เรือน้อยคอยรัก ช่วงเวลาคาบเกี่ยวการเปลี่ยนฤดูย่างเข้ามา ท้องฟ้าปกคลุมครึ้มด้วยเมฆ ลอยละล่องไปมา สายลมที่พัดวกวนไปมาสลับเอื่อยช้าๆ เรือลำน้อยถูกนำออกจากท่าเรือ ล่องฝ่ากระแสน้ำ ที่ไหลเชี่ยวกราก ทวนน้ำอย่างขมักเขม่น บุรุษหนุ่มร่างกำยำพายเรือไป ปาดเหงื่อที่ไหลริน ตรงใบหน้าด้วยฝ่ามือและท่อนแขน บางครั้งหยิบ ชายผ้าขาวม้าที่ใช้คาดเอว ซับเหงื่อเป็นบางครั้ง วันนี้อากาศร้อนอบอ้าว แสงแดดที่ส่องผืนน้ำ มองดูระยิบระยับกระทบพร่างพรายนัยน์ตายิ่งนัก เขาหยีตาพร้อมกับรีบจ้ำพายอย่างช้าๆ เบื้องหน้า เป็นคุ้งน้ำที่ต้องปาดหัวเรือรองรับกระแสน้ำ ตาสอดส่ายมองไปเบื้องหน้า ป้องกันเรือที่เลี้ยวโค้ง มิให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสารบนเรือที่เขาทำหน้าที่ ป้องกันภัยที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดได้ ภายในประทุนเรือมีผู้โดยสารหญิงและชายที่กำลัง สนุกสนานร้องรำทำเพลง ทานอาหารที่เขาเตรียมกันมา มีทั้งเหล้า เบียร์บุหรี่อาหารวางไว้ตรงหน้าเรียงรายสับสน บางคนโยกตัวไปมาตามจังหวะเสียงเพลงที่พวกเขาร้อง ทำให้เรือบางครั้งโคลงเคลงเหวี่ยงตัวไปมา พ้นคุ้งน้ำเบื้องหน้าจะเป็นศาลาพักร้อนผู้โดยสารที่ใช้พักผ่อน ชั่วคราว บริเวณวัดที่ทางวัดจัดไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้พักเรือ เพื่อเข้ามาท่องเที่ยว ภายในวัดเป็นบริเวณกว้างที่ปลูกไปด้วย พืชพันธุ์ไม้ดอกนานาชนิด กำลังออกดอกเบ่งบานสะพรั่ง บ้างมีกลิ่นหอมที่พัดล่องลอยมาตามสายลม ริมชายบริเวณ เป็นพระอุโบสถหลังย่อมๆ หน้าพระอุโบสถ์เป็นรูปปั้นเทพารักษ์ บ้างเป็นรูปยักษ์ เทวดาทั้งหญิงและชาย เรียงรายรอบ พระอุโบสถ์ ผนังรอบพระอุโบสถ์สลักไว้ด้วยลายไทยทั้ง ช่อฟ้าใบระกา สวยงามยิ่งนัก และถูกปกคลุมด้วยไม้ใหญ่ ร่มรื่นเย็นตาทรงไว้ซึ่งความเป็นไทยอันแท้จริง หลังจากงัดหัวเรือเข้าเทียบฝั่งหาที่จอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มเจ้าของเรือก็ทำหน้าที่มัคคุเทศก์พรรณนาบริเวณวัด บอกอายุอานามตลอดสถานที่เที่ยวให้ผู้โดยสารฟังพอสังเขป และขอเวลาบอกกำหนดเวลาเข้าท่องเที่ยวเพื่อจะเดินทางต่อไป ทุกๆคนรีบกระวีกระวาดขึ้นจากเรือ เหลือไว้แต่คนบางคน ที่ไม่ขึ้นไปเที่ยวคงอาศัยเรือในการหาความสำราญต่อไป ชายหนุ่มก้าวขึ้นจากเรือไปยังบริเวณศาลาริมน้ำพลางขยาย ผ้าขาวม้าออกซับเหงื่อและใช้โบกไล่ความร้อนที่แผ่กระจาย เขานั่งพักรอการกลับมาของผู้โดยสารที่พากันออกท่องเที่ยว พึ่งสังเกตเห็นว่า เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งแม้จะไม่ แต่งตัวเด่นดีนัก รูปร่างสูงโปร่งกำยำ ใบหน้ายาวเรียว ผมหยักโศกเล็กน้อย ปรอยผมที่ปล่อยแตะหน้าผากยิ่งทำ ให้เขาสง่างามยิ่ง ลมพัดกระโชกแรงจนผมกระจายไสว เขาลูบเสยผมเบาๆ คนในวงการเดียวกันเรียกเขาว่า ไอ้มิ่ง เรือแจว จากการสนทนาจึงทราบว่า ไอ้มิ่งหรือนายมิ่ง เป็นหนุ่มโสด เป็นลูกชายคนเดียวที่มีฐานะปานกลางของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่ คนในละแวกนั้นเคารพนับถือเพราะเป็นผู้ใหญ่บ้านระแวกนั้น แต่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้วเพราะความไม่ยอมคนของผู้ใหญ่ ทำให้ผู้มีอิทธิพลในแรกนั้นเป็นเดือดเป็นแค้นสาเหตุจากการ ปกป้องที่ดินของชาวบ้าน จะด้วยสาเหตุนี้หรือไม่ทราบที่เป็น เหตุให้ผู้ใหญ่ซึ่งมีอายุได้เสียชีวิตลงทั้งคู่ แต่ระหว่างนั้น นายมิ่ง ไม่อยู่เพราะไปเรียนหนังสือที่ กรุงเทพฯ พ่อกำนันได้ดูแลทรัพย์สินไว้ให้เขา จวบจนเขากลับมา แต่ด้วยความขยันหมั่นเพียร เขาทำสวนที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ และหารายได้พิเศษด้วยการรับจ้างพายเรือนำท่องเที่ยว ด้วยอัธยาศัยที่อ่อนน้อม เด็ดขาดเหมือนพ่อแม่ จึงเป็น ที่รักและเกรงขามของคนทั่วไป พ่อกำนันต้องการให้เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านสืบทอดต่อไป แต่เขาขอตัวเพราะจะทำให้เขามิอาจลืมความหลังได้ แต่การคบหาสมาคมในหมู่คนก็ยังดำเนินต่อไปอย่างสม่ำเสมอ พี่มิ่ง นั่งคนเดียวหรือ เสียงทักทายดังมาข้างหลัง เขาหันหลังกลับมองดู เป็นเด็กหนุ่มอายุอานามอ่อนกว่า เอ้อะว๊ะ...นำคนมาเที่ยวเดี๋ยวก็ไปแล้วล่ะ ชายหนุ่มตอบ พร้อมหันมายิ้มให้ การยิ้มของเขาสร้างบุคลิกพิเศษชวน มองยิ่งนัก ทั้งๆที่คราบเหงื่อยังจับเปรอะเปื้อนบางแห่ง สบายดีหรือไอ้หรุ่น หลวงพ่อเป็นอย่างไรบ้าง เขาย้อนถาม กูไม่ได้มากราบนมัสการนานเหมือนกัน ไม่ค่อยว่างว๊ะ ก็อย่างงั้นๆแหละพี่ เมื่อเช้านี้ทำท่าจะเป็นลม แต่ตอนนี้กำลังจำวัด ฉันเลยมีโอกาสมาเดินเล่นจ๊ะ แล้วพี่จะไปไหนต่อล่ะ เขาจ้างกูให้พาไปที่ท่าฉนาก ไปดูปลาที่คุ้งหน้านี่แหละ นี่ใกล้เวลาแล้ว เดี๋ยวกูก็ต้องไป วันนี้ร้อนจริงๆว๊ะ ชายหนุ่มรำพัน เสร็จแล้วพี่แวะมาหาหลวงพ่อหน่อยน๊ะ ท่านบ่นหาพี่เรื่อยๆล่ะ สงสัยจะยากว๊ะ เพราะต้องไปส่งเขาที่ท่าเรือ กว่าเสร็จคงค่ำๆนั่นแหละ มึงบอกหลวงพ่อด้วยว่ากูคิดถึงท่าน หากว่างๆจะมากราบมนัสการท่านน๊ะ อ้อ...พรุ่งนี้มึงแวะไปที่สวนกูด้วยนะ กูจะฝากผลไม้มาถวายหลวงพ่อด้วย ชายหนุ่มพูด พร้อมหันไปมองบริเวณลาน คอยสังเกตดูพวกท่องเที่ยวที่กำลัง เดินกลับมา เป็นกลุ่มเป็นพวก มึงอย่าลืมล่ะไอ้หรุ่น สงสัยกูต้องไปต่อแล้วล่ะ พลางหันมายกมือลูบหัว ชายหนุ่มนั่งมองดูคนที่กำลังเดินผ่านเขาไปขึ้นเรือ ทันใดนั้น เขาสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงร้องถามจากหญิงสาวคนหนึ่ง มายืนข้างๆเมื่อไหร่ไม่ทราบ พี่นัฐใช่ไหม? น่าจะใช่น๊ะ ! พูดพลางยืนจ้องหน้ามองเขา ฉันนั่งมองในเรือตั้งนานแล้ว สงสัยก็สงสัยจะถามเมื่ออยู่ในเรือแล้ว เห็นกำลังพายเรืออยู่ไม่แน่ใจ ได้โอกาสจึงถามให้แน่ใจ ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ คุณแน่ใจหรือครับ เขาตอบ นั่นซิ นก ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน ถามเพื่อให้แน่ใจ เห็นพี่หายไป...