คืนนี้เป็นอีกคืนที่เราเดินเล่นกันที่นี่ - - ใต้ฟ้าหลากดวงดาว เขาเดินเคียงข้างฉันอย่างใช้ความคิดเหมือนเดิม ในขณะที่ฉันเดินอย่างสบายอารมณ์ ทะเลยังซัดคลื่นซบชายหาดอย่างเอาเป็นเอาตาย สายลมก็ยังหนุนคลื่นอยู่อย่างที่เป็นมา เคยเป็นมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น กับชายหนุ่มช่างคิดที่เดินเคียงกันมา เขามักสุขุมอยู่เสมอเมื่ออยู่กับธรรมชาติ ฉันเข้าใจเอาเองว่า เขากำลังหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวแห่งความคิดคำนึง โลกของเขาไม่ต่างจากฉันนักหรอกเพียงแต่ต่างมุมมองเท่านั้น และเราก็ยังคงมองโลกไปในทิศทางเดียวกันอยู่เสมอ นี่แหละ .. จึงเป็นจุดร่วมจะเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเรา เราเดินมาหยุดอยู่ตรงโขดหินและนั่งลงที่นี่ อย่างเงียบๆ เงียบนาน นิ่ง และ นาน ดาวยังคงเกลื่อนฟ้า ดวงจันทร์ยังคงสาดแสง เสียงคลื่นยังคงคร่ำครวญ เวลายังคงดำเนินไป ไม่อาจเดาความรู้สึกได้ว่าเขากำลังแหงนหน้าหาดาวหรือสำรวจดวงดาวกันแน่ แต่ดูเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างบนฟากฟ้า คนเราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล คุณดูดวงดาวนั่นสิ มีมากมายเหลือเกินนะ ผมรู้สึกเคว้งคว้างทุกทีที่มองดูดาว รู้สึกตัวเองเป็นเศษอณูเพียงเสี้ยวเดียวของธรรมชาติ แต่ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นนะ เมื่อมองดวงดาวเหล่านี้ ฉันแย้งขึ้น เรามักมีมุมมองที่แตกต่างกันแม้ในเรื่องเดียวกันเสมอ และบ่อยครั้ง ทำไมล่ะ เขาละสายตาจากฟากฟ้าแล้วหันมามองหน้าฉัน สายตาเป็นประกายสาดแววสุขุมเหมือนจ้องลงไปในดวงตาเพื่อค้นหาคำตอบบางสิ่งบางอย่าง เวลาฉันเหงา ฉันก็รู้สึกว่ายังมีดาวเป็นเพื่อน เหมือนมีดวงตาบางดวงจากฟากฟ้าคอยมองอยู่ เวลาท้อแท้ ดวงดาวเหล่านี้แหละที่เป็นเพื่อนเหมือนคอยดูใจว่าฉันจะฝ่าฟันปัญหาได้หรือจะยอมแพ้มัน คุณนี่ช่างคิดช่างฝันเกินจริงอยู่เรื่อยเลยนะ ฉันรู้จักตัวเองดีต่างหากล่ะ ฉันเป็นคนขี้เหงาและช่างท้อ บางครั้งฉันก็หลอกตัวเองไม่ได้หรอกว่าต้องการอะไร และหากสิ่งนั้นตัวเองไม่มีหรือมีน้อยเกินไป ฉันก็เติมเต็มตัวเองจากธรรมชาตินี่เอง แต่ผมกลับเข้าใจความเป็นจริงไปในอีกมุมมองหนึ่งนะว่า คนเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เป็นเพียงเสี้ยวอณูเล็กๆ ของจักรวาล แล้วสักวันก็จะสลายตัวเองและสูญหายไปเป็นสสารอะไรก็ไม่รู้ การที่คนเราพยายามสร้างอะไรขึ้นมาให้ผิดธรรมชาตินี่น่ะ ทำให้เราเคว้งและไม่เข้าใจตัวเอง คิดว่าเราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพระเจ้า หลงยึดติดในสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ โลกก็วุ่นวายและแตกสลายไปในที่สุด พอโลกแตกสลาย ชิ้นส่วนอณูเล็กๆ ของจักรวาลชิ้นหนึ่งก็หายไป ... ไม่หายไปไหนหรอกคุณ รวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลเหมือนเดิมนั่นแหละ คุณมองอะไรเหมือนไร้หัวใจจังเลยนะ มองเรื่องการแตกดับอะไรก็ไม่รู้ ไม่ค่อยจะสดใสเลย