บทที่ ๔ “ หรือลูกงั้นก็ตามใจลูกนะ พ่อคิดอยากจะให้ลูกไปยังบริษัทสักหน่อยเพราะเคยดำริในที่ประชุมไว้ก่อนลูกจะกลับมา หากลูกกลับมาเมื่อไหร่จะมอบอำนาจการดูแลทั้งหมดให้แก่ลูก เมื่อลูกขอพักผ่อนก่อนก็ตามใจนะ” คุณอัศวโรจน์กล่าวขึ้น “หากสบายใจเมื่อไหร่ก็บอกพ่อก็แล้วกันนะ” บิดาเอ่ยย้ำอีก “ผมว่าให้ผมเพียงแค่ฝึกงานไปก่อนมิดีหรือครับ เมื่อผมรู้งานมากแล้ว คุณพ่อค่อยปล่อยวางนะครับ” ชายหนุ่มกล่าว “แต่พ่อเชื่อในความสามารถ แกนะ” บิดาเอ่ยขึ้น “ภาคทฤษฎีกับปฏิบัติไม่เหมือนกันนะครับ แต่คล้ายคลึงกัน” ชายหนุ่มอ้าง “นั่นแหละถูกแล้วแต่ก็มาจากรากเง้าเดียวกันนั่นแหละ งานด้านธุรกิจอยู่ที่ไหวพริบปฏิภาณการตัดสินใจที่รวดเร็วความ ละเอียดรอบคอบเป็นสำคัญของแต่ละคน” บิดาชี้แจง “ก็ถูกอย่างที่คุณพ่อว่าแหละครับ แต่ผมยังมีประสบการณ์น้อยถึงแม้ว่าจะเคยแอบดูผลงานคุณพ่อมาบ้างก็ตามที” ลูกชายหาข้ออ้างกล่าวกับบิดา “ข้อนี่พ่อทราบเพราะเคยเห็นแกเข้าไปขลุกอยู่ในห้องหนังสือพ่อ ใช้เวลาเป็นหลายๆชั่วโมง ดีแล้วล่ะลูกการเริ่มต้น ที่ดีย่อมเกิดจากการศึกษาข้อมูลต่างๆก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริงนะลูก” บิดาชี้แนะ “ครับๆ...ผมว่าคุณพ่อยังไม่แก่เลยนี่นา ดูหนุ่มขึ้นอีกกว่าเดิมเสียอีก” ชายหนุ่มกล่าวพลางหัวร่อ กล่าวตัดบทสนทนาขึ้น “เมื่อวานผมยังเห็นคุณพ่อยังเต้นรำคนหนุ่มยังสู้ไม่ได้เลยล่ะ” “นั่นซิแม่เองยังชักสงสัยเหมือนกันว่า คุณพ่อลูกไปหัดเต้นรำมาจากไหนเสียอีก” คุณหญิงหันมาเสริมคำพูดลูกชาย “อ้าวๆ!!! ชักจะหึงพ่อแล้วหรือ” คุณอัศวโรจน์หันมาทางคุณหญิงพลางหัวเราะร่วนๆ เขินแล้วหยิบถ้วยกาแฟยกดื่ม “ไม่ใช่หึงหรอกคุณ!! เพียงแค่สงสัยจ๊ะ” คุณหญิงอมยิ้ม “ปัดโธ่!!! พ่อก็นึกสนุกๆเพราะดีใจแหละคุณหญิง ดูในหนังนะซิเวลามีงานรื่นเริงเขามักจะเต้นกันแบบนี้นะ” “อ้อๆๆๆ.....งั้นก็แล้วไปจ๊ะ แล้วลูกวันนี้จะไปไหนหรือเปล่าล่ะ” คุณหญิงหันมาถามลูกชาย “ ไม่หรอกครับ ว่าจะนอนพักผ่อนสักหน่อย บ่ายๆค่อยออกไปข้างนอก” ลูกชายหันมากล่าวกับมารดา “เห็นคุณหญิงผกามาศกับคุณฉวีวรรณเขาจะมาหาตอนบ่ายๆ อยากจะให้ลูกพบกับเขาหน่อยจ๊ะ” คุณหญิงตอบ “เรื่องอะไรหรือครับมาพบผม ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ระยะนี้ขอเที่ยวเมืองไทยสักพักก่อนครับ” ชายหนุ่มชักสงสัย “ถ้าอย่างนั้นตามใจลูกนะ แม่คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก” หญิงผู้เป็นมารดากล่าวตัดบท คุณหญิงเองก็ชักสงสัยว่าการมาของหญิงทั้งสองนี้คงจะหมายปองลูกชายตนเองเสียเหมือนกัน เดิมทีก่อนลูกชาย จะกลับมา บ้านอัศวราชินมิเคยมีใครจะพาลูกสาวมาเยี่ยมเลย แต่ครั้งนี้คุณหญิงทั้งสองเกริ่นจะนำลูกสาวมารู้จัก “งั้นตามใจลูกจ๊ะ ฮืมม!!!แม่เองไม่สนใจอะไรหรอก ถึงจะเป็นเพื่อนแม่เพียงแค่แปลกใจเท่านั้นจ๊ะ” คุณหญิงกล่าว “ขอบคุณมากครับคุณแม่ ผมว่าจะออกไปข้างนอกสักหน่อยครับจะกลับเมื่อไหร่ไม่รู้” ชายหนุ่มหันมายิ้มกลับมารดา “จ๊ะ ตามสบายลูกเถอะ แต่ให้ระมัดระวังตัวบ้างนะเดี๋ยวนี้บ้านเมืองเราไม่เหมือนก่อนอันตรายทุกหย่อมหญ้า” “จริงๆนะลูกการเที่ยวเตร่เดี๋ยวเราไม่ไปหาเรื่องเขา แต่เขามาหาเรื่องเรา พ่ออ่านและฟังข่าวอยู่บ่อยๆ” บิดาเสริมคุณหญิง “ ครับคุณพ่อคุณแม่ลูกไม่คิดเที่ยวสถานดังกล่าวหรอก ว่าจะไปต่างจังหวัดแถวชายทะเลสักหน่อย นัดเพื่อนๆไว้แล้วครับ” “เออจริงๆซินะคุณหญิง เราไม่ได้ไปทะเลมานานแล้วนะเพราะมัววุ่นกับงานแทบไม่มีเวลาเลย” คุณอัศวโรจน์หันไปพูด กับคุณหญิง “นั่นซิคุณ ลูกพูดมาทำให้นึกถึงความเก่า จริงๆไหมคุณ” คุณหญิงหันไปยิ้มกับคุณอัศวโรจน์ หวานจ๋อย “จ๊ะๆๆๆ คุณหญิงนึกถึงตอนเราสองยังหนุ่มสาวนะ” เขาหันไปทำตาหวานกับคุณหญิง “พูดถึงลูกเราว่าหาวันเวลาไปกันทั้งหมดก็ดีเหมือนกันนะ” คุณอัศวโรจน์หันไปรำพึงกับคุณหญิง “ ก็ดีจ๊ะ เราก็มีบ้านแถวชายทะเลเหมือนกันนี่นาแถวๆบางละมุง หรือแถวระยองก็ยังมีอยู่นี่นา” คุณหญิงกล่าวบ้าง “แล้วตากานต์ว่าอย่างไรล่ะ หากพ่อแม่จะไป ลูกไปหรือเปล่าล่ะ” คุณหญิงหันมาถามลูกชาย “ไปซิครับ โถๆๆๆ!!!! ไม่ไปได้ยังไงล่ะครับ จะได้ดูความรักของคุณพ่อคุณแม่อีกสักหน่อยครับ” ลูกชายหันมาหัวร่อ “พูดถึงความรัก เดี๋ยวนี้เด็กๆไม่รู้เป็นอย่างไร เห็นรักเผื่อเลือกกันเยอะแยะนะ คุณว่าไง” คุณหญิงตอบแล้วหันมาทางคุณพ่อ “นั่นซิคุณหญิง ผมเองเห็นแล้วให้รู้สึกสมเพชรเสียจริงๆ ยังไม่ทันไรก็เลิกรากันไปแล้วหากเป็นสมัยเราเรียกว่าฉีกผ้า อ้อมกันไม่ทันเลยนะคุณหญิง” ชายผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นบ้าง “เห็นเด็กในบริษัทเมื่ออาทิตย์ที่แล้วร้องห่มร้องไห้เสียยกใหญ่เพื่อนๆช่วยปลอบโยน ผมผ่านไปพบพอดีจึงเข้าไปถาม ได้ความว่าถูกแฟนทิ้งไป พอวันพฤหัสบดีนี้ผมผ่านไปอีกเห็นนั่งหัวร่อต่อกระซิกจึงหันไปถามเลขาฯผม ได้ความว่ามีแฟน ใหม่แล้วล่ะ เฮ่อๆๆๆเด็กสมัยนี้เปลี่ยนง่ายจริงๆนะคุณหญิง ไม่เหมือนรุ่นพวกเราต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีกันทีเดียว” “จ๊ะพ่อ หากเป็นรุ่นเราถ้าไม่ตายก็แทบไม่โตกันเลยทีเดียว” คุณหญิงกล่าวบ้าง “ แล้วกานต์จะไปเที่ยวทะเลที่ไหนหรือลูก” คุณหญิงหันไปถามลูกชาย “เห็นไอ้หนก มันบอกว่าจะไปสัปดาห์หน้านี่แหละครับ เขาเกริ่นว่าแถวๆระยองยังไงนี่แหละครับ ก่อนที่มันจะบินไปยุโรป” ชายหนุ่มตอบมารดา “นั่นซิแถวระยองหากเลยพัทยาไปน้ำทะเลสวยๆอากาศดีและสงบน่าเที่ยวจ๊ะ” คุณหญิงพูดขึ้นเสริม “มันนัดไปเที่ยวในกลุ่มผม เห็นว่าจะเอาเพื่อนหญิงไปด้วยครับ” ชายหนุ่มกล่าว “เห็นว่าเพื่อนๆแกมีแฟนกันเกือบทุกๆคน แล้วแกไม่เหงาหรือไงว๊ะกานต์” คุณอัศวโรจน์ถามลูกชาย “ไม่หรอกครับคุณพ่อ ผมก็ไปมั่วนิ่มๆกับพวกมันซิครับ” ชายหนุ่มหัวร่อลั่น “ดีเสียอีกตัวคนเดียวไปไหนสบายไม่ต้องคอยเป็นห่วงและต้องคอยเอาใจ อย่างไอ้โรจน์มันครับ” ชายหนุ่มหัวร่อกล่าว “เออ!!!ก็ใช่อย่างแก่ว๊ะ สบายใจแต่ไม่สบายตัว” คุณอัศวโรจน์พูดพลางหัวร่อพลางหันไปมองคุณหญิงหลิ่วตา “ผมยังไงก็ได้ครับ คิดว่าจะขออยู่ไปอีกสิบยี่สิบปีค่อยหาคนมากวนใจครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง “ให้มันจริงอย่างพูดเถอะว๊ะ พ่อว่าคงปีสองปีนี้แหละคงไม่แคล้ว จริงไหมคุณหญิง” ชายมีอายุหันไปถามภรรยา “ตามใจเขาเถอะพ่อ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่วาสนาแต่ละคน แม่คิดอย่างนี้นะ เลี้ยงตัวนะเลี้ยงได้แต่เลี้ยงหัวใจไม่ได้หรอก” คุณหญิงกล่าวบ้าง “จ๊ะแล้วแต่แม่เถอะเรื่องลูกสะใภ้นะเป็นหน้าที่ของแม่อยู่แล้วนี่นาพ่อไม่เกี่ยว ไปก่อนนะจะรีบไปทำงานเดี๋ยวสาย” คุณอัศวโรจน์กล่าวแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะไปทำงาน “ครับ!!!! ผมว่าจะไปนอนตบพุงสักหน่อยว่าบ่ายๆค่อยจะออกไป” ชายหนุ่มพูดขึ้นแล้วลุกตามบิดา “ งั้นหรือก็ดีเหมือนกัน งั้นแม่ก็จะไปพักผ่อนเหมือนกัน” กล่าวแล้วคุณหญิงก็ลุกขึ้นบ้าง ทั้งหมดต่างเดินออกจากห้องอาหารแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวกันและกัน คุณอัศวโรจน์ก็นั่งรถออกไปทำงาน คุณหญิง ก็เข้าห้องพัก ส่วนชายหนุ่มก็ก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ เดินลัดเลาะไปตามสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้กำลังบานสะพรั่งส่งกลิ่น หอมโชยพัด ชายหนุ่มเดินไปยังต้นกุหลาบขาวที่ออกดอกเป็นพุ่มประมาณสักสิบกว่าดอกได้ พลางก้มลงดมกลิ่นหอมที่มี กลิ่นหอมเย็น หวนประหวัดไปถึงหญิงสาวที่สวนของแม่แย้มนึกถึงใบหน้าสดสวยแบบธรรมชาติ แปลกๆเขาคิดทำไมสมอง เขานี้จึงเฝ้าวนเวียนคิดถึงได้ นึกถึงร่างที่เดินหันหลังก่อนออกจากประตูบ้านนั้น ช่างมีรูปทรงสวยตระการตายิ่งนัก เมื่อก่อน เราก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้ หรือว่า!!!!!.........จะบ้าแล้วหรือเราเป็นไปไม่ได้หรอกพึงแค่เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พลางชายหนุ่มสะบัดศีรษะเบาๆ แล้วเอื้อมมือเด็ดดอกกุหลาบขาวพวงนั้น เดินก้าวไปสู่บ้านหลังเล็กพร้อมยกขึ้นสูดดมความหอมของดอกกุหลาบนั้น ร่างพลัน ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาแลเห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่งไว้ผมยาวอายุอานามประมาณยี่สิบเห็นจะได้ ซึ่งยืนหันหลังกำลังหมกมุ่น อยู่กับการรดน้ำต้นไม้แถวหน้าบ้านหลังเล็ก “ใครหว่า ลูกเต้าเหล่าใคร” เขายืนหยุดนิ่งรำพึง สักครู่หนึ่งจึงเดินไปทางด้านหลังหญิงสาวซึ่งถือสายยางรดน้ำอยู่ พลางกระแอมเบาๆ ร่างของหญิงสาวสะดุ้งตกใจพลางหันหน้ามาทางชายหนุ่ม ทิ้งสายยางน้ำทันทียกมือขึ้นทาบทรวงอก “ อุ๊ย!!!????...คุณชายนี่เอง พลางน้อมตัวก้มลงยกมือไหว้ชายหนุ่มทันที ด้วยเมื่อเข้ามาว่าบ้านหลังนี้เป็นของลูกชาย เจ้าของบ้านหลังใหญ่ใช้พักอาศัยแยกตัวมาต่างๆหาก หล่อนจึงเดาว่าคงเป็นคุณชายลูกชายเจ้าของแน่นอน เพราะทราบว่า บริเวณแถวนี้ใครจะเข้ามายุ่มย่ามไม่ได้ ยกเว้นหญิงชายชราทั้งสองเท่านั้น ชายหนุ่มตะลึงใบหน้ากลม ดวงตาโต แก้มทั้งสองข้างมีลักยิ้มรับกับดวงตาที่สุกใส คลอรับกับผมยาวที่ผูกโบว์พาดมาข้างหน้า ใบหน้าที่ตื่นตกใจทำให้เป็นภาพความงามตามธรรมชาติยากจะหาดูได้กำลังเงยหน้ามองมาทางเขาอยู่ “โทษเถอะ...เธอเป็นใครหรือมาทำอะไรแถวๆนี่นะ” ชายหนุ่มสอบถามทันที แต่ใบหน้ากับจ้องใบหน้ากลมๆนั้นอย่าง สนอกในใจ หญิงสาวรีบนั่งยองๆทันทีพลางหันไปปิดน้ำที่สายยางแล้วตอบขึ้นว่า “ อิฉัน...มาช่วยคุณยายรดน้ำต้นไม้เจ้าคะ” หญิงสาวตอบ “เหรอๆ...