เมื่อคืนนี้ผมได้เปิดกระเป๋าสะพายใบหนึ่งซึ่งไม่ได้หยิบมาใช้นานประมาณ ๒-๓ อาทิตย์ เมื่อผมได้ล้วงลงไปเพื่อจะหยิบของที่ยังคงค้างไว้ไม่ได้เอาออกมา เพื่อจะได้นำคอมพิวเตอร์พกพาใส่ลงไปแทนที่ มือของผมได้สัมผัสกับกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งพับอยู่ เมื่อหยิบขึ้นมาดู ความทรงจำเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนก็ได้ไหลย้อนกลับสู่สมองของผมได้ทันที ฉันอยู่ที่นี่ แม่เหียะในหมู่บ้านหลังเขา คำ ๆ นี้เหมือนพยายามบอกอะไรกับผม ใช่มันเป็นอย่างนั้น เมื่อผมได้อ่านข้อความข้างใน ยิ่งทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกผูกพันของผู้คนในชุมชนนั้นต่อถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาได้เป็นอย่างดี ในวันที่ผมได้รับแผ่นพับใบนี้ เป็นวันที่ผมได้เข้าไปร่วมรับการอบรมเพื่อพัฒนาการเขียนข่าวสิ่งแวดล้อม และสถานที่ที่ผมได้ไปสังเกตการณ์ เพื่อเก็บข้อมูลมาเพื่อนำเสนอข่าวสิ่งแวดล้อม ก็คือ บ้านแม่เหียะใน แห่งนี้ แม่เหียะใน อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง ๑๐ กิโลเมตร และตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย พวกคุณคงสงสัยถึงว่าทำใมพวกเขาถึงสามารถอาศัยอยู่ในเขคอุทยานแห่งชาตินี้ได้ คำตอบก็คือ แท้จริงแล้วบรรพบุรุษของเขาได้เข้าไปอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ และก่อนที่ผืนป่าแห่งนี้จะได้รับการประกาศว่าเป็นเขตอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ นั่นเอง เมื่อผมได้เข้าสู่เขตชุมชนแม่เหียะในนี้ ความร่มรื่นของผืนป่าทำให้ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อผมได้พบกับป้ารัตน์ เพื่อนของเธอและลูกชายของเขาอีกคนหนึ่ง คำตอบที่ผมไม่ต้องถามเลยก็คือ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตผืนป่าแห่งนี้ไม่เคยที่จะทำลายผืนป่า หรือแม้แต่ระบบนิเวศน์ของธรรมชาตินี้เลย มากไปกว่า นั้นพวกเขากลับร่วมดูแลและรักษาผืนป่า อันเป็นบ้านและถิ่นกำเนิดของพวกเขาเองอีกด้วย พวกคุณที่กำลังอ่านคงกำลังสงสัยว่าแล้วผมจะทำข่าวอะไรเกี่ยวกับ บ้านแม่เหียะใน แห่งนี้ คำตอบก็คือ พวกเขากำลังถูกบุกรุก และคุกคามจากอำนาจรัฐ โดยการจะนำเขตชุมชนและผืนป่าใกล้เคียงซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาตินี้ไป เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งหนึ่งของงหวัดเชียงใหม โครงการนั้นก็คือ อุทยานช้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการไนท์ ซาฟารี ป้ารัตน์กล่าวทั้งสีหน้าที่ไม่ค่อยดีว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยจะมีก็เพียงเรื่องไฟฟ้าที่ขอไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็ถูกปฏิเสธเพียงด้วยถ้อยคำซ้ำ ๆ อย่างเช่น ชาวบ้าน และครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านแม่เหียะในนี้มีน้อยไม่คุ้มต่อการลงทุน หรือไม่ก็เพราะ พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตอุทยานไม่มีนโยบายพัฒนาเรื่องไฟฟ้าเข้าสุ่เขตผืนป่า คำตอบเหล่านี้ถ้าคิดให้ดีแล้วจะพบว่า ชาวเขาที่อาศัยอยู่ในที่ไกลแสนไกลกลับมีไฟฟ้าใช้ แต่ชุมชนแห่งนี้ซึ่งห่างจากตัวเมืองเพียง ๑๐ กิโลเมตรเท่านั้นกลับไม่มีและไร้การดูแล เรื่องสาธารณูโภคขั้นพื้นฐานนี้ได้อย่างไร ป้ารัตน์ยังบอกอีกว่า ที่จำเป็นต้องขอเรื่องไฟก็เพราะว่า เด็ก ๆ จำเป็นจะต้องใช้เพื่อการศึกษาเรียนรู้ และทัน กับโลกภายนอกก็เพียงเท่านั้น ซึ่งก็จริงอย่างที่ป้ารัตน์ว่าจริง ๆ เพราะเมื่อผมสำรวจความเป็นอยู่ของชุมชนนี้ก็เห็นว่า ชาวบ้านนั้นไม่ได้เดือดร้อนเรื่องใด ๆ เลย เพราะน้ำก็ใช้ประปาดอย หรือน้ำประปาธรรมชาติที่ได้จากน้ำตกตาดหมาไห้ ในผืนป่าแห่งนี้เอง อาหารการกินชาวบ้านก็สามารถหาพืชผักจาก รั้วหรือไม่ก็เก็บเอาตามป่า เช่น หน่อไม้และเห็ดนานาชนิดที่มีจำนวนมากในฤดูฝน เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เห็น แล้วว่าสมาชิกในชุมชนแม่เหียะในนี้ ไม่เดือดร้อนเรื่องการประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้มากมายมาใช้จ่ายให้สิ้นเปลีองเลย แล้วคำอ้างของการสร้างอุทยานช้างเพื่อสร้างอาชีพให้กับพวกเขานั่นเองนั้น ดูไม่มีน้ำหนักเพียงพอเลย สิ่งที่ผมคิดก็คือ คงเพราะอำนาจเงินที่ใคร ๆ ต่างอยากได้มากกว่าแต่ใคร ๆ นั้นก็กลับไม่ใช่ชาวบ้านแห่งนี้ท่กำลังถูกบุกรุก วันนั้นผมได้เดินขึ้นไปตามเส้นทางของท่อประปาฝายน้ำล้นของโครงการไนท์ ซาฟารี ผมเห็นว่าแท้จริงแล้วรัฐนั่นเองกำลังทำลายธรรมชาติ และเป็นผู้บุกรุกผืนป่า เพราะจากภาพการขุดถางป่าเพื่อการสร้างเขื่อน และแนวเส้นทางเพื่อฝังท่อน้ำประปาธรรมชาตินั้นทำให้สูญเสียผืนป่า อีกทั้งยังเป็นการทำลายระบบนิเวศน์ เพราะเมื่อผมมองไปตามนิ้วชี้ของลุงผู้นำทาง สีของต้นไม้กลับซีดลงไม่สดใสแตกต่างจากผืนป่าส่วนใหญ่ได้เลย ลุงผู้นำทางได้บอกว่านั่นเป็นเพราะโครงการไนท์ ซาฟารี ได้ทำการขุดน้ำบาดาล ดังนั้นปริมาณน้ำที่เคยมีจึงลดลงไป ป่าที่เคยชุ่มชื่นจึงกลับแห้งลงงไป เมื่อผมได้ถามถึงเรื่องการสร้างอุทยานช้าง ว่าหากมันเกิดขึ้นจริงแล้ว ชาวบ้านจะย้ายไปอยู่ที่ไหน จะโดนขับไล่ออกจากฝืนป่าบ้านเกิดนี้หรือไม่อย่างไร คำตอบของพวกเขานั้นก็คือ ไม่ทราบ และไม่ต้องการจะย้ายไปที่ไหน เมื่อคุยเป็นระยะเวลาหนึ่งผมก็ได้ทราบข้อมูลที่มากขึ้นก็คือ ชาวบ้านที่อยู่ อาศัยในผืนป่าแห่งนี้ ไม่มีโฉนดที่ดีนแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่เคยยื่นเรื่องขอไปหลายต่อหลายครั้งก็ไม่ได้อยู่ดี