เปิดปมปริศนา

May_jaa

เรื่อง  เปิดปมปริศนา
	ชายหาดริมทะเลทางด้านหนึ่งของเกาะสมุยในจังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทุกเพศทุกวัย  กำลังเล่นโต้คลื่น เล่นวอลเล่ย์บอล หรือเด็กๆมานั่งเล่นเม็ดทรายสีขาวสะอาดอยู่  แต่เมื่อถึงยามที่พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า  ช่วงเวลานี้ ที่กรุงเทพมหานคร  เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะการจราจรติดขัด  ผู้คนเดินเท้าก็พลอยจะรำคาญและบึ้งตึงไปด้วย จากก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์จากท่อไอเสียรถยนต์ แต่ถ้าจะเทียบกับหาดสมุยฝั่งนี้ กลับกลายเป็นหลังมือ เพราะที่นี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่ดีเยี่ยม บรรยากาศที่ดวงตานับร้อยกำลังจ้องมองดวงอาทิตย์สีแสดกำลังหายลับไปอย่างความสุข  และสำหรับชายหาดอีกด้านหนึ่งของเกาะ  ซึ่งบริเวณนั้น เป็นที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่น  รวมทั้งครอบครัว เรือนศรีที่มีพ่อ แม่และลูกอีก 3 คน คือ สมชาย สุนีย์ สมพงษ์ สุรีภรณ์และสุรีพัฒน์
	สุนีย์เป็นภรรยาของสมชาย เธอเป็นคนจังหวัดขอนแก่น แต่เธอพูดภาษาอีสานไม่ได้ เพราะตอนที่เธอเกิดจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นได้ 7 วัน  พ่อของเธอ คือ มงคล เอี่ยมบุญนั้น ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุรถชน ขณะที่กำลังเดินทางมาเยี่ยมแม่ของสุนีย์ คือ วิไล เอี่ยมบุญ ที่โรงพยาบาล  แม่ของเธอจึงพาเธอย้ายมาอยู่กับป้าวิมล  ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ที่จังหวัดนครสวรรค์ และพอสุนีย์อายุ 18 ปี  แม่และป้าของเธอก็ส่งเธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ และที่นั่น เธอก็ได้พบกับสมชาย ก็เลยตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน และแต่งงานกันในที่สุด แต่เนื่องจากตัวสมชายเอง รวมทั้งพ่อและแม่ของเขา คือ สมดุลและมาลัย เรือนศรี เป็นคนจังหวัดสุราษฏร์ธานีและยังต้องทำงานอยู่ที่นั่น  สมชายจึงต้องย้ายกลับไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานีตามเดิม  ทำให้สุนีย์จำต้องย้ายจากนครสวรรค์ไปอยู่ที่เกาะสมุย ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยที่สมชายก็เป็นชาวประมงเหมือนพ่อของเขา ส่วนสุนีย์ก็เป็นพนักงานโรงแรมพาราไดซ์ รีสอร์ท พลาซ่า ซึ่งอยู่ที่ชายหาดฝั่งนักท่องเที่ยว  ทั้ง 2 มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ สมพงษ์หรือพงษ์  ตอนนี้เขาอายุ 20 ปี เรียนอยู่ที่มหาลัยราชภัฏจังหวัดระยอง คณะแพทยศาสตร์ ปี 3  และมีแฝดสาวอีก 2 คน คือ สุรีภรณ์หรือภรณ์ และ สุรีพัฒน์หรือพัฒน์ โดยภรณ์เป็นพี่และพัฒน์เป็นน้อง ตอนนี้พวกเขาทั้ง 2 อายุ 17 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสมานวิทยาคม โดยที่พวกเด็กๆ จะเดินทางไปโรงเรียนโดยอาศัยเรือเล็กของลุงฉัตรชัยแถวบ้าน หรือบางครั้งพวกเขาอาจจะเดินไปทางสะพานข้ามเกาะไปก็ได้
	สำหรับช่วงพระอาทิตย์ตกของที่นี้  อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด  แต่ก็มีความสุขในแบบชาวบ้าน  บางคนก็อาจจะมานั่งคุยกับเพื่อนบ้าน  บ้างก็มากวาดถนนและทางเดินหน้าบ้านของตน  ส่วนเด็กๆวัยประถม ก็จะมาวิ่งเล่นอยู่ตามหาดทราย  ส่วนครอบครัวเรือนศรีก็มีความสุขเช่นกัน คือ ปกติสมชายจะนั่งอ่านหนังสือพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างสุขสบายใจ  แต่วันนี้เขาไม่อยู่ เพราะเขาไปจับปลา จะกลับมาในคืนนี้  สุนีย์ก็จะยืนคุยอยู่กับเพื่อนบ้าน คือ ป้าหมวย  ยายเล็ก และเจ๊หนุ่ย ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเรื่องนินทาเป็นหลัก และโม้โอ้อวดเป็นรอง ส่วนสมพงษ์ก็จะนั่งมองไปที่ทะเล แล้วก็คิดถึงแฟนสาวของเขา ที่ชื่อว่า เอ๋  ซึ่งเอ๋เอง ก็มักจะมาเที่ยวที่บ้านเรือนศรีอยู่เสมอ และโดยเฉพาะเวลาที่ยายวิไลมาเยี่ยมพร้อมเอ๋บ้าง เอ๋ก็จะไม่พอใจ เพราะยายวิไลมักบ่นเอ๋และทุกคนในบ้านเสมอ บ้างสมพงษ์ก็จะเหลือบมองไปยังชาวบ้านที่พูดกันอยู่  แล้วบ่นพึมพำว่าแหม...พวกนี้นี่บ้านนอกจริงๆเลยซึ่งทั้งๆที่เขาก็เป็นพวกนั้นด้วย ส่วนภรณ์และพัฒน์นั้นด้วยความที่เป็นคู่แฝดกัน ก็มักจะทำอะไรด้วยกันและเหมือนกันอยู่เสมอ วันนี้ทั้งคู่กำลังวิ่งเล่นเก็บเปลือกหอยสวยๆด้วยกัน  พอพระอาทิตย์ลับฟ้าไป ก็จะเป็นเวลาค่ำหาดฝั่งตรงข้ามคือฝั่งนักท่องเที่ยว ก็มีชายหญิงมากมายมานั่งพรอดรักกัน พร้อมกับแสงไฟและเสียงเพลงของร้านอาหารและโรงแรมมากมาย  แต่สำหรับชายหาดฝั่งชาวบ้าน กลับเงียบสงัด ผู้คนก็กลับเข้าบ้านมีแต่เพียงแสงไฟหน้าบ้านหลังละดวงสองดวงเท่านั้น  แต่ที่ทะเลกลับมีแสงจากเรือหาปลาที่อยู่กลางทะเลเรียงราย
	ในบ้านของครอบครัวเรือนศรีที่เป็นบ้านบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสีขาว ดูแล้วดูดีที่สุดในบ้านละแวกนี้  ในบ้านมีคน 4 คนกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งวันนี้พวกเขากินข้าวต้มกัน
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง!เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าบ้าน
พงษ์ ไปดูสิ พ่อมาหรือเปล่าสุนีย์พูด
ครับ แม่พงษ์พูด พร้อมกับเดินไปที่ประตู แต่ไม่ทันจะถึงประตู ก็มีหญิงแก่คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา แล้วพูดว่า
นี่! ฉันมายืนรอตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่เปิดประตูให้ซะทีล่ะ รำคาญคนแก่นักหรือไงนะ ยัยนี หญิงแก่คนนั้นพูด ซึ่งเธอก็คือยายวิไล เอี่ยมบุญ แม่ของสุนีย์ ที่ขี้บ่นจนทุกคนในบ้านรำคาญ และไม่ทันไร
นี่..พัฒน์  ภรณ์มาหายายหน่อยซิยายวิไลเรียก 2 แฝดมาให้โอวาทหรือการพูดบ่นนั่นเอง รู้มั๊ยว่าสมัยนี้หน่ะ มันมีอันตรายมากมาย เวลาไปที่ไหน อย่าใส่สั้นนะมันไม่ดี เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่า แล้วก็จะ...... พอยายวิไลพูดกับแฝดทั้ง 2 เสร็จแล้ว ยายวิไล ก็เรียกพงษ์มาต่อทันที  นี้..พงษ์  ตอนนี้น่ะ ลูกเรียนอยู่ พยายามเรียนให้ได้ดีๆ เรียนจบแล้วจะได้มีงานดีๆทำ มีเงินมีทองมากมาย มีคนยกย่อง มี...... แล้วพอพูดกับพงษ์เสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นถามสุนีย์ว่า
 นี่ นี เจ้าสมชายไปไหนเนี่ย มันแอบไปมีอีหนูที่ไหนหรือปล่าวหะ
สุนีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดว่า
 แม่คะ ชายเขาไปหาปลาค่ะ  ไม่ได้ไปมีอีหนูที่ไหนหรอกค่ะ
