อกับแม่ดังพึมพำสักครู่ก็เงียบลง บ้านทั้งหลังก็เงียบกริบ นานๆ ที จะได้ยินเสียงพ่อกรนดังมาแว่วๆ ส่วนบัวลานั้นหรือฝันว่าได้เข้าไปช่วยลูกไก่กับแม่ไก่ไม่ให้ถูกฆ่าตายเป็นอาหาร แล้วก็กระโดดไปช่วยจั๋นต๊ะฆาจี่ปูตัวน้อยสีเหลือง ในฝันนั้นบัวลารู้สึกว่าได้กลิ่นหอมของปูจี่ติดจมูกเลย ทีเดียว บัวลาคดข้าวมาจากไหนไม่รู้ แบ่งให้จั๋นต๊ะฆาจิ้มกินกับเนื้อปูที่ย่าง มาหอมๆ ชวนให้น้ำลายสอ
บัวลานอนหลับตายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นนมจากตัวอินท์เหลาที่โชยมา เข้าจมูกก็ช่างหอมชื่นใจ เฮ้อ.ทำไมบัวลาถึงเป็น เด็กหญิงที่มีความสุขได้มากขนาดนี้นะ.