บทที่ ๒๔ วานนรินทร์ยุพราช ถึงเรื่องราวภายนอกมานะท่านพ่อปู่” องค์ทัศยุราชันย์ทรงพระดำรัส แล้วก็ทรงเล่าเรื่องต่างๆให้มหาราชครูแห่งนาครินทนาครรับทราบทุกประการ เมื่อมหาราชครูรับฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไปสักพัก พลางกล่าวทูลว่า “เมื่อการเป็นเช่นนี้ เห็นทีทางปักษินนครคงจะทำศึกเพียงแค่ลวงต่อท่านท้าวนิลกาฬ มิได้ทำศึกโดยแท้จริง หรือว่าทางปักษินนครคงจะพบเห็นเล่ห์เพทุบายที่วางกลศึกไว้ อีกประการหนึ่งทาง ท่านท้าววิหะคะยุราชซึ่งมีพระอุปนิสัยดุร้ายยิ่งนัก คงจะได้รับการ หว่านล้อมจากองค์พระยุพราชวานนรินทร์จนทรงแปรเปลี่ยนพระราชหฤทัยเสียแล้ว หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นใดที่ทางเราไม่รู้ได้ ก็นับว่าเป็นบุญของเมืองนาครินทนาครยิ่งนัก ทาง เรานั้นหาได้เกรงกลัวต่อท้าวนิลกาฬและท้าวสุพพัตสุระก็หาไม่ อันพระอุปนิสัยใจคอ ของท่านท้าวเธอนิลกาฬถึงแม้จะเหี้ยมหาญมุทะลุดุดัน แต่ก็ขาดความละเอียดรอบคอบถี่ถ้วน มิเห็นผู้ใดในสายตามีความลุ่มหลง โลภ ความโกรธเป็นเกณฑ์เอาแต่ใจตัวเองเป็นสำคัญ มัวเมาอยู่แต่ในกามารมณ์ยิ่งนัก แม้แต่พระยุพราชของพระองค์ซึ่งมีความเฉลียวฉลาดมาก ก็ยังมิเห็นชอบด้วยคัดค้านไม่ยอมเสด็จมาในการศึกครั้งนี้ หากมาดแม้นมีองค์พระยุพราช ของพระองค์เสด็จมาศึกครั้งนี้คงยากแก่การรับมือได้ แต่นี้เพราะองค์ยุพราชมีพระอุปนิสัย เหมือนพระราชมารดาหมกมุ่นอยู่ในศีลธรรมจริยธรรมเพียงแค่เฝ้าปกครองนครเท่านั้น จึงเกิดการคัดค้านขึ้นและเสด็จหนีออกจากเมืองไป จวบจนพระราชบิดามาการศึกจึงได้หวน กลับมายังเมืองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการนี้ ผิดกับท่านท้าววิหะคะยุราชถึงแม้พระองค์จะดุร้าย แต่พระอุปนิสัยนั้นกลับเยือกเย็นยิ่งนัก คาดการณ์คำนวณเหตุการณ์ได้แม่นยำยิ่งนัก อีกทั้ง พระองค์ชอบทรงไตร่ตรองได้อย่างละเอียดรอบคอบรอบรู้ทั้งตำหรับพิชัยสงคราม และอุปนิสัยคนได้อย่างเยี่ยมยอด นี่ซิที่เราหวั่นเกรงกว่าผู้ใดๆก็มีเพียงท่านท่านท้าวเธอ พระองค์นี้เท่านั้น ตลอดจนยังมีพระยุพราชที่ทรงเฉลียวฉลาดมากด้วยปัญญายากจะหาบุรุษใด มาทัดเทียมได้ รอบรู้กลศึกตำหรับพิชัยสงครามอย่างเชี่ยวชาญเล่ห์กลเพทุบายต่างๆดีเยี่ยม นี่แสดงถึงชาตาฟ้าดินได้เข้าคุ้มครองเมืองเราเป็นแม่นมั่นถึงทำให้ทรงแปรเปลี่ยน พระอุปนิสัยขององค์ท้าววิหะคะยุราชได้ถึงเพียงเช่นนี้ ” ท่านมหาราชครูกล่าวขึ้น “นั่นซิท่านพ่อปู่ หากแม้นการเข้ารบร่วมของเมืองปักษินนครเกิดขึ้น เราจะทำประการใด ที่มิให้เคืองขุ่นแก่องค์ท่านท้าววิหะคะยุราชล่ะ” องค์ทัศยุราชันย์ทรงตรัสถามขึ้น “การครั้งนี้เราคาดการว่าองค์พระยุพราชวานนรินทร์ที่พระองค์ทรงเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ก็จะหาทางคลีคลายเองได้ ส่วนทางเรานั้นหากมีการรบพุ่งขึ้นเมื่อใด ก็ให้ทหารฝ่ายเรา พยายามหลบเลี่ยงการต่อสู้กับทหารของทางฝ่ายปักษินนคร ทำเป็นทีเข้าต่อสู้กันอย่าให้ เกิดความรุนแรงขึ้นได้เพราะจะเห็นเหตุให้เสียการศึกทั้งปวงนะพระองค์” “ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ควรจะนัดหมายกับองค์พระยุพราชวานนรินทร์ให้เข้าใจถึงเหตุผลนี้ แสร้งทำเป็นกลอุบายหลอกล่อต่อท่านท้าวนิลกาฬ ทำอย่างไรจะส่งข่าวให้ทราบโดยเร็วได้” “แล้วใครล่ะจะเป็นผู้ไปส่งข่าวนี้ให้ทรงรู้ได้ล่ะ” องค์ท้าวทัศยุราชันย์ตรัสขึ้น ฉับพลันพระองค์หญิงปทุมวดีทรงกล่าวขึ้นถึงการณ์นี้ว่า “หม่อมฉันขอรับอาสาการนี้เพค่ะ “ องค์หญิงปทุมวดีหันไปยิ้มทรงกล่าว “น้องหญิงจะไปเองหรือ เราไม่ให้ไปหรอกนะ” ท้าวทัศยุราชันย์ตรัสเป็นห่วง “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพค่ะ น้องหญิงคงจะให้องครักษ์หญิงไปทำการนี้หรอก เพราะว่าได้ฝึกปรือวิทยาอาคมจนเชี่ยวชาญยิ่งนัก สามารถล่องหนหายตัวไปทำการครั้งนี้ และก็จะ มิเป็นที่สงสัยแต่ประการใดเพค่ะ “ องค์หญิงปทุมวดีทรงแย้มพระสรวล “หากเป็นเช่นนี้พี่เองก็เบาใจยิ่งนัก “ องค์ท้าวเธอรำพึงเบาๆ “ถ้าเป็นได้อย่างนี้ ก็คงจะสำเร็จต้องรีบดำเนินการก่อนวันพรุ่งนี้นะ” ท่าน มหาราชครูกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ขอให้เสด็จพี่รีบตราพระราชสาสน์ถึงองค์พระยุพราชวานนรินทร์ แล้วนำมาให้หม่อมฉันเพค่ะ” องค์หญิงปทุมวดีตรัสขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะทำเดี๋ยวนี้เลยล่ะ” ว่าพลางพระองค์ก็ทรงเสด็จไปยังโต๊ะ หนังสือของท่านพ่อปู่ราชครู ทรงร่างพระราชสาสน์ทันที เสร็จแล้วก็ทรงนำมาให้ แก่เจ้าหญิงปทุมวดี ครั้นองค์หญิงได้รับหนังสือแล้วก็เสด็จออกไปยังนอกตำหนัก ตรัสแจ้งแก่เหล่าสนมกำนัลที่ยืนคอยรับบัญชาให้ไปตาม วิชชุเมฆานและศรีสวรรค์ ให้เข้ามาพบพระองค์โดยด่วน เมื่อนางสนมรับบัญชาแล้วก็รีบออกไปทันที ในช่วงระยะคอยกันอยู่นั้นต่างพากันปรึกษาหารือสิ่งต่างๆกับท่านมหาราชครูอยู่ ครั้นหัวหน้าฝ่ายทหารวิชชุเมฆานและศรีสวรรค์เข้ามาถวายบังคม องค์หญิงปทุมวดีก็ทรงมีรับสั่งทันทีทรงพระดำรัสว่า “นี่แน่ะ วิชชุเมฆานและศรีสวรรค์ เราจะให้ท่านทั้งสองนำพระราชสาสน์ นี้ไปพบแก่องค์พระยุพราชวานนรินทร์อย่าให้ผู้ใดจับได้เป็นอันชาด หากมาดแม้นว่า ทำการมิสำเร็จก็ให้ทำลายหนังสือฉบับนี้พร้อมกับทำลายตัวเองทันที แม้นหากพลาดพลั้ง ก็ขออย่าได้กลับมาให้เราเห็นหน้าเจ้าอีกต่อไป” องค์หญิงปทุมวดีตรัสด้วยพระพักตร์ เคร่งขรึมดุดันในพระกระแสดำรัส จนเป็นที่หวาดหวั่นแก่ทหารทั้งสองยิ่งนัก “พ่ะย่ะค่ะ เพค่ะ.....พระองค์รับไว้ด้วยเกล้า จะมิทำให้พระองค์หญิง เสียพระหฤทัยแก่การนี้เป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ เพค่ะ” หัวหน้าทหารหญิงชายและทหารหญิงศรีสวรรค์น้อมรับพระบัญชา “ให้เจ้าทั้งสองจงออกเดินทางได้แล้วและล่องหนหายตัวไปอย่าปรากฏตัวที่ใด พอใกล้ๆยังที่ประทับให้ผุดดำดินไปโผล่ใกล้ๆพอเห็นองค์พระยุพราชอยู่พระองค์เดียว ถึงจะถวายพระราชสาสน์นี้ ทุกๆประการอย่างให้เหล่าทหารได้เกิดสงสัยเป็นเด็ดขาด พวกเจ้าทั้งสองเข้าใจหรือไม่” องค์หญิงทรงตรัสกำชับ “รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ เพค่ะ” ครั้นแล้วเมื่อวิชชุเมฆานรับพระราชสาสน์แล้ว ทั้งสองก็พลันหายตัวจากไปทันที ต่อหน้าองค์ทัศยุราชันย์และองค์หญิงดาริกาตลอดจน ท่านมหาราชครูที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ต่างพากันเอ่ยปากชมเชยทหารขององค์หญิงปทุมวดี เป็นเสียงเดียวกันถึงความเด็ดขาดและความสามารถของทหารชายหญิงทั้งสองมิขาดปาก “หากเป็นเช่นนี้ทางเราก็รู้สึกสบายใจเพียงแต่ต้องรอการติดต่อกลับเท่านั้น” ท่านมหาราชครูปรารมภ์ขึ้นเบาๆ ฝ่ายขุนทหารชายและหญิงครั้นออกจากพระนครก็เหิรเดินอากาศสู่ฟ้ามุ่งหน้าเข้า ไปยังภูเขาติรังคะคีรี ผ่านทหารของนครสินธุนครที่กระจัดกระจายอยู่แถวตามเชิงเขา ก็หลีกหลบพอถึงที่เปลี่ยวก็รีบลงพื้นดิน พากันปรึกษาคาดคำนวณเห็นพ้องต้องกันแล้ว ก็พากันชำแรกร่างลงสู่พื้นดินเลาะไปตามกระแสน้ำที่ไหลมาจากยอดเขาแทรกร่างผ่าน ขึ้นไปยังยอดเขาผ่านกองทหารปักษินนครเข้าสู่ห้องพลับพลา ครั้นโผล่ขึ้นมาเห็นทั้งสอง พระองค์นั่งอยู่บนพระเก้าอี้มีโต๊ะตั้งไว้อยู่ริมหน้าต่าง ทั้งสองก็รีบแอบยังม่านบังตาทันที เนื่องด้วยองค์ท้าววิหะคะยุราชกำลังปรึกษากับองค์พระยุพราชวานนรินทร์อย่างเคร่งเครียด