หรือที่คุณเกิดมาเป็นตัวเป็นตนนี่จะไม่มีวันตายและไม่มีวันสลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็ดดินเพื่อร่วมสร้างความสมบูรณ์ให้กับสรรพสิ่งอื่นๆ คุณจะอยู่ยงคงกระพันค้ำฟ้านั่นหรือ ถ้ามีมนุษย์อย่างคุณทั้งโลกคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรอกกระมัง เพราะไม่มีการทำลาย แต่ถ้าคนคิดอย่างคุณมากๆ เข้า ชีวิตก็คงเคว้งคว้าง มองค่าตัวเองเป็นเพียงก้อนดินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่จะแตกดับไปเมื่อไหร่ก็ได้ รอคอยเพียงจังหวะของวิถีธรรมชาติที่จะสร้างหรือทำลายตัวตน โดยไม่คิดจะสร้างสรรค์และวัฒนะอะไรเลย เขาทำหน้าครุ่นคิด เงียบ นิ่ง และ นาน ก่อนจะหันหน้ามาสบตากับฉันอีกครั้ง สายตาครั้งนี้ส่อแววความพึงพอใจ ฉันเพิ่งเห็นเขายิ้มเป็นครั้งแรกในช่วงคืนดาวสว่างคืนนี้ แววตาของคุณเหมือนดวงดาวนะ บางทีก็ทำให้ผมเคว้งคว้างเหมือนกำลังวิ่งตามหาอะไรบางอย่างอยู่บนฟากฟ้าไกล เหมือนหาอะไรก็ไม่รู้ที่คว้ามาไม่ได้สักที บางครั้งก็รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเพื่อน เหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังดูใจอยู่ว่าผมจะแก้ไขปัญหาในชีวิตได้ด้วยความเข้มแข็งหรือไม่ ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยได้สบตาตัวเองสักครั้ง แม้จะสบตาตัวเองเข้าไปในกระจกเงาก็เหมือนดวงตานั้นถูกสร้างขึ้นโดยตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติสักที กับรูปถ่ายบางทีก็เหมือนกับแววตานี้ไม่ได้มองตัวเอง ฉันก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าสิ่งที่คุณพูดอยู่นี่มันจริงสักแค่ไหน เขาลอบอมยิ้ม ฉันเสไปมองคลื่นที่กระทบกับแสงเรืองเพียงเบาจากดวงจันทร์ รู้สึกอบอุ่นหรือเหน็บหนาวก็บอกไม่ถูก แหงนหน้ามองดวงดาวอีกครั้ง ไม่ได้อบอุ่นเหมือนอย่างที่คิด - - เพิ่งรู้ว่า ในบางครั้งความรู้สึกกับความคิดไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ลมทะเลพัดมากระทบกาย - - หนาว ฉันกอดอกตัวสั่นสะท้าน หากร่างใหญ่ของชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเขยิบเข้ามาใกล้อีกสักนิดเพียงเสี้ยวของความรู้สึก ฉันอาจจะฝันไปว่าอบอุ่น หรืออาจจะรู้สึกว่าเหน็บหนาวขึ้นมาอีกก็ได้ บางทีดวงดาวก็เคว้งคว้างจริงๆ อย่างที่เขาว่า หนาวไหม .. ตัวสั่นเชียว เขาหันมามองด้วยความรู้สึกห่วงใย น้ำเสียงแสดงความเอื้ออาทร คุณจะซบบ่าผมก็ได้นะ ผมไม่คิดอะไรหรอก เขาพูดเหมือนทีเล่นทีจริง ฉันหลบสายตาเสไปมองท้องฟ้า กลับกันดีกว่ากระมังคะ รู้สึกว่าจะค่อนคืนแล้ว ลมทะเลพัดมาเหนียวตัวออก แล้ววันไหนอย่าลืมเอาแผนที่ดาวมาดูดาวกันดีกว่าค่ะ ดาวที่นี่ออกจะแจ่มชัดและสวยงาม เรามาอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับข้อมูลที่มองได้บ้างดีกว่า หลายคืนแล้วที่เราเดินดูดาวแล้วคุยในลักษณะของการแสดงความคิดฝัน อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกันแล้ว ผมไม่นึกว่าการมาครั้งนี้จะมาพบดวงดาวสุกใสดวงนี้ ผมคิดเพียงแต่ว่า