อ้าวแล้วเป็นหลานใครล่ะ ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่น๊ะ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ “ไม่ต้องยกมือพนมไหว้หรอก ยกมือลงได้แล้ว ตอบมาก่อนว่าเป็นหลานใคร” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย หญิงสาวยกมือลงแต่ยังคงนั่งยองๆเงยหน้าตอบชายหนุ่ม “พึ่งมาเยี่ยมยายเมื่อวานนี้เองเจ้าค่ะ เข้ามาตอนมีงานอยู่จึงหลบเลี่ยงๆมาหายาย “ผมถามว่า ยายน๊ะยายไหนกันล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเพราะหญิงสาวตอบไม่ตรงประเด็น “หลานยายผันเจ้าค่ะ พักกับลุงแจ้งที่บ้านหลังเล็กถัดจากบ้านนี้เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบ “อ้อๆๆๆ....หลานยายผันนี่เอง” ชายหนุ่มพึ่งเข้าใจ ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นมาเรียกหญิงสาว “หลักเอ๋ย!!!!....รดน้ำต้นไม้เสร็จมาหายายหน่อยนะ” เสียงตะโกนเรียกดังแว่วๆมา เป็นเสียงเรียกของยายผัน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลบ้านเขาอยู่ “ค่ะยาย...???” หญิงสาวร้องขานรับ “ เอ็งเสร็จแล้ว เข้าไปดูบ้านคุณชายหน่อยนะ เพราะเมื่อคืนนี้คุณชายท่านเมามากอ๊วกรดบนที่นอน เอ็งเข้าไปเก็บกวาด แล้วนำผ้ามาให้ยายด้วยเพื่อจะเอาไปซัก เออ!!!...แล้วเอ็งก็จัดการทำให้สะอาดเรียบร้อยด้วย ผ้าผ่อนอยู่ในตู้เล็กเอ็งไปปูที่นอน แล้วฉีดน้ำหอมด้วยล่ะ “ เสียงร้องสั่งดังมาอีก “จ๊ะยาย....หญิงสาวร้องขานตอบ” พลางเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใช้สายตามองดั่งจะขออนุญาตชายหนุ่ม “คุณชายเจ้าค่ะ...ขออนุญาตไปทำความสะอาดก่อนน๊ะเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากกับชายหนุ่ม ชายหนุ่มยืนตะลึงอีกครั้งเป็นใบหน้าที่แสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งนัก ไม่มีวี่แววเสแสร้งแต่ประการใดให้นึกย้อนไปถึงใบ หน้าอีกใบหน้าหนึ่งซึ่งเขาพบมาก็มีความบริสุทธิ์ใกล้เคียงกัน เพียงแต่อายุอานามคงแตกต่างกันไม่มากนัก ทำให้ชายหนุ่ม นึกเปรียบเทียบใบหน้าทั้งสองทันที อีกคนหนึ่งรวยอีกคนหนึ่งจน เอ๊ะแปลกเราเป็นอะไรไปหรือ ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง “งั้นเราไปพร้อมๆกันนี่แหละ” ชายหนุ่มกล่าว “งั้นๆ!!!!...หลักว่าให้เสร็จก่อนมิดีหรือเจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกขณะที่ยังนั่งอยู่ “ อ้อๆๆๆ...