เราจะขอเล่าเรื่องต่อไปนี้เพราะนี้คือเรื่องจริง ที่เขาเล่าต่อๆกันมา มีเพื่อนร่วมโรงเรียนจบพร้อมกันและอายุเท่ากัน ปีเดียวกันแต่ทำงานคนละแผนกในอำเภอเดียวกัน วันหนึ่งในเวลาราชการ เราออกจากแผนกที่ดินเพื่อนำหนังสือมาเสนอให้นายอำเภอลงนาม ก่อนที่จะเข้าห้องนายอำเภอ ต้องผ่านหน้าห้องมีโต๊ะปลัดอำเภอตั้งอยู่เห็นแม่ของเพื่อนยืนร้องให้อยู่ที่ข้างโต๊ะปลัด เห็นเพื่อนผู้เป็นลูกยืนแสดงสีหน้าเครียดกำลังอารมณ์เสีย ขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ เรามายืนนิ่งฟังอยู่ห่างๆ เพราะยังไม่รู้เรื่องต้นสายปลายเหตุ ที่สุดก็จับใจความได้ว่าเพื่อนผู้นี้กำลังจะไล่แม่ให้ออกจากบ้านไม่สนใจว่าแม่จะไปอาศัยอยู่ที่ไหน เราฟังแล้วต้องชะงักยืนงง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเพื่อนจะใจเหี้ยมโหดรุนแรงถึงเพียงนี้ เราคิดแล้วก็เศร้าใจเพราะเพื่อนผู้นี้เคยจบพร้อมกันและเวลานั้นเพื่อนก็มีภรรยาแล้วแต่ยังไม่มีบุตรด้วยกัน เมื่อมาพิจารณาดูตั้งแต่เพื่อนได้ภรรยาแล้วก็เปลี่ยนนิสัยไป ก่อนอยู่สองคนกับแม่ก็เป็นคนดี เราได้ยินปลัดอำเภอได้พยายามไกล่เกลี่ยเปรียบเทียบชี้ให้เห็นบุญบาปที่ทำให้แม่เสียอกเสียใจถึงกับน้ำตาตกร้องให้สะอึกสะอื้นแล้วพูดด้วยสั่นๆไม่หยาบคาย เหมือนไม่โกรธตอบลูก แต่พูดให้ลูกเห็นใจ มิได้ใช้วาจาหยาบคายตามอารมณ์ ฟังแล้วก็คิดสงสาร เสียงผู้เป็นแม่พูดว่า แม่ได้ยกบ้านให้ลูกแล้วเพียงแต่แม่อาศัยไปวันหนึ่งๆเท่านั้น แม่ไม่ต้องการอะไรทั้งหมดและแม่ก้ไม่โกรธลูกที่ว่าแม่ ลูกไม่ควรจะไล่แม่ไปอยู่ที่อื่น แล้วแม่ไปอยู่ที่ไหนล่ะ ไปอาศัยใครเขาก็คงรังเกียจคนแก่ ช่วยทำงานอะไรให้เขาก็ไม่ไหว เห็นแก่แม่ที่เลี้ยงลูกจนโตเถิด แม่แก่แล้วจะอยู่กับลูกไม่นานก็ตาย เรายืนฟังด้วยความสลดใจ น้ำตามันจะไหลออกมา ข้าราชการบนอำเภอนั้นต่างก้หน้าเศร้าเหมือนจะร้องให้เพราะความสงสารผู้เป็นแม่ คำพูดของแม่แต่ละคำมิได้พูดให้กระเทือนใจลูกเลย มีแต่คำอ้อนวอนให้ลูกมีความสงสารแม่เท่านั้น แต่ลูกกลับมีกิริยาทั้งขู่ทั้งตวาดใช้วาจาหยาบคายต่อแม่บังเกิดเกล้า เสียงตวาดว่า ต้องออกจาบ้านเพราะบ้านเป็นของฉัน แม่ยกให้ฉัน ไม่ใช่ของแม่แล้วแม่ไม่มีสิทธิจะอยู่ต่อไป แม่ไม่มีที่อยู่ไปอยู่วัดก็ได้ ขอให้ไปพ้นบ้านฉัน! เรามาฟังแล้วมีความแค้นและเจ็บใจแทนผู้เป็นโยมแม่ของเพื่อน ไม่นึกว่าเพื่อนจะมีจิตใจร้ายกาจเยี่ยงสัตว์เช่นนี้ พวกข้าราชการบนอำเภอต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเรา มีแต่คนแช่งคนด่าชังน้ำหน้า ไม่มีใครยกย่องว่าเป็นคนดี เรารู้สึกหูหน้าร้อนชา เลือดฉีดแรงขึ้นหน้าเพราะโกรธแทนแม่ของเพื่อน สงสารและเห็นใจนึกในใจเพื่อนอย่างนี้เลิกคบค้าสมาคมนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเรารู้ตัวดีจึงรีบเดินออกจากที่นั้นก่อนที่จะระงับอารมณ์ไม่อยู่ ทนดูเพื่อนเป็นไอ้ลูกอกตัญญูไม่ไหว ต่อจากนั้นเราก็ไม่อยากทราบเรื่องให้เกิดความขุ่นใจเปล่าๆ เพราะเราตัดการเป็นเพื่อนฝูงสิ้นสุดกันแล้ว เราคิดว่าเพื่อนคนนี้ต่อไปจะไม่มีความเจริญ มีแต่จะเสื่อมลง กรรมจะต้องตามสนองในวันหนึ่งข้างหน้า หลังจากนั้นต่อมาประมาณเดือนเศษหรือสองเดือนเราก็จำไม่ได้ ในปีเดียวกันเพื่อนผู้นี้ได้ขี่จักรยานยนต์มาทำงานหรือเรียนวิทยาลัยประจำ เช้าวันนั้นประมาณ 8.00 น. เพื่อนได้ขี่รถออกจากบ้านซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 ก.ม. เมื่อขี่จักรยายนต์ผ่านมาถึงศาลากลางจังหวัดเหตุการณ์ที่ไม่เคยนึกเคยฝันก็เกิดขึ้น รถที่เพื่อนขี่มานั้นวิ่งตรงเข้าชนท้ายรถเมล์จอดอยู่ข้างถนนเหมือนมีอาถรรพณ์ เป็นเหตุให้รถแหลก ตัวเองก้บาดเจ็บสาหัส มีผู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้นเล่าว่า เมื่อเข้าช่วยพยุงร่างที่ไม่ได้สติออกมาเพื่อจะรีบนำตัวคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่พอรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด สุดท้ายก่อนที่เพื่อนของเราจะสิ้นลมหายใจก็ร้องไห้ออกมาเหมือนทารกแล้วรำพันเป็นครั้งสุดท้ายว่า แม่จ๋า ลูกรู้ตัวว่าลูกผิดไปแล้ว แม่จ๋า อภัยให้ลูกด้วย แม่อยู่ไหนพอสิ้นเสียงก็สิ้นใจ เมื่อรู้ถึงผู้เป็นแม่ว่า ลูกชายเกิดอุบัติเหตุก็ตกใจลืมเรื่องที่ลูกเคยไล่ให้แม่ออกจากบ้าน เหลือแต่ความรักความอาลัยที่มีต่อลูก เมื่อรู้ข่าวว่าลูกตายก็เหมือนใครมาควักเอาดวงใจออกจากร่าง ร้องออกมาว่า โธ่ ลูกรัก เจ้าหนีแม่ไปแล้วก็ร่ำไห้รำพันถึงความรักที่มีต่อลูกชายคนเดียวจนสิ้นสติสมประดี หมดอาลัยในชีวิตที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไป นี่ก็ชี้ให้เห็นว่า ความรักในโลกนี้ไม่มีใครรักลูกเกินกว่าแม่บังเกิดเกล้า แม้ลูกจะชั่วร้ายอกตัญญู ไม่รู้คุณทั้งยังทำให้แม่น้ำตาตกแม่ก็ยังรักและยังให้อภัยลูกเสมอ แม่ฆ่าลูกไม่ได้ ขายลูกไม่ขาด เราอยากจะบอกว่า ลูกคนใดมีความเคารพกตัญญูต่อพ่อแม่บังเกิดเกล้า