เขาบึ่งมอเตอร์ไซค์ฝ่าสายฝนที่หล่นโปรยปราย ไปตามถนนสายลูกรังที่ทอดยาวสู่หมู่บ้านข้างหน้า สภาพน้ำท่วมขังตามไหล่ทางและท้องถนนในบางช่วงดูแล้วคล้ายคลองเสียมากกว่า สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นข้าวเขียวขจีที่มีน้ำปริ่มคันนา แดดอ่อนๆ ฉายแสงตัดกับละอองฝน ก่อเกิดรุ้งคดโค้งประหนึ่งจิตรกรมือเอกแต้มแต่งเป็นภาพเขียนให้ผู้คนได้ดูชม เขาบิดคันเร่งหวังให้ถึงที่หมายก่อนเม็ดฝนห่าใหญ่จะเทลงมา และเป็นอุปสรรคในการเดินทาง นายช่างออกสำรวจและก็ประเมินความเสียหายนะว่ามีกี่ไร่? ไปประสานกับสมาชิก อบต.ในหมู่บ้านน่ะแหละ เขานึกถึงคำสั่งของหัวหน้าก่อนมา ฝนตกมาหลายวันแล้ว กรมอุตุนิยมประกาศเตือนพายุโซนร้อนพัดผ่าน อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันได้ อำเภอแจ้งให้ อบต. รายงานพื้นที่น้ำท่วม และประกาศเตือนชาวบ้านให้ระมัดระวัง พร้อมเตรียมตัวอพยพออกจากที่ลุ่มเมื่อมีสัญญาณเตือนมา อบต. ทองดีครับ อบต. ทองดี อยู่ไหมครับ?... เขาตะโกนเรียกเมื่อมาถึงบ้านหลังหนึ่ง อ้าวนายช่าง เชิญครับ เชิญบนบ้าน ผู้ถูกเรียกเชื้อเชิญ เขาแจ้งความประสงค์แก่เจ้าของบ้าน เขาพายเรือสู่เวิ้งน้ำหลากท่วมทุ่ง ฝนหยุดตกไปแล้ว เวลานี้มองไปทางไหนเห็นมีแต่น้ำที่ขาวโพลนเต็มพื้นที่ไปหมด ต้นไม้ใหญ่เหลือเพียงช่วงกลางลำต้นขึ้นไป พื้นล่างใต้น้ำที่เขาพายเรือผ่านเขารู้ดีว่าเต็มไปด้วยต้นข้าวที่กำลังเจริญงอกงามจากน้ำพักน้ำแรงของชาวนาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจปักดำไว้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ปุ๋ยราคาแพงที่หว่านลงไปถูกน้ำซัดหายไปในพริบตา นี่ถ้าหากน้ำท่วมขังเกินกว่าสิบวันล่ะก็ข้าวคงเฉาตายหมด ชาวนาเดือดร้อนแน่ เขาอดสงสารชาวนาไม่ได้ เขารู้ดีว่าทำนานั้นเหนื่อยแค่ไหน เพราะเขาก็ลูกชาวนาคนหนึ่ง นี่ล่ะหนาปีไหนฝนมาน้อยก็แห้งแล้ง ทำนาไม่ได้ผล ปีไหนน้ำมามากเกินไปก็ท่วมนาข้าวเสียหายอีก ไม่รู้ทำไมธรรมชาติจึงขาดความพอดิบพอดีอย่างนี้ เขาคิดพลางสายหน้าอยู่คนเดียว เรือถูกพายไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง เขามองไปรอบๆ เพื่อคะเนพื้นที่คร่าวๆ นี่ถ้า อบต. ทองดีไม่ไปเยี่ยมลูกสาวป่วยที่โรงพยาบาลเขาคงมีเพื่อนมาด้วยอย่างน้อย ๆ คงมีคนช่วยพายเรือ และมีเพื่อนพูดคุย เขาคิด เป็นไงครับ ได้ปลาเยอะไหม เขาร้องถามชาวบ้านที่พายเรือสวนทางกลับ ได้เยอะพอดูล่ะครับ นายช่างน้ำหลากอย่างนี้ปลาชุมนัก คนนั่งหัวเรือตอบ สำรวจพื้นที่หรือครับนายช่าง ระวังนะครับตรงโน้นน้ำไหลเชี่ยว คนนั่งท้ายเรือร้องบอก ครับขอบคุณครับ เขาตอบพลางพยักหน้าส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาจำได้ว่าชาวบ้านสองคนนี้เคยร่วมกันทำความสะอาดพัฒนาหมู่บ้านเมื่อครั้งที่เขาออกปฏิบัติงานตามโครงการ อบต. เคลื่อนที่เมื่อหลายเดือนก่อน เขานึกถึงพื้นที่ที่กำลังพายเรือผ่าน เมื่อช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมาเขาออกสำรวจโครงการขุดลอกลำห้วย วันนั้น อบต. ทองดีชวนเพื่อนบ้านมาตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากสระจนหมดแล้วช่วยกันจับปลาได้มากโขทีเดียว ก่อนที่จะนำมาทำอาหารกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เหล้าขาวหมดไปหลายขวด ทุกคนเมาได้ที่แล้วพากันร้องรำทำเพลงอย่างคึกครื้น เขาเคาะถ้วยชามให้จังหวะปากก็ร้องประสานเสียงเป็นที่สนุก สนาน เฮฮา เขาไม่เคยเห็นที่แห่งนี้น้ำท่วมสูงอย่างนี้มาก่อนตลอดระยะเวลาเกือบห้าปีที่เขามาปฏิบัติราชการที่นี่ หรือว่ามันเป็นปีแห่งความอดอยากปากแห้งของชาวบ้านกระนั้นหรือ เขาคิดพร้อมหยุดพายพลางหันมองไปรอบ ๆ พื้นน้ำที่เวิ้งว้าง ปล่อยให้เรือแล่นเฉื่อย ๆ ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาสะบัดแขนให้คลายเมื่อยก่อนควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอัดควันเข้าปอดอึดใหญ่ ก่อนจ้ำพายต่อไป คาดว่าถึงเนินข้างหน้านั้นคงเป็นจุดศูนย์กลางที่จะประมาณการพื้นที่น้ำท่วมได้ทั้งหมดแล้วจะได้กลับเสียที พลัน...ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มอีกครั้ง ไม่นานนักเม็ดฝนเริ่มร่วงปลิวพลิ้วไหวลงกระทบพื้นน้ำ เขาเร่งพายจนถึงจุดที่ตั้งใจ ข้างหน้าเป็นเนินสูงน้ำยังท่วมไม่ถึง ดูแล้วไม่ต่างไปจากเกาะเล็ก ๆ เขาเพ่งมองเพิงพักที่ยกพื้นสูงอยู่ใต้ต้นมะม่วงชั่วครู่ก่อนหันไปดูรอบๆ ทั้งสี่ทิศ แล้วจิ้มเครื่องคิดเลขก่อนจดบันทึกลงบนสมุดพก ฝนลงเม็ดมากขึ้น แรงขึ้นทุกขณะ จนกลายเป็นเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เขาขยับหมวกด้านหน้าลงต่ำก่อนที่จะจ้ำพายสุดแรงจนถึงตลิ่งแล้วผูกเรือไว้กับต้นไม้วิ่งไปหลบฝนที่เพิงพักนั้น หมาพันธุ์ทางตัวผอมโซ ที่นอนอยู่ใต้ถุนยกหัวขึ้นส่งเสียงเห่าแหบแห้งก่อนที่จะทิ้งหัวลงนอนตามเดิมอย่างไม่สนใจ เขาก้าวขึ้นไปนั่งบนกระดานที่ยกสูง พลางแหงนมองสังกะสีมุงหลังคาที่เก่าคร่ำคร่าเต็มไปด้วยสนิมจนสีเปลี่ยนไป ก่อนหันมองรอบข้าง