ได้ยินท่านวิหะคะยุพราชท้าวเธอทรงตรัสเบาๆ “หากลูกพ่อคิดดีแล้ว พ่อเองก็ตามใจลูก เพียงแต่ว่าทางเมืองนาครินทนาครนั้นเมื่อได้รับ การติดต่อแล้วจะมีความคิดอ่านประการใดนั้นแก่เราหรือไม่พ่อเองก็ยังคาดการณ์มิถูก” ครั้นแล้วพระองค์ทรงหยุดชะงักมิทรงกล่าว พลางหันไปทางม่านที่ขุนทหารหญิงชายกำบัง ร่างแอบอยู่ พระองค์ทรงตวาดด้วยพระสุระเสียงเบาๆกึ่งเสียงดัง “นั่นใครบังอาจนักมาแอบฟังเราสองพ่อลูกที่หลังม่าน ให้รีบปรากฏตัวออกมาโดยเร็ว” องค์พระยุพราชวานนรินทร์ก็ทรงผินพระพักตร์หันมาจ้องมองดูพร้อมชักอาวุธพระขรรค์ เพชรออกจากพระวรกายผุดลุกขึ้นยืนทันทีบังร่างองค์วิหะคะยุราชไว้ ขุนทหารวิชชุเมฆานและทหารหญิงศรีสวรรค์ เห็นดังนี้ก็ให้เกิดความสะดุ้งตกใจยิ่งนักมิคาด ว่าองค์ท่านท้าววิหะคะจะทรงทราบได้อย่างไรเนื่องจากได้กำบังร่างไว้มิได้เกิดพิรุธเกิดขึ้น ก็ยังสามารถตรวจสอบพบเห็นได้ แสดงถึงพระพละพลานุภาพอันแกร่งกล้ายิ่งนัก ทั้งที่มิได้ระคายให้ผิดสังเกตพบเห็นได้แต่ประการใดจึงพากันกลับคืนร่างแล้ว พร้อมก้าวมา โน้มกายเข้าถวายบังคมองค์ท้าวเธอทันที ที่ยืนเฝ้ามองมาท่าทางขึงขัง “ขอถวายพระพรพระเจ้าข้า กระหม่อมเป็นทูตมาจากเมืองนาครินทนาคร เพื่อนำพระราชสาสน์ขององค์ท่านท้าวทัศยุราชันย์มาถวายให้ทรงทอดพระเนตร ควรมิควรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าด้วยพระเจ้าข้า” องค์ท้าวเธอและพระยุพราชเมื่อได้ทรงฟังเช่นนั้นก็ทรงเก็บพระขรรค์ พระพักตร์คลายความตึงเครียดลงทันที ท่านท้าวเธอทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสขึ้นว่า “กระนั้นหรือท่าน มาแบบนี้ทำให้เราเกิดความสงสัยยิ่งนักไหนๆส่งมาให้ข้าดูหน่อยนะ อือๆพวกเจ้าช่างเก่งกล้าสามารถอาจหาญยิ่งนัก ที่สามารถผ่านทหารของนคร ท่านท้าวนิลกาฬและเหล่าทหารของข้าที่เฝ้าอารักขาอย่างเข้มงวดกวดขันมาได้ หากมีคนดั่งพวกเจ้ามากมายเช่นนี้เห็นที่ยากยิ่งนักที่จะปกป้องตัวเองได้ เหอะมี ทหารหญิงมาด้วยหรือนี่” พระองค์ทรงตรัสชมเชยทหารทั้งสองที่เฝ้าหมอบรับพระบัญชาทรงแคลงพระทัยนัก “ทรงพระกรุณาธิคุณแล้วพระเจ้าข้า” วิชชุเมฆานและศรีสวรรค์ยกมือขึ้นน้อมก้ม ถวายพระบังคม พร้อมยื่นพระราชสาสน์ส่งให้ท่านท้าวเธอทันที เมื่อท่านองค์ท้าวเธอรับพระราชสาสน์มาทอดพระเนตรก็ทรงพระสรวลพลางยื่น ส่งให้องค์พระยุพราชทันที “เขามีหนังสือมาถึงลูกนะ อ่านดูซิ” พระองค์พลางยื่นให้องค์พระยุพราช “ ทางเขาช่างมีอัชฌาสัยดียิ่งนะ” พระองค์ทรงดำรัสต่อ องค์พระยุพราชวานนรินทร์ครั้นรับหนังสือมาอ่านทบทวนแล้วก็ทูลแก่องค์ท้าวเธอ “เสด็จพ่อทรงเห็นเป็นประการใดในพระราชสาสน์นี้พระเจ้าค่ะ” “แล้วแต่ลูกซิ ส่วนพ่อนั้นเห็นว่าเขาคงมิได้มีเล่ห์เพทุบายประการใดไม่ เพราะในหนังสือนั้นก็กล่าวอย่างชัดแจ้งมิได้มีข้อเบี่ยงเบนเล่ห์ตามตำรา พิชัยสงครามอยู่แต่ประการใดไม่ เพียงรอคำตอบจากเราเท่านั้น” “ถ้าเป็นอย่างนั้นลูกคิดว่าควรตกลงกระทำการให้สอดคล้องซึ่งกันและกันแต่ ทว่าอาจจะมีการล้มหายตายเจ็บกันบ้างนะเสด็จพ่อ” องค์ยุพราชตรัสขึ้น “ก็เป็นธรรมดาในการศึกเช่นนี้ย่อมต้องเสียไปบ้างทั้งสองฝ่ายเพียงแต่ว่า รักษาส่วนใหญ่ไว้ก็เพียงพอย่อมมิเป็นที่คลางแคลงใจแก่ฝ่ายตรงข้ามใดๆได้” “ถ้าเสด็จพ่อเห็นด้วย ลูกก็จะตอบพระราชสาสน์นี้ให้ท่านทูตนำไปทูล ถวายแก่องค์ท้าวเธอทรงทราบถึงแผนการพระเจ้าข้า” “ดีแล้วล่ะลูกแล้วนัดหมายวันที่เราทั้งสองจะเข้าต่อสู้กันให้ชัดเจนด้วย “พระเจ้าข้า” องค์พระยุพราชรับสนองพระบัญชา ทรงเสด็จไปยังโต๊ะ หนังสือพลางเขียนพระราชสาสน์ตอบแก่องค์ทัศยุราชันย์ เมื่อเสร็จสรรพก็ทรง นำมายืนให้แก่ขุนทหารวิชชุฆานทันที
ภาพประกอบของคุณ เฌอมาลย์ขอรับท่าน....แก้วประเสริฐ.
30 พฤศจิกายน 2549 09:19 น. - comment id 93988
ความละเอียดรอบคอบ มีประโยชน์มากเลยนะคะคุณลุง นิสัยกานต์หมือนคุณท้าวเธอนิลกาฬเลยค่ะ
30 พฤศจิกายน 2549 10:27 น. - comment id 93989
ปทุมวดีนี่เข้มแข็งดีนึ...... ยายแม่มดอ่อนล้าจนค้องค่อยๆ..... หายใจแล้วเจ้าค่ะคุณชาย.....
30 พฤศจิกายน 2549 10:49 น. - comment id 93990
มาเป็นแม่ยกอีกคนค่ะ อิอิ เจ้าหญิงมณีกานต์มาเอาหน้าก่อนน้องเฌอทุกทีเลยนะคะ เฌอ งอนค่ะ
4 ธันวาคม 2549 22:45 น. - comment id 94073
คุณ เพียงพลิ้ว ผมพึ่งจะกลับมาจากต่างหจังหวัดนี่แหละครับ ความละเอียดรอบคอบย่อมมีค่าให้คุณเสมอกับผู้ที่ ใช้มันครับ แก้วประเสริฐ.
4 ธันวาคม 2549 22:48 น. - comment id 94074
คุณ ยายแม่มดน้อย เป็นอะไรไปหรือครับ อย่างไปหาหมอก่อนนะครับ อย่าปล่อยเอาไว้ครับ แก้วประเสริฐ.
4 ธันวาคม 2549 22:51 น. - comment id 94075
คุณ เฌอมาลย์ ครับดีครับขอบคุณ เพราะงานนี้แม่ยกน้อยจริงๆ ครับหายากเสียด้วยซิ ลงเรื่องนี้เสร็จต้องพักรบ ก่อนก็จะดีครับ แก้วประเสริฐ.