แหล่งที่มา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story6804.html
เพื่อนสมาชิกที่ร่วมสมทบทุนบริจาคเพื่อกิจกรรมปันน้ำใจให้น้อง มีรายนามดังนี้ น้องคริสต์...........................1,000.- คุณกุ้งหนามแดง.................1,000.- คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์......1,500.- คุณแก้วนิดา............................300.- คุณศรีวิจิตรา........................2,001.- คุณแก้วประเสริฐ..................1,000.- คุณแม่ผีเสื้อ..............................500.- คุณพุดพัดชา.........................3,000.- คุณมนต์กวี...............................500.- ไม่ประสงค์ออกนาม...........12,000.- ยอดรวมทั้งสิ้น....................22,801.- คุณพระจันทร์เศร้า..............รับผิดชอบค่าใช่จ่ายในส่วนของอาหารกลางวันที่ รร.บ้านตานวน
ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมสิ่งของบริจาคและการส่งมอบของบริจาค ค่าเช่ารถกระบะสำหรับการส่งของ.......................6,000.- เสื้อกีฬาจำนวน 60 ตัว ..........................................4,040.- อุปกรณ์เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬาและอื่น ๆ .....8,300.- ยอดรายจ่ายทั้งสิ้น.................................................18,340.-
สิ่งของสำหรับโรงเรียน (กิจกรรมปันน้ำใจให้น้อง_บ้านกลอนไทย) พระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวในงานฉลองครองราชย์ฯ 1 ชุด เสื้อพละ 5 โหล สมุดปกอ่อน 3 กุรุส สุมด stream line 200 เล่ม สมุดวาดเขียน 1 กุรุส ดินสอสีไม้ 5 โหล กบเหลาดินสอใหญ่ 1 ชุด ไม้บรรทัด 9 โหล ยางลบ 9 โหล ดินสอ 254 แท่ง ปากกา 200 ด้าม กล่องดินสอ 99 กล่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (กระต่ายใต้เงาจันทร์) ซองใส่ซีดี 10 ชุด หนังสือการ์ตูน 1000 เล่ม (จาก บ.ศรีสยาม พริ้นท์แอนด์แพคท์จำกัด) โอวัลติน UHT 10 โหล กระติกน้ำใบใหญ่ 2 ใบ แป้งเด็ก ENFANT 1 ลัง (48) อุปกรณ์กีฬาฟุตบอล 3 ชุด อุปกรณ์กีฬาแชร์บอล 2 ชุด อุปกรณ์กีฬาตะกร้อ 4 ชุด อุปกรณ์กีฬาห่วงยาง 4 ชุด อุปกรณ์กีฬาแบตมินตัน 4 ชุด อุปกรณ์กีฬาปิงปอง 2 ชุด **ยาสามัญประจำบ้าน (มีทั้งซื้อเตรียมและคุณชมอักษรจัดหา) **ขนม (เยลลี่,ขนมปัง) เส้นหมี่สำเร็จรูป 1 ลังใหญ่ (144) บะหมี่สำเร็จรูป 4 กล่อง (30) ขนมโอโบริ 1 ลังใหญ่ (144) หมูหยอง 50 ห่อ (50 g.) น้ำมันพืช 1 ลัง น้ำปลา 3 แกลลอน พรมปูพื้นบ้าน หลายผืน รองเท้าแตะ 6 โหล เสื้อกล้าม,กางเกงในกุลเซ่ 1 ลัง กระติกน้ำ speedo 30 ใบ กระเป๋า speedo 13 ใบ แป้นสก็อตเทปเล็ก 3 ชุด หลอดไฟสั้น-ยาว อย่างละ 30 รวมเป็น60 ชุด แก้วน้ำ 5 โหล แอปเปิ้ล 1 กล่อง หุ่นตุ๊กตาผ้า (กีกี้จัดหา) เสื้อผ้าบริจาค(เสื้อผ้าของเก่า)** หนังสือบริจาค (หนังสือเรียน)** เสื้อใหม่ ๆ 46 ชุด (**ส่วนนี้รวมของคุณพระจันทร์เศร้า,คุณชมอักษร,คุณดาวอังคาร และมีบางส่วนที่เป็นของคุณยังเยาว์รวบรวมมา แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ) เงินบริจาค 13,200.- (**เป็นเงินส่วนหนึ่งที่คุณพระจันทร์เศร้ารวบรวมมาจากเพื่อนร่วมงาน 5500 และเงินสมทบจากในเวปในส่วนที่เหลือจากการจัดหาสิ่งของ) ......................................................................................... สิ่งของสำหรับฝ่ายเหย้า เสื้อ thaipoem 12 ชุด เสื้อลายชายหาด 21 ชุด เสื้อ-กางเกงกีฬาฟุตบอล (ครูฉันทะโส) 1 โหล
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นคุณกระต่ายใต้เงาจันทร์ คงกำลังสำรวจสัมภาระของตนเอง
น้องบุ๋ม กำลังทักทายกับเด็ก ๆ ด้วยความสวยแล้ว ดูสิ เด็กน้อยอายม้วน.
สิ่งของสำหรับโรงเรียน (โครงการอิ่มอุ่น) 1 รายการหนังสือ (หนังสือเรียน ชั้น ป.1 ป6 , หนังสือนิทานภาพ , วรรณคดี , ฯลฯ) จำนวน 41 รายการ 2 กล่องดินสอ จำนวน 46 กล่อง 3 รายการอุปกรณ์การเรียนการสอน เล่น เกมส์ (แผ่นป้าย ตัวต่อ คำศัพท์ แผนที่ สมุดภาพชุดระบายสี ) จำนวน 14 รายการ 4 จักรยาน (สำหรับเด็ก ป.4 - ป.6) จำนวน 1 คัน 5 จักรยาน (สำหรับเด็ก ป.1 - ป.3) จำนวน 1 คัน 6 ลูกบอลยาง (สำหรับเด็กเล็ก) จำนวน 4 ลูก 7 คูลเลอร์ (เครื่องทำน้ำเย็น) 1 ตู้ 8 เสื้อกันฝน สำหรับเด็ก ๆ 46 ตัว 9 กระเป๋า,เป้ จากพี่ภูฯ 10 หนังสือมือสอง จาก น้องหนมเทียน
ขบวนกลองยาวกำลังตั้งแถวนำขบวนไปยังวัดตานวน
เอ๊า !! พร้อม
ขบวนผ้าป่าเคลื่อนที่ไปยังวัดตานวน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม.
หนุ่มเอ๊ย สาวเอย .. เรามารำวงกันด่าว ด่าว ....
สิ่งของสำหรับวัด เทียนใหญ่ 1 คู่ บะหมี่สำเร็จรูป 1 กล่อง น้ำปลา 1 แกลลอน ปลากระป๋อง ผ้าไตร 2 ชุด ชุดสังฆทาน 2 ชุด กระติกน้ำใหญ่ 1 ใบ ชุดยาสามัญประจำบ้าน เงินบริจาค 3,162 .-
ตั้งใจรับสมาทานศีลกันถ้วนหน้า
ลุงแก้วประเสริฐ เป็นผู้จุดเทียนหน้าพระประธาน
คุณพระจันทร์เศร้าถวายสังฆทานในโอกาสครบรอบวันเกิด
แอบรู้มาทีหลังว่า ของดีที่ท่านสมภารมอบให้นั่นคือพระขุนแผน ลุงแก้วประเสริฐบอกว่า ผู้หญิงจับไม่ได้นะ ครั้นพอถามว่าทำไมจับไม่ได้ ลุงแก้วประเสริฐก็ตอบหน้าตาเฉยว่า ประเดี๋ยวหลงรักผม.. ฮา
ช่วยกันจัดสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่
จัดไม่เสร็จซักที
เป็นที่ปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ทางโรงเรียนฯจัดเตรียมพิธีบายศรีสู่ขวัญให้แค่ชาวคณะเยือน
ผู้บ่าวผูกข้อมือรับขวัญให้ผู้สาว ... บ่แม่นหมั้นเด้อ
ขวัญเอ๊ย ขวัญมา .. ผู้เฒ่ารับขวัญผู้เยาว์
น้องตัวเล็ก แต่งกายสวยงามออกมาเต้นโชว์ มีอยู่รายหนึ่งที่น้ำตาซึม ๆ ออกมา เหมือนไม่ค่อยอยากโชว์ แต่พอจบชุดการแสดงมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มอบให้ ปรากฏว่า คราวนี้ มาโชว์ด้วยความเต็มใจทุกรอบ .. ฮา
ให้สังเกตุน้องคนที่สองจากขวามือ คนนี้หรือเปล่าหนอ ที่เสื้อผลุบอยู่บ่อย ๆ
เด็ก ๆ สนุกสนาน ผู้ใหญ่ก็เบิกบาน ภาพที่ตรึงตราประทับใจ
การแสดงมีหลายชุด เด็ก ๆซักซ้อมมาเป็นอย่างดี
อยากลุกขึ้นไปเต้นด้วย แต่ก็กลัววงแตก อายเด็กน่ะ
อิมเมโจ๋ด๊ายยยยยยยยยย อิมเมโจดาย...
เล่นกันง่าย ๆ เก้าอี้ดนตรี
พอจะเล่นบ้าง ไหง๋มันไม่ง่ายแฮะ โธ่ ลำพังแย่งเก้าอี้ก็ยากอยู่แล้ว ยังจะให้กระเตงเด็กอีกแน่ะ งานนี้เก้าอี้พังไปตัว หงายหลังทับเด็กไปอีกหนึ่งราย ... ฮ่วย ยากแท้น้อ
นั่งอย่างหมดสภาพ ยิ้มรับกับชะตากรรม
งามอย่างหาที่ติไม่ได้ซักคน งามอย่างไม่มีช่องโหว่ ประมาณนั้น
เหมือนผ้าขาวม้าสองลายมายืนประจันหน้ากันยังไงก็ไม่รู้
คุณสลักเสลามอบคูลเลอร์น้ำให้กับโรงเรียนโดยผ่านครูใหญ่
คุณภูตะวันมอบเงินบริจาคให้กับคุณครูใหญ่ (หน้าคล้าย ๆ กันเนอะ).
กระต่ายตัวน้อยสัมภาษณ์กระทิงตัวใหญ่
กีฬามหาสนุก
ผู้ใหญ่ใจดี ....เด็ก ๆ ก็ดีใจ
มากมายในน้ำใจที่ระดมเข้ามา
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์หอบหิ้วมาจากพิษณุโลก นับถือในน้ำใจจริง ๆ
รายชื่อผู้ร่วมกิจกรรม ในส่วนที่มาจากกิจกรรมปันน้ำใจ 1. คุณแก้วประเสริฐ 2. คุณท่องเมฆา + บุตร,ธิดา 3. คุณพระจันทร์เศร้า 4. คุณยังเยาว์ 5. คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์ 6. คุณเรไร 7. คุณขอโทษครับผมเมา ... เดินทางมาสมทบจากหนองคาย 8. คุณร้อยฝัน ... เดินทางมาสมทบจากชัยภูมิ 9. คุณมนต์กวี ... เดินทางมาสมทบจากศรีสะเกษพร้อมกับภรรยา + ธิดา 10. คุณแก้ว กรุงเก่า ... เดินทางมาสมทบจากสุรินทร์ 11.คุณครูวัฒน์ (คุณครูใหญ่โรงเรียนเล็ก) 12. คุณครูบัวกันต์ (กันเอง) 13. คุณครูยศ (ฉันทะโส) 14. คุณครูคำนึง 15. คุณยอด ... รับหน้าที่เป็นตากล้อง 16. คุณสุชิน + บุตรชาย 17. คุณก้อย + แม่ + ญาติผู้ใหญ่อีกสองท่าน 18. คุณอ๋อย 19. คุณบุ๋ม 20. ผู้ดูแลระบบ ในส่วนที่มาจากโครงการอิ่มอุ่น 1.ภูตะวัน 2.สลักเสลา 3.อ้อมรัก 4.คุณหยอย
ความงดงามของวัดล้านขวด
จำชื่อของพระประธานไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นหินอ่อนสีขาวและมีเขี้ยว.
ภาพบานประตูเป็นกระจกแกะลาย วิจิตรมาก.
แม้แต่เมรุ ก็ยังทำจากขวด
กุฏิพระก็ทำจากขวด งานนี้ขอยืนถ่ายรูปอยู่ห่าง ๆ ใกล้กุฏิแล้วอาจตกเป็นข่าวได้
รูปนี้ให้เหลี่ยมมุมน่าสนใจ
ขยายให้ชัด แล้วก็ต้องทึ่งกับสิ่งที่เห็น
ฟ้าเป็นสีฟ้า ขวดตรงหน้าเป็นสีอะไร
เดี่ยว ไมโครโฟน
เขาข้างหน้า คือ เขาพระวิหาร เส้นทางนี้จะนำทุก ๆ คนไปพบกับความอลังการของอารยะธรรมขอมโบราณ
อ๋อย(ขวา) และ ก้อย(ซ้าย) หน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์หนุ่มใหญ่ในการเดินขึ้นเขาพระวิหาร จักสลากแล้ว ผลที่ได้คือเจ้าก้อย.
เส้นทางวัดใจ
เบื้องหน้าคือดินแดนเขมร ธงชาติเขมรสะบัดพลิ้วลมไหว ๆ
ต้องวกมามองอีกที เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ใช่สาวเขมร
เขียนซะขนาดนั้นแล้ว จะให้บรรยายอะไรอีก
คู่ซี้สองวัย น้องก้อย + ลุงแก้ว
เหมือนรายการประกวดยิ้ม :).
อ่านจากภาษาอังกฤษได้ว่า PHA = ผา , TAEM = แต้ม
ฝนไล่ช้างเพิ่งจะซาลง ความหิวโหยไม่เคยปรานีใคร คนละหมุบหมับ สักพักก็อิ่มตาม ๆ กัน
ไม่มีแบ่งกั้นตะวันออกกับตะวันตก เพราะพระอาทิตย์ลับไปตั้งนานแล้ว ไม่มีแบ่งกั้นคนนอกเวปและคนในเวป อากาศก็แบ่งกันหายใจ อาหารก็แบ่งกันกิน
ใครจะคิดว่า ที่ลำน้ำโขงจะมีปลาพะยูน
เอ้า !!! ทุกคน ทำตามหมอ
ผู้ชายทั้งเวปต่างก็อิจฉาคุณแก้วประเสริฐก็คราวนี้ล่ะ
รอบตัดเชือก
ยามเช้ากับทัศนียภาพของลำน้ำโขง ภูเขาที่เห็นอีกด้านคือฝั่งลาว แบบนี้คงเข้าทำนอง "เห็นยอดภูชูชันเหมือนถันน้อง" ใช่ไหม คุณครูบัวกันต์
บริการหักคอฟรี งานนี้ได้ยินเสียงดังกร๊อบอยู่หลายราย
แฝดพี่เป็นมนุษย์ผู้หญิง แต่ แฝดน้องดันกลายเป็นปลาเสียนี่ แต่ดู ๆ แล้วก็มีเค้าหน้าคล้าย ๆ กัน
ใครจะเป็นรายต่อไป วางบัตรคิวได้เลยครับ
สภาพของหมู่บ้านท่าล้ง ที่เห็นพื้นถนนเป็นปูนน่ะ อย่าเชื่อเชียวนา ว่าตลอดเส้นทางเป็นปูน เรื่องแบบนี้ ต้องไปเอง ถึงจะรู้ ..
