The E-mail (ตอน 1)
เทพดารา
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2547 วันนั้น ถึงแม้จะเป็นวันที่ผมรอคอยมาโดยตลอด แต่เมื่อผ่านวันนั้นมาแล้ว ผมไม่อยากให้มันมาถึงอีกเลย ผมไม่อยากให้มีวันนั้น เพราะมันได้พรากสิ่งที่ผมรักและหวงแหนที่สุดของผมไป หญิงสาวที่ผมให้ความรัก ความผูกพันมาเป็นเวลาแรมปี ต้องจากไปไม่หวนคืน เธอต้องมาจบชีวิตด้วยวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังรุ่งเรือง เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างวัยเรียนและวัยทำงาน
เวลาผ่านไป 2 ปีแล้ว เร็วเหลือเกินในความรู้สึกของผม ป่านนี้เธอคงจะไปสู่สุคติ หรือไปเกิดใหม่แล้วล่ะ ผมหันหลังให้กับภาพในอดีต แล้วพูดกับตัวเองว่า อดีตไม่หวนคืน แต่จุดยืนยังเหมือนเดิม แล้วเดินหนีไป ทิ้งไว้แต่จุดยืนเอาไว้ให้ระลึกถึงอดีตเมื่อมาเยือนอีกครั้ง
-----------------------
พี่ต้น วันนี้มีนักเขียนส่งต้นฉบับมาให้พิจารณา 2 คนครับ
วิชิต ซึ่งเป็นผู้ช่วยของผมเอาต้นฉบับของนักเขียนหน้าใหม่มาให้พิจารณา วางไว้นั้นแหละ เดี๋ยวพี่เขียนเรื่องนี้เสร็จก่อน ผมสั่ง
อันที่จริงหน้าที่บรรณาธิการบริหารนิตยสารเล็กๆ ฉบับหนึ่ง มันก็ไม่วุ่นวายอะไรนักหรอก แต่ผมขี้เกียจอ่านในตอนนี้
ในสำนักพิมพ์ของเรา มีนิตยสารอยู่หลายหัว แต่ของผมเป็นนิตยสารเกี่ยวกับวรรณกรรม เรื่องสั้น และนวนิยาย จึงไม่ค่อยจะมีเรื่องสดให้หนักใจสักเท่าไร ที่น่าหนักใจก็คือการที่ต้องมานั่งอ่านเนื้อหาที่จะนำมาลง เพราะมันเยอะมาก วันหนึ่งๆ อยู่แต่กับตัวหนังสือ นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมฯ จนทุกคนต้องยืมของตามาช่วยอีกแรง นั่นคือแว่นตา... หลายคนอาจจะคิดว่าพวกเราชอบอ่านหนังสือมาก แต่ขอโทษ ที่ทำลงไปนะ มันเป็นหน้าที่ สิ่งที่เราชอบมากก็คือการได้นั่งคิดและเขียนเรื่องเองซะมากกว่า
และรายการสุดโปรดของผมก็คือการได้ท่องเน็ต และไปอ่านบทความ หรือนวนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ ของนักเขียนสมัครเล่น ที่ไปโพสลงในเน็ตต่างๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะในอดีตสมัยเรียนมหาลัยผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบขีดๆ เขียนๆ ลงในเน็ตเป็นประจำ จึงอยากเข้ามาดูว่ามีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจบ้าง บางครั้งคนเหล่านี้จะเขียนดีมาก จนรู้สึกว่าเขาคือนักเขียนอาชีพคนหนึ่งเช่นกัน
ยามว่างก็จะไปเช็คเมล์ เพราะนักเขียนส่วนใหญ่สมัยนี้จะนิยมส่งมาทางอีเมล์ ยกเว้นบางคนจะชอบนำมาส่งเองที่ออฟฟิช
เอ้อ...นี่วิชิต เรื่องที่ส่งมาให้พิจารณาเมื่อหลายวันก่อนนะ พี่อ่านแล้วนะ
ครับ...เป็นไงบ้างครับ...
มีอยู่คนหนึ่งเดินเรื่องได้น่าสนใจดี ติดต่อเขาไปเลยนะ
คนไหนครับ..?