ผมจะหนีปัญหามาพักผ่อนเท่านั้นเองจริงๆ คุณมีปัญหาหนักหน่วงมากถึงขนาดจะต้องหนีมาอยู่ที่นี่หรือคะ คงไม่หนักเท่าไหร่ละมังครับ ปัญหาของคนหนุ่มธรรมดานี่เอง แล้วเขาก็เงียบลงไปอีก นิ่ง และ นาน นานจนเหมือนเวลาจะหยุดหมุน คลื่นยังคงซัดสาดอยู่ตรงหน้า ลมหายใจก็ยังคงเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ... ฉันก็ไม่รู้จุดประสงค์การมาที่นี่ของคุณหรอกนะคะ และนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นมิตรและมีบุคลิกที่เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะวางใจได้ ไม่ใช่เพียงแต่ความรู้สึกเท่านั้น จากการเรียนรู้แนวความคิดของคุณด้วย และท่าทางคุณยังไม่เคยเจออะไรหนักๆ คุณฉลาดในการอ่านคน ชีวิตผมค่อนข้างจะราบเรียบ ผมก็เลยเป็นคนอ่อนไหวกับสิ่งรอบข้างอย่างที่คุณเข้าใจนี่แหละ เขาเงียบลงไปอีก การเงียบครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาขรึมและอ่านยาก คุณมีคนรักไหม ขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณ มีค่ะ เมื่อนานมาแล้ว ฉันสลดลง ไม่นึกว่าภาพทะเลตรงหน้าจะเป็นภาพความหลังขึ้นมาจนได้ เพราะทะเลนี่แหละที่ทำให้ฉันพบกับความรัก และทะเลอีกเช่นกันที่ทำให้ความรักพรากไป ผมขอโทษ บางทีอาจจะสะกิดแผลอะไรบางอย่างของคุณ ทะเล .. เป็นตัวแทนของความรักได้ไหม เพราะผมมีความหลังกับทะเล ฉันพินิจใบหน้าของเขา นิ่ง และ นาน ประสบการณ์บางอย่างที่คล้ายกันที่เองที่ทำให้เรามองอะไรไปในทางเดียวกันแม้จะต่างมุมมองบ้างก็ตาม มีอะไรหรือครับ เหมือนคุณกำลังมีคำถามหรือค้นหาคำตอบอะไรบางอย่างอยู่ เปล่าค่ะ ช่างเถอะ ฟ้าใกล้สางแล้ว เรากลับกันดีกว่า แม้เราคงต้องจากกันในอีกไม่กี่วัน ปล่อยความรู้สึกดีๆ ไว้กับทะเลที่นี่นะคะ วงจรเวลาคงพาให้เราได้พบกันอีก ถ้าเป็นความประสงค์ของจังหวะชีวิต ฉันยิ้มให้เขาด้วยมิตรภาพ ก่อนจะพาร่างตัวเองลุกจากโขดหินแล้วเดินจาก เขายังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้นนิ่งและนาน ฉันเดินทอดน่องมาเรื่อยๆ กับริมหาด ลมยังคงลูบไล้เส้นผมเล่นตลอดระยะของรอยเดิน น้ำยังคงซบหาด เหมือนจะอิงกันและกัน นานเท่านาน ... เหมือนมีเงาใครอยู่เคียงข้าง ฉันยังคงเดินเดียวดาย เดินเลียบชายหาดไปอย่างไม่มีจุดหมาย เดินอย่างคนปล่อยความรู้สึกทิ้งไว้กับทะเลและค่ำคืนที่ไม่ไร้ดาว กับหัวใจที่ทิ้งไว้กับบางบทสนทนาในคืนฟ้าไม่ไร้ดาว. รุจินันท์ ประจงพิมพ์ ต้นคืน ๑๔ กันยายน ๒๕๔๑
9 มิถุนายน 2549 09:51 น. - comment id 79965
... โห อารมณ์ น่าแต่งกลอน มากเลยพี่ แต่ขอเปลี่ยน โลเคชั่น หน่อยนะ อิอิ ขอเลยละกัน อารมณ์ นี้ 555
10 มิถุนายน 2549 21:19 น. - comment id 91115
พี่สาววววววววววว คนชอบแกล้ง ตกลง คืน.........มีอะไรเกิดขึ้นม่ะ
10 มิถุนายน 2549 22:47 น. - comment id 91116
11 มิถุนายน 2549 07:12 น. - comment id 91118