ฟืนกองอยู่ใกล้เตาไฟในขณะที่เตายังมีประกายแสงจากถ่าน แสดงว่าเจ้าของออกไปก่อนหน้านี้ไม่นานนักเขาคิด เขาก่อไฟในเตาเพิ่มเพื่อผิงคลายหนาว และเป็นการผึ่งเสื้อผ้าที่เปียกชื้นให้แห้งไปในตัว เสียงเม็ดฝนตกกระทบสังกะสีดังกราวใหญ่ ลมพัดกิ่งมะม่วงโอนเอนไปมา บัดนี้พื้นน้ำถูกเม็ดฝนตกกระทบ ดูราวกับว่าน้ำกำลังประทุเดือดจากการต้มไฟ กว่าฝนจะหยุด หลับเอาแรงก่อนดีกว่า เขาพึมพำพร้อมปัดฝุ่นพื้นกระดาน แล้วทิ้งตัวลงนอน เขารู้สึกว่าอึดอัดหายใจไม่ออก และแล้วก็ปรากฏชายร่างใหญ่ไม่สวมเสื้อเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบอกเขา-เขาร้องอย่างตกใจ แต่ร้องเท่าไหร่ก็ร้องไม่ออกเสียง ความพยายามสุดท้ายเขาต้องดิ้นให้หลุดจากเท้าอันใหญ่ของชายคนนี้แล้วฮึดสู้แบบสุดฤทธิ์ ในชีวิตเขาไม่เคยกลัวใครเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าที่แดงก่ำ หนวดที่ยาวโค้ง ดูช่างมีอำนาจแฝงลึกลับ น่ากลัวอะไรเช่นนี้ และแล้วเขารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเท่าที่มีดิ้นสะบัด พร้อมถีบออกไปเต็มแรง เอ๋ง ๆ ๆ เสียงร้องของหมาผอมโซตัวนั้น ไม่รู้ว่ามานอนข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงของมันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดระคนตกใจเมื่อโดนถีบ ชั่วครู่จึงค่อยๆ เงียบเสียงแล้วหมอบตัวลงนอนด้วยท่าทางเกรงกลัว มันคงกระโดดขึ้นมานอนผิงไฟในเตาคลายหนาว แล้วชายร่างใหญ่นั่นล่ะ โอฝันไปนะเอง เขาคิด ฝนยังคงเทลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเอาเสียเลย เขาจุ๊ปากเรียกหมาตัวนั้น มันกระดิกหางในท่านอนด้วยท่าทางเป็นมิตรผิดกับเมื่อตอนเข้ามาใหม่ๆ เจ้านายเอ็งคงหนีน้ำไปแล้ว แต่ทำไมไม่เอาเอ็งไปด้วยล่ะ หรือว่าเขาจะกลับมารับเอ็งทีหลังแต่น้ำดันท่วมสูงเสียก่อนจึงเข้ามาไม่ได้ เขาคิดพลางส่ายหน้า เมื่อรู้ว่าตัวเขาเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากมันเสียเท่าไหร่ เขาควักเอาบุหรี่มาจุดสูบ ดูในซองเป็นมวนสุดท้ายแล้วจึงขย้ำซองโยนลงใต้ถุน พลางคิดหากฝนไม่หยุดตกแล้วเขาจะทำยังไงดี ถ้าจะพายเรือฝ่าสายฝนออกไปคงไม่รอดน้ำท่วมเรือล่มแน่ เขาดูดบุหรี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะดีดออกไปข้างนอกชายคา แสงไฟแดงวาบก่อนที่จะดับหายไปในความมืดที่มาเยือนอย่างไม่รู้ตัว ฟืนถูกโยนเข้าไปในกองไฟเรื่อย ๆ แสงจากเตาสว่างขึ้น ไอ้ผอมโซนอนกระดิกหางเหมือนขอบคุณ คืนนี้คงนอนที่นี่ก่อน