ผมแอบชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นรุ่นพี่ในชมรมเทควันโดของผมเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ผมเริ่มรู้จักกับเธอครั้งแรกเมื่อสมัยที่ผมเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ผมรู้ดีว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าของผมสักเท่าไหร่ เพราะผมดันนิสัยเสียตรงที่กล้าแสดงออกมากไปหน่อย ว่าผมชื่นชอบผู้หญิงเก่งอย่างเธอเข้าอย่างจัง ที่สำคัญเธอไม่ชอบให้ผู้ชายแปลกหน้าเข้าใกล้เธอมากเกินไปนัก ซึ่งผมดันทำอย่างนั้นเสียด้วยสิ แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อผมประทับใจเธอเข้าเต็มเปาเสียแล้ว ภาพเธอใส่ชุดเทควันโดสายดำลอยมาจากฝากหนึ่งของเวทีเพื่อเตะเป้าที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเวทีโดยต้องข้ามคนไปถึง 3 คนในงานเปิดโลกกิจกรรมประจำปีของมหาวิทยาลัย ช่างเป็นภาพที่สวยงามและยังติดตรึงในความทรงจำของผมจนทุกวันนี้ ผมมหัศจรรย์ใจเป็นอย่างมากที่ตัวเธอสูงแค่เพียง 150 เซนติเมตรเท่านั้น แต่เธอกลับทำในสิ่งที่ผู้ชายสูง 179 เซนติเมตรอย่างผมไม่มีปัญญาทำ ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าผมจะเข้าชมรมนี้ โดยไม่สนใจว่าป๊าหรือม้าจะคัดค้านหัวชนฝาขนาดไหนก็ตาม เมื่อผมได้เข้าสู่ชมรมเทควันโด ผมก็ได้เรียนรู้ว่าถ้าต้องการมิตรภาพแสนวิเศษอย่างที่คนอื่นได้รับจากเธอคนนี้ ผมก็ไม่ควรกระโตกกระตากในการแสดงออกความรู้สึกตัวเองมากไปนัก ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นแค่ความรู้สึกปลื้มเท่านั้นก็ตาม เมื่อวันเวลาเปลี่ยนผันไป ผมจึงเริ่มรู้จักเธอมากขึ้น ผมได้รู้ถึงเหตุผลสำคัญที่เธอได้เป็นจุดศูนย์กลางของคนในชมรมว่าเป็นเพราะเธอใส่ใจทุกความรู้สึกของพวกเราอยู่เสมอ ถึงแม้เธอจะเป็นคนแข็งๆ แสดงออกไม่ค่อยเก่งและซุ่มซ่ามจนสร้างปัญหาให้กับพวกเราบ่อยมากขนาดไหนก็ตาม แต่พวกเราในชมรมทุกคนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวว่าเธอรักพวกเรามาก ยามเธอทำหน้าที่เป็นคุณครูสอนเทควันโด เธอก็เป็นครูที่เข้าใจธรรมชาติของนักเรียนอยู่เสมอ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอายุเพียง 5 ขวบหรือ 20 ปีก็ตาม และเมื่อเธอได้เป็นประธานชมรม เธอก็บริหารชมรมเก่งมากจนผมอยากลองวัดรอยเท้าเธอดูสักครั้ง และผมก็ต้องมาเสียใจที่พักหลังๆ มานี้เราสองคนทะเลาะกันบ่อยมากขึ้น เพราะลักษณะการบริหารงานของเราสองคนต่างกันในบางจุด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เราจะโกรธกันอย่างจริงจัง ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเดิมมันพัฒนาเป็นความรู้สึกดีและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้เพียงว่าวันเสาร์และวันอาทิตย์ได้กลายเป็นวันที่ผมไม่ต้องการให้มาถึงมากที่สุด เพราะนั่นจะทำให้ผมต้องพยายามหาข้ออ้างในการเจอเธอนอกเวลาชมรมอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างไรผมก็ทำได้แค่ดูเธออยู่ห่างๆ เท่านั้น เพราะผู้หญิงที่หน้าตาสวยดุ หุ่นเล็กกระจิดริดอย่างเธอมีหรือจะว่าง เธอมีแฟนแล้ว หล่อเสียด้วย