บ้านหลังนี้ ไม่มีคนอยู่ เจ้าของไปทำงานต่างจังหวัด ทางคณะก็เลยอาศัยอาบน้ำที่ชั้นล่าง ห้องน้ำก็โอ่โถงดี แต่ทว่า วังเวงเหลือเกิน
เบื้องบนคือแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่างคือธารน้ำใส ที่นี่ คือ หมู่บ้านท่าล้ง
ครูคำนึงบอกว่า.."ครูยศเป่าขลุ่ยให้เข้ากับเสียงซอหน่อย" ครูยศซึ่งปากไม่ว่าง ก็หลับตาเป่าขลุ่ยไปเรื่อย ส่วนเจ้าก้อย ดูท่าทางเหมือนไม่เต็มใจให้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่ คนเสื้อม่วง ให้ทาย ... ก็คนที่เขียนกลอนวรรคแรกว่า "เห็นยอดภูชูชันเหมือนถันน้อง" นั่นล่ะ
วัดถ้ำคูหาสวรรค์
อีกทัศนียภาพบนหอระฆัง ที่ วัดถ้ำคูหาสวรรค์
รถตู้สองคันคือรถที่เช่ามา ส่วนรถยนต์คันสีแดงคือรถยนต์ส่วนตัวของคุณท่องเมฆา
ในส่วนที่อยู่ในถ้ำ ก็เรียงรายด้วยพระพุทธรูป
สังขารของ"หลวงปู่คำ คนิงจุลมณี" ปัจจุบันหลวงปู่ท่านได้มรณภาพแล้วแต่ร่างกายของท่านไม่เน่าเปื่อย บรรดาลูกศิษย์ ได้เก็บร่างของท่านไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา
ไม่รู้จะเลือกซื้อของฝากอย่างไรดี เยอะเสียจริง
นี่ล่ะ ของฝากที่ซื้อให้เพื่อน ๆ ที่วัดถ้ำคูหาสวรรค์
นางรำตัวน้อย ๆ
บริเวณร้านขายของที่แก่งสะพือ ในภาพผู้ดูแลระบบกำลังถูกเด็ก ๆ (ลูกใครก็ไม่รู้) อ้อนซื้อขนม
แก่งสะพือ
ต้นเทียนตระการตาที่ลานทุ่งศรีเมือง
คุณท่องเมฆากำลังติดต่อจัดการเรื่องสำเนาบัตรประชาชนของเพื่อนที่จะข้ามแดนไปยังลาว
คับคั่งไปด้วยผู้คนที่ต้องการผ่านแดน
เก็บภาพมาฝากสิงห์อมควัน
กลายเป็นคนพลัดถิ่นกันเสียแล้ว เนื่องจากแผ่นดินที่ยืนอยู่ บ่ แม่น แผ่นดินไทย
เรียงราย
หน้ากากดินปั้น เป็นที่สนใจอยู่มิใช่น้อย ทว่า..หนัก
เมื่อคุณท่องเมฆาบอกว่า "ไม่รู้เป็นยังไง ผมชอบของมีคม"
ไปยืนดูมานานพอสมควร ได้ปากกาหมึกซึมมาหนึ่งด้าม
สินค้ามากมาย ไม่รู้จะซื้ออะไร แค่ได้ชมก็สุขแล้ว
ยาหม่องยาดมมีหมด แต่ไม่มียาทาเต่า
จับจ่ายใช้สอย
เย้.. ได้กลับประเทศเสียที
16 กรกฎาคม 2549 08:01 น. - comment id 88892
เห็นพูดถึงเรื่องไวท์.....ผมก็ได้ดื่มกับเขานิดหน่อย(ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของใคร) กับครูบัวกันต์ ครูใหญ่ฯ ฉันทะโส ที่เหลือก็มีพี่พี่ทางป่าไม้อีกคนสองคน ที่ดื่มกันคนละเล็กน้อยพอเป็นกษัย ก็เนื่องจากเปิดไวท์ไม่เป็น เพราะแถวบ้านส่วนใหญ่จะดื่มแต่เหล้าขาวอ่านะ ไวท์ก็เลยพุ่งออกเกือบหมด เหลือติดขวดนิดหน่อย ก็เลยได้แค่ชืมชิมกันนะครับ พอให้รู้รสชาดว่าไวท์เป็นอย่างไร ผมว่าคล้ายๆน้ำผลไม้น๊ะ....
15 กรกฎาคม 2549 19:23 น. - comment id 88960
.. แด่ ผู้ดูแลระบบ
15 กรกฎาคม 2549 23:25 น. - comment id 88962
ในฐานะตัวสำรองและผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ผมได้แต่เฝ้าดูความเป็นไปของโครงการครั้งนี้อย่างเงียบๆ ไม่ได้แสดงบทบาทมากนักในการเดินทาง ด้วยคิดว่าเป็นเพียงผู้ติดตามและคอยช่วยเหลือบางสิ่งเบื้องหลังเท่านั้น เรื่องบางเรื่องผมก็มองข้ามไปไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเรื่องการทำกับข้าว ที่พัก โปรแกรมนัดหมายที่ว่าจะไป การขับรถส่วนตัวไป(ในฐานะตัวสำรอง)ฯ ซึ่งกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ ความจริงผมก็มองๆอยู่ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็เตรียมอยู่เหมือนกันว่าจะเข้าไปช่วย อย่างเรื่องกับข้าว ผมเห็นมีโต้โผใหญ่อยู่แล้วในครัว และเมื่อสอบถามว่ามีคนพออยู่แล้ว จึงปลีกตัวออกมา ไม่ได้คิดว่าการเป็นพ่อครัวจะเป็นเรื่องที่ได้หน้าตาอะไร เพราะบรรดาผู้ใหญ่ที่มาด้วยท่านก็ทะมัดทะแมงในการทำอาหารอยู่แล้ว ของสดที่มาช้าทำให้การทำกับข้าวล่าช้าก็เนื่องด้วยโปรแกรมเดิมเราจะแวะช่องสะงำและซื้อของสดที่นั่น เมื่อมีคนเสนอว่าไม่ต้องไปช่องสะงำ ให้กลับที่พักก่อนทำให้เกิดการเสียกระบวนขึ้น ประกอบกับรถของครูใหญ่เสีย ทำให้ผู้ดูแลระบบต้องย้อนออกไปซื้อหาของสดจึงทำให้เกิดความล่าช้า แต่ถึงจะล่าช้าบ้างผมก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเงินที่ออกค่าอาหารทั้งหมดและค่าที่พักป่าไม้ ก็เป็นเงินส่วนตัวของผู้ดูแลระบบ (ไม่รวมของสดที่เตรียมมาจากกรุงเทพ) ผมได้เคยทักท้วงผู้ดูแลระบบตั้งแต่แรกแล้วว่า การเก็บค่าเดินทางนั้นควรต้องรวมค่าที่พักและอาหารเผื่อไปด้วย เพราะถ้าเราไปเก็บเขาเพิ่มทีหลังอาจทำให้เกิดความรู้สึกขัดข้องใจ ด้วยคิดว่าน่าจะรวมอยู่ใน 1,500 บาทแรกแล้ว ยิ่งในคืนวันที่สอง(ริมโขง)ที่มีการเก็บเพิ่ม 50บาท * 2 มื้อ เทียบกับอาหารพื้นบ้านรับประทานด้วยมือเปิบ มันอาจดูไม่สมน้ำสมเนื้อกัน เนื่องจากนี่ก็เป็นครั้งแรกของชาวบ้านที่มีการต้อนรับคณะท่องเที่ยว จึงมีข้อขาดตกบกพร่องไปมาก เช่น ศาลาที่พักริมโขง..มีห้องน้ำแค่สองห้อง ไม่มีห้องอาบน้ำ ทำให้ในที่สุดพวกเราต้องแยกย้ายกันไปพึ่งชาวบ้าน รวมทั้งต้องอาบน้ำโขงริมตลิ่งซึ่งสีขุ่นข้นเนื่องจากเป็นหน้าฝน ผมเองไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรและเพื่อนๆหลายคนคงรู้สึกเช่นนั้น เพราะแค่รู้สึกว่าได้มีโอกาสมาอาบน้ำริมฝั่งโขงสักครั้งก็ชื่นใจแล้ว ในการเดินทางวันที่สอง หลังจากแวะชมเขาพระวิหารแล้ว รถตู้สองคันเดินทางล่วงหน้าไปผาแต้ม ซึ่งผู้ดูแลระบบบอกกับผมว่าน่าจะเป็นการดีเพราะเป็นการเดินทางนอกรายการจะได้ชดเชยกับการไม่ได้ไปแวะช่องสะงำ ซึ่งผมก็เห็นด้วย จากนั้นจึงได้ออกเดินทางเพื่อล่วงหน้าไปดูที่พัก แต่เนื่องจากไม่เคยไปมาก่อนจึงได้แต่ติดตามครูใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำทางไป เมื่อผ่านช่องเม็กจึงได้แวะเข้าไป (ตามโปรแกรมจะแวะในวันที่สาม) จากนั้นจึงออกมาขับรถวนหาที่พักซึ่งสวนกับรถตู้ตรงทางแยกพอดี ปรากฏว่า ที่พักความจริงอยู่ไม่ไกลจากผาแต้มที่ได้แวะไปเที่ยว เช้าวันที่สามผมทราบแต่ว่ามีการงดเดินทางไปช่องเม็ก ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นการตัดสินใจของใคร เหมือนว่าเป็นมติ?? หลังจากนั้นจึงเดินทางไปวัดถ้ำคูหาสวรรค์ จากนั้นไปเขื่อนสิรินธร และเตรียมไปกินอาหารกลางวันที่แก่งสะพือ ระหว่างอยู่เขื่อนสิรินธรน้องสาวของผมได้โทรมาว่าคุณแม่ผมและคณะญาติๆ เดินทางออกจากอุบลฯเพื่อทำบุญถวายเทียนพรรษา และจะแวะมารับประทานอาหารที่โขงเจียม ทำให้ผมลังเลแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าเมื่อไปแก่งสะพือแล้วจะย้อนมาทานอาหารร่วมกับมารดาและญาติ ผมจึงได้บอกลาหลายคนรวมทั้งลุงแก้วประเสริฐว่าจะแยกออกมาก่อน ส่วนช่วงเย็นงานแห่เทียนพรรษาไม่รู้ว่าจะเจอกันหรือไม่เพราะคนจะแน่นมากจนอาจหากันไม่เจอ ระหว่างทานอาหารทราบว่าคณะของคุณภูตะวัน ตัดสินใจว่าจะไม่เดินทางไปอุบลฯเพื่อดูแห่เทียนพรรษาตามหมายกำหนดการ ผมคุยกับผู้ดูแลระบบว่าน่าจะต้องรั้งไว้ก่อนเพราะหลายสาเหตุ เช่น การเดินทางไกลถ้าขบวนรถแยกกันถ้าเกิดอะไรขึ้นจะช่วยเหลือกันลำบาก การแห่เทียนพรรษาจะกระทำเพียงปีละครั้ง ถ้าพลาดโอกาสก็ไม่รู้ว่าจะได้มาเมื่อไร หากเดินทางกลับกรุงเทพเร็วจะถึงกรุงเทพกลางดึก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้เดินทางต่อกลับบ้านโดยเฉพาะผู้หญิง อย่างไรก็ตามผมก็เคารพการตัดสินใจของทุกคนเมื่อยืนยันว่า จำเป็นต้องกลับ ก็ไม่อาจทัดทานได้ ผมเองก็ขับรถวนอยู่ในอุบลฯอยู่นาน ไม่สามารถหาที่จอดรถใกล้ๆทุ่งศรีเมืองได้ ประกอบกับฝนตกหนักมาก จึงตัดสินใจเดินทางไปบ้านญาติของครูใหญ่เพื่อพักผ่อน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี่อีกครั้ง หากว่าการเดินทางครั้งนี้มีข้อผิดพลาดอย่างมาก ผมคิดว่าผมคงต้องรับผิดชอบด้วยส่วนหนึ่ง เพราะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์มาโดยตลอดแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้ ผมไม่ปรารถนาให้การเดินทางที่เริ่มต้นด้วยบุญกุศล มาจบลงด้วยการเข้าใจผิดกัน ความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ไม่มีใครสบายกว่าใครหรอกครับ ในการเดินทางครั้งนี้ ผมกลับมาถึงกรุงเทพ ก็ต้องทำงานต่อจนถึงดึกดื่นโดยไม่ได้พัก ผู้ดูแลระบบรวมถึงทุกคนต่างก็เครียด โดยไม่ทราบเหตุผล? ของแต่ละฝ่าย ไม่มีใครถูก..ไม่มีใครผิด....มีแต่ความเข้าใจผิด...... เรื่องทางโลก...มันเป็นเช่นนั้นเอง...ตถฺตา...... ( ขอโทษอีกครั้งที่เขียนเสียยืดยาว) ....
12 กรกฎาคม 2549 14:27 น. - comment id 91552
ขอบคุณแทนเด็ก ๆและชาวบ้านตานวนทุก ๆคนครับ
12 กรกฎาคม 2549 14:47 น. - comment id 91553
12 กรกฎาคม 2549 21:10 น. - comment id 91559
ไหน ไม่เห็นบอกเลย ว่าผู้ดูแลระบบทำอะไรบ้างกับงานค่ายครั้งนี้ นอกจาก นั่งรถส่วนตัวไป เพื่อนจะยังไงก็ช่าง นอกจาก สร้างภาพ เขียนโครงการ เขียนในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ และไม่เคยทำ นอกจาก คำว่าจะดูแลเพื่อน ดูแล คำว่าดูแล รับผิดชอบอยู่ตรงไหน หรือว่าปล่อยมัน พวกมันโตแล้ว อย่าอ้างว่าต้องทำโน่นทำนี่ ทำอะไรครับไหนทำอะไร ใครเห็นบ้าง เพื่อนๆ สมาชิกหลายคนที่ไป หลายๆครั้ง เบื่อหน่าย แต่ที่ไป ไปเพราะเป็นกิจกรรมเพื่อน้องๆ ไม่รู้หรอกว่า ต้องไปเจออะไรบ้าง ผมอาจเขียนไม่เก่ง ออดอ้อน สร้างภาพไม่เป็น ดิบๆเถื่อนๆ แต่ผมรักเพื่อน เป็นห่วงเพื่อนจริงๆ ไม่ใช่ห่วงแต่คำพูด .....ผมคาดว่า ความเห็นตรงนี้คงโดนลบในไม่ช้า ถ้ามีข้อความ คำพูดไหนในที่นี้ ใครสามารถตอบผมได้ว่า ที่ผมคิดมันคิดผิด ช่วยตอบผม ตอบคนโง่เขลาเช่นผมที
12 กรกฎาคม 2549 22:21 น. - comment id 91561
เพื่อนฝูงยุงกัด เพื่อนไม่ปัดยุงกัดเป็นฝูง
13 กรกฎาคม 2549 11:59 น. - comment id 91586
\" บุญบาปอยู่ที่ใจ \" ทำบุญแล้วสุขใจคือได้บุญ หากปากอ้างทำบุญแต่ในใจร้อนรุ่ม แบบนี้เค้าเรียก \" บาป \" ของับ ขออนุโมทนาในบุญที่ทุกท่านทำไปด้วยบริสุทธิ์ใจ ของับ
13 กรกฎาคม 2549 14:04 น. - comment id 91591
\" อมิตตพุทธ \" โยม..เวรย่อมระงับด้วย การไม่จองเวร สัพเพสัตตา อเวรา....สุขีอัตตานัง ปริหะรันตุ....แก้วประเสริฐ.
13 กรกฎาคม 2549 21:30 น. - comment id 91601
เสียดายเด้ บ่ได้มาพบพ้อ เพราะว่าอยู่แดนไกล บ่ได้มาซ่อยซู ย้อนว่าอยู่ไกลบ้าน ยามเมื่อกลับมาฮอด สิมีแนวนี่อีกบ่ อยากสิมาพบพ้อ นำเจ้าคู่สู่คน...แท้เด้
14 กรกฎาคม 2549 12:12 น. - comment id 91610
เหมือนพี่ตัวเล็กว่าคะ ถ้ามีโอกาสได้กลับเมืองไทย คงได้เจอหน้าพบตากัน และจะช่วยอีกแรงคะ จะไปทั้งตัวและหัวใจพร้อมกะสองขา...อิอิ รักน้อยตาดำๆ ด้วย ..รักเด็กคะ....... (ปล. อยากเป็นนางสาวไทยเลยต้องหัดรักเด็ก อิอิ..)
