::ชีหลงและความหลัง:: ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ 29 มกราคม 2550 ผมเริ่มงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทในปีที่ 2 หลังเรียนจบระดับอุดมศึกษา ก่อนหน้านั้นทำงานมา สารพัด อาทิเป็นเซลล์แมนกิ๊กก๊อกในบริษัทค้าสินค้าอุปโภคบริ โภคขนาดยักษ์ เป็นเด็กเรียงพิมพ์ต๊อกต๋อยใน โรงพิมพ์ขนาดใหญ่ เป็นครูรับจ้างสอนในโรงเรียนเอกชนมีชื่อและอื่น ๆ อีกมาก เป้าหมายช่วงนั้นไม่ใช่เงินแต่เป็นประสบการณ์ที่จะเก็บ ไว้ใช้ในฐานะนักประพันธ์-แหม พูดแล้วรู้สึกเท่ห์ขึ้นมาทันที ! ช่วงที่ทำงานใหม่ ๆ ผมเขียนเรื่องได้หลายเล่มสมุดบันทึกขนาดพ๊อกเก็ตบุ๊ค เมื่อย้ายงานก็ขนไปไหนต่อไหนด้วยและไม่เคยมีเล่มไหนตก เรี่ยหรือหล่นเสียอย่างความทรงจำบางอย่างที่เจ้าของ จงใจลืม ก็จะทำหล่นไปได้อย่างไรในเมื่อแต่ละเล่มคือบันทึกที่แม้แต่งเติมบ้างก็ไม่ห่างไปจากเค้าและโครงของชีวิตและความคิดฝันจริง ๆ ของเจ้าของเส้นปากกา และเหนือกว่านั้นทั้งหมดก็คือ คนพิเศษบางคนได้อ่านมัน ทั้งยังเขียนข้อสังเกตบางอย่างไว้ให้ด้วย ทำไมหนอผมจึงเวียนกลับไปคิดถึงชีหลงและ ความหลังบ่อยครั้งเหลือเกินในช่วงหลัง ๆ มานี้ น้ำชีส่วนที่สำนักงานของเราตั้งอยู่นี้ได้ชื่อชีหลงตามสภาพภูมิทัศน์ของถิ่นที่ทางน้ำปัจจุบันได้เปลี่ยน เส้นทางไปแล้ว เมื่อคราวเดินทางมาที่นี่หนแรกผมเตลิดหลงไปเสียไกล เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองดูแผนที่ไม่ผิด พื้นที่ทำงาน- คอนเซ็ปขององค์กรและแผนที่ที่ตั้งสำนักงานผมได้มา จากประกาศรับสมัครงานที่พรรคพวกส่งไปให้ตอนทำ งานอยู่ในกรุงเทพฯ ผมได้งานใหม่พร้อมกับเพื่อนใหม่ที่เริ่มงานพร้อม ๆ กันที่นี่ 5 คน ถ้ารวมกับพี่ ๆ ที่ทำงานอยู่ก่อนสำนักงานของเราก็มีผู้ประสานงานสนามถึง 10 คน ภารกิจแรกของคนใหม่คือต้องเข้าไปฝังตัวศึกษาชุมชนอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะออกมาสรุปผลการค้นพบแลกเปลี่ยนและถกประเด็นสำหรับการทำงานในขั้นต่อไป แต่ละคนมีอิสระที่จะเลือกหมู่บ้านในพื้นที่เองรวมทั้งมี สิทธิ์โดยเสรีที่จะทำงานได้ทั้งแบบเดี่ยวและคู่ และแม้จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แต่ละคนก็ต้องมีประ เด็นสนใจที่ไม่ซ้ำ เมื่อรุ่นพี่ถามความสมัครใจในการเข้าพื้นที่ เนื่องนุช เพื่อนใหม่จากภาคตะวันตกและนั่งรถโดยสารจากกรุง เทพฯมาพร้อมกันกับผมก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่าจะขอไป กับเชิงยุทธ ซึ่งก็คือผมเอง รุ่นพี่และพรรคพวกไม่มีใครขัดข้องในความประสงค์นั้น เนื่องนุชเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมีชื่อในกรุง เทพฯเธอเป็นทั้งนักอ่านและนักวิจารณ์ที่ผมชื่นชมในภูมิรู้ ผมเชื่อว่าเธอเหนือกว่าผมในทุกทางไม่ว่าจะเป็นความคล่องในเชิงคิดและทักษะการจัดการ สิ่งที่ผมอาจจะมีมากกว่าบ้างคงเป็นกำลังของกล้ามเนื้อที่ เคยกรำงานในไร่นามาช่วงหนึ่งของชีวิตกับสีผิวที่เข้ม คล้ำทนแดดทนฝนและทนต่อการรอคอยทุกชนิด บางหนการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ท้องไร่ท้องนาไม่สะดวกที่จะไปด้วยรถ เครื่องคนละคัน เนื่องนุชก็กลายเป็นผู้โดยสารของผม หลายครั้งเราต้องมอมแมมและเปียกปอนมะลอกมะแลก เพราะรถไถลลื่นลงหล่มโคลน