เขาคิดพลางเอามือลูบท้องด้วยความหิวจนต้องมองรอบๆ ข้างเผื่อมีอะไรเหลือให้รองท้อง ฮ้ามีแต่เกลือ เขาถอนหายใจเมื่อเปิดดูกระสอบปุ๋ยใบเก่าที่วางอยู่ จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง หากฝนหยุดตกช่วงกลางคืนเขาก็กลับไม่ได้อยู่ดี มืดออกอย่างนี้ขืนออกไปคงหลงทิศทางเป็นแน่ เวลานี้ลูกเมียคงนั่งชะเง้อคอยเขาแล้วซินะ ฝนนะฝน ไม่น่าเลย เขาตื่นมาเมื่อรู้ว่าเช้าแล้ว ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม เมื่อเขาทอดสายตาไปเบื้องล่าง และแล้ว...เขาต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อน้ำท่วมสูงขึ้นมาใกล้จะถึงพื้นกระดาน ที่เขาอยู่ เรือเรือละ เขาหันไปทางเรืออย่างตะลึงงัน บัดนี้เห็นมีแต่กระแสน้ำที่เชี่ยวกราด โธ่เว้ยแล้วจะกลับยังไงวะนี่ เขาสบถพร้อมส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง เขาภาวนาให้คนหาปลาผ่านมาทางนี้ จะได้ขออาศัยกลับด้วย แต่ใครเล่าจะกล้ามาในเมื่อกระแสน้ำไหลเชี่ยวเช่นนี่ หากฝนยังตกลงมาอีกเขาคงกลับไม่ได้แน่ ยิ่งพรุ่งนี้น้ำคงท่วมสูงกว่าเดิม เขาคงจะต้องไปอยู่บนหลังคา หรือไม่ก็บนต้นมะม่วงเป็นแน่เขาคิด ไอ้ผอมโซเดินไป-มาพลางร้องหงิง ๆ คล้ายกับว่ากำลังวิตกในสถานการณ์ครั้งนี้ เอ็งหิวเหมือนข้าไหมวะ เขาถามเพื่อนร่วมชะตากรรมทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันตอบไม่ได้อยู่แล้ว ยังดีที่พอมีน้ำในโอ่งดินให้ดื่มประทังหิว แต่ช่วยได้ไม่มากนัก เวลานี้เมียเขา เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า จะคิดหาทางช่วยเขาไหมหนอ แต่ถ้าหากไม่มีใครมาช่วยล่ะ เขาคงเขาคิดอย่างกังวล ก่อนทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมาเป็นวันที่สอง วันนี้ดูท้องฟ้ายังมืดครึ้ม เขาดึงเอาไม้ที่ปักหมายระดับน้ำไว้ขึ้นมาดู น้ำคงที่แล้ว เขาตักน้ำจากโอ่งขึ้นดื่มลงลำคอที่แห้งผาก ก่อนชะโงกมองน้ำที่เหลือในโอ่งไม่มากนัก เขาหยิบเอายาเส้นที่เจ้าของทิ้งไว้มาม้วนใส่กระดาษจุดสูบ และแล้วก็ต้องสำลักเมื่อดูดควันเข้าปาก สูบอีกสองสามทีจนชินกับรสชาติฉุนนั้น หากน้ำลดลงกว่านี้เขาจะดำน้ำเอาเรือขึ้นมาพายกลับบ้าน คาดว่าพรุ่งนี้เช้าน้ำคงลดลงมาก เขาครุ่นคิดก่อนที่จะเอนตัวลงนอนโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปกว่านี้ วันที่สาม... ไร้วี่แววคนมาช่วย หรือว่าพวกนั้นจะปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้กระนั้นหรือ เขาคิดแล้วเพ่งมองระดับน้ำที่ลดลงตามที่คาดไว้ เขาจึงตัดสินใจที่จะดำน้ำเอาเรือขึ้นมา แต่พอลุกขึ้นยืนถอดเสื้อผ้าเท่านั้น เขาต้องเซถลาอย่างไร้เรี่ยวแรง เขานึกถึงข้าวเหนียวกับเนื้อย่างสักชิ้น มันคงทำให้เขามีกำลังขึ้นมาดุจเดิม ยิ่งคิดถึงข้าวเหนียวกับเนื้อย่างยิ่งทำให้น้ำลายสอ เขามองไอ้ผอมโซเวลานี้มันนอนหายใจผะแผ่วอย่างอ่อนแรงเช่นกัน เขารู้ตัวว่าหากไม่มีอะไรถึงท้องในวันนี้เขาคงไม่รอดแน่แล้ว ฉับพลัน...สายตาของเขาก็ต้องหันกลับไปเพ่งมองไอ้ผอมโซอีกครั้ง เวลานี้เขาหน้ามืด ตาลายเสียแล้ว X X X เสียงเรือยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วท้องน้ำ เขาเพ่งมองเห็นชายสาม-สี่คนนั่งอยู่บนเรือท้องแบนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา นายช่าง พวกเรามาช่วยแล้ว คนบนเรือร้องตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์เรียกมาแต่ไกล เมื่อมาถึงจึงเทียบเรือกับเพิงพัก คนบนเรือยื่นมือมาดึงเขาขึ้นเรือ ขอบคุณครับหัวหน้า เขากล่าวอย่างแหบแห้ง โทษทีนะ กว่าหัวหน้าจะขอเรือท้องแบนจากจังหวัดมาช่วยก็หลายวัน เรือเล็กไม่มีใครกล้าออก น้ำเชี่ยวมาก ผู้ที่เรียกตัวเองว่าหัวหน้าเว้นระยะก่อนพูดต่อ ชาวบ้านที่หาปลาบอกว่านายช่างมาทางนี้..ดีที่มีเพิงพักบนเนินสูง เขาพยักหน้าตอบรับเนิบๆ ขณะทีเรือแล่นออกไป คงหิวละสิท่าอยู่ตั้งหลายวัน เอ้านี่ข้าวกล่องกับน้ำ ผู้พูดยื่นให้ เขารับเอามาถือไว้ ก่อนที่จะก้มหน้านิ่ง ใช่..เขาหิว...หิวจนตาลาย หิวจน.... เขาอดสะเทือนใจกับการกระทำนั้นไม่ได้ มันเป็นการกระทำที่เขาไม่มีวันลืมในความอัปยศอดสูของเขาไปชั่วชีวิต ภาพที่เขาเงื้อท่อนฟืนกระหน่ำตีลงบนหัวไอ้ผอมโซขณะที่กำลังหลับด้วยความอ่อนล้าหิวโหย จังหวะนั้น..มันผวาร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด ดวงตาถลนตะลึงงันไปกับการกระทำของเพื่อนร่วมชะตากรรม มันไม่มีโอกาสร้องอ้อนวอนหรือหมอบคลานขอชีวิต เวลานั้นเขาหวนหาแต่เนื้อย่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เขากระหน่ำตีซ้ำจนมันแน่นิ่ง ก่อนที่จะใช้คัดเตอร์เฉือนเนื้อย่างไฟกิน ช่างไม่ต่างจาก เปรตแห่งขุมนรกผู้อย่างหิวกระหาย เขาหลับตาขบกรามแน่น ช่างเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมไร้คุณธรรมสิ้นดี เขาคิดอย่างปวดร้าวขณะที่เรือพุ่งทวนกระแสน้ำเข้าสู่ฝั่ง ๐๐๐ @@@@@@@@@@@@
7 ธันวาคม 2549 14:22 น. - comment id 94146
อืม...นี่แหละคือชีวิตเลยล่ะ...... เรื่องที่ว่าส่งประกวดเป็นไง....