14 กรกฎาคม 2549 12:52 น. - comment id 91611
ผมมีความสุขครับและทุกอย่างผมก็พึงพอใจในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความสะดวกสบายก็ตาม ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องให้เกิดประเด็นร้อนวุ่นวายจนเกิดเหตุ คนจะไปทำบุญนะครับ ไปในฐานะของผู้ให้ ก็ต้องยอมรับสภาพถึงภูมิลำเนาที่จะไป ไม่ใช่ว่าเคยอยู่สุขสบายก็อยากอยู่สุขสบายในบ้านป่าเมืองดอน คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆอย่างเพรียกพร้อม ผมอ่านดูหลายกระทู้ที่มีคนเขียนประจานถึงตัวบุคคล ซึ่งความจริงความเป็นทีมเวิร์คมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งหมดก็เลยดูคล้าย ๆกับว่าทุก ๆความผิดพลาดถูกโยนให้กับบุคคลเพียงคนเดียว ผมไม่ใช่สมาชิกเวปเต็มตัว แต่ผมก็ได้ร่วมเดินทางไปกับกิจกรรมนี้ นอกจากนั้นอีกหนึ่งความจริงก็คือผมเป็นผู้ร่วมงานอยู่ในสำนักงานเดียวกันกับผู้ดูแลระบบ ดังนั้นความเป็นไปตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันส่งมอบของบริจาคให้กับโรงเรียน นอกจากผมแล้วก็คงมีอีกคนเท่านั้นที่รู้ดีกว่าเหนื่อยหนักสาหัสแค่ไหน ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมเห็นเพื่อน(ผู้ดูแลระบบ)ต้องวิ่งรอกจัดหาข้าวของ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อหารถตู้ รถเช่าขนของ ไปสำเพ็งซื้อเครื่องเรียนเครื่องเขียน หอบหิ้วหนังสือ แบกลังเสื้อผ้าบริจาค กิจกรรมปันน้ำใจเริ่มจากตรงไหนครับ คงไม่ใช่เริ่มต้นที่วันที่ 8 ใช่ไหมครับ หรือใครคิดว่าใช่ คนที่คิดว่าใช่ก็คงน่าจะเป็นคนที่เพิ่งโผล่หัวโผล่ตัวมาให้เห็นในวันนั้นมากกว่า ก่อนหน้านั้นใครทำครับ ตรงนี้คนที่มีปัญญาคงวิเคราะห์กันออก หลายคนคงนึกถึงคำว่าปิดทองหลังพระทันที แล้วนี่อะไรกันครับ ทั้งหมดนี่กิจกรรมทั้งหมดเกิดจากโครงการอิ่มอุ่นเท่านั้นเองหรือครับ ลำพังสิ่งของที่คุณแจกแจงมามันเทียบไม่ได้กับที่กิจกรรมปันน้ำใจจัดหา เพียงแต่การนำเสนอมันต่างกัน คุณอาจถนัดที่จะพรีเซนต์การทำงานของคุณเป็นระยะๆจนภาพออกมาดี แต่ในขณะที่อีกคนก็ทำงานงก ๆ คนเดียว ทุกลัง ทุกกล่อง ล้วนแต่ผ่านมือการจัดการของคน ๆ นั้นครับที่ผมอยากจะบอก ไม่มีคนเห็น ไม่มีคนรู้ เพราะคนทำรู้สึกสุขใจกับที่ค่อย ๆเก็บงานทำไป ไม่ได้ป่าวประกาศขอความช่วยเหลือใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าคน ๆนั้นหยิ่งโอหัง แต่เพราะอะไรล่ะครับ อยากรู้หรือเปล่าล่ะ ผมเองก็เคยถามผู้ดูแลระบบเหมือนกันว่า ไม่มีใครช่วยเลยเหรอ ทำไมต้องแบกรับภาระหนักนี้คนเดียว อาการบาดเจ็บของผู้ดูแลระบบเกิดขึ้นจากอะไร พวกคุณเคยรับรู้และใส่ใจบ้างไหม ใช่ พวกคุณอาจบอกว่าก็เพราะไม่รู้ ครับผม ผู้ดูแลระบบจัดการกับสิ่งของกองมหึมานั้นทั้งแพ๊คทั้งยกและขนย้ายจนหกล้มหัวคะมำไป บาดเจ็บรักษากันอยู่หลายวัน ซึ่งผมเองก็เห็นเหตุการณ์นั้นด้วย ไม่ใช่เห็นแค่สายตาคู่เดียวของผมนะครับ สายตาของคนอีกประมาณห้าสิบคู่ในสำนักงาน พวกคุณพอใจหรือยังครับที่รู้ ไอ้ที่ตามืดบอดก็จะได้ตาสว่างเสียที ไม่ใช่ว่าผู้ดูแลระบบไม่เข้าก๊วนกินเหล้ากินเบียร์ด้วยก็ถือว่าแยกตัวเอาแต่สบายคนเดียว ผมแปลกใจนะครับที่พวกคุณไม่รู้ว่าผู้ดูแลระบบมีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง เป็นเพื่อนกันประสาอะไรครับที่ไม่รู้เรื่อง และจริงหรือเปล่าที่ไม่รู้แม้แต่สักคนเดียว หรือไอ้คนที่รู้ มันรู้แต่มันไม่บอก เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำร้ายกัน เมารถครับ คนที่ไม่เคยเมารถก็คงนึกไม่ออกว่าสภาพคนเมารถเป็นยังไง คนที่รู้จักอาการนี้ดี ก็คงนึกออก สภาพกายที่ทรมานขนาดนั้น พวกคุณคิดว่าควรให้ผู้ดูแลระบบจัดการกับตัวเองอย่างไรดีครับ ปากที่โพทนาว่าผู้ดูแลระบบเอาแต่สบายนั่งรถยนต์ส่วนตัว ลองตัดสินกันใหม่นะครับ ผมขอร้องให้พิจารณาจากความเป็นจริง รถตู้สองคัน จำนวน 19 คน ถ้าจะรวมในรถยนต์ก็เป็น 24 คน ถ้ารวมคนขับ ก็ 26 คน มันเป็นไปได้หรือครับที่จะนั่งรถตู้ยัดลงไปหมด โดยระยะทางไกลขนาดนั้น ผมคงไม่บอกรายละเอียดซ้ำซาก คนมีหัวเอาไว้คิดก็คิดออกเอง แล้วทำไมถึงต้องนั่งรถยนต์ส่วนตัว คงมีคำถามที่ยังมีบางคนติดค้างในใจอีก คนขับรถยนต์เป็นหมอครับ ไหน ใครช่วยบอกทีว่า ควรนั่งรถคันไหนเหมาะที่สุดที่ไม่ใช่นั่งรถคันที่มีหมออยู่ด้วย มันเป็นยังไงครับ นั่งรถยนต์ส่วนตัวมันไม่ได้วิเศษวิโสหรอกครับ เท่าที่ผมรู้ คันอื่น ๆ ได้แวะจอดรถกินข้าว แต่คันที่เป็นรถยนต์ส่วนตัวก็จอดเหมือนกันครับ จอดถึงสามหน แต่ไม่ได้จอดกินข้าวนะครับ ผู้ดูแลระบบอาการย่ำแย่จนหมอต้องจอดรถให้อาเจียนและทำการปฐมพยาบาล ไงครับ ไอ้คนที่ชักชวนดีนักให้นั่งรถตู้ไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ปัญหานี้นะครับ รู้ แต่ทั้งรู้ ก็ยังอยากให้ผู้ดูแลระบบหมดสภาพหมดกำลังตอนไปถึงโรงเรียนหรือไงครับ เห็นบ่นกันหนักหนาว่านรกบนรถตู้ ไงครับ รถตู้ก็หรูหรากว้างขวาง เป็นรถนักเรียนครับ รถอนุบาลเด่นหล้าใครที่รู้จักโรงเรียนนี้คงรู้ว่า กว่าจะประมูลมาเป็นรถตู้โรงเรียนนี้ได้ สภาพของรถต้องเป็นยังไง ส่วนไอ้เรื่องที่ได้เที่ยวตรงนั้นบ้าง ไม่ได้เที่ยวตรงนี้บ้าง ตกลงใช่ประเด็นหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่อ่านดู ไหนบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ต้องการมาพบปะเพื่อนฝูง แล้วไงครับ อิดออดกันมาอย่างงั้นอย่างโง้น เรื่องมากนะครับถ้ารักสบายก็อยู่บ้านดีกว่า ไปทำไมครับ คนที่บริจาคเงินโดยไม่ประสงค์ออกนามเขาก็ได้รับบุญเต็มอิ่มชื่นมื่นไม่ใช่ออกจากวัดปั๊บก็แทบจะลงแดงตะเวณหาเหล้าหาเบียร์กันยกใหญ่ เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็เอะอะอาละวาด แล้วอย่างนี้จะไปทำบุญทำไมครับ นัดสังสรรค์กันในกรุงเทพก็ได้ เสียเวลาครับ เสียเวลาจริง ๆ ผมอ่านแล้วได้แต่คิดว่า นี่หรือคนในเวป จิตใจคับแคบสิ้นดี ห้องนอนไม่มีพัดลม ผมอยากจะขำ ห้องนอนสี่ห้องมีพัดลมสามห้องครับ แต่พัดลมมีไว้โชว์ไม่ได้มีไว้ใช้งาน ไม่มีห้องไหนได้ลมจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรอกครับ แค่เห็นแต่ไม่รู้จริง ก็ยกมาสาธยาย ห้องที่พวกคุณนอนน่ะ เป็นห้องที่ดีที่สุดในจำนวนสี่ห้องที่มี พวกคุณใจแคบมากนะครับ แค่คนแก่ขอเปลี่ยนห้องจากข้างบนมาเป็นข้างล่าง คุณเห็นไหมครับแต่ละคนอายุก็รุ่นแม่ทั้งนั้น คุณทำไมไม่ใจกว้างหน่อย คุณไม่ต้องปรนนิบัติพัดวีอะไร คนแก่พวกนั้นเขาดูแลตัวเองได้ครับ แต่ขอความสะดวกให้เขาอีกนิด กลางค่ำกลางคืนเดินบันได หกล้มขึ้นมา ใครรับผิดชอบครับ คนหนุ่มๆสาวๆในเวปไม่มีคนแก่ในบ้านหรือไงครับ ผมอยากรู้ ไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่ามันเกิดจากปัญหาส่วนตัวมากกว่าครับ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ แต่ก็อย่างว่าครับนักฉวยโอกาสมันมี ช่องทางไหนที่จะทำให้คนอื่นย่อยยับฉิบหายก็คงทำ โดยไม่รีรอและไม่คำนึงถึงความเป็นคนรู้จัก ครับ ผมว่ากันตรงๆ ผมไม่ใช่คนดิบเถื่อน ผมมีการศึกษาระดับหนึ่ง ซึ่งผมคงไม่ขอบอกว่าสูงระดับไหน เดี๋ยวจะหาว่ายกตนข่มท่าน แต่การที่เป็นบอกว่าเป็นคนดิบเถื่อนแล้วจะได้อภิสิทธิ์ในการด่าประจานคน มันเป็นเรื่องที่ทุเรศครับ ผมแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นเพศเดียวกับผม อึ้งครับอึ้ง เห็นหยิบยกเรื่องมาตั้งเป็นหัวข้อตั้งมาก มันดูคล้ายเป็นหัวข้อแต่ก็ไม่ใช่หัวข้อ มันเป็นคำตัดสินมากกว่าตัดสินโดยชี้ชัดไปแล้วว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ที่เห็น เห็นด้วยใจเป็นกลางหรือยังครับ แน่ใจ? เรื่องห้องนอนไม่มีพัดลม เรื่องนรกในรถตู้ เรื่องสบายในรถส่วนตัว เรื่องไม่ได้ไปตามที่เที่ยวตามที่กำหนด เรื่องไม่ได้ชิมไวน์ เรื่องทั้งหมดนี้ใหญ่โตมากหรือครับในสายตาของพวกคุณ คิดได้แค่นั้นจริง ๆ หรือครับ ขอบคุณครับที่ผู้ดูแลระบบเปิดโอกาสให้ผมร่วมทำบุญ และขอบคุณที่ทำให้ผมรู้พฤติกรรมของคนในเวป ซึ่งก่อนหน้านั้นผมคิดไม่ออก มองไม่เห็น นึกว่าคนเขียนกลอนจะมีแต่คนที่จิตใจดี ๆ ที่ไหนได้ ไม่รู้มาจากซอกไหนซอยไหนก็ไม่รู้ แตกต่างกับความเป็นจริงอย่างมาก แต่ก็ต้องขอโทษผู้ดูแลระบบนะครับที่ผมถือวิสาสะเขียนข้อความเลอะเทอะไปหมด ผมเห็นสภาพนี้แล้วสมเพชจริง ๆ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ ผมคงนั่งอ่านเฉย ๆ โดยไม่แสดงบทบาทในมุมของผมบ้างไม่ได้ ไอ้เรื่องบิดเบือนอะไรนั่น ผมไม่ถนัดครับ ตอนนี้ผมเห็นแต่คำว่า รุมกินโต๊ะ กินบุญน่ะก็ยินดีครับ กินบาปมันกระไรกระไรอยู่
14 กรกฎาคม 2549 13:40 น. - comment id 91612
คุณ ยอด ที่คุณพูดมาไม่มีสิ่งใดผิดเลย ถ้ามีใครสักคนจัดการ มีใครสักคนรับผิดชอบ ถามว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี่จะเกิดขึ้นไหม อย่าคิดว่าพวกที่ไปต่ำช้านักสิ อย่าคิดว่าคนที่ไปเห็นแก่กิน ไม่มีใครสักคน พูดว่าอยากกินอะไร อย่าคิดว่าคนที่ไปมีปัญหาส่วนตัวกัน ถ้ามีแล้วจะไปทำไม... ทุกปัญหามีทางออกอยู่แล้วถึงผมจะเรียนมาน้อยผมก็เห็น แต่อยู่ที่ว่าจะทำมันหรือเปล่าเท่านั้น
14 กรกฎาคม 2549 14:10 น. - comment id 91613
งานนี้แต่ละคนก็คงเหนื่อยๆ กันทั้งนั้น น่าจะปรับความเข้าใจกันนะครับ งานนี้ผมก้เหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องงานหรอก เหนื่อยเพราะเหล้าอ่ะ ไปไหน ไปด้วย เราก็ช่วย 2 บาท นอกนั้นฟาดเบียร์เหล้าจนเมามาย พูดแล้วอายจัง ....แต่บังเอิญหน้ามึนอ่ะดีกรีมันเยอะ......เหอๆๆๆ
14 กรกฎาคม 2549 16:45 น. - comment id 91614
อธิบายคุณ ยอด.. ครับ เปรียบกันง่ายๆ.. ให้คุณยอดเห็นภาพนะครับ คุณยอดคงรู้จักพระนะครับ พระสงค์ พระสงค์ถือศีลกี่ข้อ อันนี้ผมก็ไม่ชัวร์ เอาเป็นว่าหลายข้อมากๆ.. ผมจะเปรียบพระสงค์ กับ คนเขียนกลอน นะครับ.. คนเขียนกลอนก็เป็นอย่างเราๆ ท่านๆ.. นั่นละ ถือศีลห้า บางคนข้อห้าก็ตัดไป อาจจะถือเพียงสี่ข้อ.. คุณยอดเคยคิดไหมครับว่าพระเป็นยังไง?.. เทียบกับที่คุณยอดคิดว่าคนเขียนกลอนเป็นคนมีจิตใจดี.. ผมก็คงคิดว่าคุณยอดคงบอกว่า พระท่านก็มีจิตใจดี คุณยอดต้องนึกว่าพระท่านมีจิตใจดีแน่ละ.. ผมก็คิดอย่างคุณยอดครับ แต่จนแล้วพระเองก็ยังมีคลิ๊ปวีดีโอให้เห็น... ทั้งที่ถึงศีลเยอะกว่าคนเขียนกลอนเสียอีก .. มันเทียบไม่ได้กับ...สิ่งที่พี่ๆ เขาโต้เถียงกันหรอกครับ แต่คุณยอดลองนึกดูสิครับ ถ้ามีแต่คำชม ทั้งที่ยังมีสิ่งที่บกพร่องอยู่.. มันเป็นเหตุการณ์ซ้ำๆ.. ผมอยู่เวบร์นี่มานานแล้ว ..ครั้งก่อนเป็นเรื่องของพี่กอกก.. เวบร์นี้อยู่ได้ไม่ใช่เพียงเพราะมีคนตั้งมันขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าแค่มีผู้ดูแลระบบก็อยู่ได้ คนที่สร้างให้เวบร์นี้อยู่ได้คือ สมาชิกทุกคนในเวบร์.. พี่หลายๆ คนอยู่ในเวบร์นี้มานานแล้ว ..การที่จะให้คอมเม้นกับผู้ดูแลระบบ ผมว่าเป็นเรื่องที่ทำได้.. ผมเคยอ่านกลอนของคุณอัลมิตรา... บรรยายถึงพฤติกรรมของหลายคนที่เข้ามาใช้เวบร์นี้.. ผมอยากให้คุณอัลมิตรามองดูตัวเองด้วย.. ผมคงพอจะแสดงความคิดเห็นได้ เพราะผมก็เป็นสมาชิกเวบร์นี้.. เวบร์นี้ดีมากๆ ผมชื่นชมที่มีคนคิดทำขึ้น.. และก็ไม่อยากให้เหตุการณ์มันซ้ำๆ.. เข้ามา.. คุณอัลมิตราเองก็ควรที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องดี.. และก็ควรที่จะปรับปรุงตัวเองขึ้น การทำให้คนจำนวนมากถูกใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ผมรู้.. แต่ก็ควรที่จะรับฟังและปรับปรุงตัวเอง.. เพราะคุณเป็นผู้ดูแลระบบ .. ที่ผมไม่ได้เข้าเยี่ยมเข้าแวะห้องคุณอัลมิตรา.. ก็เพราะคำเขียน คำโพสของคุณอัลมิตราดู จะเสียดกระทบมาทางผมอยู่หรอก ถ้าพูดกันตรงๆ คุณอัลมิตราก็ต้องตอบว่า ใช่.. ผมรู้ว่าคุณอัลมิตราจะตอบผมว่ายังไง..