ขอโทษจ๊ะที่ให้นั่งอยู่ ยืนขึ้นได้แล้วจะขอถามอะไรหน่อยนะ” ชายหนุ่มพึ่งนึกได้ “เจ้าค่ะ” หญิงสาวรับคำพลางลุกขึ้นยืนแต่เอามือประสานไว้ก้มตัวตอบ “เธอ...ชื่อหลักอย่างเดียวหรือเห็นยายผันเรียกอย่างนั้น” ชายหนุ่มถาม “ชื่อ สลักเสลา เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ “ สลักเสลา ชื่อแปลกดีนะ ฟังดูหนักแน่นดีจัง แล้วแปลว่าอะไรล่ะ” ชายหนุ่มอมยิ้มถาม “อ้าๆๆ...เขาบอกว่าแปลว่าลวดลายที่สลักไว้ให้สวยงามเจ้าค่ะ” หญิงสาวอ้ำอึ้งตอบ “อืมม!!!! ช่างตั้งคำนี้ได้สมจริงๆนะ” ชายหนุ่มรำพึง เมื่อพิจารณาใบหน้าและรูปร่างของหญิงสาว “แล้วไม่ได้เรียนหนังสือหรือ” ชายหนุ่มถามอีก “เรียนจบแล้วเจ้าค่ะ แต่หางานทำไม่ได้ แม่ให้มาหายายเผื่อว่ายายจะช่วยฝากให้ทำงานเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ “อ้าว!!!แล้วเรียนจบจากไหนล่ะ เรียนทางไหนนะ” ชายหนุ่มสอบถามอีก “เรียนจบบัญชี เจ้าค่ะ จากมหา’ลัย......พึ่งได้รับใบปริญญามาเจ้าค่ะ” “โอ้เก่งจริงๆนะ มหา’ลัยท่าพระจันทร์ เขาว่าเรียนจบยากน๊ะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มกับชายหนุ่มแต่ไม่กล่าวแต่ประการใด จนชายหนุ่มต้องเอ่ยปากถามต่อ “ คงจะจบมาแบบเขาสงสารนะซิ” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้ากล่าว “เจ้าค่ะคงสงสารกระมังเจ้าค่ะเลยให้จบๆ แค่กิตติมศักดิ์แค่นั้นเองเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ “กิตติมศักดิ์???????......แค่นั้นเองหรือ” ชายหนุ่มอุทานพร้อมตาเบิกโพลง “เจ้าค่ะ แค่นั้นเอง ได้รับปริญญาคนแรกด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ “รับปริญญาคนแรกของคณะหรือ?????” คราวนี้ ชายหนุ่มยิ่งตกใจเมื่อได้รับฟังหญิงสาวตอบ
6 มกราคม 2550 04:38 น. - comment id 94585
ผมเข้าติดตามเรื่องฟ้าเพียงดินน่ะครับ กำลังน่าติดตามเชียวครับ พี่แก้วประเสริฐ
6 มกราคม 2550 23:27 น. - comment id 94608
คุณ เบรฟฮาร์ท ผมก็เรื่อยๆแหละครับขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
3 กุมภาพันธ์ 2550 20:22 น. - comment id 94875
สวัสดีค่ะ คุณแก้ว อ่านเพลินเชียวล่ะ ขอตอนต่อไปเร็วๆ นะคะ
3 กุมภาพันธ์ 2550 22:31 น. - comment id 94876
คุณ งิ้ม ขอให้ผมหายป่วยก่อนนะครับ หายดีแล้ว จะเขียนต่อครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.