ชาวบ้านหลายคนต่างบอกว่าไม่อยากที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ทวดของพวกเขานั้นได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว ความผูกพันกับผืนป่าก็มีมาก เพราะพวกเขาไม่ใช่เพียงพึ่งพาป่าไม้เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาก็ได้ตอบแทนด้วยการปลูกป่าทดแทน กับการที่ได้ขุดถางไปเพื่อใช้เป็นแหล่งทำมาหากิน และอย่างน้อยพวกเขา ก็คือทุกคนในชุมชนแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปกป้องผืนป่าแห่งนี้นั่นเอง จากอดีตเคยเป็นเช่นไร ปัจจุบันก็จะยังคงอยู่คงเดิมเช่นนั้น จะแตกต่างไปก็คือมีถนนที่สะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น เห็นอย่างนี้แล้วทุกคนคงอยากจะลองมาสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนแห่งนี้บ้างหรือยัง นอกจากความเป็นกันเองของชาวบ้านที่ยิ้มแย้มแล้ว ที่ท่องเที่ยวก็มีหลายที่เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกตาดหมาไห้ ที่กล่าวมาแล้วข้างต่น ก็ยังมีน้ำตกผาเงิบ น้ำตกผาลาด ลำห้วยแม่เหียะหลวง ซึ่งพวกเขาจะพาลัดเลาะไปตามลำธารที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดปีแห่งนี้ไปจนถึงน้ำตกผาลาด ที่ทุกคนจะได้เล่นสไลเดอร์ธรรมชาติ อีกทั้งยังมีถ้ำถึงสองแห่ง ได้แก่ ถ้ำกิ่วกอก และถ้ำผาลับเวียงให้ได้สำรวจและผจญภัยอีกด้วย คงน่าเสียดายไม่น้อยหากความเป็นอยู่และผืนป่าของที่นี่ต้องสูญเสียไปจากการสร้างอุทยานชา้ง เมื่อผมพลิกอ่านจนถึงหน้าสุดท้าย พวกเขายังทิ้งข้อความไว้ให้อ่านซึ่งผมก็เห็นใจไม่น้อย เพราะข้อความเหล่านั้นได้สะท้อนถึงปัญหาอันน่าเห็นใจที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่เธอจ๋า เห็นทีเธอต้องรีบมาก่อนที่บ้านฉันจะกลายเป็น อุทยานช้าง ถึงตอนนั้นฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันและชาวบ้านที่นี่ จะไปอยู่ที่ไหน ถ้าเธอเจอเขา คนที่คิดอยากทำอุทยานช้าง เธอช่วยบอกเขาทีได้ไหมจ้ะ ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะลืม ลืมว่าฉันอยู่ที่นี่ บ้านแม่เหียะในหมู่บ้านหลังเขา
8 กันยายน 2549 20:52 น. - comment id 92639
เพิ่งมีโอกาสไปเยือนบ้านแม่เหียะในมาหมาด ๆ และถือโอกาสท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ในป่าของเมืองเชียงใหม่ ความรู้สึกแรกที่กระทบคือ ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนียภาพที่เห็น เป็นอย่างอื่น .. อยากให้เก็บผืนป่า และความชุ่มชื้นนี้ไว้เป็นแหล่งมรดกของผืนแผ่นดิน เราไม่ค่อยมีโอกาสไปเยือนชนบท,ป่าดงดอย สักเท่าไหร่ แต่เมื่อไปแล้ว ก็ยังอยากให้ที่นั่น ยังคงสภาพดั่งเดิม อย่างน้อย เมื่อเราไป.. ก็จะเหมือนว่า เราได้กลับไปหาบางสิ่งบางอย่างที่โหยหา