สวัสดีค่ะ .... ปักษาวายุ เมื่อไหร่พี่จะได้อ่านกลอน ... พี่ไรไก่ เรื่องสั้นเรื่องนี้ อ่านเอาความก็ได้ อ่านเอาเรื่องก็ได้ อ่านเอาแก่นก็ได้ แล้วแต่คนจะอ่านค่ะ อัสสุ เป็นไปตามเรื่องแหละน้องเอ๊ย .. พี่มอมแมม งงอะไรคะ? ถ้างงกับเรื่อง น่าจะใช่ ... เรื่องนี้แต่งอย่างมีองค์ประกอบไม่สมบูรณ์ เพราะขาดการปูพื้น แต่แก่นในการสื่อสาร มีสัญลักษณ์ในตัวเอง ทำไมต้องเป็น ... ดาว, ทะเล, ผู้ชาย, ผู้หญิง, แววตา, กระจก และในเวลาค่ำคืน ทุกอย่างต้องอ่านละเอียดและใช้จินตนาการในการตีความนิดหนึ่ง แล้วจะได้อะไรจากเรื่องนี้ค่อนข้างมาก แต่ถ้าอ่านเอาเรื่องธรรมดา จะเกิดคำถามมากมายว่า ชายหญิงคู่นี้มาพบกันได้ยังไง คุยอะไรกัน ทำไมต้องมาคุยกันทุกคืนๆ แล้วนั่งคุยกันถึงเช้าอย่างนี้หรือ ดูเหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผล (แม้ในความเป็นจริงอาจจะเป็นไปได้) กระซิบบอกกันอีกนิดหนึ่ง ... เรื่องสั้นเรื่องนี้เขียนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สมัยนั้นยังใช้พิมพ์ดีดอยู่ ต้นคืนนั้น บรรยากาศเงียบสนิทดีเหลือเกิน (พักอยู่แถว รพ.ศิริราช) ก็เลยคว้ากระดาษใส่แป้นพิมพ์ดีดมาเคาะๆๆ ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรื่องราวนี้ก็หลั่งไหลออกมา ... ค่อนข้างพึงพอใจกับเรื่องนี้ในระดับหนึ่ง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า องค์ประกอบไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่นัก และมาถึง ณ เวลานี้ มีการเกลาถ้อยคำบางประโยคนิดหน่อย จากต้นฉบับเดิม แต่ยังคงต้นฉบับเดิมไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องแต่งเติมอะไรอีก แม้องค์ประกอบไม่สมบูรณ์ในลักษณะการเล่าเรื่อง แต่โดยการสื่อสารเนื้อหาแล้ว ถือว่า สมบูรณ์ แหม .. อธิบายงานเขียนของตัวเองก็เป็นด้วย คนอะไร อิอิ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามผลงานนะคะ ... ตอนนี้กำลังคิดเรื่องใหม่ แต่ก็อย่างว่า เหมือนที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยบอกว่าไว้ คนที่มีวิธีคิดแบบการเขียนเรื่องสั้น มักจะเขียนบทกวีได้ไม่ดี คนที่คิดแบบบทกวี มักจะเขียนเรื่องสั้นไม่ค่อยได้ ช่วงที่เขียนงานชิ้นนี้ เขียนบทกวีไม่ค่อยได้จริงๆ ด้วย อิอิ และตอนนี้ ... ก็คิดแบบเรื่องสั้น ยากอยู่เหมือนกัน แหม ... คิดยากนะเนี่ย เขียนบทกวียังเอาดีไม่ได้ เรื่องสั้นก็ยังไม่ได้เรื่องเนี่ย ไม่ได้คิดมุ่งหวังอะไรหรอก มีเวลาก็เขียนๆๆ เวลาเขียนก็ถือว่า เป็นงานศิลปะนะ ต้องตั้งใจทำ ทำจบก็คือ ทำไปแล้ว ต่อไปถ้าจะทำอีก ก็ต้องมาดูปัญหาว่า เรายังต้องทำให้ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง ไม่ได้ดีเด่นที่สุดก็ช่างมันเนาะ ถือว่า ดีที่สุด ณ เวลานี้พอที่เราจะทำได้ แต่ก็จะพยายามนั่งเขียนๆ ดู (ถ้าทำได้สำเร็จ คงมีเรื่องสั้นมาให้อ่านกันอีกนะคะ) ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านงานอย่างใจจริงค่ะ : )
9 มิถุนายน 2549 10:32 น. - comment id 91150
ความทรงจำบางอย่างถึงแม้จะเคยสร้างความเจ็บปวดมาก่อนเพียงแต่เพียงขอมองความเจ็บปวดนั้นอีกมุมหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนเป็นความสุขได้.