14 กรกฎาคม 2549 16:50 น. - comment id 91616
ต่อ อย่าไปยุ่งเลยนะ เหนื่อยเปล่า ๆ คนมันจะแก้ตัว ทำไงก็แก้ไปได้ พรุ่งนี้เจ๊จะไปอยู่แล้ว ขอรักษาภาพพจน์อันเมามายหน่อยแล้วกัน คือปกติ ก็ไม่ค่อยเรียกร้องความเห็นใจจากใครอยู่แล้ว กลัวเขียนอะไรให้คนเห็นใจ แล้วจะโดนยำว่ะ ขนาดฟันอักเสบ ไข้ขึ้น ยังไม่เจียมสังขาร ไปกับเขา หูยยลืม ว่าจะไม่เรียกร้องความเห็นใจ ตามไปอ่าน \"เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด\" ที่บ้านพี่นะ ว่าจะหยุดเขียน แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เอาซะให้จบม้วน
14 กรกฎาคม 2549 17:28 น. - comment id 91619
โมทะนาสาธุค่ะ
15 กรกฎาคม 2549 18:28 น. - comment id 91622
ขออภัยตรงนี้เสร็จแล้ว ช่วยไปบอก ขออภัยด้วยวาจากับอาม้า อาอึ๊ม อากิ๋มด้วยนะ บอกแกด้วยว่าใครเป็นคนจัดทัวร์ เพราะแกไม่รู้ ฝากขอบคุณแกด้วยที่ลุกมาทำข้าวเช้าให้กินกันวันที่ 9 กค. สำหรับหน้าที่ผู้ดูแลระบบ เอามันออกจากบ่าบ้างก็ได้ จะได้ไม่เหนื่อยนะอิม ดูแลตัวเองล่ะ
15 กรกฎาคม 2549 18:40 น. - comment id 91623
บอกได้เลยว่า บุญบาปได้เต็มๆๆๆ ใครได้บุญก็รับเต็มๆๆๆ ใครได้บาปรับไปเต็มๆๆๆ ส่วนไอ้พวกที่ไม่ได้ไปอย่าแก่งแต่เห่าโว๊ย ไม่รู้จริงอย่ามะสะเอ่อน่ะ ไม่ไปลำบาก แล้วอย่ามาแส่รู้ดีกันนัก
15 กรกฎาคม 2549 18:58 น. - comment id 91624
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถตู้ ผมได้ยินแต่เสียงหัวเราะของผู้สูงอายุในรถ ผมเองยังรู้สึกแปลกใจเลย เพราะตอนแรกคิดว่าคงมีแต่เสียงบ่นของความลำบาก คำพูดสุดท้ายก่อนจากกัน ผู้สูงอายุเหล่านั้นยังบอกกันว่า ไว้วันหลังไปเที่ยวกันใหม่อีก คุณพระจันทร์เศร้าฯ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้น่ะครับ เพราะทุกท่านมีความสุขกันดี
16 กรกฎาคม 2549 13:58 น. - comment id 91630
ไอ้ประเภทที่ไม่รู้แต่แส่รู้ก็เห็นมีอยู่รายเดียวเท่านั้นไอ้คนมีเขาสะเออะเสือกไม่เข้าเรื่อง เขามีปัญหากันก็ปล่อยให้เขาเคลียร์กันไป แหล๋นนักนะ แหล๋นไปทั่ว หมาใช้หรือม้าใช้ถามจริง
14 กรกฎาคม 2549 22:39 น. - comment id 91643
เข้าใจจิตใจของผู้จัดค่ะ แต่คนเรามันต่างกัน นานาจิตตัง จะให้ถูกใจคนทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ แต่คุณควรจะเข้าใจความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ถ้ายังทำงานไม่เข้าตา ต้องพยายาม เป็นคนกลางจะต้องประสานกับคนอื่นได้ และยอมรับกับสิ่งที่เราทำไป ปรับปรุง ทำให้ดีมากขึ้น มีความอดทน ไม่โวยวาย และแม้ว่าคนอื่นๆ เขาจะทำร้าย คิดว่าเขาก็คงไม่ต้องรอจนถึงป่านนี้ ถึงมาทำร้ายกัน ไม่งั้นเขาคงไม่ช่วย ถ้าคุณยอดให้ comment แบบนี้ ต่อไปจะมีคนมาช่วยงานหล่ะค่ะ
14 กรกฎาคม 2549 22:44 น. - comment id 91644
เข้าใจจิตใจของผู้จัดค่ะ แต่คนเรามันต่างกัน นานาจิตตัง จะให้ถูกใจคนทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ แต่คุณควรจะเข้าใจความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ถ้ายังทำงานไม่เข้าตา ต้องพยายาม เป็นคนกลางจะต้องประสานกับคนอื่นได้ และยอมรับกับสิ่งที่เราทำไป ปรับปรุง ทำให้ดีมากขึ้น มีความอดทน และไม่โวยวาย และแม้ว่าจะทำร้าย เขาก็คงไม่ต้องรอจนถึงป่านนี้หรอก ถึงมาทำร้ายกัน ถ้าคุณยอดให้ comment แบบนี้ ต่อไปจะมีคนมาช่วยงานหล่ะค่ะ
15 กรกฎาคม 2549 08:31 น. - comment id 91647
ภูครับ พี่จิ๋ง เรไร และเพื่อนๆครับ อย่าโกรธกัน ทะเลาะกัน หรือ น้อยใจกันเลยนะครับ เห็นความตั้งใจภู พี่ๆกับเพื่อนๆที่ไปช่วยเหลือเด็กๆแล้วน่าดีใจแทนพวกเค้า ถ้าหนักนิด เบาหน่อยแล้วอภัยให้กันได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจมากนะครับ และในทริปนี้ มีคนเตรียมงานกันน้อย แต่ละท่านก็ไปด้วยใจทุกคน หากเกิดเรื่องที่กินแหนงแคลงใจกัน จากความเหน็ดเหนื่อยของกันและกัน ผมขอเป็นส่วนหนึ่งในการขอโทษ สำหรับทุกๆอย่างด้วยนะครับ กรุณายกโทษให้ด้วยครับผม
15 กรกฎาคม 2549 12:49 น. - comment id 91650
น่าดีใจแทนเด็กๆ
15 กรกฎาคม 2549 15:46 น. - comment id 91654
คำชี้แจงจากผู้ดูแลระบบ หลังจากที่ได้อ่านข้อความที่หลายต่อหลายคนนำเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมปันน้ำใจที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและส่วนที่ไม่น่าจะใช่สาระของการดำเนินงาน การยอมรับความคิดเห็นในมุมมองของคนอื่น เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาตนเอง เป็นสิ่งที่ดีและผู้ดูแลระบบก็มิได้ท้วงติงหรือโต้แย้งแต่ประการใด ตรงนี้ยังคงยืนยันว่า เคารพในความคิดเห็นทุก ๆ ความคิดเห็น และไม่ว่าความคิดเห็นนั้นจะส่งผลเช่นไรกับผู้ดูแลระบบ หากเกี่ยวกับเนื้องานกิจกรรม ก็จะรับไว้พิจารณา แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับเนื้องานของกิจกรรม คงต้องละเว้นไว้ เพราะ ณ ที่นี้ ความเป็นผู้ดูแลระบบจะมีบทบาทแตกต่างออกไปจากความเป็นสมาชิกธรรมดา ที่ใช้นามแฝงในการเขียนกลอนว่า ..อัลมิตรา.. ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกันก็ตามแต่ ควรแยกแยะ และวิพากษ์ให้เหมาะสมกับสถานะและบทบาทของผู้ดูแลระบบในบ้านกลอนไทย จากเจตนารมย์ในการริเริ่มทำกิจกรรม ตั้งแต่คิดและลงมือทำ ย่อมต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการสั่งสมความรู้ความสามารถ ผิดพลาดประการใด ก็ต้องค่อย ๆ จัดการปรับปรุงแก้ไข และในวัตถุประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ ก็ไม่ได้กระทำเพื่อประโยชน์แห่งการสร้างสุขส่วนตน หลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นคนภายในเวป หรือคนนอกเวปที่ยื่นความจำนงขอร่วมบุญในกิจกรรมดังกล่าว คงสังวรณ์ในมโนได้ดี เริ่มต้นจากจุดแห่งความคิด ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่คิดและวาดแผนไว้คร่าว ๆ ว่าจะทำอย่างไรในการช่วยเหลือสังคม ทั้งหมดถูกวาดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจนประกาศเจตนาบนหน้าเวป ในขณะนั้น รายชื่อในมือของผู้ดูแลระบบมีเพียง คุณพระจันทร์เศร้า คุณแก้วประเสริฐ คุณท่องเมฆา เท่านั้น ที่ยืนยันว่าจะร่วมเดินทางไปแน่นอน ส่วนโครงการอิ่มอุ่นก็แจ้งตามมาในภายหลังว่าขอร่วมบุญในกิจกรรมนี้ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ติดขัดอย่างไร ด้วยความยินดี ซึ่งทางโครงการอิ่มอุ่นก็แจ้งความคืบหน้ามาเป็นระยะ ๆ ในการจัดเตรียมสิ่งของ ในขณะเดียวกันทางกิจกรรมปันน้ำใจ ผู้ดูแลระบบก็สรรหาจัดการกับภาระหน้าที่ดังกล่าวเช่นกัน ในเมื่องานบุญเป็นที่สนใจจากคนนอกเวป และขอเข้าร่วมกิจกรรม ผู้ดูแลระบบก็ยินดีอีกเช่นกัน เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน ก็คือเวลาที่ตระเตรียมงานบริจาคสมทบไปเรื่อย ๆ จนสิ่งของมีมากมายตามที่แจงรายละเอียดไปในต้นกระทู้ ส่วนเรื่องเยือนอีสานใต้ ผู้ดูแลระบบก็ได้รับคำยืนยันจากคุณครูใหญว่า เตรียมพร้อมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พักอาศัยและการพาเพื่อนไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ในด้านการจัดหารถ ผู้ดูแลระบบก็ติดต่อรถตู้โดยเช่าไว้เหมาทริป คันละ 15000 บ.- (รวมน้ำมัน) จำนวน 2 คัน และรถกระบะ 1 คันสำหรับขนของ รถยนต์หนึ่งคันเผื่อสำรองไว้สำหรับที่นั่งโดยสารเกินจำนวนที่นั่งในรถตู้ ซึ่งรายละเอียดนี้ แจกแจงไว้ในกระทู้ที่แล้ว ต่อมาคุณยังเยาว์แจ้งความประสงค์ขอร่วมเดินทาง ซึ่งคุณยังเยาว์ได้รวบรวมสิ่งของบริจาคไว้ที่คลีนิคของหมอท่องเมฆา ก่อนหน้าวันเริ่มกิจกรรมสักสามวัน คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์แจ้งความประสงค์ว่าขอร่วมเดินทางด้วย และก่อนหน้าการเดินทางเพียงหนึ่งวัน คุณเรไรก็ขอร่วมเดินทาง เมื่อเช็คจำนวนคนแล้ว ณ วันสุดท้ายก่อนการเดินทาง จำนวนคนมีมากกว่าจำนวนที่นั่งในรถตู้ คุณหมอท่องเมฆาจึงขับรถยนต์ส่วนตัวไป (เพราะถูกสำรองว่า ถ้าที่นั่งไม่พอ คงต้องขับรถยนต์ไปเอง) ณ จุดนี้ ผู้ดูแลระบบ ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง (เมารถ) จึงได้รับการเชื้อเชิญให้นั่งรถคุณหมอ เพื่อว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน อาการไม่ดี จะได้ทำการปฐมพยาบาล การเมารถนี้หลายคนที่เดินทางร่วมกันทราบว่านั่นคือปัญหาประจำตัวของผู้ดูแลระบบแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว หวังว่าคำอธิบายดังกล่าวคงตอบข้อกังขาได้บางส่วนว่า ผู้ดูแลระบบเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด นั่งรถยนต์สบายคนเดียว ทั้งที่ผู้กล่าวรู้อยู่แก่ใจว่า เหตุผลนั้นคืออะไร เพราะผู้ดูแลระบบก็ได้บอกเหตุผลล่วงหน้าไปแล้ว จึงก่อให้เกิดความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุใดจึงเป็นประเด็น ในส่วนของกิจกรรมในโรงเรียน ผู้ดูแลระบบคงไม่ต้องอธิบายความอีก แต่ในส่วนที่จะต้องชี้แจงถัดไปคือในส่วนของบ้านพักป่าไม้ ผู้ดูแลระบบก็ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน ได้พบ ได้เห็น พร้อม ๆ กับทุก ๆ คน บ้านหลังใหญ่ห้องนอนมี 4 ห้อง ห้องที่ดีที่สุด ผู้ดูแลระบบจัดให้เพื่อนเวปเข้าพัก ส่วนห้องที่เหลือ ถึงแม้ว่าจะมีพัดลม แต่ก็เป็นพัดลมที่ใช้งานไม่ได้สักห้อง ครอบครัวของคุณหมอถูกกำหนดให้นอนห้องด้านล่างปีกซ้าย เป็นห้องที่อับและสกปรกกว่าห้องใด ๆ แต่ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ กับลูก ๆ ของเขา ห้องนั้นน่าจะนอนได้ 5-6 คน เพราะเป็นห้องเล็ก ดังนั้นผู้ดูแลระบบจึงอาสาเองที่จะเข้าไปนอนกับเด็ก ๆ ซึ่งคุ้นเคยกันดีอยู่ก่อนแล้ว ห้องชั้นล่างปีกขวาเป็นห้องที่คนนอกเวปขอเข้าพัก เนื่องจากอายุมาก เดินขึ้นลงบันไดไม่ไหว และห้องนั้นคนขับรถก็นอนรวมด้วย นับว่าเบียดเสียดเช่นกัน ห้องนอนปีกซ้ายชั้นสองเป็นห้องที่คนนอกเวปอีกเช่นกันนอนรวมกับครอบครัวของคุณมนต์กวี รวมแล้วเป็น 6 คน ส่วนห้องนอนบนปีกขวาที่ว่าดีที่สุดนั้น ดูจากที่นอนที่ทางป่าไม้จัดให้ น่าจะอยู่พักได้ 6-8 คน ยังมีเต้นท์ที่คุณครูฉันทะโสเตรียมไปอีก 5 หลัง ผู้ดูแลระบบแจ้งกับคุณเรไรและคุณขอโทษครับผมเมาในตอนต้นเมื่อเข้ามายังที่พักบ้านป่าไม้นี้ว่า ให้สาว ๆในเวป นอนข้างบน ส่วนผู้ชายนอนเต้นท์ ซึ่งก็ไม่ได้รับคำปฏิเสธแต่อย่างใด ก่อนที่ผู้ดูแลระบบจะเข้านอน นั่นก็เป็นช่วงที่ฟุตบอลโลกกำลังจะดำเนินการแข่งขัน ได้สอบถามคุณขอโทษครับผมเมาว่าจะนอนที่ไหนอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องเป็นห่วง จะไปดูบอล คงจะนอนแถวๆ หน้าทีวี ดังนั้นผู้ดูแลระบบจึงไม่ได้กังวลใจเลย เพราะเข้าใจว่า คอบอลทั้งหลายคงไปชุมนุมกันที่หน้าทีวี และก็หลับกันตามสบายที่นั่น และอีกท่านที่ใครต่อใครกล่าวถึงน้อยมาก คือ คุณแก้ว กรุงเก่า ซึ่งก็ไม่ได้เข้าไปนอนในบ้านพัก แต่ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ในการดูแลตัวเอง หากปัญหาเรื่องไม่มีที่นอนนั้น ได้ถูกร้องเรียนตั้งแต่ขณะนั้น ผู้ดูแลระบบคงไม่นิ่งนอนใจ ปล่อยให้เพื่อนนอนตากน้ำค้าง นี่คืออีกหนึ่งคำชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องห้องหับที่หลับที่นอน ยังมีเรื่องไวน์ ไวน์ที่ผู้ดูแลระบบถือ แต่ไม่มีโอกาสชิมและไม่มีโอกาสแม้แต่จะสูดดม