นับจากแข่งขันฟุตบอล มหาลัยได้แชมป์ปีนั้น ก็ไม่เจอพี่อีกเลย ติดตามข่าวพี่เสมอ หลังรับปริญญาแล้วก็หาย หน้าไป อาจารย์ถามข่าวคราวพี่น๊ะว่าเสียดายขาดศูนย์หน้าเก่งๆไป คุณแน่ใจหรือครับว่า ผมพี่นัฐของคุณ นัฐมีหลายคนนะครับ อาจจะจำคนผิดก็ได้ ชายหนุ่มยิ้ม ส่วนไอ้หรุ่นทำหน้าเหรอหรา กรอกตาไปมาเฝ้ามองชายหนุ่มหญิงสาว วิสาสะกัน มันแปลกใจทำไมหญิงกรุงเทพฯรู้จัก พี่มิ่งของมัน ใครๆก็จำพี่นัฐได้ดี เพราะไม่เหมือนนักเตะคนอื่นจ๊ะ หญิงสาวตอบ และยิ่งเป็นคนเก่งของมหาลัยด้วย หญิงสาวชม ใช่หรือเปล่าจ๊ะ หล่อนขยั้นขยอขอคำตอบ ชายหนุ่มมองหน้า เขายิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นการตอบ หญิงสาวเบิ่งตาโตด้วยอาการตื่นเต้นยินดี พลางหันหน้า ไปตะโกนโหวกเหวกกับพักพวกที่บ้างกำลังเดินมา บ้างอยู่ในเรือ เฮ้!ๆๆๆ...พวกเรา พี่นัฐคนเก่งอยู่นี่แล้วเว๊ย นัฐพล กาญจนภาศน์...อดีตนักฟุตบอลศูนย์หน้าดาวยิง ประตูที่นำชัยชนะมาสู่มหาลัยได้เป็นแชมป์มหาลัย หลังจาก สิ้นสุดเขามา มหาลัยก็ไม่เคยได้แชมป์อีกเลยจนบัดนี้ จึงเป็นขวัญใจ ของเหล่านิสิตนักศึกษาที่กล่าวขวัญนามของเขา ชื่อเขาและรูปถ่าย ได้ถูกจารึกในแผงคนที่ทำประโยชน์ให้แก่มหาลัยจนกระทั่งบัดนี้ สักพัก..เขาถูกรุมล้อมจากหญิงสาวชายหนุ่มทั้งหลาย บ้าง เขย่าตัวเขา บ้างโอบกอดเขา บ้างขอถ่ายรูปเขาไว้เป็นที่ระลึก จนทำให้ ไอ้หรุ่นต้องรีบถอยหลบมาข้างๆด้วยตื่นเต้นในกริยาที่เห็น แน่ล่ะ...เมื่อมาพบคนที่เป็นขวัญใจอย่างไม่คาดคิดย่อมนำมา ซึ่งความตื่นเต้นยินดี เสียจ๊อกแจ๊ะเซ็งแซ่ไปหมด บ้างรู้จัก บ้างไม่รู้จัก เพียงเห็นแต่รูปถ่าย แต่ก็ได้รับการกล่าวขานจากอาจารย์และศิษย์ รุ่นพี่ที่ตกทอดกันมา ทุกๆคนตื่นเต้น จนกระทั่ง... ชายหนุ่มเอ่ยขอร้องและพูดว่า ได้เวลาแล้วครับ ผมต้องนำพวกคุณไปยังอีกแห่งหนึ่งตามกำหนดการครับ ไม่ต้องไปแล้วครับ เฮ้! พวกเราว่าไง พาพี่นัฐไปเลี้ยงที่ท่าเรือดีกว่าน๊ะ ชายหนุ่มคนหนึ่งหาเสียงกับพักพวก ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวรู้ถึงนายท่าจะว่าผม ยังไงก็ให้ถึงปลายทางก่อนเถอะครับ ตามใจพี่นัฐเถอะ อย่าสร้างความลำบากใจให้พี่เขา หญิงสาวคนหนึ่งตอบ สักครู่เหล่าชายหญิงทั้งหมดห้อมล้อมเขา พากันไปลงเรือ เฮ้ยหรุ่น...อย่าลืมบอกหลวงพ่อและอย่าลืมไปเอาของด้วยนะ ชายหนุ่มหันมาสั่ง พร้อมทั้งเดินนำหน้าพานักท่องเที่ยวไป เรือได้ถูกนำออกจากท่าวัด ค่อยๆทวนน้ำผ่านไปยังคุ้งข้างหน้า พ้นคุ้งหน้า ก็จะถึงแล้วครับ เขาบอก ผมช่วยพี่พายไหมครับ ผมพายเรือเป็น หนุ่มหลายคนอาสา ขอบคุณครับ ไม่ต้องหรอกครับ กระแสน้ำที่นี่ต้องรู้ทางน้ำครับ ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณหนุ่มเหล่านั้น พลางวาดพายอย่างรวดเร็ว ณ ที่บริเวณท่าน้ำฉนาก ฝูงปลานานาชนิดต่างว่ายขนานคู่กับเรือ พอเรือจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางคนก็มานั่งมองปลา ให้อาหารปลา บ้างก็เดินไปชมทัศนียภาพในบริเวณนั้นที่ถูกตบแต่งอย่างสวยงาม เขาขอตัวจากหนุ่มสาวเหล่านั้นแล้วเดินหายไปยังหลังพุ่มไม้ที่ปกคลุม ครึ้มร่มเย็น ลมชายน้ำพัดมาลบบรรยากาศอันร้อนอบอ้าวเสียสิ้นเชิง ทุกๆคนต่างสนุกสนานเพลิดเพลินจนลืมเรื่องที่ผ่านมา แต่ก็ยังมี บางคนกำลังจับกลุ่มวิจารณ์ความเป็นมาของเขาอยู่ เห็นทีขากลับจะต้องรีบไปบอกกับยายรัชเสียแล้วล่ะ ว่าเขาอยู่ที่นี่ หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนๆที่จับกลุ่มวิพากย์วิจารณ์ เออจริงว๊ะนก...รัชมันหมองเศร้านักไม่ยอมไปไหนมาไหนเหมือนก่อน อีกคนกล่าว พร้อมหันหน้ามาพยักหน้ากับเพื่อนๆ นั่นซิ..อกมันหักดังเปาะ ซึมไปเลยตั้งแต่เขาหายหน้าไป ข่าวคราวก็ไม่ส่งมาถึงเลย แย่จังเลยอะไรก็ไม่รุ๊ สาวหน้าหม๋วยกล่าวขึ้นบ้าง ช่างเถอะๆ นี่ก็นานแล้วน๊ะ เธอไปบอกพวกหนุ่มๆให้รีบกลับดีกว่า แต่เอ๊ะ...เขาหายไปไหนหนอ ทุกๆคนหันมองหันหลังกลับไปยังบริเวณลานไม้เหล่านั้น โอ้...มาแล้วตรงต่อเวลาดีจังเลยนะ สาวอีกคนหนึ่งกล่าว สักพักใหญ่เรือก็ถูกพายออกจากบริเวณนั้น ล่องตามน้ำมาดูว่า เรือจะแล่นเร็วกว่าขามา พี่นัฐ...เห็นเด็กที่วัดเรียกพี่ว่า มิ่ง ใช่ไหม! คำถามถูกสร้างขึ้น ชายหนุ่มหันมายิ้ม ครับ...นั่นเป็นชื่อเล่นที่ทางนี้เรียกผมครับ ชายหนุ่มตอบ อ้าว..แล้วหากจะมาหาพี่ ถามคนที่ท่าเรือคงรู้จักพี่และพาไปพบได้น๊ะ สาวสวยคนหนึ่งหันมาถาม ครับ...ถามถึง ไอ้มิ่ง ใครๆก็รู้จักครับ พวกคุณจะกลับมาเที่ยวอีกหรือ แต่ว่าบางทีอาจจะไม่ได้มากับผมก็ได้ เพราะพวกเราแบ่งๆกัน หากจังหวะดีก็จะพบผมครับ สนุกไหมครับ หวังว่าพวกคุณคงจะสนุกนะครับ เขาย้อนถาม นั่นซิ...บางทีอาจจะไปเที่ยวบ้านพี่ก็ได้น๊ะ อีกคนรีบกล่าว แล้วบ้านพี่อยู่ที่ไหนล่ะ ถามคนแถวนี้คงทราบนะ อาจจะไปล้มทับพี่ที่บ้านก็ได้นะอีกคนพูดพร้อมอมยิ้ม ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีต้อนรับพวกคุณเสมอๆ บอกก่อนนะครับ ว่าบ้านผมเป็นบ้านเล็กๆบ้านนอก หาความสะดวกสบายไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งบางทีคุณอาจจะชอบและได้ไปเก็บผลไม้ติดไม้ติดมือ กลับบ้านก็ได้ ผมยินดีเสมอๆนานๆจะได้ต้อนรับสักที ชายหนุ่มกล่าวตอบตามอัธยาศัยไมตรี ภายหลังจากสิ้นธุรกิจที่รับใช้ชาวกรุงเทพฯแล้ว มิ่งก็นำเรือกลับ บ้าน ซึ่งติดอยู่กลับแม่น้ำ มีศาลาหลังเล็กสร้างไว้ใช้พักผ่อนยามเย็น