หรือถ้าไม่หล่อก็รวย หรือถ้าไม่รวยก็เก่ง และถึงไม่มีใครอยู่ข้างกาย เธอก็ไม่เคยมองคนอย่างผมอยู่แล้ว เพราะเธอหลงคิดว่าคนอย่างผมไม่มีหัวใจ... ก็จะให้ผมรักใครได้อย่างไร ในเมื่อผมแอบรักเธอออกขนาดนี้ เอาเถอะ ผมมันขี้ขลาดเอง ผมกลัวเธอจะตีตัวออกห่างผมเหมือนที่เธอเคยทำกับผมอย่างเมื่อครั้งแรกที่เรารู้จักกัน สุดท้ายผมจึงเป็นได้แค่ ไอ้ตายด้าน ในสายตาของเธอมาโดยตลอด ผมยังจำได้ว่าแฟนคนแรกของเธอเป็นเจ้าของผับชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง ผู้ชายคนนี้หล่อเหลาเอาการแต่สุดท้ายก็ไปกับเธอไม่รอด เพราะรุ่นพี่ของผมคนนี้เธอบอกเลิกหมอนั่นหลังจากที่คบกันอยู่เพียง 5 เดือน ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่รู้จักรักตัวเองและครอบครัวเอาเสียเลย เล่นเอาฝ่ายนั้นไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรไปเกือบ 2 เดือน และหลังจากที่ผมแอบมีหวังอยู่ได้ไม่นาน ผมก็ต้องเสียโอกาสที่มีอยู่ให้กับนิสิตคณะรัฐศาสตร์ที่แสนฉลาดซึ่งก็จบลงที่เดิม คราวนี้เธอบอกว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีเวลาให้กัน เพราะบ้างานทั้งคู่ คบกันไปก็คงไม่ต่างจากคนแปลกหน้า หากเมื่อเลิกกันแล้วกลับเป็นฝ่ายนั้นเพียงฝ่ายเดียวที่กลัวความรักแบบข้ามเดือนข้ามปี เพราะหลังจากนั้นเพียง 3 เดือน รุ่นพี่ของผมก็มีแฟนใหม่ และรายนี้นี่เอง ที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เมื่อความรักจบลงตรงจุดเดิมด้วยการที่เธอบอกเลิกกับชิน หนุ่มน้อยคณะบริหารธุรกิจผู้ค่อนข้างเพียบพร้อมแต่ดันอ่อนหัดและไม่มีความเป็นผู้นำ หากหลังจากนั้นไม่นานฝ่ายนั้นก็ทำอะไรสั้นๆ ด้วยการขู่จะฆ่าตัวตายถ้าเธอไม่กลับมาคบด้วย เล่นเอารุ่นพี่ของผมคนนี้หัวหมุนไปพักใหญ่กว่าที่เธอจะแก้ปัญหาได้ แต่โชคร้ายสำหรับผมยังไม่หมด เมื่อน้องสาวจอมจุ้นจ้านของเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวผมดันเสนอตัวเข้ามาช่วย ซึ่งผมว่าเธอวุ่นวายกับชีวิตผมจนเกินหน้าที่มากไปด้วยซ้ำ แถมเรื่องที่เธอเคยอาสาจะช่วยก็เหมือนจะถูกพับโครงการไปโดยปริยาย ในช่วงแรกๆ ผมก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องราวเกี่ยวกับเธอสักนิด จนกระทั่งเธอเข้ามาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันในขณะที่ผมกำลังเรียนปี 4 อยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธาและเธอก็เป็นดาวมหาวิทยาลัย พ่วงตำแหน่งขวัญใจประชาชีหลังจากเป็นตัวแทนจากคณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ในการลงประกวดเฟรชชี่เกิร์ลกับเฟรชชี่บอยนั่นแหละ เรื่องของเราจึงกลายเป็นเรื่องสาธารณะมากขึ้นเพราะเธอเด่นอย่างเดียวยังไม่พอ เธอยังคอยตามผมแจยิ่งกว่าสมัยที่เธอยังเรียนแค่ระดับมัธยมอีก ซึ่งมันเลวร้ายมากเพราะการกระทำของเธอทำให้เราดูเหมือนสนิทกันมากจนกระทั่งมีคนแซวผมอย่างหนาหูว่า ผมเลี้ยงต้อย ไม่ก็สมภารกินไก่วัด ไม่ก็ฝากปลาย่างไว้กับแมว แต่สรุปคือ ถ้าต้องมีใครสักคนเป็นปลา คงเป็นผมมากกว่า ต้องขอบคุณพวกนั้นจริงๆ ที่ทำผมตาสว่างและดูเธอออกจนได้... เธอคงชอบผมแน่ๆ และพี่ของเธอคงเอาผมตายคาเท้าด้วยเช่นกันถ้ารู้เรื่องนี้เข้า รุ่นพี่ของผมคนนี้เคยห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับน้องสาวของเธอโดยเด็ดขาด ถ้าผมไม่ได้มีใจให้เธอ ซ้ำยังห้ามผมทำร้ายจิตใจของเธออีกต่างหาก ผมซวยไหมเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องแค่นี้ของกล้วยๆ อยู่แล้ว... หากผมก็ทำได้แค่พยายามเท่านั้น เพราะมันช่วยไม่ได้จริงๆ ถ้าน้องของเธอกลับเป็นฝ่ายดันทุรังเสียเอง และก่อนวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่ในเขตจังหวัดพิษณุโลก เธอก็มาหาผมที่บ้านเพื่อต่อว่าต่อขานเสียยกใหญ่ ว่าผมจะไปทำงานที่เชียงใหม่แล้วทำไมไม่บอกเธอสักคำ แล้วมันเรื่องอะไรของเธอกัน ผมสงสัยนักว่าเธอเป็นอะไรกับผม แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่คิดเท่านั้น ผมพูดสิ่งที่ผมคิดออกไปจนหมด ผมหมดแล้วกับความอดทนที่สะสมมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีสุดท้ายที่เธอคอยตามผมขนาดนี้ ผมทำตามคำขอร้องของรุ่นพี่คนนั้นได้แค่นี้จริงๆ จนถึงวันนี้ผมเองก็จำถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้ทั้งหมดเหมือนกัน แต่ถ้าให้อธิบายคร่าวๆ ก็ประมาณว่า แล้วมันเรื่องอะไรของหวาน หวานเป็นอะไรกับพี่หรือไง หวานก็เป็นแค่คนรู้จัก พี่เองก็มีโลกส่วนตัวของพี่ แล้วหวานจะมาเจ้ากี้เจ้าการเป็นห่วงพี่อะไรนักหนา พี่ไม่เคยต้องการ มันน่ารำคาญ เอ... นี่แหละคำพูดของผมเลย ไม่น่าเชื่อว่ามันผ่านมานานเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ผมกลับยังจำมันได้ทุกถ้อยคำขนาดนี้ จำได้แม้กระทั่งรอยยิ้มสุดท้ายที่เธอส่งมาให้พร้อมๆ กับคำขอโทษที่อาจดูไม่ต่างจากทุกครั้งที่เธอก่อเรื่องเท่าใดนั้นด้วย แต่ผมว่ามันต่าง... คงเป็นเพราะครั้งนี้เธอไม่ง้อให้ผมต้องหงุดหงิดรำคาญใจเหมือนเคยนั่นเอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา การติดต่อระหว่างผมกับผู้คนที่เอ่ยถึงมาข้างต้นก็เลือนหายไปตามระยะทางและเวลา จนกระทั่งวันที่ผมได้รับโทรศัพท์จากม้าเมื่อ 1 เดือนก่อน ท่านโทรมาตามให้ผมกลับมาสานต่อกิจการด่วน เพราะป๊ากำลังป่วยหนัก... เสียที่ไหนล่ะ ท่านทั้งสองคนก็แค่ไม่มีคนอยู่ช่วยบริหารงานที่ร้าน เพราะนายกระบี่น้องชายของผมมันกำลังจะไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่กรุงเทพต่างหาก ซึ่งมันจะไม่ยุ่งยากเท่าไหร่นัก ถ้าผมกลับมาถึงบ้านแล้วเก็บตัวเงียบเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในจังหวัดนี้ แต่ผมกลับนึกซ่าอยากไปงานวันเกิดของลูกพี่ลูกน้องที่เป็นฝาแฝด โดยไม่เคยนึกคิดว่าจะได้เจอเธอที่งานวันเกิดนี้อีกครั้ง... พี่เปรี้ยว โปรดติดตามตอนต่อไป แสนซน
14 มีนาคม 2549 12:42 น. - comment id 90049
อืม น่าติดตามดีค่ะ พยายามเข้าน้า
14 มีนาคม 2549 20:21 น. - comment id 90060
สนุกดีค่ะ จะรออ่านต่อนะค่ะ
15 มีนาคม 2549 16:38 น. - comment id 90069
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่าน และที่สำคัญสำหรับนักเขียนอย่างแสนซนมากที่สุดก็คงจะเป็นกำลังใจที่ให้มานี่แหละค่ะ ขอบคุณมากๆ เลย