ที่ต้องตามอธิบายนั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ผู้ดูแลระบบมองไม่ออกเลยว่ามันคือปัญหาใหญ่ นึกไม่ถึง ไม่ทันได้นึก ไวน์ขวดดังกล่าว คุณแก้วประเสริฐมอบให้ผู้ดูแลระบบเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งส่งมอบให้ตั้งแต่เจอกันที่ร้านชัยศาลาไอศกรีม ผู้ดูแลระบบก็ประคบประหงมไวน์ขวดนี้มา และในขณะที่บางกลุ่มรวมตัวในอาคาร ที่ทางคุณครูใหญ่จัดให้มีคาราโอเกะ บางกลุ่มยังคงรวมกลุ่มอยู่ด้านนอกอาคาร ผู้ดูแลระบบก็เดินเข้าเดินออกหลายต่อหลายรอบ เพราะเวปมาสเตอร์ฝากเสื้อให้กับบรรดาทีมเหย้า ส่วนที่เหลือ ก็จัดสรรให้กับเพื่อนสมาชิกที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เพราะคิดว่า เพื่อนสมาชิกที่อยู่กรุงเทพนั้น โอกาสที่จะได้พบกันอีกมีมากกว่า รวมถึงของที่ระลึกจากคุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ที่ฝากมายังเพื่อนสมาชิกทุก ๆ คน กระทั่ง บนโต๊ะอาหารที่ผู้ดูแลระบบนั่งรวมกับบรรดาครู+เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เหล้าหมด จิบแต่น้ำเปล่ากัน ผู้ดูแลระบบก็ออกปากว่า มีไวน์ จะเอามาให้ดื่ม เท่านั้นเองในความคิด เดินกลับไปยังห้องและเดินดุ่ม ๆกลับมายังโต๊ะอาหาร ที่เปิดไวน์ไม่มี ในเจตนาของผู้ดูแลระบบ คิดไว้ว่า หากเปิดไวน์ได้ จะเทไวน์สองจอกเล็ก ๆ ส่งให้คุณแก้วประเสริฐ ในฐานะของผู้มอบไวน์นี้แก่ผู้ดูแลระบบ และอีกจอกส่งให้คุณพระจันทร์เศร้า ทว่าไวน์ขวดดังกล่าว ที่เห็นวางไว้บนโต๊ะ ก็ถูกแจกจ่ายดื่มกินจนหมด เพราะเปิดขวดไวน์ได้ แม้ว่าจะไวน์จะพุ่งหก จนเหลือติดขวดเพียงเล็กน้อยก็ตาม ผู้ดูแลระบบไม่ได้ติดใจเกี่ยวกับเรื่องไวน์นี้เลย และมองเห็นเป็นเรื่องเล็กมาก ๆ เมื่อเทียบกับอารมณ์ที่เหวี่ยงสะท้อนกลับมา ตอบได้คำเดียวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้ถูกคาดคิด ไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินถือไวน์ข้ามหัวผู้ใด ไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจหรือน้อยใจเลยสักนิด เรื่องนรกในรถตู้ ก็ยังคงไม่เข้าใจ ถ้าบอกว่ารถตู้อึดอัดคับแคบไม่สะดวกสะบายในการนั่ง คงจะไม่ใช่คำตอบ แต่น่าจะเป็นเรื่องความอึดอัดในการแวะจอดท่องเที่ยวมากกว่า ซึ่งตรงนี้อีกเช่นกัน การที่ขับรถตาม ๆกันไป 4 คัน เมื่อรถตู้ไปไหนต่อไหน โดยที่ผู้ดูแลระบบเข้าใจว่า นั่นเขามีมติกันแล้ว มีการเสนอข้อคิดเห็นและวิเคราะห์กันใหม่ ผู้ดูแลระบบก็ให้สิทธิ์นั้น เพิ่งจะมาทราบเรื่องเมื่อวันที่ 10 ในช่วงเย็นว่า .. การเดินทางท่องเที่ยวนั้น นำพาซึ่งความทุกข์อันใหญ่หลวงให้กับเพื่อน ๆ ทำให้ไม่สุขใจ ทำให้ไม่สบายใจ ผู้ดูแลระบบก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่เมื่อรู้ในช่วงสุดท้ายของทริป ก็พยายามแล้วที่จะคลี่คลาย แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะคุณภูตะวันยืนยันว่าจะกลับกรุงเทพทันที ไม่รออยู่เที่ยวชมงานเทียนพรรษา พร้อมกับบอกเหตุผลและเล่าความอึดอัดใจทั้งหมดให้ผู้ดูแลระบบฟัง ในตอนนั้น การแก้ไขในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มันคงเป็นไปไม่ได้ ครั้นผู้ดูแลถามว่า ตอนที่ไม่ได้ไปช่องเม็กนั้น เห็นว่ามีการสอบถามซาวน์เสียงกัน ที่ศาลาโขงเจียม ไม่ได้นำเสนอความคิดเห็นหรอกหรือว่ายังคงอยากไป ที่ไม่ได้ไปกัน นั่นไม่ใช่มติหรือไร .. คำตอบที่ได้รับก็คือ ทางผู้ใหญ่ในรถตู้อีกคัน (หมายถึงคันของคนนอกเวป) เขาบอกว่าจะไปตรงนั้น ตรงนี้ ส่วนทางคนในเวปซึ่งด้อยอาวุโสกว่า ก็เลยไม่กล้าออกความคิดเห็น เข้าใจว่าการสะสมความรู้สึกที่อัดอั้นคงถึงขีดสุด ซึ่งการเดินทางกลับกรุงเทพคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ด้วยความเป็นห่วง ผู้ดูแลระบบจึงพยายามที่จะให้คำอธิบายว่า การเดินทางกลับเพียงลำพังคันเดียว หากเกิดเรื่องฉุกเฉินมันจะเป็นเรื่องวิกฤต ถ้ามีรถตู้ติดตามกันไปสองคันจะเบาใจกว่า อีกย่างคนขับรถ ขับรถมาทั้งวันแล้ว หากต้องขับรถติดต่อกันอีกเป็นระยะทางไกล อาจจะไม่ไหว แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่ทำพูดที่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นกลับเป็นดีขึ้นมา คุณภูตะวันยังคงยืนยันอยู่เช่นเดิมว่า จะกลับ หากจะนับช่วงระยะเวลาในการเดินทาง นับจากบ่ายสี่โมงไปอีก 8- 9 ชั่วโมง รถตู้ก็คงจะถึงกรุงเทพในราว ๆ ตีสอง-ตีสาม แต่อย่างที่บอก ผู้ดูแลระบบไร้ความสามารถที่จะหน่วงรั้งได้ ที่ทำได้ก็คือบอกให้คนขับรถตู้คันที่เพื่อนเวปนั่งนั้น กลับเข้ากรุงเทพได้ตามเจตนาของคุณภูตะวัน เสียใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่อาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ทันท่วงที ปัญหามันอยู่ตรงที่ผู้ดูแลระบบดูแลไม่ทั่วถึง ไม่สามารถรับรู้ปัญหาได้โดยรอบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอตอบด้วยความสัตย์จริงว่า หากรู้ว่าเกิดปัญหา ก็จะแก้ไขทันที ณ จุดนั้น คงไม่ปล่อยให้เพื่อนต้องทนเที่ยวอย่างหวานอมขมกลืน ที่มีโปรแกรมเยือนอีสานใต้ ก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ได้เปิดหูเปิดตาเห็นสิ่งสวยงามในวิถีอีกแบบ ยังมีอีกปัญหาที่ถูกพาดพิงถึงเรื่องของวันเกิด กิจกรรมครั้งนี้ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับวันเกิดของผู้ดูแลระบบหรอก จะมีบ้างก็แค่ผู้ดูแลระบบถวายสังฆทานให้กับพระภิกษุเท่านั้น ซึ่งตอนแรกก็ได้คุยกับคุณครูใหญ่นั้นไว้ สอบถามว่ามีวัดใดบ้างแถวนั้น อยากถวายเทียนพรรษาและเครื่องสงฆ์ ไม่ได้คิดจะทำเอริกเกริกจนกลายเป็นผ้าป่าย่อม ๆ ส่วนเรื่องขนมเค๊กที่คุณครูบัวกันต์ทำเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ดูแลระบบนั้น อย่าได้คิดว่าเป็นการสร้างภาพเพื่อเอาหน้าแต่อย่างไร เพราะไม่จำเป็นที่ผู้ดูแลระบบจะต้องมีภาพใด ๆ นอกจากหน้าที่ดูแลระบบในเวป และในวันเกิด สิ่งที่ผู้ดูแลระบบอย่างทำเป็นที่สุดคือการกลับไปอยู่กับพ่อแม่ การได้อยู่พร้อมหน้ากับคนในครอบครัว ขอให้เข้าใจตรงนี้ อย่าได้สร้างความลำบากใจให้กับคนที่มอบสิ่งดี ๆ แก่ผู้ดูแลระบบ เพราะมันจะทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกว่าการส่งมอบน้ำใจให้นั้นกลับกลายเป็นระเบิดลูกย่อม ๆ และอีกอย่างที่สำคัญ ปฏิทินในปีนี้ นับจากวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่มีการคุยคร่าว ๆ กับคุณครูใหญ่เรื่องกิจกรรมปันน้ำใจ ก็มีช่วง 8-11 กรกฏาคม นี้เท่านั้น ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่สะดวกที่สุด หลังจากนั้นถัดไปคือ ช่วงวันแม่เดือนสิงหาคม คงไม่สะดวกต่อการเดินทาง เพราะเพื่อนหลายคนคงจะอยู่กับครอบครัว ถัดไปคือช่วงตุลาคม ช่วงนั้นอาจมีมรสุมฝนตกชุก ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ผู้ดูแลระบบงานชุกเช่นกัน นี่คือเหตุผลทั้งหมดในการกำหนดวัน คำชี้แจงทั้งหมดนี้ เป็นคำที่เขียนออกมาจากใจจริง ในมุมของผู้ดูแลระบบ ในส่วนของการดำเนินงานที่บกพร่อง ผิดพลาด ก่อให้เกิดความไม่สะดวกในหลาย ๆ ประการ ผู้ดูแลระบบก็ขอน้อมรับคำตินั้น เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุง และคงต้องกล่าวคำขออภัยต่อเวปมาสเตอร์ ที่ผู้ดูแลระบบไม่สามารถทำให้กิจกรรมนี้เป็นไปได้อย่างลุล่วงและราบรื่น ยอมรับในความด้อยประสบการณ์ในการดำเนินงาน ยอมรับถึงความไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมงานกิจกรรม หลายคนคงรออ่านคำเขียนของผู้ดูแลระบบ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะเรียกว่า คำชี้แจงหรือคำแก้ตัว แต่ทั้งหมดผู้ดูแลระบบก็คงจะชี้แจงเพียงแต่เท่านี้ ส่วนที่นอกเหนือจากการดำเนินกิจกรรมคงละเว้นไว้ ฐานไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ขอบคุณเวปมาสเตอร์ และอีกหลายต่อหลายคนที่เป็นห่วงในสภาพการณ์เช่นนี้ ขอบคุณเพื่อนโปรแกรมเมอร์ ซึ่งมาเขียนความเป็นไป และเล่าถึงความซุ่มซ่ามของผู้ดูแลระบบในมุมมองของตัวเองให้ปรากฏเป็นตัวอักษร จำได้ว่ายังไม่ได้เลี้ยงเป๊บซี่เลย อุตส่าห์มาช่วยเป็นตากล้องประจำเวปให้ ขอบคุณจากใจ และสำหรับเพื่อนร่วมเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในเวป สมาชิกจากโครงการอิ่มอุ่น และคนนอกเวป รวมไปถึงเพื่อน ๆ ที่อยู่ทีมเหย้าอีสานใต้ ผู้ดูแลระบบคงมีแต่ความปรารถนาดีให้ตลอด และยอมรับในการตัดสินทุกกรณี เหนือจากนั้น ก็คงจะมีแต่คำเดิม ๆ ที่จะกล่าวซ้ำอีกหนว่า.. ขออภัย มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
17 กรกฎาคม 2549 10:06 น. - comment id 91664
กิจกรรมดีๆของคนมีน้ำใจเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากครับ ตรงนี้ถ้าไม่มีผู้ดูแลระบบจุดประกายก็คงไม่มีใครริเริ่มทำกิจกรรมแต่พอมีปัญหาก็อีกล่ะครับ ผู้ดูแลระบบก็ต้องรับผิดชอบตามเนื้องานไป คงไม่มีใครคนไหนช่วยกันยอมรับผิด เห็นแต่แย่งกันรับแต่ชอบ ใครที่มีปัญหาก็แทนที่จะไต่ถามกันดีๆตามประสาคนเคยกินเคยเที่ยวด้วยกัน ก็กลับมาเขียนเหน็บแนมด่าทอประจานกันให้วุ่นวายใช้ภาษาไม่น่าฟังแถมโอดครวญเกินเหตุ งานนี้ก็ถือว่าเป็นบทเรียนนะครับ อย่างน้อยๆการปิดทองหลังพระไม่มีใครรู้แต่ใจคนทำย่อมรู้ผมเองก็เฝ้าติดตามกิจกรรมนี้มาพอสมควร รู้ถึงความคืบหน้ามาโดยตลอด เพียงแต่ผมไม่ได้เดินทางไปด้วย เสียดายที่ติดงาน ทั้งที่ผมอยากไปใจจะขาด เป็นกำลังใจให้ครับผู้ดูแลระบบที่น่ารักของผม
17 กรกฎาคม 2549 11:45 น. - comment id 91668
อภัยให้กันเถอะครับ อย่าว่ากันเลย ผมก็ผิดไม่น้อย ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ให้ผมเลี้ยงข้าวและแอลกอฮอล์ซักมื้อ ก็ได้นะครับ ผมพร้อมไป กทม.
17 กรกฎาคม 2549 13:32 น. - comment id 91670
คุณมัจจุราชสีเลือดข้นกว่า.. คุณคงหมายถึงผมมั้ง? ลองอ่านคอมเม้นผมดีๆ สิ ผมอธิบายคุณ ยอด และคอมเม้นคุณอัลมิตรา ผมไม่ได้คอมเม้นกิจกรรม เรื่องลำบาก ลำบน ผมรู้จักมันดีครับ เพราะผมโตมากับมัน แต่การที่คุณคอมเม้นๆ แบบแอบๆ แฝงๆ ถ้าเป็นเพื่อนๆกันเขาก็จะล้อว่า ไอ้ตุ๊ด!!! หรือคุณมัจจุราชอยากให้ผมล้อคุณว่าอย่างนั้น? การทำบุญ มันทำไม่ยากหรอก แค่ไม่พูดโกหก อาทิตย์ละวัน มันก็ได้บุญแล้ว.. มีปัญหากับผมเมล์มาคุยกันนะครับ เมล์ abc_deekap@hotmail.com ผมไม่มีเบอร์โทร.. แต่พอมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง
17 กรกฎาคม 2549 20:16 น. - comment id 91679
ดอกข้าวเลือดกรุ๊ปไม่รู้รึว่าไอ้หน้าตัวเมียหน้าตุ๊ดมัจจุราชสีเลือดข้นกว่านะมันไปเอาชื่อใครเขามารู้ใ ใหมขนาดชื่อมันยังไปเอาของคนอื่นมาอ้างเลยหน้าตัวเมียเรียกแม่เลย นี่ล่ะสันดานที่แท้จริงของมันล่ะไอ้ตุ๊ด
18 กรกฎาคม 2549 15:28 น. - comment id 91695
ดูภาพไปด้วย มีรอยยิ้มและมีความสุขไปด้วย :]
18 กรกฎาคม 2549 23:00 น. - comment id 91700
ปัญหาเยอะนักก็มาบริจาคที่จังหวัดบ้านพี่..เหมือนเมื่อปี 46 ก็ได้นะน้อง
19 กรกฎาคม 2549 08:38 น. - comment id 91709
ผมไม่ได้มีปัญหาเยอะ.. เลือดผมบริจาคประจำ.. บ้านพี่อยู่ไหนละ?
19 กรกฎาคม 2549 09:00 น. - comment id 91710
ผมเชคเมล์แล้ว ไม่เห็นพี่เมล์มาหาผมเลย พี่ไม่ชอบผมตรงไหนก็บอกผมตรงๆ สิครับ ไม่ใช่ใช้คำหมูๆ หมาๆ ผมเข้ามาคอมเม้นผมก็พูดดีๆ เมล์มานะครับ ด่าได้ ผมรับฟัง..