หรือกว่าจะออกจากตรงนั้นไปได้บางเหงื่อของเราก็เปียกชื้นเสมอกับน้ำดินน้ำโคลนที่พยายามจะล้างออกพอให้ไม่เป็นอุปสรรคกับงานมากเกินไป เนื่องนุชได้ข้อสรุปวิถีชีวิตของชาวบ้านบางส่วนว่าทำไมพวกเขาจึงดูเหมือนยากจนหากแต่มีความสุข อย่างยากที่คนมีเงินเป็นพันๆล้านจะหาได้ ประเด็นสนใจของเธอคือสมดุลของการพัฒนาเศรษฐกิจ กับการพัฒนาความสุขของชีวิตมีหรือไม่ และอยู่ตรงไหน ส่วนผมยังไม่ได้ขอสรุปจากการศึกษาชุมชน ยังไม่ได้ประเด็นสนใจที่จะใช้ถกกับพรรคพวกและพี่ ผมได้ข้อสรุปอื่น ข้อสรุปที่ว่า ผมรู้สึกชอบเนื่องนุช และบางทีอาจเป็นข้อสรุปเดียวของผม เมื่อกลับจากหมู่บ้านผมลงมือเขียนเรื่องยาวของ ผมทันที เนื่องนุชเป็นคนอ่านคนแรกที่วิจารณ์ว่าผมไม่มีสไตล์ของตัวเอง บางครั้งใช้สำนวนเข้มอย่างคมทวน บางคราวตรงไปตรงมาแต่ซ่อนนัยลึกอย่างกรัสนัย ที่พอจะเป็นแนวของตัวเองจริง ๆ ยังไม่เห็น ความเป็นไปที่เกิดกับผมและเนื่องนุชอยู่ในสาย ตาของเพื่อนและพี่ ๆ หลายคนในสำนักงาน เมื่อผมพูดถึงภารกิจของตนเองได้อย่างกระท่อนกระแท่น ในขณะที่คนอื่น ๆ ให้ภาพอย่างเจนจัดชัดเจน หลายครั้งต่อหลายครั้งเขา ผมก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าตัวเองคงจะกลายเป็นมนุษย์แปลกแยกในไม่ช้า เมื่อความอดทนของคนอื่นมาถึงก่อนพวกเขาก็ตั้งคำถาม ต่อผม ว่าจริง ๆ แล้วสนใจงานพัฒนาชนบทหรือสนใจอย่างอื่น ผมนึกไว้แล้วครับว่าเพื่อนต้องถาม และคำตอบของผมก็คือผมอยากเป็นคนขับรถเครื่อง ให้เนื่องนุชเท่านั้น รุ่นพี่บางคนแอบส่ายหน้าต่อกิริยาและถ้อยคำเขลาของผม เนื่องนุชไม่พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าแววตาที่มองมายังผมนั้นไม่ได้รังเกียจหรือชิง ชัง ผมจากเนื่องนุชและเพื่อนมาในวันที่ 1 ของเดือนที่ 3 ของการทำงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบท เพื่อใช้ชีวิตระเหเร่ร่อนไปในความฟุ้งซ่านของความฝัน เมื่อวานผมกลับไปที่ชีหลงอีกครั้ง เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ที่นั่นกันแล้ว ทุกคนเจริญเติบโตไปบนเส้นทางของตัวเอง แต่ไม่มีใครซักคนที่ทอดทิ้งความรักที่มีต่อประชาชนที่ เป็นฝ่ายเสียเปรียบในสังคม รุ่นพี่บางคนที่อยู่ที่นั่นบอกว่าไม่ได้ทราบข่าว คราวของเนื่องนุชนานแล้ว หลังจากที่องค์กรได้สลายตัวและเธอเดินทางกลับภาคตะวันตก ชีหลงและความหลังของผมไม่เคยไม่เกี่ยวพันกัน วันนี้ถ้าเนื่องนุชยังเป็นนักอ่านอยู่ เธอคงรู้แล้วว่า รวมเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ผมเขียนคำอุทิศให้เธอ เนื่องนุช อำพันพัชร เพื่อนที่ให้ทั้งแรงใจและเติมไฟฝัน
30 มกราคม 2550 22:52 น. - comment id 94854
เมื่อคืนอ่านแต่หัวข้อเรื่องสั้น ยังคิดเลยว่า มีชี ด้วยแฮะ .. ๕๕๕๕ อ้อ ชีหลง ชีหลง คืออะไรหว่า ? คิดไม่ออกก็เลยมาอ่านต่อวันนี้ค่ะ ให้ข้อสังเกต เพื่อนของคุณชื่ออักษรเบิ้ลเนอะ พิมพ์แพง เนื่องนุช .. ถ้ามี อิมอ้วนล่ะ ยี้ .. ไม่เอานะ
30 มกราคม 2550 23:07 น. - comment id 94855
เป็นตัวละครที่แต่งเอาทั้งหมดครับ แม้ชื่อสถานที่เป็นของจริง ตัวคนก็ไม่ได้มีอยู่จริงๆ พิมพ์แพง เนื่องนุช คงเป็นเพียงผู้หญิงที่วาดไว้ในใจเท่านั้น ส่วนอิมอ้วน ชื่อน่าใช้จังครับ แต่คงไม่ใช้หรอก ชื่อผู้หญิงที่ผมวาดให้เป็นนางเอก คงไม่ออกแนวเจ้าเนื้อ ฮา ! อากาศหนาวจังนะครับวันนี้