ผมส่งต้นฉบับให้ผู้ช่วยของผมดู
ของคุณเพียงดาว
แล้วจะให้เขาลงฉบับไหนดีครับ
ถ้าเขาพร้อม ให้เริ่มเขียนลงในฉบับหน้าเลย
เอางั้นเลยหรือครับ...
อื้ม...แต่ที่สำคัญนะ ในช่วงแรกๆ ให้เขามาส่งต้นฉบับด้วยตัวเองก่อน จะได้รู้จักหน้าค่าตากันบ้าง
OK. งั้นผมจะติดต่อไปวันนี้
จริงๆ แล้ว ผมพอได้อ่านเรื่องของเธอในหน้านิตยสารเล่นอื่นบ้างแล้วละ แต่เรื่องส่วนใหญ่ของเธอจะออกไปแนวแฟนตาซีไซไฟซะมากกว่า ส่วนเรื่องที่ส่งมานี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักโรแมนติก มาแนวนี้จึงอยากรู้ว่าเธอจะฉีกแนวแค่ไหน
----------------
นิตยสารของเรา มีนักเขียนหน้าใหม่หลายคน แต่ละคนก็จะมีลีลาการเขียนแตกต่างกันไป วันนี้ผมอ่านต้นฉบับเยอะมาก เพราะจะต้องรีบปิดต้นฉบับ
เฮ้...น้องโต๋ ยังขาดเรื่องอะไรบ้าง...?
ผมถามน้องฝ่ายกราฟฟิค เพราะเธอจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการทำหนังสือในออฟฟิช
ยังขาดอีกเรื่องค่ะ ของคุณเมี้ยงคำ
เอ้...ของคุณเมี้ยงคำ เขาส่งมาให้พี่ต้นทางอีเมล์ไม่ใช่เหรอ..?
น้องกอล์ฟ ฝ่ายข่าวหนุ่มท้วงติง
เออ...จริงซิ..เดี๋ยวพี่เช็คเมล์ดูก่อนนะ
เป็นประจำ เมื่อใกล้จะปิดต้นฉบับ พวกเราจะมีความรู้สึกร้อนรน เหมือนไฟลนก้นอย่างนี้เสมอ
เฮ้ย... ผมร้องเสียงหลง
มีอะไรพี่ต้น น้องทุกคนตกใจ และพร้อมใจกันถาม
เปล่า...ๆ ไม่มีอะไร
เอ้า...แล้วต้นฉบับของเมี้ยงคำ มาแล้วหรือยัง น้องโต๋ถามเพื่อความแน่ใจ
อื้ม...มาแล้วๆ เดี๋ยวแป๊บหนึ่ง
ผมไม่ได้ตกใจกับต้นฉบับของนักเขียนหรอก แต่ที่ตกใจเพราะมีอีเมล์แปลกฉบับหนึ่ง ส่งมาให้ผม
สวัสดีค่ะ พี่ต้น from. namcang@hotmail.com
เพราะว่าอีเมล์นี้เป็นของน้องน้ำค้าง คนที่ผมเคยติดต่อเมื่อหลายปีที่แล้ว ในใจก็คิดว่าคงจะมีใครแกล้งแน่เลย มือค่อยๆ ลากเม้าท์ไปเปิดอ่านด้วยความสงสัย และลุ้นด้วยใจระทึก นี่ถ้าเป็นการแกล้งก็คงจะเป็นพวกแฮ๊กเกอร์แน่นอนเลย ไม่งั้นไม่สามารถเอาอีเมล์ที่เขาเลิกใช้มาแล้วหลายปีอย่างนี้มาใช้ได้หรอก
แต่ให้ตายซิ...! เนื้อหาข้างในเป็นทุกคำที่เราเคยติดต่อกันครั้งแรกทางอีเมล์เลย ทั้งๆ ที่อีเมล์ฉบับเก่าๆ ของผมมันถูกลบทิ้งไปพร้อมกับเมล์เก่า เนื่องจากไม่ได้ใช้มันนานเกิน มันทำให้ผมคิดถึงสมัยที่เรียนมหาลัย ภาพเก่าๆ เริ่มฉายให้เห็นชัดขึ้น...........
-----------------------