ดอกโมก
สการะตาหรา
- ดอกโมก -
แสงเรืองรองเป็นริ้วๆสีแดงฉาบทาบท้องฟ้าสีหม่นคล้ายกับฝนกำลังตั้งเค้า ดอกโมกผลิดอกขาวสะพรั่งส่งกลิ่นอวลอบไปทั่วบริเวณ สายน้ำที่ทอดผ่านหน้าท่าน้ำเก่าคร่ำคร่านี้ยังคงไหลเอื่อยราวกับว่ามันไม่เคยอนาทรต่อสิ่งใดๆที่เกิดขึ้น
ฉันทอดสายตาไปยังสวนรกร้างริมฝั่งตรงข้าม... เรือนไม้สองชั้น ที่ระเบียงกว้างขวางประดับไปด้วยรอยฉลุขนมปังขิง ประติมากรรมชั้นยอดที่ผู้สร้างบรรจงวาดลวดลายแห่งความงดงามลงในทุกรายละเอียด
แม้ความงามเหล่านั้นจะทรุดโทรมลงไปตามกฎแห่งกาลเวลา กลายเป็นเพียงซากบ้านผุกร่อน แต่ความงามในหนหลังนั้น ฉันยังคงจารจดไว้ในทุกส่วนของสมอง
แม้กระทั่ง... ทุกส่วนของหัวใจ!
***
ฝนหยุดตกแล้ว แต่น้ำในตาของฉันยังไม่หยุดไหล ภาพของใครบางคนที่คุ้นตายังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ
ฉันเห็นร่างของ เขาคนนั้นรางๆผ่านม่านน้ำตาและละอองหมอกหนา... ร่างนั้นหันมาคล้ายส่งกระแสบางอย่างให้ฉันได้สัมผัส
สัมผัสนั้นมิใช่สัมผัสทางกาย
มิใช่สัมผัสอันน่าหวาดหวั่น
มิใช่สัมผัสอันหยาบกระด้าง
สัมผัสนั้น... อ่อนโยน และอบอุ่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยจำได้ภายในห้วงแห่งความรู้สึก
***
สายรุ้งทอดโค้งยาวผ่านท้องฟ้าสีครามซึ่งบัดนี้ไม่มีเค้าของเมฆฝนอีกต่อไป แสงอาทิตย์สีแดงระเรื่อดึงดูดสายตาของฉันเอาไว้ น้ำตาที่รินไหลค่อยๆแห้งเหือดไปจากใบหน้า ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่ฉันได้ลืมไป ฉันเหลียวกลับไปมองยังฝั่งตรงข้าม
เขาหายไป แล้วหายไปอย่างไร้วี่แววเช่นเดียวกับที่เขามา...
ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ฉันกลับเข้ามาซุกตัวอยู่ภายใต้ไออุ่นของผ้านวมผืนหนา... กลิ่นไอดินบางๆยังคงโชยรับเข้ามากับเสียงของใบไม้ที่ไหวลู่ตามแรงลม ฉันพยายามข่มตาให้หลับแต่สิ่งที่ยังติดค้างอยู่เมื่อเย็นยังคงไม่คลี่คลาย...
เขาเป็นใครกัน?
ฉันกำลังเฝ้ารออะไรกันแน่?
***
ม่านหมอกที่ทาทับทั่วลำคลองค่อยๆคลี่ออก ต้นโมกริมน้ำที่ผลิดอกพราวสวยงามราวกับสวนสวรรค์ พร่างไปด้วยละอองน้ำค้างยามเช้า...
ริมต้นโมก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีครีมทอดสายตาไปยังสายน้ำที่ไหลผ่านเบื้องหน้า ไม่นานนักหญิงสาวในชุดลูกไม้สีชมพูนวลตาก็ก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง
พี่จักไปราชการไกล ขอมองหน้าเจ้าให้เต็มตาเสียก่อน... เห็นทีว่าไปครานี้ จักต้องไปนาน
หญิงสาวในชุดลูกไม้สีชมพูนวลตาเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม นัยน์ตาหวานซึ้งนั้นปนแววโศกอย่างมิอาจซ่อนเร้น
รีบกลับมานะคะ การรอคอยหาใช่สิ่งน่าพึงใจไม่
ใช่ การรอคอยนั้นมิใช่สิ่งน่าพึงใจเลย... และหาใช่สิ่งที่มีความสุขด้วย
ชายหนุ่มส่งยิ้มนุ่มนวลแต่ฉายแววกังวลอย่างชัดเจน
***
ฉันตื่นขึ้นมาในยามเช้าที่สดใสพร้อมๆกับความฝันที่ยังคงไม่เคยเลือนรางไปจากหัวใจ มันเป็นความฝันซ้ำๆที่เกิดขึ้นทุกคืนตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้
บางครั้งฉันก็คิดจะหาคำตอบให้กับความฝันของตัวเอง แต่มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรในการที่จะค้นหา ในเมื่อความฝันนั้นมันช่างแสนหวานถึงเพียงนี้ น่าจะต้องขอบคุณมันมากกว่าที่สร้างแรงบันดาลใจในการรอคอยอะไรบางอย่าง
...บางอย่างที่ฉันไม่รู้เลย...
ฉันมองออกไปที่นอกหน้าต่างผ่านผ้าม่านสีนวลตา นั่นไง... เขากลับมาอีกแล้ว ชายคนที่ฉันเห็นเมื่อวานนี้ ฉันพอจะนึกออกแล้วว่าเขาเป็นใคร แต่ไม่แน่ใจว่าเขาคือคำตอบของบางอย่างที่รอคอยหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...
สักวันฉันคงจะได้รู้เป็นแน่!
แสงอาทิตย์ยามเช้าฉายผ่านผ้าม่านลูกไม้สีหวานเข้ามากระทบนัยน์ตาจนฉันต้องหลบลำแสงนั้น ด้วยไม่อาจสู้แสงแดดจ้านั้นได้ ฉันหวังไว้ในใจว่าอย่างไรเสีย วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร
...เขาหายไปอีกแล้ว หายไปเฉยๆอย่างเมื่อวาน ฉันพยายามกวาดตาดูที่ตลิ่งฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไร้วี่แวว แต่อย่างไร้ก็ตาม ฉันค่อนข้างมั่นใจกับสิ่งที่คิด เขาต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการรอคอยของฉัน...
***
เช้าแล้ว แต่ฉันยังคงอยู่บนที่นอน
ภาพของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มคนนั้นปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว... ปรากฏขึ้นมาในความฝันแสนหวานเมื่อยามรุ่งสาง...
ฉันพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นเดินเข้ามาหาฉัน โน้มตัวลงกระซิบเสียงละมุนที่ข้างหูว่าใกล้ถึงเวลาของเราแล้ว
เรา ฉันทวนคำอย่างเลื่อนลอย... เราอย่างนั้นหรือ ฉันยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่า เรา เคยพบกันตอนไหน
โสตประสาทของฉันปวดแปลบขึ้นมาในทันที คล้ายมีบุคคลล่องหนทิ่มแทงเหล็กแหลมคมเข้าใส่ ภาพต่างๆวิ่งวุ่นอยู่ในหัวสมอง...
ท้องฟ้าที่เริ่มสางเมื่อครู่นี้กลับมืดลงทันใด ลมพัดแรงขึ้นจนฉันต้องรั้งผ้านวมห่อตัวเข้ามา ความหนาวเย็นและความเจ็บปวดนั้นทำให้ฉันนึกถึงความรู้สึกที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อนหน้านี้ ความทรมานที่ฉันเคยได้รับ
ภาพของใครบางคนในชุด,กไม้ขาวสะอาดภายใต้ผ้านวมผืนโตเช่นเดียวกับฉันในยามนี้ ภาพที่เลือนรางนั้นผ่านเข้ามาเสมือนจริงจนฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ
ความรู้สึกที่เดียวดายและว้าเหว่...
ความรู้สึกเย็นเยียบที่แล่นเข้าสู่หัวใจที่ว่างเปล่า...
ความเศร้า ความเหงา...
ความทรมานด้วยการรอคอยอะไรบางอย่างในชีวิต...
***
เสียงลมกู่หวิวเข้ามาเหมือนเสียงใครคนหนึ่งกำลังร่ำร้อง ปลุกให้ฉันตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความเจ็บปวดนั้น ฉันได้ยินอย่างชัดเจนถึงเสียงกรีดร้องของเธอ
ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม ไม่จริง...ง...ง...
เสียงโหยหวนดังก้องผ่านสายลมมา ดอกโมกสีขาวสะอาดร่วงพราวพัดกรูเข้ามา ภาพความทรงจำอะไรบางอย่างแล่นเข้าสู่สมอง
... ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้... ใช่ ต้องใช่คนเดียวกับในความฝันแน่ๆ
แล้วนั่น ผู้หญิงในชุดดำเดินแบกกระเป๋าใบโตออกมาจากบ้านไม้หลังใหญ่ ต้องเป็นหลังนั้นแน่ๆ... หลังที่ฉันเคยเห็น หลังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น
ต้นโมกริมน้ำกับเรือนสีขาวหลังเล็ก ก็ที่นี่ไง แต่นั่น... ฉัน!
เป็นตัวฉันเองที่ยืนทอดสายตาอยู่ริมน้ำนั้น!
... ความรู้สึกถาโถมเข้ามา ฉันพยายามลำดับความรู้สึกเมื่อครู่ ทำนบน้ำตาล้นเอ่อออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่รู้ สมองของฉันปวดร้าวราวกับจะแตกออกมาเป็นเสียงๆ ลมยังคงพัดกู่เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เสียงใบไม้ที่กระทบปลิวว่อนกระทบกันฟังคล้ายกับเสียงใครที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ
ลมพัดโหมพาเอาดอกโมกกรูเข้ามาล้อมรอบตัวฉันอีกครั้ง มันวนล้อมรุนแรงจนฉันต้องกรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดถาโถมขึ้นจนฉันไม่สามารถทนทานต่อไปไหว ฉันล้มลงทุรนทุรายลงบนเตียงท่ามกลางกลิ่นอบอวลของดอกโมกสีขาวสะอาดที่พร่างอยู่รอบตัว...