เอ่อ  เอ่อ .....  ช่างมันเหอะ  แล้วดูสิเนี่ยรอยฝุ่น คราบนู้น  คราบนี่  เต็มไปหมดเลยเนี่ย  ยายวิไลพุดฉอด ๆ พร้อมชี้นิ้วไปตามมุมนั่น  ซอกนี้  ไปเรื่อย ๆ  แล้วพูดต่อว่า ทำความสะอาดยังไงเนี่ย ทำผ่านๆ  อยู่เรื่อยเลย  ไปทำใหม่เลยน่ะ 
ค่ะแม่   สุนีย์  กระแทกเสียงพร้อมกับเดินประชดไปทำความสะอาด
  พงษ์  พงษ์  ยายนอนห้องพงษ์น่ะ ยายวิไลพูดแล้วเดินขึ้นไปเลย ไม่ฟังเสียงตอบของพงษ์เลยตามเลย
อุ๊ย..ตาย! รกสกปรกจริงๆ เลย  ทำความสะอาดบ้างหรือป่าวเนี่ย ดูเนี่ยบนโต๊ะทำงาน ไว้ทำงานไม่ใช่ชั้นวางของ  แล้วโหลดองสัตว์เนี่ยเก็บให้หมดได้มั๊ย เหม็นจะตายนอนดมมันอยู่ได้ยายวิไลบ่นตามเคยแล้วก็นอนไปเหมือนเดิม
ขี้บ่น จริงเลยน่ารำคาญ ทุกคนพูดพร้อมกัน
ปึ้ง ปึ้ง เสียงเคาะประตู้ดังขึ้นอีก
นี เสียงของสมชายดังขึ้น
มาก็ดีแล้ว ฉันล่ะรำคาญแม่วิจริง ๆ สุนีย์พร้อมกับไปเปิดประตูให้สมชาย
ใช่เลยน่ารำคาญมาก พงษ์พูด
	รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น  คือวันจันทร์  ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2544  ทุกคนก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นเคย คือ ลูก  ทั้ง 3 คน ก็จะนั่งเรือลุงฉัตรชัยไปเรียนกัน ส่วนสมชายก็จะไปส่งสุนีย์และไปอยู่กับสุนีย์ที่ที่ทำงาน โดย      ขับรถยนต์ฮอนด้าสีแดงสดไป  แต่ก่อนจะไปก็ต้องผ่านการบ่นของยายวิไลเสียก่อน
นี่ ทั้ง 2 คนน่ะ ทำงานให้มันตั้งใจหน่อย เอาเงินมาเลี้ยงแม่บ้าง ไม่ใช่ได้เงินมาก็เอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยนะ....
สมชายรำคาญจนทนไม่ไหว จึงพูดกับยายวิไลว่า 
แม่ ผมมีความคิดน่ะ อย่ามาบ่นอะไรให้มากนัก
เมื่อยายวิไลได้ยินดังนั้นก็เงียบไป แล้วเดินเข้าบ้าน  จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า
ก็ได้ แม่มันไม่มีความหมาย พูดอะไรไปใคร ๆ ก็เบื่อ แม่จะทำตามที่พวกแกต้องการ
ฮึ รู้ตัวซะบ้างก็ดี สมชายพูดเบาๆ  แล้วขับรถออกไปกับสุนีย์
ระหว่างที่ขับรถออกไปนั้น สุนีย์ก็ถามสมชายว่า
 นี่ ชาย พ่อคุณไปไหนเหรอ ไม่เห็นกลับมาบ้าน
อ้อ...ลืมบอกไปว่าพ่อเขาจะเลยไปหาแม่มาลัยเลยน่ะ แต่เขาแวะมาส่งพี่ที่บ้านก่อน ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนน่ะ  สมชายตอบ 
อ้าว! แล้วเขาจะกลับมาบ้านเราตอนไหนล่ะ  สุนีย์พูดต่อ 
ไม่รู้สิ แต่คงไม่วันนี้หรอก สมชายพูดขณะที่เลี้ยวรถเข้าที่จอดรถโรงแรมพอดี 
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปทำงาน ประมาณเที่ยงวันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของสุนีย์ดังขึ้น 
ฮัลโล สุนีย์พูด 
นีย์เหรอ เสียงของยายวิไลดังขึ้น นี่ซื้อข้าวมาให้แม่หน่อยสิ ร้านเจ๊น้อยข้างบ้าน มันไม่ขาย 
ค่ะแม่ เดี่ยวซื้อไปให้เลย สุนีย์บอกแล้วก็ไปซื้อข้าวผัดกระเพราที่ร้านอาหาร ครัวปลา ริมทะเลให้แล้วไปบอกสมชายให้ขับรถพาไปส่งข้าวที่บ้านทันที
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามตอน 2				
comments powered by Disqus
  • รักการอ่าน

    3 กุมภาพันธ์ 2549 21:18 น. - comment id 89390

    อยากอ่านตอน 2 เร็วๆ แต่งได้เยี่ยมมากเลย 19.gif19.gif19.gif19.gif
  • กุ้งหนามแดง

    3 กุมภาพันธ์ 2549 22:18 น. - comment id 89391

    ติดตามอ่านอยู่เช่นกันค่ะ..แนวนี้ก็ชอบอยู่เหมือนกัน..

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน