คำท้า(ตอนที่1)
เมฆฟ้า
รถทัวร์ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ตามสองข้างทางยังคงสลับไปด้วยป่า และหมู่บ้านเรียงรายสองข้างทางผมยังคงใจลอยมองออกนอกตัวรถไปเรื่อยๆมิได้สนว่าบนรถนั้นจะเต็มไปด้วยผู้คนเสียงเพลง บรรยากาศของการรับน้องใหม่สำหรับผมแล้วมันไม่ได้ดึงดูดความสนใจผมสักเท่าไหร่เลย คงมีในบางครั้งที่เพื่อนนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาให้แล้วกระเซ้าให้ผมสนุกไปกะมันด้วยซึ่งผมก็รับมาดื่มแต่โดยดีและยังคงนั่งอยู่ที่เดิม รถแล่นมาได้สักพักก็ถึงที่หมายโดยที่ผมแทบไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ใจลอยอยู่นั่นเองผมคิดว่าการอยู่บนโลกส่วนตัวมันก็ดีไปอีกอย่างไม่ต้องสนใจใครอยู่แต่กับตัวเองเป็นในสิ่งที่ตังเองอยากเป็นได้เสมอ
เมื่อถึงสถานที่รับน้องต่างคนต่างทำกิจกรรมของตนเองตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายส่วนตัวผมเองยังคงสำรวจสถานที่ไปเรื่อยๆ มันเป็นรีสอร์ทร้างที่ถูกทิ้งไว้มานานแล้ว บ้านที่ปลูกไว้ทุกหลังถูกต้นไม้เถาวัลย์เรื้อยเสียจนมองแถบไม่เป็นบ้านแม้ในบางครั้งผมเองยังรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเฉยๆในเวลาที่มองไปในบ้านเก่าๆเหล่านั้นมันคงเป็นความวังเวงของสถานที่นั้นนั่นเอง ผมนำสัมภาระไปเก็บคงปล่อยให้เพื่อนๆและรุ่นพี่จัดการกะน้องใหม่ที่พึ่งเข้ามาเรียนรู้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยและแน่นอนก่อนที่จะเรียนรู้ก็มาทำการสลายพฤติกรรมก่อนแม้บางครั้งจะดูป่าเถื่อนไปบ้างก็ตามแต่ก็ยังอยู่ในครรลองครองธรรม ผมจัดการกับสัมภาระและอุปกรณ์ต่างที่จำเป็นต้องใช้ในการใช้ชีวิตในป่าเช่นนี้คงต้องเตรียมอะไรกันเยอะหน่อย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงค่ำคืนของอีกวันหนึ่งเวลาสองทุ่มโดยประมาณ
เฮ้ ! ต้อม ธูปอยู่ไหนว่ะจะถึงเวลาที่ต้องไหว้เจ้าที่แล้วนะโว้ย ไอ้นนท์เพื่อนที่อยู่รุ่นเดียวกันของผมเองมันคงโดนรุ่นพี่ใช้ให้มาเอาธูปสำหรับไว้เจ้าที่ในคืนนี้
เออ เดี๋ยวกูเอาไปให้ ผมตอบมันไปพร้อมกับเดินไปเอาธูปที่เตรียมไว้
ต้อม: เฮ้ยนนท์ ถามจริงเหอะใครเป็นคนเลือกสถานที่รับน้องว่ะ แม่งโครตน่ากลัวเลยอย่างกะหมู่บ้านร้างในหนังสยองขวัญอย่างงั้นแหละ
นนท์: ไอ้เอกมันเป็นเสนอ มันบอกว่าที่นี่เหมาะมากที่สุดแล้วเพราะดูเหมือนอยู่ในป่า แต่ที่จริงแล้วห่างไปอีกประมาณ สองกิโลก็เป็นหมู่บ้านแล้วซื้อของก็สะดวกอีกอย่างเป็นบ้านญาติมันด้วยจะเอาอะไรก็ง่ายแล้วที่นี่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไรนัก
ต้อม: ก็ดี แต่ยังไงข้าก็ยังอดที่จะคิดมากไม่ได้ว่ะ มันเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ช่างเหอะ ไม่ต้องคิดมากตามข้านะ
นนท์: อือ แล้วเองก็เลิกคิดมากได้แล้วไม่มีอะไรหรอก เองดูดิว่ะดาวเต็มฟ้าเลยนี่มันบรรยากาศกินเหล้าชัดๆเลย
เวอร์ เองเลือกบรรยากาศกินเหล้าด้วยเหรอ ผมตอบแบบแย่มันเล่น
เราเดินกันสักพักก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่งก็เห็นพี่พจน์และรุ่นพี่อีกสองสามคนรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับเครื่องเส้น มีศาลเพียงตาหลังหนึ่งค่อนข้างเก่าเอามากๆ มีผ้าหลากสีสันมัดอยู่ที่ตรงโคนเสา ซึ่งก็เก่ามากแล้วมีจอมปลวกขึ้นอยู่ข้างๆและมีกระถางธูปใบใหญ่อยู่ใบหนึ่งซึ่งเก่าไม่แพ้กัน
ทำไมมันนานจังว่ะก็บอกให้เร็วๆหน่อยเป็นรุ่นพี่มันทำงานกันยังไง ยังไม่พารุ่นน้องมาอีก ช้าจริงๆพี่พจน์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่อาวุโสที่สุดแกอยู่ในรุ่นที่ก่อตั้งซุ้มเลยก็ว่าได้ บ่นอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นการทำงานของรุ่นน้อง
พี่ไก่: คนมันเยอะน่า กว่าจะรวมตัว เดี๋ยวก็คงมามั้ง
พี่อ๊อด: นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี เฮ้ยไอ้ต้อม ไอ้นนท์ เดี๋ยวคอยช่วยแจกธูปให้น้องๆมันด้วยนะ
ครับ ผมกับนนท์ตอบแทบจะพร้อมกัน
สักพักเมื่อรวมตัวรุ่นน้องเสร็จแล้วก็ได้อธิบายวิธีการ และความสำคัญของการทำพิธีในครั้งนี้แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลมีอยู่หลายคนที่ไม่สนใจการทำพิธีมีเสียงเซงแซ่ในขณะที่พิธีอยู่ตลอดเวลาและในบางครั้งก็มีอยอกล้อกันด้วยซ้ำแม้จะมีรุ่นพี่คอยบอกให้เงียบก็ยังคงมีเสียงคุยกันตลอดวลาจนกระทั่งทำพิธีเสร็จก็ให้รุ่นน้องอธิฐานเสร็จก็ให้ปักธูปไปที่กระถางธูปใบเก่านั้น
พิธีการไหว้ศาลเจ้าที่ เสร็จลงแล้วในขณะที่ทุกคนกำลังจะกลับนั่นเอง
โครม! จู่ๆเกิดเสียงดังสนั่น กระถางธูปใบเก่าใบนั้นนั่นเองบัดนี้มันได้พังลงมาพร้อมทั้งธูปที่เราได้ปักลงไปนั้นก็กระเด็นกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
พี่พจน์บอกว่าให้นำรุ่นน้องกลับไปก่อนที่เหลืออยู่เป็นรุ่นพี่ที่มาด้วยกันเกือบทั้งหมดพี่พจน์แกทำหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
พี่พจน์: มันเกิดขึ้นได้อย่างไร กระถางธูปมันพังลงมาได้อย่างไร หวังว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่กูคิดนะ
พี่พจน์พูดแบบมีเลศนัยซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก
แล้วมีรุ่นพี่ผมหลายคนกระซิบกระซาบอย่างเครียดๆ
แล้วทุกคนก็พากันเก็บสถานที่นั้นจนเสร็จแล้วจึงกลับที่พัก
ผมได้ถามพี่น้องไปว่าที่พี่พจน์พูดนั้นหมายความว่าไง
พี่น้อง: เมื่อหลายปีก่อนได้เกิดเหตุการณ์ประมาณนี้แหละแล้วมีรุ่นน้องคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลเราต้องเลิกล้มการรับน้องใหม่ในปีนั้นไปเลย หลายคนสรุปว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันเกิดจากที่เราไม่เคารพหรือทำการอันไม่เหมาะสมต่อสิ่งศักดิ์ที่อยู่ ณ สถานที่นั้น นั่นเองและพี่พจน์ก็คงคิดเช่นกัน
พวกเรากลับถึงที่พักได้ไม่ถึงสิบนาทีจู่ก็เกิดลมพัดขึ้นอย่างหนักจนข้าวของเราหลายอย่างต้องปลิวกระจัดกระจายครู่ต่อมาฝนได้ตกลงมาอย่างหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาเต็นท์ของเราหลายหลังเละอย่างที่ไม่สามารถที่จะนอนได้เลยพวกรุ่นน้องซึ่งกำลังรวมตัวเพื่อที่จะทำกิจกรรมในตอนกลางคืนต้องวิ่งหาที่หลบฝนกันอลม่านเป็นเหตุการณ์ที่วุ่นวายยิ่งนัก จู่ๆความคิดหนึ่งของผมก็ผลุดขึ้นมาว่าเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมายังคุยกะไอ้นนท์มันอยู่เลยว่าดาวเต็มท้องฟ้าบรรยากาศน่ากินเหล้าแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีเค้าฝนอยู่เลยแล้วฝนมันจะตกลงมาได้อย่างไร ทันทีที่คิดได้ผมก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับบอกกับตัวเอง แบบนี้มันไม่ไช่แล้วขออย่าให้เป็นอย่างที่พี่พจน์คิดเลย(กรุณาติดตามตอนต่อไป)