7 ธันวาคม 2549 16:27 น. - comment id 94148
ค่ะชอบเรื่องสั้นมาก อยากเขียนได้เก่งอย่างคุณ
8 ธันวาคม 2549 09:13 น. - comment id 94167
ขอบคุณคุณทั้งสองนะครับ นายช่าง,tree เรื่องประกวดเหรอยังไม่ประกาศครับ ส่วนการเขียนต้องขยันอ่านมากๆ และฝึกเขียนหลายเรื่อง พร้อมเป็นนักจินตนาการไปด้วย ผมยังรู้ตัวเลยนะว่ายังไม่เก่งพอ สรุปจากการส่งประกวดไม่เคยได้รับรางวัลเลยสักอย่าง กำลังพยายามต่อไป
8 ธันวาคม 2549 23:32 น. - comment id 94187
ถึงคุณปลัด ก่อนจะแสดงความคิดเห็นจากเรื่องนี้ของคุณผมคิดหลายตลบเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณเขียนนานแล้วปัจจุบันแนวการเขียนคุณคงดีขึ้น คือสำหรับผมแล้วก็ไม่ได้เหนือกว่าคุณยังไม่เป็นโล้เป็นพายเหมือนกัน ผมลองวิจารณ์ตามความรู้สึกนะครับ ผมเคยเขียนเรื่องสั้นอยู่ประมาณ 2 - 3 เรื่องที่ลงในเว็บบางกอกช่วงแรก ๆ ผมโดนวิจารณ์มากว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรงคือหมายถึงว่าพล็อตเรื่องเดาออกได้ แต่ถึงแม้ว่าเดาออกได้ก็ไม่เป็นไรครับขอให้เราเขียนแล้วผู้อ่านรู้สึกอยากอ่านต่อ แต่ผมอ่านจากเรื่องนี้นะผมว่าสามารถเขียนย่นให้สั้นลงได้ บางทีคุณไปให้รายละเอียดในส่วนที่ไม่จำเป็นของเรื่องมากเกินไปทำให้เนื้อเรื่องดำเนินช้าและพลอยทำให้ผู้อ่านเบื่อที่จะอ่านต่อ สำคัญนะครับถ้าเมื่อใดที่ผู้อ่านนึกเบื่อที่จะอ่านต่อเท่ากับเรื่องนั้นไม่ผ่านการพิจารณาเลยอันนี้ผมเดาเอานะ กรณีนี้ผมพอเข้าใจเพราะนักเขียนบางคนก็ชอบเน้นบรรยายรูปพรรณสัณฐานของตัวละครซึ่งหากมันไม่ใช่ส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องก็ไม่จำเป็นก็ได้ อย่างประโยคนี้ "น้ำที่ขาวโพลนเต็มพื้นที่ไปหมด" ผมคิดว่าน้ำที่ท่วมนั้นไม่น่าจะเป็นสีขาวนะ มันน่าจะเป็นสีน้ำตาลขุ่น ๆ สีเหมือนชานมด้วยอาจเป็นเพราะน้ำปนเปี้อนมากับดินลูกรังหรืออย่างน้อยก็ควรเป็นสีเทาคล้ำหรือสีในแนวคล้ำ ๆ มากกว่า เรื่องนี้คุณเขียนแล้วขาดคำเชื่อมจึงทำให้ผู้อ่านหลงประเด็นเอาได้เพราะเหมือนกับเนื้อเรื่องกระโดดข้ามไป เช่น ท่อนตอนท้ายเรื่อง คงหิวละ....จนถึงตอนจบ ถ้าบอกสักนิดหนึ่งว่าพระเอกกำลังหวนคิดถึงการกระทำที่ผ่านมาแล้วจะทำให้เนื้อเรื่องดูสมบูรณ์แบบขึ้น คือเห็นว่าอยากให้คุณพัฒนางานมากขึ้น ไม่ได้มีเจตนาจะต่อว่าเลยนะครับ
12 ธันวาคม 2549 11:02 น. - comment id 94259
ขอบคุณครับท่านพัฒนา ขณะนี้ผมอยู่ระหว่างการพัฒนาการเขียนไปเรื่อยๆ ผมยินดีรับฟังทุกๆ ท่านที่ติชมวิจารณ์ครับ ผมยอมรับว่าถ้าหากจะพัฒนางานเขียน เราต้องรับฟังเพื่อนำมาวิเคราะห์เจาะลึก โดยไม่มีอคติใดๆ ต่อผู้วิจารณ์ครับ ขอบคุณครับ