ข้างๆเป็นคลองเล็กๆที่ถูกขุดไว้เพื่อนำเรือไปจอดไว้มีหับมุงหลังคาจาก เป็นอู่จอดเรือ ซึ่งห่างจากบ้านเขาไม่มากนัก ปลูกเป็นสองชั้น ด้านหลัง และข้างเป็นสวนผลไม้ที่กำลังออกผลสะพรั่ง เขาใช้วิชาที่ร่ำเรียนมา ทำประโยชน์ในผืนที่ที่พ่อแม่มอบให้แก่เขา ทำรายได้ให้เขาปีละไม่น้อย หลายๆต่อหลายบ้านแถบนั้นพยายามที่จะมาเป็นญาติเกี่ยวดองกับเขา เนื่องจากเขาเป็นหนุ่มโสดขยันขันแข็งต่อการงาน อัธยาศัยอ่อนน้อมเสมอ ตัวคนเดียวมีทรัพย์สมบัติเนื้อที่มากพอประมาณไม่ติดเหล้าการพนัน มีคนงานสองสามคนที่เขาจ้างไว้ดูแลสวนของเขา จึงเป็นที่ปรารถนาคนทั่วไป เขาเพียงแต่ยิ้มแต่ก็ไม่ปฏิเสธและบอกว่ายังไม่ถึงเวลา อันที่จริงย่อมไม่มีใครรู้ความในใจเขาหรอก มักซึมเศร้าในบางครั้ง เขาชอบมานั่งหลังสิ้นสุดการงานใช้เวลาว่างกับศาลาท่าน้ำหลังนี้ ปล่อยอารมณ์ย้อนกลับสู่อดีตที่ผ่านมา เหมือนจะคอยใครสักคนหนึ่ง ใช่แล้ว รัชนีกร แม่ดวงจันทร์วันเพ็ญ เพื่อนหญิงที่รักยิ่งของเขา ย้อนทวนอดีตเมื่อครั้งยังเรียนหนังสือด้วยกัน และจากกันเพราะความไม่เข้าใจ เขาและหล่อนทะเลาะ สาเหตุจากความเข้าใจผิด ความหึงหวงหรือความน้อยใจเป็นเหตุ ใช่ซิ อาจจะใช่...หลังจากที่เขาเห็นหล่อนเพน้าพะนอกับหนุ่มร่ำรวย มีรถรับส่งประจำ ส่วนเขาหรือนั่งรถเมล์ด้อยทั้งฐานะทั้งปวง เพียงแต่ เขาเด่นกว่าก็ตรงที่เป็นดาราของมหาลัยเท่านั้น นอกนั้นเขาแพ้ขาด แต่หล่อนกลับบอกเขาว่า เป็นทั้งญาติและเพื่อนห่างๆกัน แต่เขาไม่แน่ใจ จากความรู้สึก การสนิทสนมเกินขอบเขต เมื่อเรียนจบเขาจึงประชดด้วยการหนีกลับบ้าน พอดีพ่อกำนันแจ้ง มาถึงการจากไปของพ่อแม่เขาจึงต้องรีบกลับมาดูแลงานศพ ตลอดสมบัติของพ่อแม่ด้วยการทำทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ปล่อยให้เป็นอดีตที่เลือนราง บัดนี้ทำไมเขาต้องย้อนหวนกลับสู่อดีตอีกหลังจากได้รับทราบ จากกลุ่มที่เขาพานำเที่ยวถึงข่าว รัชนีกร สาวผู้สร้างความบอบช้ำไว้ ในขณะที่เขากำลังนั่งทอดอารมณ์บนศาลาท่าน้ำแอบได้ยินสนทนากัน แต่เดี๋ยวนี้เขาปล่อยจิตหวนคำนึงสิ่งที่ผ่านมาให้ล่องลอยตามกระแสน้ำ ที่ไหลรินอย่างเชื่องช้า ผ่อนคลายอารมณ์คลุกกรุ่นลงได้บ้าง กระแสน้ำไหลรินจินต์เทวษ อาณาเขตห่วงรักจักไพศาล สร้างรอยช้ำน้ำใจข้าช้าเนิ่นนาน ทุกคืนวันกาลเวลามาระทม อกเอ๋ยอกใครเขาจะรู้บ้าง รักที่ร้างบ่งบอกพอกสะสม นั่งศาลาริมน้ำทนทุกข์ระทม ช่างขื่นขมปมร้าวเศร้าหทัย รักหนอรักแนบสนิทติดสู่ห้วง รัชนีกรบ่วงคล้องศอล้อใจหาย นั่งโดดเดี่ยวเปลี่ยวอุราล้าใจกาย โลมรักคลายสลายแล้วแก้วตาเอย. เวลาที่มีอารมณ์เขามักแต่งกลอน และเขียนติดไว้ฝาผนังศาลาริมน้ำ เพื่ออ่านทบทวนและทิ้งอารมณ์ลงสู่สายน้ำที่ไหลผ่านไป เย็นมากแล้วอากาศสลัวๆค่อนข้างมืดครึ้มท้องน้ำว่างเว้น พระอาทิตย์ครึ่งดวงจับอยู่เหนือทิวไม้ปลายขอบฟ้า เงาสลัวๆ กำลังเคลื่อนเข้ามาๆจากลิบๆ ใกล้เข้ามาพอสังเกตุได้ว่าเป็นเรือ ที่กำลังวาดหัวเรือตรงเข้ามา ใครหรือกำลังมาหาเขา หรือว่าพ่อกำนันส่งคนมาตาม แต่คงไม่ใช่หากเป็นคนของพ่อกำนันคงเป็นเรือแจว แต่นี่เป็นเรือที่มีประทุนด้วย ลักษณะเพียบน้ำคงมีคนนั่งมาด้วย เขานั่งจับตามองดูให้สงสัยยิ่งนัก เรือมาถึงแล้วที่ท่าน้ำ คนแจวท้ายเป็น ไอ้เวก คนหากินด้วยกัน แต่แปลกนี่ก็เกือบมืดแล้ว ทำไมยังรับจ้างอยู่อีกหรือ หรือว่ามาธุระส่วนตัว ไอ้มิ่งโว้ย มีคนมาหามึงแน๊ะ เสียงเรียกจากไอ้เวก พร้อมทั้งมันก้าวนำหน้าแขกแปลกหน้าสองคน เวกหรือ มึงนำใครมาว๊ะ เขาร้องถามออกไป คนกรุงเทพฯว๊ะ เขาจ้างกูมาพิเศษมาพบมึง มึงดูเอาเองโว้ย พลางหันไปบอกคนตามหลังมา นี่คุณ...นั่นแหละไอ้มิ่งที่คุณถามหา ใช่หรือเปล่าล่ะ ขอบใจมากจ๊ะนายเวก ผู้ตอบกลับเป็นหญิงสาวสองคน นี่ฉันบอกตรงๆฉันก็กลัวเหมือนกัน ดีน๊ะที่คนแถวนั้นบอกก่อน ว่าหากมาหานายมิ่งไม่มีใครกล้าทำร้ายหรอก จึงได้กล้ามาน๊ะ นายเวกหันมาแสยะยิ้ม โอ้ยใครจะไปกล้ากับไอ้มิ่ง คนรักและกลัวมันมากจ๊ะ มันเป็นคนดี คนโปรดของพ่อกำนันเสียด้วย ใครกล้ายุ่ง มีหวังถูกพวกพ่อกำนันกระทืบตาย มันหันมากล่าวตอบ ไปล่ะนะ พร้อมลงวาดหัวเรือออก และตะโกนสำทับอีกที ไม่ผิดหรอกนั่นแหละ ไอ้มิ่งคนหล่อ พร้อมส่งเสียงหัวร่อ มันยังไม่มีเมีย ยังไงๆก็ระวังมันด้วยเน้อฮ่าๆๆ มันหัวร่ออีก พร้อมรีบแจวเรือออกสู่กลางน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่คำนึงถึง เสียงที่ลอยตามหลังมันมา ไอ้ห่า... อ้าว คุณนก หรือ ทำให้นึกถึงภาพครั้งก่อนที่เคยนำพวกเขา เที่ยวชมสถานต่างๆ และคนนี่แหละที่เรียกชื่อจริงของเขา แต่ก็ไม่วายหันหน้าไปมองหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ก้มหน้าอยู่ แสงสลัว ให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเสียจริงๆ แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งสะท้านกายเย็นเฉียบ ตลึงงันต่อน้ำเสียง หญิงสาวที่คุ้นหูเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแตกพร่า..... พี่นัฐ....พี่ๆ...จำไม่ได้ หรือว่าลืมรัชแล้วหรือ เสียงสั่นเครือถามเขา เสมือนฟ้าผ่าตอนเย็นไร้ฝนโปรย กระทบความมืดที่ปกคลุม จึงเห็นเพียงแสงสลัวๆของชายน้ำริมฝั่งกระทบต่อร่างคนถาม บอกไม่ถูกว่าตอนนั้นร่างของเขาเป็นอย่างไร นอกจากอาการชา ตื่นเต้น งงงัน เหมือนฝันที่ปรากฏเป็นความจริงตามแรงปรารถนา มิกล่าวเปล่า เขาจำได้พอดี ร่างนั้นถลาเข้ากอดเขาพร้อมร่ำไห้ นัฐใจร้ายจริงๆ ไม่ส่งข่าวให้รู้บ้างเลย หาก นกเขาไม่บอก ว่าเจอ นัฐที่นี่ ขยั้นขยอยืนยันว่า ใช่ นัฐ แน่นอน แต่ทว่า นัฐ คงเข้าใจผิดนะสันต์กับรัช ไม่มีอะไรกันจริงๆเราเป็นญาติและ และเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็กๆ ภาพที่นัฐเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดา ของการหยอกล้อนับเป็นพี่น้องคลานตามกันมาก็ว่าได้ จึงทำให้ เข้าใจผิดกัน เขาพึ่งแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองน๊ะ หญิงสาวตอบ นัฐไม่น่าใจร้อน พอสอบถามเพื่อนก็ทราบว่านัฐหายไปจากหอแล้ว และพวกเขาไม่รู้ว่านัฐไปที่ใด รัชเองได้แต่รอและติดตามข่าวนัฐเรื่อยๆ หญิงสาวพ้อต่อว่าชายคนรัก ที่ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของหล่อน ผมขอโทษ รัช ผมเองวู่วามไปทำให้ผมเองต้องระเห็จมาไม่เหยียบ ไปกรุงเทพฯอีกเลยและก็พอดีพ่อแม่ผมเสียจึงต้องเป็นภาระดูแลที่นี่ เขาตอบ พร้อมผลักหญิงสาวถอยเล็กน้อย หันมากล่าวกับหญิงสาว อีกคนหนึ่ง ซึ่งยืนมองโน่นมองนี่ทำเป็นไม่เห็นการกระทำของพวกเรา คุณนก เชิญขึ้นบ้านก่อนเถอะครับ ที่นี่ยุงชุมมืดด้วย พร้อมทั้งประคองหญิงสาวและเพื่อนสาวออกนำหน้าขึ้นเรือนไป บนเรือนชายหนุ่มรีบไปตามหญิงกลางคนภรรยาของคนงานที่ เขาจ้างดูแลสวนมาอยู่เป็นเพื่อนปรนนิบัติข้าวปลาอาหารอื่นๆ และเพื่อป้องกันครหานินทาจากชาวบ้าน ที่อาจจะมีขึ้นในภายหลัง ต่างคนต่างเล่าเหตุการณ์ต่างๆหลังจากแยกทางกันมา ปรับความเข้าใจกัน ได้พร้อมทั้งสัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อหน้านกเพื่อนสาว อีกยังทั้งสัญญาว่าจะให้พ่อกำนันไปสู่ขอต่อพ่อแม่ของรัช หากหล่อนไม่ขัดข้องและรังเกียจฐานะของเขา หลังจากอาหารเช้ามื้อนี้ผ่านพ้นไป เขาไปส่งหญิงสาวยังท่าเรือ พร้อมส่งยังรถประจำทางเดินทางกลับกรุงเทพฯ ภายใต้หัวใจที่ร่ำร้องก้องกังวานต่อกันถึงวันข้างหน้าที่จะมาเยือน อดีตที่ผันผ่านกาลเวลาที่หวนคืน ใครบอกล่ะว่าเวลาย่อมไม่หวนกลับ หากจะนับตามนาฬิกาแล้วเลขหนึ่งย่อมย้อนคืน เข็มมักจะมาที่เลขนี้ นี่แหละคือหนึ่งเดียวในห้วงภายในที่ได้หวนคืนสู่เขาอีกวาระหนึ่ง หัวใจรักที่ย้อนไหลวกกลับคืน ชื่นบานยิ่งนักสำหรับเขาที่พ่อกำนัน บอกว่า ดีเหมือนกัน ไอ้มิ่ง กูจะได้มีหลานอีกคน เออๆๆๆ ที่ดินกูข้างแปลงมึงว่างเปล่ามานานแล้ว กูจะได้ยกให้เป็นค่าสินสอดทองหมั้นว๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ แกหัวร่อร่วนด้วย อารมณ์ดีจนเห็นเหงือกแดงแจ๋ ส่วนแม่เฒ่าเล่าก็เอาแต่ลูบหน้าลูบหลัง ลูกเอ๋ย..เป็นฝั่งเป็นฝาเถอะนะ แม่จะได้ตายตาหลับเสียที แกพูดพลาง เช็ดน้ำหมากที่ไหลย้อยจากปากพลาง จริงซินะ...พ่อกำนันแม่เฒ่านั้น ตามที่จริงก็เกี่ยวดองเป็นญาติกัน ทางทวดของแม่เขา และรักเขาห่วงใยเหมือนลูกคนหนึ่งหลังจากที่ เขาสิ้นพ่อแม่ไปก็เป็นห่วงดูแลตลอดมา วันเวลาที่เขารับจ้างพายเรือเมื่อเวลาว่างหาพิเศษเพื่อลืมสิ่งในอดีต ที่รุมเร้าให้ผ่านพ้นไปวันๆหนึ่งอุปมาเรือน้อยที่คอยรักหวนคืนกลับมา มาบัดนี้เขาได้ในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว หลังวันแต่งงานไม่เท่าไร สิ่งที่ รับจ้างจากผู้โดยสารเปลี่ยนไป แต่กลับรับจ้างห้วงรักจากใจให้แก่สาว สุดที่รัก ลอยละล่องท่องทิวน้ำที่ไหลตามกระแสคลื่นเพื่อฝากหัวใจมั่นคงใน รักตลอดชั่วกาลนาน รัชจ๋า...