10 กันยายน 2549 11:41 น. - comment id 92643
แม่นแระผลกระทบมาจากความเจริญทางวัตถุที่ทำลายความงามตามธรรมชาติ ที่เป็นสิ้นค้าให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว
2 พฤศจิกายน 2549 11:40 น. - comment id 93289
อ่านแล้วซึม ยังมีหมู่บ้านแบบนี้อยุ่อีกหรือ ใน อ.เมือง เชียงใหม่ อดทนเถอะ พี่-น้อง แม่เหียะใน ยังมีฉันเป็นกำลังใจ
16 มกราคม 2550 13:27 น. - comment id 94703
ดีใจ๋ขนาดตี้ได้มาอ่านป๊ะเรื่องของหมู่บ้านตั๋วเก่า ขอบคุณนักๆเจ้าตี้ยังมีคนฮักและเห็นคุณค่าบ้านเฮายินดีจ๊าดนักเจ้า
28 มกราคม 2551 11:35 น. - comment id 98944
น้องก้อเปณเด็กเยาวชนคนหนึ่งของหมู่บ้านแม่เหียะใน น้องเปณเยาวชนคนหนึ่งที่ร่อมกับกลุ่มภาคีคนรักเชียงใหม่ต่อสู้กับกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะมาเอาที่ทำกินที่อยู่ที่นอนของน้องของพ่อแม่ไปเปงที่อยู่ของช้าง เขาจะทำลายธรรมชาติที่น้องเห็นมาตั้งแต่เกิด น้องขอบอกว่าน้องเสียใจมากค่ะที่มันเปณอย่างนี้ ถ้าคุณโอกาศก้อเข้ามาเที่วยได้นะค่ะมันอาจจะมีอะไรมากก่าวที่คุณคิด มาเเวะบ้านน้องก้อได้นะ กลุ่มเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อใยนดีต้อนรับเสมอค่ะ บ้านน้องน้ำ ลุงจัน ต้อนรับเสมอค่ะ ว่างๆๆก้อแลวมานั่งคุยกันนะค่ะ ...................................................................................................................................เสียงจากมิ้นตัวน้อยผู้ต่อสู้ค่ะ มาเที่ยวกันนะค่ะ
3 กันยายน 2552 13:28 น. - comment id 107899
ตอนนี้บ้านแม่เหียะในกำลังจะได้ไฟฟ้าแล้วนะคะ ดีใจจังรอมาตั้ง30ปี จะมีไฟใช้ซะที
22 ตุลาคม 2552 17:58 น. - comment id 109497
ดีค่ะกุ้งนะค่ะเป็นคนบ้านแม่เหียะในค่ะดีใจจังที่ยังมีคนรู้จักหมู่บ้านเล็กๆในป่าเขตอ.เมือง ชม. ว่างๆก็เข้ามาเที่ยวกันอีกนะค่ะยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ pitbull_momog@hotmail.com
24 มิถุนายน 2553 10:32 น. - comment id 117647
กระผมเป็นคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่มีถิ่นกำเนิดในท้องถิ่นี้ซึ่งมีความผูกพัน ในถิ่นกำเนิด เมื่อ3-4 วันที่ผ่านจะเห็นได้ว่ามีการเร่งที่จะนำเรื่องที่จะมีการสร้างเขื่อน บริเวรท้องที่บ้านแม่เหียะใน และได้นำข้อเสนอ เข้าสู่สภา กระผมต้องขอขอบ พระคุณ ทางสภา ท.ต.แม่เหียะที่ และผู้บริหารทุกท่านที่ นำข้อสรุปต่างเพื่อสอบถาม ไปยัง กรมทรัพย์ฯ ต่อไป เพราะกระผมคิดว่าถ้ามีการก่อสร้างจะมีผลกระทบต่อ สภาพแวดล้อม และ กระทบต่อ ชุมชนบ้านแม่เหียะใน และ อยากจะถาม คนที่อยากให้มีการก่อ สร้าง ถ้าคุณเป็นคน ที่มีบ้านอยู่ในพื้น ที่นั้นคุณจะยอมหรือไม่ และจะเห็น ว่าผู้นำ ท้องที่ เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน คุณอย่าลืมว่า ประชาชนเรียกคุณเข้ามา คุณไม่ได้ช่วย ประชาชนเลยคุณเห็น แก่ อะไรไม่รู้ของคุณ