20 กรกฎาคม 2549 16:46 น. - comment id 91757
ย้อนกาลเวลา.....สู่ปัจจุบัน..... บางครั้งสิ่งที่ควรพูดก็ไม่อาจจะพูดได้ สิ่งควรพูดก็ไม่อยากพูด สิ่งไม่ควรพูดก็ถูกพูดขึ้นมาต่างวาระกันและกัน อันจนเป็นเหตุไม่ดี งามเกิดขึ้นจนได้ ข้าพเจ้าผู้หนึ่งซึ่งร่วมไปกับงานนี้คิดว่าจะ คงปล่อยกาลเวลาเป็นเครื่องตัดสินใจกันเอาเอง สักระยะหนึ่งก็จะหยุด เรื่องร้ายก็จะกลับกลายเป็นดีไป จึงนึกเงียบเสียเพียงกล่าวสั้นๆว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรดังกล่าวไว้เพื่อหยุดทุกๆฝ่าย แต่ทว่า...มิได้เป็นไปตามใจที่เราคิด ความรัก ความสามัคคี ความ เป็นหนึ่งน้ำใจเดียวถึงกับแตกแยกสลายไปด้วยเหตุผลอันไม่บังควร ด้วยต่างกระแสร์ต่างความคิดกันออกไป อย่างเช่นในงาน ปันน้ำใจสู่น้องๆของเวปฯไทยกลอนที่ถูกจัดขึ้นซึ่งเป็นงานที่ทุกๆคน ต่างร่วมใจกันจัดขึ้นหาใช่เป็นงานของผู้ใดคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะ ก็หาไม่...งานนี้เพียงแต่ได้รับการร้องขอมาทางเวปฯจากคุณครูใหญ่ซึ่งพวกเรา รู้จักกันดีให้ช่วยดำเนินการช่วยเหลือเด็กๆของโรงเรียนบ้านตานวน ซึ่ง ขาดแคลนอุปกรณ์ต่างๆในการใช้เล่าเรียน สภาพความยากจนของชาวบ้าน จนเกิดภาระอันใหญ่หลวงต่อคุณครูใหญ่จนเหนือกำลังความสามารถของท่าน ซึ่งก่อนการดำเนินการจะถึงจุดนี้....คุณครูใหญ่โรงเรียนเล็กกับคนในกลอนเพียง ไม่กี่คนร่วมจะดำเนินการช่วยเหลือ ซึ่งก็นับว่าเป็นงานบุญกุศลที่ดีมากทีเดียว ข้าพเจ้ามาทราบภายหลังว่ามี คุณครูใหญ่ฯ คุณอัลมิตรา คุณพระจันทร์เศร้า คุณภูตะวัน ตะวันรอนและบุคคลอื่นๆร่วมด้วยช่วยกัน โดยข้าพเจ้ามิได้มีส่วนร่วม แต่อย่างไรเพียงแค่ทราบว่าไปร่วมประชุมกันที่เมืองกาญจนบุรีเท่านั้น ภายหลังข้าพเจ้าได้รับการทาบทามไปร่วมงานกุศลครั้งนี้จากคุณอัลมิตรา ข้าพเจ้าก็ยินดีด้วยทั้งที่รับปากว่าหากสุขภาพข้าพเจ้าดีจะพยายามไป เพราะตัวเอง นั้นไม่ค่อยดีในเรื่องสุขภาพมากนักด้วยเป็นคนโรคแพ้อากาศอย่างรุนแรง คุณอัลมิตรายังบอกผมว่าเป็นไรไปหมอไปด้วย เธอเองก็แย่เหมือนกันเป็นโรคเมารถ อย่างรุนแรงก็ยังต้องไปเลยล่ะ ผู้ชายแท้ๆไม่กลัวอายหญิงหรือ เออ..จริงซินะผมคิด ผมติดต่อกับคุณเธอเสมอว่ามีใครไปบ้าง แรกๆทราบมีคุณพระจันทร์เศร้า คุณภูตะวันฯ คุณหมอท่องเมฆาและครอบครัว และคนในที่ทำงานของคุณอัลฯ คุณอัลมิตรายังปรึกษาผมว่ามีคนอื่นๆอีก ขอร่วมคณะไปทำบุญด้วยจะรังเกียจไหม ผมบอกว่าก็ดีซิ...อย่าไปปฏิเสธเขานะ จะได้มีคนไปช่วยโรงเรียนทำบุญเพราะว่า ผมคอยติดตามดูคนที่สมัครไปงานนี้แทบจะไม่มีล้วนปฏิเสธทั้งสิ้น เพราะธุระด่วน หากเชิญเขาไปร่วมทำบุญกันเพื่อแสดงน้ำใจว่าชมรมไทยกลอนไม่เปิดเฉพาะคนสมาชิก เท่านั้น ว่าชมรมเราใจกว้างเปิดรับเสมอ คุณอัลมิตราก็บอกว่า ถ้างั้นตกลงก็ดีเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ารถจะพอนั่งหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรจะอาศัยรถหมอไปบ้าง รถกะบะส่งของบ้าง เท่าที่โอกาสจะอำนวย เพราะคนยังไม่แน่นอน หากกระชั้นชิดจะหารถตู้ลำบากไม่ได้ เรื่องก็จบลงเพียงแค่นั้น จนกระทั่งมาอีกที่ก็เตรียมตัวเดินทางกันแล้ว..... เวปฯไทยกลอนเป็นเวปฯแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาเล่นหลังจากซื้อคอมฯเป็นส่วนตัว ได้รับการแนะนำจากเพื่อนที่เคยเป็นสมาชิก เมื่อประมาณ 3-4 ปีโดยประมาณ จึงมีความผูกพันต่อเวปฯนี้มาก อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าก็ได้เป็นผู้ร่วมงานนี้และ เดินทางไปด้วย เริ่มต้นจนสิ้นสุดและเกิดการไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน จึงไม่อยากให้เกิด ความแตกแยกกันและกัน ที่ข้าพเจ้าเขียนมานี้จะเล่าเหตุการณ์ในฐานะเป็นคนกลางไม่เข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะทั้งสิ้น เพราะข้าพเจ้ารู้จักดีทั้งสองฝ่าย ย่อมไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียใจใน การเขียนเล่ามานี้ทั้งสิ้น เพื่อให้ชาวคณะชมรมไทยกลอนได้ทราบเหตุผลอันแท้จริง และจะให้ ผู้ที่เกิดความเข้าใจผิดกันและกันคำนึงถึงเหตุผลต่างๆว่าสมควรหรือไม่ เพียงแค่หวังในจุด หนึ่งคือต่างเข้าใจหันหน้ามาร่วมสร้างสรรค์งานของท่านต่อไทยกลอนต่อไปในฐานะที่ ทุกๆคนบอกว่ารักไทยกลอนเสมือนเป็นบ้านหนึ่งของตนเองดังคำที่กล่าวไว้หรือไม่ เหตุเริ่มต้น....ข้าพเจ้ามางานนี้ก่อนเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนั่งอยู่คนเดียวสั่งอาหารที่ร้าน ชัยไอศรีมกำลังนั่งรอคอยอาหารซึ่งช้ามากๆอยู่ คุณปีกฟ้าเจ้าของเวปฯเดินเข้ามายกมือไหว้ผม ผมเชิญให้นั่ง คุณปีกฟ้าก็บอกว่ากำลังหิว...สงสัยจะหิวจริงๆเพราะคุณปีกฟ้าเป็นคนไม่ถือตัว หยิบแก้วน้ำแข็งที่ใส่น้ำเปล่ายกขึ้นดื่ม ผมมองดูทำให้เกิดศรัทธาสุดซึ้งนี่หรือเจ้าของเวปฯ อันเรียกว่าใหญ่โตเป็นที่รู้จักของคนทั้งหลายแม้แต่แก้วน้ำคนอื่นก็ไม่ถือหรือรังเกียจจากคนอื่น ผมนั่งคุยกันแต่เรื่องไร้สาระอย่างอื่นมีเกี่ยวกับเวปฯบ้างแต่ส่วนน้อยต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย กันและกันเพื่อรอเวลาคอยพรรคพวกที่จะเดินทางไปงานนี้ ผมถามว่าคุณปีกฟ้าร่วมไปด้วยหรือ แต่คุณปีกฟ้าบอกว่าจะมาส่งพวกเรา นี่คือน้ำใจที่ศรัทธายิ่งขึ้น...เวลาผ่านไปนานมากนาน... จนกระทั่งคุณพระจันทร์เศร้า (แม่จิ๋ง)เดินลงมาจากชั้นบน สงสัยมาก่อนเรานะเราคิด เมื่อสายตาผม เหลือบไปเห็นเลยตะโกนเรียก คุณเธอยิ้มและรู้สึกดีใจมากที่เจอพวกกันแล้ว ทราบมาว่าคุณเธอ นั่งทานเบียร์อยู่คนเดียวชั้นสามของร้านอาหาร มานั่งร่วมสนทนากันสักพักขอให้พวกเราขึ้นไป ร่วมกับคุณเธอด้วยดีกว่า ผมตกลงเพียงคอยเวลาจ่ายเงินและรอคุณปีกฟ้าทานอาหารยังไม่เสร็จ แน๊ะ...ทานข้าวสองจาน ส่วนผมทานแค่จานเดียวยังแย่เลย และตามด้วยน้ำเปล่าอีกหลายๆแก้ว และขึ้นไปชั้นบนไปหาคุณพระจันทร์เศร้าคุยกันไปคุยกันมา จนกระทั่งกลุ่มคุณภูตะวันฯเดินทาง มาถึง ตามด้วย คุณหน่อง(ดาวอังคาร)และคุณ ต่อ (เรไร)และอีกหลายๆคนรวมทั้งคุณอัลมิตรา แล้วทุกๆคนก็ต่างมารวมตัวกันข้างล่างฝนปรอย หยุดตกแล้วล่ะ เห็นคุณจิ๋งอารมณ์เสียไม่รู้ใคร ไปแหย่คุณเธอเข้าจนเกือบจะทำให้คุณเธอขนของกลับ พวกเราต้องช่วยๆกันปรามไว้ เรื่องจึงเงียบ ก่อนรถเดินทาง...ขลุกขลักมากแต่ก็ไปด้วยดีเพราะเหตุรถตู้ต่างมาเวลาไม่เท่ากันจอดคอยกัน คนละแห่ง ต้องอาศัยคุณอัลมิตรากับคุณเรไร คุณดาวอังคารช่วยเป็นภาระติดต่อประสานงานกัน กับคนรถตู้ และรถกะบะขนของไปช่วยงาน เพียงแต่รับทราบว่าให้ขึ้นรถคันที่จอดใต้สะพานด่วน ไปก่อนไปรอที่ปั้มน้ำมันเจส แถวรังสิตนี่แหละ ผมมาในคันเดียวกับคุณตะวันฯ คุณสลักเสลาและ บุคคลที่ไม่รู้จักต่างขึ้นรถและไปคอยรอที่ปั้มน้ำมัน คงทิ้งไว้กับผู้ดูแลระบบ คุณต่อ คุณหน่อง คุณจิ๋ง อ้อ..แล้วคุณกระต่าย ซึ่งผมมาเห็นตัวจริงๆในที่นี่ไม่คิดว่าคุณเธอจะสวย ร่าเริง สดใสจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะสวยขนาดนี้ เพราะเท่าที่เจอก็สวยๆกันแต่แตกต่างกันด้วยความสมบูรณ์ อยู่ดีกินดีทั้งนั้น รถคันที่ผมนั่งมาถึงก่อนที่ปั้มน้ำมัน และต่างก็รอคอยพรรคพวกมาพร้อมๆกัน แต่ใช้เวลานาน มีคนถามว่าทำไมช้าๆมากนัก ผมเลยพูดเปรยๆว่าวันนี้คนเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดมากรถคงติดมาก เพราะวันหยุดหลายๆวัน ทุกๆคนจึงเงียบไป ต่างก็คุยกันไปตอนแรกแยกกลุ่มต่อมาก็มารวมกัน จนกระทั่งรถกะบะมาก่อน สักครู่รถตู้บรรทุกคนก็ตามมาอีก คราวนี้จะเป็นปัญหาเริ่มต้นหรือเปล่านะผมไม่รู้เห็นแต่คนหงุดหงิดกัน บ่นกันต่างๆนานา คุณจิ๋งก็เกิดมาปวดฟันเสียอีกอารมณ์คุณเธอก็ยิ่งร้อนแรงมากยิ่งขึ้น บ่นว่านั่งกับพวกคนแก่ๆไม่ ไม่รู้จักไม่สนุกเลย ขอเปลี่ยนมานั่งในรถตู้ผมสับเปลี่ยนกับคนอื่น เรื่องก็เรียบร้อยโรงเรียนจีนไป เมื่อพร้อมสรรพทุกอย่างลงตัวการเดินทางเริ่มขึ้นรู้สึกว่าประมาณเกือบสี่ทุ่มจะได้ ระหว่างพัก ที่ปั้มรอคอยนั้น ผมได้คุยกับคนรถว่าเคยขับแถวภาคนี้บ่อยหรือเปล่า คนรถบอกผมว่าไม่เคยเลย นี่เป็นครั้งแรก ผมย้อนถามว่าอ้าวๆๆแล้วรู้เส้นทางดีหรือ... ผมคิดสะดุ้งในใจตายล่ะหวาหากเกิด หลงทางกันมิบรรลัยกันเลยหรือ...แต่ผมไม่พูดให้ใครฟังทั้งนั้นกลัวเขาจะกลัวเช่นเดียวกับผม ถึงตอนนี้เป็นไรเป็นกันผมคิด....คนรถบอกว่ารถคันนั้นเป็นหัวหน้าเขารู้เส้นทางดี เขาจะคอยขับตาม ไปเรื่อยๆคงไม่เป็นไรหรอก....เออๆๆ...ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีคนช่วยดูแลกันและกัน อีกอย่างเห็นเขาโทรติดต่อกันตลอดเวลาก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย รถเคลื่อนออกไปค่อยๆไปแล้วพอพ้นเขตติดก็เร่งความเร็วขึ้นไล่กันตามกันไป รถตู้คันหน้านำ อ้อลืมไปรถตู้คันหน้ารู้สึกว่าจะเป็นคนนอกเกือบทั้งสิ้น เพราะคนในเวปฯมากระจุกกับรถที่ผมนั่ง ทุกๆคนสนุกๆสนานกันต่างกระเซ้าเย้าแหย่กัน รถผมนั่งจำไม่ผิด มีคุณก๊อย คนนอกชมรมนั่งคู่คนขับ คุณเรไร นั่งคู่กับคุณสลักเสลาและเพื่อน(มาทราบภายหลังว่าชื่อคุณหย๋อย) ถัดแถวมาเป็นผมนั่งคู่กับ คุณภูตะวันฯและเพื่อนชื่อคุณนอม ด้านหลังคุณกระต่ายใต้เงาจันทร์ คุณพระจันทร์เศร้า และคุณเยาว์วัย ต่างล้อกันเล่นสนุกสนาน (ใจเราก็อยากจะร่วมสนุกด้วย นึกถึงตัวเองแก่ๆเลยไม่กล้านอกจากนั่งอมยิ้ม ฟังเขาสนุกไปเรื่อยๆ สนุกดี ดีมากเสียด้วย) มาหลับๆตื่นๆเมื่อรถจะถึงที่หมายหาทางเข้าหมู่บ้าน โทรศัพท์ติดต่อครูใหญ่มิวายผิดเส้นทางนิดหน่อยแต่ไม่มากย้อนกลับมาจนถูก ทางเข้าลำบากมากจริงๆ เมื่อก่อนถึงโรงเรียน คุณครูใหญ่ฯยกขบวนกลองยาวออกมารับพวกเรา ต้องเดินเท้าไปที่โรงเรียนแต่ บรรยากาศสนุกๆก็สนุกๆง่วงก็ง่วงแต่ความง่วงรู้สึกหายไปเกือบทุกๆคน เพราะนึกไม่ถึงว่าคุณครูใหญ่ จะจัดการต้อนรับได้อย่างประทับใจยิ่ง พวกเรายังหัวเราะสนุกๆสนานกันไปตามทาง บ้างถ่ายรูป บ้างรีบก้าวๆเท้าตามคุณครูใหญ่ฯ คุณครูใหญ่รูปหล่อโสดทั้งแท่งแต่สดหรือไม่รู้ครับ สูงยังกับนักบอล ศูนย์หน้าชาวอังกฤษนั่นแหละ และครูฉันทะโส ฯลฯ ผมไม่รู้จักหรอก รู้จักแต่ในเวปฯไม่เคยเห็นตัวจริง ความสนุกสนานก็มาถึงหน้าโรงเรียนตานวน พวกเราช่วยกันขนของลงจากรถทั้งรถกะบะ รถตู้ทั้งสอง คัน ชาวบ้านที่นี่น้ำใสใจคอดีเยี่ยมมากๆซึ้งใจจริงๆคอยเอาใจใส่ดูแลพวกเรายิ่งนัก ต่างคนยังล้อกันเล่น เป็นที่สนุกสนาน (ดังรูปที่ผู้ดูแลระบบและถ่ายรูปโดยคุณยอดลงไว้ครับ) เมื่อเรียบร้อยต่างก็ไปชำระ ร่างกายตามปรารถนายังห้องน้ำต่างๆ เรื่องน้ำนั้นจะไม่พูดก็ไม่ได้เพราะว่าใสสะอาดดีจริง ผมแทบพูด ได้แล้วก็อีกที่หนึ่งคือเขาผามออีแตงหรือแดงนี่แหละ นอกนั้นคุณเอ๋ยสุดยอดจริงๆ สมเป็นบ้านนอก เสียเหลือเกิน เสร็จสรรพแล้วไปทานข้าวต้มที่คุณครูใหญ่จัดไว้ให้ พูดถึงครูใหญ่ผมสรรเสริญน้ำใจมาก แล้วจะค่อยๆพูดต่อไปในข้างหน้า เป็นเต้นท์กางไว้ตรงสนามบาสเก็ตบอล เมื่อทุกๆอย่างเรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางไปยังสำนักสงฆ์บ้านตานวน ไปถวายเทียนเข้าพรรษา ถวายสังฆทาน รู้สึกว่าเขาจัดเพื่อ ฉลองวันคล้ายวันเกิดแก่คุณพระจันทร์เศร้าด้วย ทุกอย่างดูได้จากรูปถ่ายครับ การไปก็แห่งกลองยาวอีก เช่นเคย ตอนนี้ทั้งผู้ดูแลระบบ คุณภูตะวัน คุณพระจันทร์ คุณกระต่าย อีกหลายๆต่อหลายคนจำไม่ ค่อยได้ต่างร่วมรำนำหน้าขบวนแห่เทียนไปวัดด้วย กัน แม้แต่ผมคนแก่หนังยานรึก็ยังอุตส่าห์รำร่วม ไปกับเขาลืมแก่เสียจริงๆเพราะด้วยใจรักและศรัทธากับเขาด้วย ฮึๆๆเกือบเป็นลมไปเพราะไม่ได้นอน เต็มทีต้องควักยาดมมาดมเสียยกใหญ่ จนถึงวัดโอ้ยๆเดินไกลเหมือนกันเน๊อะ ต่างเวียนเทียนกันไป ตามสำนักสงฆ์ศาลา รู้สึกว่ามีคนมาถามผมถึงคุณอัลมิตราขับรถมาเองเอาของมาส่ง ผมบังเอิญเห็น คุณอัลมิตราเดินในขบวนแห่เวียนรอบมาพอดี เลยเรียก โธ่ๆๆนึกว่าใคร ที่แท้คือคุณแก้วกรุงเก่ากับ คุณมนต์กวี ผมไม่รู้จักหรอกมารู้จักเห็นหน้าก็งานนี้นี่แหละครับ ต่างก็ร่วมสมานฉันท์สามัคคีดีกัน เสร็จงานก็แห่กลับอีกแต่ตอนนี้ไม่มีใครรำซะแล้วผมเตรียมถ่ายรูปเหมือนกันคิดๆว่าคงสนุกๆแน่ ตอนขากลับนะ เมื่อถึงโรงเรียนพิธีจัดการบายศรีก็จัดขึ้น ครูใหญ่อีกนั่นแหละครับเจ้าของสถานที่ ดูแลจัดหามาพร้อมการแสดงรำของนักเรียนชั้นต่างๆและมีการละเล่นต่างๆเช่นเก้าอีดนตรีเป็นต้นฯ ตลอดจนการแสดงจำอวดของเหล่าคณะที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้สร้างความประทับใจแก่ชาวบ้าน และคณะที่ไปสร้างอารมณ์สรวลเสเหหากันอย่างสนุกๆสนาน ไม่คิดว่าจะมีการไม่พอใจแตกแยกกัน ขึ้นในกาลข้างหน้าเลย ไม่มีวี่แววจริงๆ เป็นกันเองเกือบทุกๆคนเสียด้วย หลังจากนั้นก็ทานข้าวกลางวัน จะเรียกว่าบ่ายๆก็ไม่เป็นไรต่างคนทานกันไปสรวลเสเฮฮากันไปเล่าสู่กันฟังแต่ละโต๊ะ คุณครูใหญ่จัด แบบโต๊ะจีน แต่อาหารไทยพื้นบ้านเน๊อะ ตอนระหว่างมอบของให้คุณครูใหญ่ก่อนทานอาหารนั้น ผมเองก็ถึงได้รู้จักกับคุณครูกันเอง คุณครูฉันทะโสนั่นแหละ หลังเสร็จต่างอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย พวกเราก็จะเดินทางไปพักที่อื่นต่างอำลาชาวบ้าน ซึ่งก็ยังตามมาส่งระหว่างรถเคลื่อนออกเดินทางต่อ ซึ้งจริงๆใครไปด้วยจะเห็นน้ำใจของชาวบ้านนอกที่เปี่ยมไปด้วยหัวใจอันแท้จริงมิมีการหลอกลวง ดังเช่นคนในกรุงเทพฯน้อยนักจะหาได้น้ำใจอย่างแท้จริง ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่างหนึ่งเฮ่อๆๆ เวร... ผมสอบถามเพราะไม่ได้อ่านโปรแกรมเดินทางไปที่ไหนบ้างเพียงทราบคร่าวๆเท่านั้นเอง หรือทราบอาจจะลืมหมดตามประสาคนแก่ๆเน๊อะ ปรากฏว่าไปพักที่อุทยานไม้ป่าดงรัก... อีกนั่นแหละชาวป่าไม้น้ำใจเยี่ยมมาต้อนรับอย่างดียิ่ง หรือว่าบารมีของคุณครูทั้งหลายก็ไม่รู้น๊ะ ที่นี่ผมคิดว่าเป็นจุดที่เกิดเรื่องแน่ๆเลยล่ะ.........เพราะระหว่างเข้าบ้านพักหลังเดียวนั้นปัญหาก็เกิดขึ้น เห็นคุณอัลมิตรากำลังชี้แจงจัดการให้พวกเราเข้าพัก แต่โธ่ๆๆอนิจจาบ้านป่ากลางดงเช่นนี้จะหาความ สุขสบายกันได้อย่างไรกันเล่า มีบ้านพักหลังเดียวห้องมีไม่ครบ พัดลมเสียบ้างไม่เสียบ้าง ปั๊กไฟโยเย แต่เกิดความวุ่นเล็กน้อยแต่ก็ลงตัวกันได้ คุณอัลมิตราบอกว่าใครจะไปเที่ยววัดล้านขวดบ้างให้มารวม ตัวกันขึ้นรถกะบะของคุณครูใหญ่อีกนั่นแหละไปเที่ยว แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครไปเพราะเพลียๆกัน ส่วนผมเองก็ไม่ไป ต่างเดินเล่นชมป่าเขาลำเนาไพรตามสะดวกสบายแต่ล่ะคน ตอนนี้มาพูดถึงเรื่อง อาหารตอนเย็นซิ ปัญหาเกิดอีกเพราะขาดอะไรๆต่ออะไรหลายอย่าง ต้องเอารถไปซื้อมาทำกันเอง แต่ก็ได้คุณเรไรอีกนั่นแหละ และหลายๆต่อหลายคนช่วยกันทำ รวมกระทั่งคุณครูผู้หญิงต่างโรงเรียน อยู่ไกลๆจากบ้านตานวนก็มาช่วยกันทำอาหาร ทีแรกผมทราบเหมือนกันว่าเป็นอาหารพื้นบ้านแต่ มีบางคนว่าไม่พอ ก็เลยต้องไปจัดหาซื้อเพิ่มเติมใหม่ ส่วนผมไม่ไปดูวัดล้านขวด ก็เดินเล่นพบพวกเรากำลังเล่นเปตองอยู่ อ้ายผมเองหรือก็ไม่ค่อยเป็น แต่ก็ร่วมเล่นเพื่อความสนุกสนาน ที่สนุกที่สุดในการเล่นเปตองนี้ก็ได้แก่คุณกระต่ายใต้เงาจันทร์ เพราะว่าจันทร์ไม่ส่องแสงแจ่มจ้าเป็นแค่เงาๆ คุณเรไรเลยโยนลูกเปตองไปจะไปตีลูกเปตองคนอื่น ซิกลับไม่อย่างงั้นคุณเอ๋ย...กลับโยนใส่เท้าคุณกระต่ายเสียนี่...โอ้ยๆๆๆร้องลั่นสนั่นป่าเชียวล่ะ หากใครเล่นเปตองจะรู้ว่าลูกมันหนักขนาดไหนลูกเหล็กตันๆแท้ๆ กระทบเนื้อหนังมังสาอันอ่อนนุ่ม น่าทะนุถนอมเพียงไหนอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ...อิอิ....ห้ามหัวเราะนะครับ คุณกระต่ายงอนผมไม่รู้ด้วยล่ะ คราวนี้ต้องอาศัยยาหม่องสมุนไพลที่ผมเตรียมไปซะแล้ว แต่คุณเอ๋ยผู้หญิงหัวใจเหล็กนั่นนะแกร่ง ยิ่งกว่าเหล็กอีกเท้าก็บวมก็ยังอุตส่าห์เล่นและคุณเธอเล่นดีเสียด้วย ตามสายตาผมนะ คุณเธอ..ชนะด้วยซี จนเวลาผ่านไปจนหลายโมงยาม ทางคุณครูใหญ่และหัวหน้าป่าไม้จัดคาราโอเกะที่ศาลาพักผ่อน ให้พวกเราร้องเพลง พูดถึงการร้องเพลงไม่พูดถึงเจ้าถิ่นนะเสียงไพเราะยังกับนักร้องอาชีพล่ะ ก็มีนักร้องเกือบจะอาชีพ เช่น คุณพระจันทร์เศร้า คุณกระต่ายหญิงโดนเหล็ก คุณร้อยฝัน คุณมนต์กวี และหญิงมีอายุคนหนึ่งที่ร่วมคณะไปกับเราไม่ใช่คนในเวปฯกลอนร่วมร้องด้วยทำความครึกครื้น ไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาได้เป็นอย่างดี นึกถึงร้องเพลงแล้วผมโดนถูกฆ่าด้วยเสียงเพลงเสียแล้ว จะเล่าให้ฟัง...คุณพระจันทร์เศร้า กับคุณกระต่ายฯรบเร้าให้ผมขึ้นไปร้องเพลงคู่ อ้ายเราเน๊อะรู้ตัวดี ว่าเสียงร้องเหมือนควายออกลูก...ก็เลยปฏิเสธเขาไป พอดึกๆเข้าทีนี้เหลือเพียงคุณกระต่ายฯรบเร้า ผมขอร้องก็แล้วดึงก็แล้ว...เอาว๊ะ..ตายเป็นตายอย่างดีก็ขายหน้าล่มเสียแล้วคราวนี้ตู...พอขึ้นไปร้อง ทุกๆคนหันมามองเป็นตาเดียว...เฮ่อะๆๆๆซะใจล่ะซิน้องๆหลานๆ...เสียงควายของอ้ายแก่ได้หัวเราะ กันไปก็คราวนี้แหละ.....สู้อดทนร้องมัวๆจนจบจนได้เฮ่อๆๆๆโล่งอกไปที...เดินขาสั่นเกือบจะตก เวทีนั่นแหละ ทุกๆคนสนุกสนานกันๆพอดึกหน่อยผมก็ขอตัวกลับขึ้นนอนตามประสาคนแก่ๆแหละนะ หลับไปไม่รู้เหตุการณ์...อะไรจะเกิดขึ้น หรือว่าความบาดหมางจะเกิดขึ้นระหว่างนี้ก็ไม่รู้นะ ตอนเช้ามาก็ทราบว่ามีคนจะกลับบ้านกันก่อน มีคุณแก้วกรุงเก่า คุณกระต่าย คุณพระจันทร์เศร้า คุณเรไร ต่างอ้างว่าไปธุระและไปหาหมอแล้วเดินทางกลับโดยรถคุณแก้ว กรุงเก่า เพื่อไปต่อรถ เข้ากรุงเทพฯอีกทีหนึ่ง ส่วนพวกเราก็รีบหาอาหารเช้าทานกันซึ่งเหลือจากเมื่อคืนตามมีตามเกิด แต่ได้รับอภินันทนาการจากคนแก่ๆซึ่งร่วมคณะเดินทางมาด้วยไม่ใช่พวกชาวชมรม มีกาแฟ โอวัลติน สำเร็จรูปแล้วคุกกี้บางส่วนต้อนรับพวกเราทุกๆคน เมื่อทานกันเสร็จเรียบร้อยก็ ออกเดินทางไปยังเขาพระวิหารกัน ต่างคนต่างเที่ยวกันและกัน บ้างก็ไม่ไปบ้างก็ไปตามสะดวก ของกำลังที่จะมีแต่ละคน ผมกลับลงมาก่อนกับคุณก๊อย มานั่งพักต้นทางขาขึ้นเขาเจอคุณครูใหญ่ เจ้ากับพวกตามเคย แล้วร่วมกันเดินทางมายังรถ มาเจอคุณยอดกับคุณอ้อย คนละอ้อยร้อยฝันนะครับ พูดถึงอ้อยมี 3 คนมาพบกันมิได้นัดหมายกันแต่อย่างไร ล้วนแต่สวยๆหวานๆกันทั้งหมดครับ คุณอ้อยชวนผมไปเที่ยวขึ้นเขาอีมอแดงกัน ผมสะดุ้งอีกแล้วหรือเราแต่ก็อยากรู้อยากเห็น หลวมตัวไปกับเขาครับ ไปยังที่ปักธงไตรรงค์ชาติของเรา มีพระพุทธรูปบนมณฑปองค์หนึ่ง ปางวันเสาร์คือนั่งบนตัวพญานาค เราถ่ายรูปสถานที่กันจนได้เวลาพอสมควรก็กลับลงมาเพื่อ ไปรวมพลเดินทางต่อไปยังวัดถ้ำคูหาสวรรค์ แล้วเดินชมสถานที่ไหว้พระกันซื้อของเป็นที่ระลึก เสร็จก็เดินทางต่อไปยังผาแต้มผ่านหินลอยฟ้า(ผมเรียกอย่างนั้นจำชื่อไม่ได้) เพราะมีเสาหินตั้ง ไว้ด้วยแผ่นหินเขาว่าอายุเป็นศตวรรธครับแล้วถึงไปดูพระอาทิตย์ตกดินก่อนใครสุดในประเทศ หากใครจะลงไปยังข้างล่าวตามไหล่เขาเพื่อดูภาพวาดยุคโบราณที่ลือชื่อก็ตามใจ ผมก็อดที่จะ ไปดูกับเขามิได้ ลงไปแบ่งเป็นสามขั้นตอน ขั้นที่หนึ่งรูปจางมากเกือบไม่ได้เห็นมีพระบรม ฉายาลักลายพระหัตถ์ของพระเทพฯด้วยฝังจารึกลงที่ข้างผนังเขา ชั้นที่สอง ภาพชัดกว่า ส่วนสุดท้ายเป็นเขาหมอน ผมไม่ได้ลงไปไม่ไหวแล้วอีกอย่างก็ใกล้จะมืดมากว่าจะขึ้นไปดู พระอาทิตย์ตกดิน เฝ้านั่งคอยคุยกับพวกคนรถที่นำเราไปคอยเวลา แต่โชคไม่ดีเสียเลย เมฆมากปกคลุมแนวชายฟ้าหมดเลยอดแห้วเสียแล้วล่ะครับท่านผู้อ่านครับ เสร็จจากการท่องแล้วก็จะเดินทางไปที่พักเพื่อพักผ่อน เดิมทราบว่าไปพักที่เขื่อนสิรินธร รถวิ่งไปถึงเขื่อนแต่หาที่พักไม่ได้ มาทราบภายหลังว่าคุณครูใหญ่หาไม่ได้ เลยต้องไปพักที่ ท่าล้ง ริมฝั่งโขงเจียม จากสภาพที่ผมเห็นแล้วที่ริมฝั่งโขงเขียมรู้สึกว่าจะดีกว่าเขื่อนสิรินธร นะครับแต่ต่างความคิดกัน เอาเป็นว่าไปพักที่นั่นก็แล้วกัน การไปคุณเอ๋ยยอดแล้วยังสุดยอด