กรรมดีจะเป็นศิริมงคลมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของผู้นั้น ตรงข้ามผู้ใดอกตัญญูต่อผู้มีพ่ะคุณ กรรมชั่วนั้นจะตามสนองเพราะไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมไปได้ อยู่ที่เวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้น วันนั้นเป็นวันเกิดผม เวลาค่ำคืนนั้นได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในวันเกิดผมคือ ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน และผมกับพ่อและแม่นั้นนอนคุยถึงเรื่องต่าง ผมก็คิดขึ้นได้ว่าเอาหละวันนี้จะต้องทำให้พ่อกับแม่ดีใจให้ได้ ผมเลยบอกพ่อกับแต่ว่าพ่อครับแม่ครับ ให้เวลาผมซัก 5 นาทีน่ะครับ พ่อกับแม่ก็สงสัยถามว่ามีอารายหรือให้พ่อกับแม่นั่งทำไม พ่อแม่ของผมก็ลุกมานั่นเรียบร้อย ผมก็คุกเข่าและคลานเข้าไปกราบท่านทั้งสอง ด้วยความปราบปลื้ม และกราบท่านทั้งสองคนเสร็จแล้วบอกท่านว่าผมรักพ่อกับแม่มากน่ะครับ และพ่อกับแม่ก็โผเข้ากอดผมและบอกกับผมว่าพ่อกับแม่ก็รักเจ้ามากน่ะเจ้าจงตั้งใจเรียนน่ะลูกหมาน้อยของแม่และพ่อ และพ่อกับแม่ผมจะไปไหนออกจากบ้านไม่ถึงกิโลผมก็จะโทรศัพท์บอกท่านทั้งสองทุกครั้งว่า คิดถึงพ่อแม่มากเลยครับ และแม่กับพ่อจะบอกผมเสมอว่าไอ้ลูกชายของเราเอาอีกแล้วติดพ่อกับแม่จังเลยน่ะไม่รู้จักโตซะทีเลย และพ่อกับแม่ของผมก็บอกว่าพ่อกับแม่ก็รักเจ้าเสมอน่ะ ผมขอท้าทุกคนใครบ้างจะมาแข่งเรื่องทำความดีที่มีให้พ่อกับแม่บ้าง ผมรู้น่ะทุกคนคงจะถ้อสู้ผมไม่ได้จริงไหมครับ ( เอก สิ่งดีๆๆ )
4 เมษายน 2546 17:06 น. - comment id 67996
อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายเลย รักใดเล่าจะรักแน่เท่าแม่รัก.... เราดีใจ....ที่นายนำเรื่องราวดีดีอย่างนี้มาให้อ่าน แต่เราคิดว่าความดี....แม้ไม่มีใครเห็น แต่เรารู้ก็พอแล้ว ขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีดีจ๊ะ
6 เมษายน 2546 22:03 น. - comment id 68029
อ่านแล้วก็เศร้าค่ะ ก็มีค่ะ ดูข่าวช่อง7 แม่แก่มากแล้ว ตาบอดด้วย ซ้ำยากจน มีลูกสาว อยู่1คน พอเธอแต่งงาน ลูกเขย ได้บอกให้ลูกสาวเอาแม่ทีตาบอด ไปปล่อยไว้ในป่า แม่แก่ประมาณ 80 ปีได้ เรางี้ดูข่าวร้องให้เลย เจ็บปวด ที่สังคมมีแบบนี้ แต่ ยายคนนี้ยังโชคดี มีชาวบ้านไปหาฟืนไปพบแล้วพามาอยู่ด้วย ทั้งๆๆที่ชาวบ้านคนนี้จนมาก ยังมีน้ำใจ .........เฮ้อๆๆๆ แค่พิมพ์แค่นี้น้ำตาก็จะใหลแล้ว... .............มาทักทายค่ะ........