ครั้งนั้นที่ฉันไม่มีวันลืม....-2-
สองร่าง
"ดันพื้น 20 ปฏิบัติ!!!!" เสียงแข็งกร้าวนั้นทำให้ฉันฮึกเหิมระคนเหนื่อยและหอบ
"บ้าเอ๊ย ไม่รู้จะดุไปถึงไหนกัน ก็ทำอยู่เนี่ยไม่เห็นรึไงวะ" ฉันคิดฉุนอยู่ในใจ
"อู้เหรอ ลุก! ลุกขึ้น สก็อตจั๊มพ์ 50 ปฏิบัติ!!! " เสียงนั่นยังสั่งฉันไม่เลิก เพียงเพราะฉันดันพื้นช้าไปเท่านั้น มันจะรู้มั๊ยนะว่าที่ฉันกำลังทำอยู่เนี่ยมันเหนื่อยสักแค่ไหน
"แล้วฉันมาทำอะไรอยู่ล่ะเนี่ย? ทำไมฉันต้องมาทรมาน ทำไมต้องมาเหนื่อยกาย และใจให้เขาด่าทอ ตะคอกอยู่อย่างนี้" ฉันคิดอยู่ในใจขณะที่ใช้มือขัดไว้ที่ท้ายทอย นั่งกระโดดต่ำๆ อยู่ที่พื้นตามคำสั่งไอ้หมาบ้าที่อยู่เบื้องหน้าฉัน
เมื่อทุกอย่างผ่านไป เราทุกคนรวมแถวกันอยู่ที่หน้าสนามโรงเรียนและฟังประกาศผลผู้ที่ผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเพื่อเข้าเรียนอะไรบางอย่างที่ ชายอ้อนแอ้นอย่างพวกฉันไม่ปรารถนานัก ใช่ นี่ล่ะที่เค้าเรียกกันว่า นักศึกษาวิชาทหาร.......และฉันก็เลือกที่จะเรียนมัน
"เป็นละยะ อนาคตว่าที่ร้อยตรีหญิง ฮิฮิ อยู่ดีไม่ว่าดี ดูซินั่นหน้าดำเป็นตอตะโกเลยแก" เพื่อนสาวคนเดิม ใช่ ก็นังแว่นนั่นล่ะมันเยาะฉัน ที่ต้องมาเปลือยกายท่อนบนวิ่งแข่ง ผ่านด่านโหดๆ กลางแดดกับพวกผู้ชายร่วมรุ่นด้วยกัน
"ย่ะแม่คนสวย หล่อนไม่เห็นเหรอว่าฉันน่ะเหมือนเจ้าหญิงขนาดไหน" ฉันตอบไป
"ไหนยะ เจ้าหญิงบ้าบออะไร ฉันเห็นแต่กะเทยควายวิ่งโชว์กล้ามเนื้ออยู่กลางสนามนั่น่ะ เมื่อกี๊ สวยนะยะ หล่อนน่ะ สวยสำคัญน่ะ (สวยสำคัญ ก็ สันซำควาย ภาษาอีสาน หมายถึง กล้ามใหญ่มากๆ)"
"อ๊าววว หล่อนไม่เห็นเหรอยะ ว่ามีองครักษ์วิ่งคอยดูแลฉันเป็นสิบ เนี่ยเค้าเรียกว่าดาวล้อมเดือนไงแก" ฉันไม่ยอมแพ้
"อืมว่าไปก็เหมือนนะแก แต่ฉันว่าเหมือนแมงวันตอมขี้มากกว่า"
"เออ อีนี่กัดกูไม่เลิก" ฉันคิดในใจ
"ไม่เอาแล้วแก เหนียวตัวเหนียวหน้าฉันไปล้างหน้าดีกว่า"
........
"เหนื่อยมั๊ย"
เสียงนั่นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นจากก๊อกที่มีน้ำกำลังพวยพุ่งออกมาพร้อมความชุ่มฉ่ำ
"ชิ๊บหายแล้ว" ฉันอุทานเพียงแค่ริมฝีปากเผยอแต่หาได้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากช่องปากฉันไม่
"อ้อ ก็เหนื่อยสิพี่ เป็นพี่ไม่เหนื่อยรึไง" ฉันตอบไป พลางในใจก็คิดว่า "แม่งเสือกไปกวนตีนเขาอีก" มันสับสนไงไม่รู้ ก็เจ้าของเสียงนั่นมันรุ่นพี่สุดหล่อที่ฉันเฝ้ารอและติดตามมาตลอดสามปีนี่
"อ้าว แล้วพี่มาดูอยู่นานแล้วเหรอ" ฉันถามไปงั้น
"อืม ก็พักนึงแล้วล่ะ เป็นไง ได้เรียนรด.มั๊ย" เขาถาม
"โหพี่ ดับนี้แล้ว ได้ดิ ไม่ได้ก็เสียชื่อนักกีฬาว่ายน้ำโรงเรียนหมด" ฉันอวด
"อืมดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร"
"อะไรกันพี่ ที่เรียนเนี่ยไม่ได้คิดจะให้พ้นเกณฑ์หรอกนะแต่เรียนเพราะอยากเรียนจริง" ฉันตอบ
"ต๊ายยยยย!!! เรียนเพราะอยากเรียน กล้าพูดดดด...... ไม่บอกพี่เขาไปล่ะว่า "พี่คะ!!! พี่เป็นแรงดลใจให้หนูมาเรียนค่ะ เวลาเข้าค่ายจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกว่านี้" เสียงนังแว่นลอยมาแต่ไกล เล่นเอาฉันที่หน้าดำเพราะแดดรวมกับสีแดงเลือดฝาดที่พร่านขึ้นบนหน้า กลายเป็นสีเขียวอมม่วงซะงั้น
"อีบ้า" ฉันด่ามันเบา โดยหันหน้าไปหามันเกรงว่าถ้าดังไปจะเสียจริตที่สั่งสมมาต่อหน้าชายอันเป็นที่รัก
"พี่ยุทธ์ ฝึกรด.หนักมั๊ยพี่" ฉันถามรุ่นพี่สุดหล่อเพราะเกรงว่าเขาจะเดินหนีไปเสียก่อน
"ปีหนึ่ง ปีสองเนี่ยก็หนักหน่อยล่ะ" เขาตอบ
"เอ่อ คือว่า แล้วเราจะได้เจอกันมั๊ยล่ะคะเวลาฝึกน่ะ" นังแว่นถามแทน
ฉันด้วยน้ำเสียงที่เกินจริต
"เจอสิครับ ปีหน้ายังเจอกันอยู่ เอาโชคดีนะพี่ไปเตะบอลก่อน รอสนามมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว" เขาตอบแล้วเดินไป
จบกันฉันก็นึกดีใจว่าพี่ยุทธ์สุดหล่อมาแอบมองให้กำลังใจแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เอาน่าอย่างน้อยเพราะยัยแว่นก็ได้พูดความจริงในใจออกไปให้พี่ยุทธ์รู้แล้วนี่ ไว้เจอกันวันฝึกนะพี่นะ........
to be continue......