อีกครับกลางคืนเสียด้วยเหมาะสำหรับพวกอนุรักษ์ธรรมชาติจริงๆ หากไม่ผิดขึ้นเขาฝั่งนี้ แล้ววนเวียนไปมาผ่านบ้านชาวเขาไปยังอีกฟากหนึ่งแหละครับถึงจะถึงที่พัก ถนนหรือ หากฝนตกชุกๆละก็ยิ่งสนุกที่สุดครับทางเป็นดินภูเขาแดงๆ บ้างต้องขับรถเอียงไปเอียงมา ที่ผมเล่ามาสนุกไหมครับ ปรากฏว่าทุกๆคนที่ผมนั่งด้วยเงียบกริบกันหมด อิอิ แปลกแต่จริง อ้าวพูดถึงคุณครูใหญ่ คุณครูฉันทะโส คุณครูกันเองอีกล่ะ ความห่วงใยของท่านที่รับผิดชอบ ในเรื่องอาหารการกินที่พักท่านอุตส่าห์ขับรถกระบะคู่ชีพคุมการเดินทางมาข้างหลังรถพวกเรา คอยเปิดไฟส่องทางให้ตลอด นี่แหละคือน้ำใจของชาวอีสานที่มากไปด้วยน้ำใจอันแท้จริง เมื่อถึงที่พักแล้วเป็นศาลาขนาดใหญ่ ผมและพวกเราบางคนคิดว่านอนที่นี่แหละดีเย็นสบาย ดีได้ดูพระจันทร์ริมโขงด้วย แต่คุณครูใหญ่บอกว่าใครจะนอนที่บ้านก็ได้มีบ้านว่างๆที่เจ้าของ บ้านไม่อยู่ไปทำงานที่อื่นแต่ชาวบ้านบอกว่าอาศัยนอนได้รับรอง บางคนก็ไปนอนบ้าน ส่วนใหญ่จะนอนรวมกัน พอนั่งสักพักฝนเกิดเทลงมาอย่างใหญ่โตมโหฬารคิดว่าคงเป็น เทพยาดามาอวยพรให้กระมังเน๊อะเลยพรมน้ำมนต์เสียยกใหญ่เชียวล่ะ พอฝนหายตกดีแล้ว ชาวบ้านก็ยกอาหารมาเลี้ยง เป็นอาหารของชาวพื้นเมือง มีข้าวเหนียว ส่วนข้าวจ้าวก็มีเขา เอาใจเราแต่อาหารเหมือนๆกันต่างคนก็ไม่ว่าอะไรกันทานกันไป จนเกือบอิ่ม คุณครูฉันทะโส สร้างเซอร์ไพร์ส เอาขนมเค๊กมาร่วมอวยพระวันเกิดของคุณอัลมิตราด้วย เลยปิดไฟจุดเทียน แฮปปี้เบิร์ดเดย์ใหญ่ เสร็จแล้ว ชาวบ้านและคุณครูทั้งหลายยกเสื้อ หมอน ผ้าห่มมาแจกจ่าย หาที่นอนเอาเอง ผมโชคร้ายหน่อยไม่ได้ผ้าห่มกับเขามัวแต่ไปนั่งตอแหลกับพวกๆและเข้า ห้องน้ำเลยชวด แต่คุณ เมา คุณภูตะวันฯ คุณยังเยาว์ คุณสลักเสลา ยังตั้งก๊วนก๊งเบียร์เหล้ากัน กับเพื่อนๆของคุณภูตระวันฯ ส่วนคุณอ้อย(ร้อยฝัน) เมาไข้ครับทานยาแล้วเข้านอน จะเลิก กันกี่โมงยามผมไม่รู้ อ้อเกือบลืมไปจะเล่าให้ฟังสักหน่อยคือว่า...คุณยอดกับคุณอ้อยเพื่อนเขา หาที่อาบน้ำได้เสด็ดสะมะตีเลย บางคนอาบน้ำที่ใกล้ศาลามีสองห้อง และที่บ้านอื่นที่ไม่มีคน อยู่กันหมด คุณยอดกับเพื่อนๆคิดอย่างไรไม่รู้กับไปอาบน้ำที่วัด มืดๆก็มืด กลัวผีก็กลัว พอคนเล่า ให้คุณยอดฟังว่าผีดุเท่านั้นแหละเอ๋ย ต่างจ้ำๆๆกันกลับมาเล่าให้ผมกับพวกฟังหัวเราะกันแทบตาย หากอยากฟังรายละเอียดสอบถามคุณยอดดุเอา เพราะพวกชาวบลูนั้นเขานับถือผีมากครับ คิดว่า ผีคงดุแน่ แต่ตอนนั้นคนมากอาจจะขี้อายก็เป็นได้นา ....แต่ผมหลับสบายตามเคยประสาคนแก่ขี้เซา พอรุ่งอรุณฟ้าสางวันใหม่ บ้างต่างก็บริหารร่างกาย นำโดยนายแพทย์ท่องเมฆา แนะนำ ท่าบริหาร ผมมองดูสงสัยว่าจะเป็นท่าโยคะเสียมากกว่า จบด้วยการนวดต้นคอให้แก่ปวดเมื่อย แก่อาสาสมัครเสี่ยงตายคอหักครับ เมื่อเรียบร้อยก็จะเดินทางต่อแต่ว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่ไปช่องเมก ผมเองก็เคยไปมาแล้วก็ไม่คิดอยากไปเหมือนกันแต่เฉยๆเพียงเล่าให้พวกเขาฟังว่าเป็นอย่างไร จะตกลงอย่างไรไม่รู้ผมมาทราบภายหลังว่า...จะไม่ไปกันไปเข้าเมืองดูเทียนพรรษากันดีกว่า และไปเที่ยววังสะพุงกันก่อน น่าฝนนี้น๊ะไม่สวยหรอกครับ เพียงแค่หินที่โผล่น้ำมาเป็นร่อยรอย เท่านั้นเองแหละ หากเป็นน่าร้อนล่ะก็ น้ำจะแห้งขอดมีสายน้ำรินไหลเอื่อยเดินข้ามไปมาได้ จะสวยงามมากกว่า อ้อ..เกือบลืมไปว่าค่าอาหารนั้นเขาคิดกันมื้อละ 50 บาทต่อคน พวกเราก็ช่วย กันเฉลี่ยกันออก สองมื้อคนล่ะ 100 บาท รสชาติแซบบ่อ แซบอีหลีเด๋อ...อิอิ...เลียนแบบหน่อย เดี๋ยวว่าไปภาคอีสานไม่ได้อะไรมาเลยเน๊อะ เมื่อไม่ไปช่องเมก ไปวังส่ายพุง...เฮ้ยไม่ช่าย...วังสะพุง...แล้วก็ไปเที่ยวดูเทียนพรรษาที่เขา ประกวดแล้วจอดไว้ให้คนเฝ้าชม ณ ทุ่งศรีเมือง อุบลฯ ...อุ๋ยเกือบลืมบอกแน๊ะ...เข้าอุบลแล้วจ้า... แล้วมาซื้อของกลับบ้านกันตามอัธยาสัย ตอนนี้เอ๋ยแม่เจ้าประคุณทูนหัวทั้งหลายเกิดกรณีพิพาท ระหว่างลาว เขมร ไทยแล้วล่ะ...ศาลโลกได้แต่สั่นหัวเด๊าะแด๊ะ งุนงงเหมือนไก่ตาแตกถูกตีหัว ทิ่มหักดินไม่มีผิด คนนี้จะเอาอย่างโน้น...คนโน้นจะเอาอย่างนี้...นี่หรือจะเอาอย่างง๊าน...โอ้ยเซ็งๆ ผมนั่งคิดๆๆ มาทำบุญกันหรือมาเที่ยวเอาตัวตามใจตามสบายกันหว่า...อะไรๆก็ไม่ยอมกัน ความสนุกหดหายไป..ดีน๊ะยังเหลือใจที่เป็นกุศลในบุญบ้างไม่ยอมปะปนกัน...กลับก็กลับตามใจ ผมคนกลางนี่หว่าอย่าเสือกดีกว่า...นั่งเป็นสากกะเบือทิ่มดินดีกว่า..อิอิ..เรา ว่าแล้วก็หลับตาเสีย วุ่นวายกันไปทั้งรถ...แม้แต่คนขับรถก็หน้าแดง..เป็นขาว...ขาวเป็นแดง...โอ้ย..ชักยุ่งซะแล้วล่ะ พอไปถึงที่จอดรถรวมกัน ผมหาห้องน้ำเข้าไปเจอ คนรถทั้งสองคนคุยกัน หลังเสร็จธุระก็เข้า ไปสอบถามดูได้ความจริงบ้างไม่จริงบ้างจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยแก้ปัญหาให้เขาไปว่า เอาอย่างนี้ดีกว่าคุณ เขาทั้งหลายในรถคันนี้จะไปไม่ตามคันหน้า แต่นี่ก็เพียงจะกลับกรุงเทพ แล้วคิดว่าคุณคงรู้ทางกลับนะ หากคุณง่วงนอนมากไปหาปั๊มน้ำมันนอนให้เต็มอิ่มดีกว่า หากขับไปทั้งที่เพลียอันตรายนะคุณ ผมขอร้องเถอะ แก้ปัญหาได้แน่เพียงให้อารมณ์เขา เย็นกว่านี้ น้ำกำลังเชี่ยวอย่าพึ่งเอาเรือไปขวางเลยครับ เขาก็เห็นด้วยกับผม เห็นโทรศัพท์ ไปหาใครก็ไม่รู้ผมเองก็ไม่ถามเรื่องของเขา เพราะคนรถที่ผมนั่งมาบอกว่าเดี๋ยวเถอะจะขับ แสดงท่าโลดโผนให้ดู....เอาล่ะซิผมสะดุ้งแทบตัวกลับเชียว คนกำลังโมโหทำได้น๊ะผมคิด เพราะพวกเราดันไปสร้างปัญหาให้เขาก่อนจนเขารำคาญซิ ผมต้องสาธยายหลายยกจนเขา เห็นใจ หัวหน้าคนขับรถเอาเงินให้คนรถที่ผมนั่งมา ผมเห็น 3000 บาท ไว้เติมน้ำมัน ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย...คิดๆดูซิผมนั่งรถหาความสนุกสบายไม่ได้เลย ด้วยใจเป็น ห่วงคอยจ้องดูตลอดเวลา ดีน๊ะที่ คุณก๊อยอุตส่าห์ชวนคุยเอาขนม น้ำบ้างจิปาถะเอาใจคนรถ ถึงได้รอดปลอดภัยมาจนถึงบ้าน แล้วผล่อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้มาตื่นขึ้นอีกที คุณสลักเสลา ปลุกว่าจะลงตรงไหน คนรถเขาให้มาถามผมกับเมาๆขี้ตาอยู่เขม้นมองสายตาก็ไม่ดี งง เหมือน โดนเขาทรายชกเอาแหละครับ อืมมๆๆๆที่ไหนหวา..ทั้งๆที่เคยผ่านถนนวิภาวดีมาหลายๆครั้ง แล้วยังจำไม่ได้เลย ถามว่าที่ไหนเขาบอกว่าถนนวิภาวดีเลยเกษตรแล้ว ตายล่ะตูเลยมาแล้วนี่ เพราะตั้งใจลงที่หลักสี่ แล้วนั่งรถแท็กซี่ต่อไปมีนบุรีกลับบ้าน มาถึงลาดพร้าวแล้วล่ะ บอกเขา ว่าให้ช่วยจอดแถววินรถแท๊กซี่หน่อย พอดีคุณสลักเสลาตาดีเห็นแท็กซี่หลายๆคันจอดอยู่ช่วย บอกคนขับให้จอดเพื่อจะลง หันไปมองข้างหลังเห็นพวกเราหลับเงียบกันหมดเว้นคุณสลักเสลา คนเดียว คุณเธอเลิศด้วยน้ำใจจริง กุลีกุจอช่วยยกของที่ซื้อไว้ถือติดมือมาให้ ตอนนั้นผมงงมาก พร้อมทั้งลงมาส่งผมที่รถแท็กซี่ โอ้..คิดถึงแล้วอดชื่นชมน้ำใจเธอเสียมิได้ ขอฝากขอบคุณผ่าน มาทางนี้ด้วยครับ หากไม่ได้คุณแล้วผมเองสงสัยแม้แต่กระเป๋าเสื้อผ้าก็เห็นจะไม่ได้เอาไป คุณเธอส่งผมจนรถแท็กซี่ออกไป นำหน้ารถตู้แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธินนั้นแหละจึงพ้นสายตา ของผมที่หันมองกลับไปด้วยความสำนึกขอบคุณมิหายครับ ทั้งหมดนี้ผมเล่ามาด้วยความจริงทุกประการ เพื่อให้เพื่อนๆชาวเวปฯได้พิจารณาว่าใครผิด ใครถูกกัน เพราะผมเองก็ไม่สบายใจเหมือนกันที่เห็นพี่ๆน้องๆหลานๆตั้งแง่ตั้งงอนกัน อุตส่าห์ เล่าให้ฟังทุกๆขั้นตอน ยกเว้นผมหลับ ผมไม่อยู่ร่วมในการสนทนา เห็นทุกๆคนสนุกสนาน คุยกันเฮฮากันดีหน้าตาแจ่มใสมิบาดหมางอันใด แต่ทำไมพอกลับมาถึงตีหน้ายักษ์ใส่กันป้ายร้าย ป้ายสีกันและกันเพราะเหตุใด หรือจะเข้าตำราว่า รู้หน้าไม่รู้ใจกระมัง อยากจะถามหน่อยว่า - เราไปทำบุญกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ? - คิดตั้งใจไปเพราะถูกบังคับให้ไปทำบุญกัน? - การเที่ยวเตร่เป็นที่ตั้งการทำบุญเป็นผลพลอยได้? - การไปครั้งนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะ? - การบาดหมางโกรธเคืองทำไมไม่โทรศัพท์คุยกันให้รู้เรื่องจะเอาเวปฯนี้เป็นสนามทดลอง? - สิ่งเล็กน้อยๆนี้จะให้อภัยแก่กันและกันไม่ได้เลย? - หรือคิดว่าตัวเองยังต้องดูดนมวัวเหมือนเด็กทารกอยู่? - ความเป็นผู้ใหญ่ในตัวไม่มีแม้กระพี้ในสมองอยู่? คิดให้ดีๆนะเราก็สภาวะวัยที่เกินความเป็นเด็กไปแล้วทำอะไรก็ควรคิดเสียบ้าง หากตัวเราไม่ช่วยตัวเรา เองคิดจะหวังให้คนอื่นช่วยเหลือจะดีหรือ ไหนๆก็อยู่ด้วยกันมาหลายๆในเวปฯนี้เพียงแค่นี้จะถึงกลับ ทำลายจิตตัวเองและคนอื่นให้เกิดความไม่สบายใจไปทำไมกันเล่า ด้วยคนทุกๆคนที่มีส่วนร่วมในเวปฯนี้เมื่อเกิดปัญหาก็อยากจะรู้เหตุการณ์เป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจึงจำต้องออกมาแถลงรายละเอียดของงานทั้งหมดเท่าที่ความจำของคนแก่จะจำได้ เพื่อให้ทุกๆคนพิจารณากันเอาเองว่าใครควรผิดใครควรถูก คนเราคนเดียวจะเอาใจคนหลายๆตาม สภาวะย่อมเป็นไปไม่ได้ย่อมต้องพึงพาอาศัยเห็นอกเข้าใจกันและกันผิดนิดเบาหน่อยอภัยให้ ซึ่งกันและกัน และที่สำคัญต้องช่วยเหลือตัวเราเองเห็นใจสังคมนั่นแหละถึงจะไปกันได้ ขอข
21 กรกฎาคม 2549 23:27 น. - comment id 91794
สวัสดีค่ะทุกๆท่าน อันความดีทำดี มีความสุข จะไร้ทุกข์สุขสมอารมณ์หมาย เพียงค่อยคิดถ้อยค่อยผ่อนคลาย ได้สุขใจทุกคนอิ่มบุญสมดังใจ ดีใจที่ได้ไปร่วมพบเจอกับทุกๆท่าน เสียดายที่ไม่ได้ไปสมทบที่เขาพระวิหาร เนื่องจากกลับถึงบ้านแล้ว มีเหตุต้องไปต่างจังหวัดด่วนอีก เลย ไม่ได้ บอกกล่าว ทุกๆท่าน
25 ตุลาคม 2549 16:48 น. - comment id 93156
สําหรับกิจกรรมที่ได้รับชมในครั้งนี้ ผมว่ามันดีมาก ทําให้รู้ถึงความเป้นไปเป็นมาของชุมชนแห่งหนึ่ง
25 พฤษภาคม 2552 15:35 น. - comment id 105143
เฮอ! อ่านแล้วเหนื่อยจัง ไม่น่าจะทะเลาะกันเลยเราน่าจะปรับความเข้าใจกันได้นะทำงานร่วมกันน่าจะรักกันดีกว่า