***
... ลมสงบลงแล้ว...
ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาน้นก็ได้สิ้นสุดลงด้วย ตอนนี้ฉันรู้ถึงคำตอบของทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาแล้ว... ผู้หญิงคนนั้น... ฉันเอง คือฉันเองที่รอคอย คือฉันเองที่จมอยู่ในความทุกข์ทรมานนั้น
นี่ฉันรอคอยมานานมากจนหลงลืมความทรงจำส่วนนั้นไปแล้วหรือ ความทรงจำในส่วนที่ทำให้ฉันต้องรอคอยอะไรบางอย่างอย่างไร้ไร้จุดหมายมาเนิ่นนาน อะไรบางอย่างทีทำให้ฉันติดอยู่ที่นี่
ใครบางคนที่จากไปไกล ไกลมากจนอาจจะไม่มีวันได้พบกัน ใครบางคนที่ฉันเผ้ารอ รออย่างไม่มีจุดหมาย เฝ้ารอแม้จะรู้ว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร เฝ้ารอจนใครๆในบ้านหลังนั้นคิดว่าฉันบ้า จนพาฉันมาอยู่ที่เรือนหลังนี้
เป็นอย่างไรล่ะ ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้บ้า พวกมันนั่นแหละที่บ้า... บ้าที่คิดว่าเขาจะไม่รักษาสัญญา เขาสัญญาว่าจะกลับมา เขาก็ต้องกลับมาหาฉัน เขาไม่เคยโกหกฉันและไม่มีวันที่จะทำด้วย
เขากลับมาแล้ว อยู่ใต้ร่มไทยฝั่งตรงข้ามนั่นไง จ้องมองมาที่ฉัน
คุณเห็นฉันไหม ฉันอยู่ตรงนี้ไง ใต้ต้นโมกที่คุณบอกรักฉัน...
ต้นโมกที่คุณสัญญาว่าจะกลับมาหาฉัน!
***
คุณคะมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ
หญิงชรานางหนึ่งทักทายชายหนุ่มในชุดขาวที่ชะเง้อชะแง้เมียงมองไปยังท่าน้ำฝั่งตรงข้าม
ยายครับ ยายพอจะรู้จักผู้หญิงชุดขาวที่ยืนอยู่ใต้ต้นโมกริมฝั่งโน้นมั๊ยครับ
หญิงชราทำท่าขนลุก พลางกวาดสายตามองไปยังต้นโมกฝั่งตรงข้าม
คุณคะ ผู้ยงผู้หญิงที่ไหนกัน ยายรับจ้างเฝ้าบ้านให้ตระกูลคุณมา 40 ปีเห็นจะได้ ไม่เห็นมีผู้หญิงซักคน... อย่าพูดไปนะคะคุณ นี่มันก็ใกล้ค่ำแล้วด้วย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ปัญหาที่อยากรู้ยังคงค้างคาใจ
ทำไมล่ะครับ ใกล้ค่ำแล้วทำไม
หญิงชราค้อนให้ชายหนุ่มก่อนจะเริ่มเล่า
ก็บ้านสีขาวหลังนั้นน่ะสิคะ ผีดุนัก ผีคุณย่าน้อย ภรรยาของน้องชายแท้ๆของคุณปู่คุณ คนที่ตายในสงครามนั่นแหละค่ะ โอ๊ย เฮี้ยนเหลือเกิน วันดีคืนดีก็มานั่งรอสามีที่ใต้ต้นโมกนั่นแหละค่ะ
เห็นมั๊ยยังไม่ทันขาดคำอิฉันลมก็พัดวูบแล้ว รีบๆกลับกันเถอะค่ะคุณ
หญิงชรากึ่งวิ่งกึ่งลากชายหนุ่มให้เดินตามไป ในขณะที่เขายังคงติดใจไม่หาย เขาหันกลับมามองหญิงสาวในชุดขาวกับรอยยิ้มเศร้าๆนั้น
ไปสิคะคุณ คุณยิ่งหน้าเหมือนคุณปู่น้อยที่ตายไปอยู่ด้วย อิฉันเคยเห็นรูปท่านตอนสมัยอิฉันยังเล็กๆ ว่าจะทักคุณหลายครั้งแล้วเชียว
***
ฉันอยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่เหมือนหรอกแต่เขาใช่คนเดียวกันแน่ๆ เขากลับมาหาฉันตามสัญญาที่เข้าให้ไว้ และคราวนี้ ไม่ว่าอะไรก็พรากเราจากกันไม่ได้อีก ฉันจะทำทุกวิถีทางไม่ว่าอะไรก็ตาม
นั่นไง เสียงนั้นที่ลอยลมมา เสียงที่คุ้นหู มันดังก้องอยู่รอบๆตัวฉัน...
ใช่ การรอคอยนั้นมิสนุกเลย... และหาใช่สิ่งที่มีความสุขด้วย
ใช่! มันทรมานมากและฉันจะไม่ยอมให้เขาจากไปซ้ำสอง!
***