24 มิถุนายน 2553 14:00 น. - comment id 117660
เกิดอะไรขึ้นกับผู้บริหารโคลงการพิเศษฯกับผู้เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน บ้านแม่เหียะในพวกคุณอย่าลืมว่าป่าไม้เป็นทรัพย์ยากรที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ การที่คุณจะสร้างเขื่อน ตัดไม้ ทำลายป่า มันเป็นสิ่งที่ควรทำหรือ และอย่าลืมว่า พื้นที่แถวนั้ ใกล้กับพระตำหนักภพิงค์ ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน พวกคุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมว่า หยุดเถอะ ครับคุณ เอาไว้ไปสร้าง ที่บ้านเกิดท่านเถอะ
21 พฤษภาคม 2554 12:25 น. - comment id 123916
ตอนนี้แม่เหียะใน ได้มีการพัฒนาแล้วซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับเทศบาลตำบลแม่เหียะ เช่นได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุมชน โดยได้มีการสนับสนุน งบประมาณในการพัฒนาและ คุณภาพชีวิต ของชุมชน อุดหนุนด้านกีฬา และได้มีการไกล่เกี่ยข้อพิพาษของที่ดินในแม่เหียะใน ให้ถูกต้องตามโซนของเขตป่าไม้ ดอยสุเทพ-ปุย การสร้างอ่างเก็บน้ำเป็นแผนโครงการของรัฐบาล ซึ่งผู้นำท้องถิ่น เป็นแค่กระบอกเสียงของชาวบ้าน ต้องเข้าใจในประชาธิปไตย เสียข้างมากบอกว่าเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่ง ทางวิชาการมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เราก็น่าจะยอมรับ แต่การสร้างขั้นต่อไปเป็นทางรัฐบาลว่าจะผ่านงบประมาณเมื่อไรและจะกำหนดสร้างเมื่อใดนั้นก็อยู่ที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ถ้าชาวบ้านไม่เอาเราจะไปฝึนได้ยังไงครับ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ รู้สึกว่ากระบวนการเห็นชอบของสภาเทศบาลตำบลแม่เหียะ เป็นขั้นตอน ขั้นที่ 3 ครับ เหลืออีก 8 ขั้นตอน คงต้องรอดูว่า รัฐบาลต่อไปจะหยิบโครงการนี้มาหรือไม่เท่านั้นครับ ผมเป็นคนแม่เหียะโดยกำเนิดก็อยากจะเห็นความเจริญก้าวหน้าของตำบลครับ ป.ล ตอนนี้แม่เหียะในได้งบประมาณการท่องเที่ยวโดยชุมชน ของ หน่วยงาน อพท. ก็น่าจะทำให้พี่น้องชาวแม่เหียะในได้มีรายได้เสริมนะครับถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อีกที่หนึ่งครับ ไม่มีใครไม่รักท้องถิ่นแผ่นดินหรอกครับ
26 กรกฎาคม 2554 10:21 น. - comment id 125218
บ้านแม่เหียะใน ครั้งแรกที่เข้าไปเห็นเป็นเขตป่าสงวน ร่มรื่น น่าอยู่ ผู้คนที่อยู่เป็นชาวบ้าน ธรรมดา น่าเสียดายผ่านมาไม่กี่ปี ได้มีโอกาส เข้าไปแทบตกใจ เป็นบ้านคนรวยทั้งนั้น เข้ามาอยู่ ทุกคนจะพูดเป็นธุรกิจติดต่อซื้อขาย แพง น่าเสียดายป่าแม่เหียะนะ