ดูจันทร์เพ็ญซิช่างเหมือนรัชจังเลย จะบ้าหรือพี่...นั่นดวงจันทร์นี่รัชนะ หญิงสาวหยิกหยอก อ้าวๆๆๆ...ก็รัชนีกร แปลว่า ดวงจันทร์นี่นา จะไม่เหมือนรัชได้ไงล่ะ หนุ่มยิ้มตอบ หนุ่มสาวเย้าหยอกล้อบนเรือน้อยที่ปล่อยให้ลอยละล่องตามสายน้ำ ยามค่ำคืนเดือนเพ็ญ พร้อมรวมจิตอธิษฐานกระทง ที่นำมาใบเดียว เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจรักเขาทั้งสองมั่นคง กระทงน้อยไหลล่องลอยไปตามน้ำพร้อมสร้างนำหัวใจทั้งคู่สมัครสมาน ดุจร่างที่พรอดกอดกันกลมบนเรือน้อยมิได้สนใจอะไรให้ลอยพร้อมเรือไปสู่ สถานอันเป็นที่รักยิ่งประสานความงามตามกระแสน้ำชั่วนิจนิรันดร์. *** แก้วประเสริฐ. ***
24 เมษายน 2549 19:31 น. - comment id 90539
happy ending.. เอ.. ถ้าชีวิตจริงเป็นอย่างนั้นได้คงดีนะครับ ถ้าเราตามหาคนที่รู้จักรักแท้ หรือคนที่รู้จักความพอดี พอใจในชีวิตที่มี.. เจอได้.. คงดี.. เราต่างก็อยากให้ชีวิตเหมือนเรื่องสั้นกัน ค้นหา.. ตามหา.. ยิ่งตามหา ก็ยิ่งรู้ว่าต้องตามหาต่อไป ต่อไป และต่อไป.. ผมคิดนะว่าเราคงไม่เจอ ..หรือแม้แต่ตัวผมเอง คงไม่เจอความพอดีอย่างที่กล่าวมา.. แล้วก็ตั้งคำถามว่าเมื่อไรหนอ..ถึงจะจบสิ้นเสียที.. หาคำตอบไม่เจอ.. ทั้งๆ ที่อยู่กับตัวเราเอง.. เรื่องสั้นโรแมนติกนะครับ..
25 เมษายน 2549 10:43 น. - comment id 90542
คุณ ธรรมาภิวัฏ ผมเองก็เก็บเล็กผสมน้อย โน่นนิด นี่หน่อย ร้อยเป็นเรื่องสั้น เสริมกลอนนิดๆติดอารมณ์บ่มไว้ จนได้เรื่องราวอย่างที่เห็นนี่แหละ นี่เพียงเริ่มต้น ของการหัดแต่งไว้ เพื่อคลายอารมณ์ดูเหมือนนี่ แค่เพียงสามสี่เรื่องเท่านั้น แรกสั้นๆ ค่อยๆแผ่ กระจายออกยาวหน่อย อิอิ สงสัยเหมือนกันว่าต่อไป คงจะเป็นเล่มกระมังนี่ก็ตักเข้าไปสาม-สี่หน้ากระดาษ ฟุตแก็ปแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับ ว่างๆมาอ่าน งานเชยๆอีกก็แล้วกัน ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
26 เมษายน 2549 12:35 น. - comment id 90551
สวัสดีค่ะลุงแก้ว..อ่านเพลินดีค่ะ...อ่านไปกลัวเมาเรือไปค่ะ...มียาแก้ไหมค่ะนี่...ลุงขาเรียนเรื่องผู้ใหญ่แล้วคราวหน้าเขียนเรื่องกำนันบ้างน่ะค่ะอยากรุ้ว่า....ความรักผุ้ใหญ่กับกำนันต่างกันยังไงบ้าง....จะรอมาอ่านค่ะลุงแก้ว
27 เมษายน 2549 15:35 น. - comment id 90560
คุณ silky ได้เลยจ๊ะแล้วจะเขียนให้ คอยอ่านนะจ๊ะ แก้วประเสริฐ.
16 กันยายน 2553 06:54 น. - comment id 119161
เขียนได้ดี เนื้อเรื่องไม่ติดขัด อ่านแล้วสบายใจ ขอให้ผู้เขียนได้บุญเยอะ ๆ นะครับ