ตอนที่ 9 พวกเราบุก !!! ผมเปิดประตูห้องแล้วให้กุ้งเข้ามาในห้องพร้อมกับถามกุ้งว่า กุ้งกินข้าวเย็นหรือยัง เรียบร้อยแล้วพี่ กุ้งตอบพร้อมยิ้มที่มุมปาก นั่งก่อนสิ แล้วค่อยคุยกัน ผมผายมือไปที่โซฟาเพื่อให้กุ้งได้นั่งพักเหนื่อยเพราะผมรู้ดีกว่าหลังจากการทำงานโอที หรือการทำงานล่วงเวลาที่บริษัทจะต้องเลิก 20.00น กว่าจะเดินทางจากลำพูนมาถึงเชียงใหม่ก็กินเวลาเกือบชั่วโมงมันแสนจะเหนื่อยจากการทำงานและการเดินทาง เพราะผมเองบางครั้งกลับเข้ามาห้องก็ล้มตัวเองลงนั่งที่โซฟาก่อนที่จะตั้งสติทำกิจวัตรประจำวันก่อนนอน ผมเดินไปที่ตู้เย็นพร้อมกับรินน้ำให้กุ้งหนึ่งแก้ว ในขณะเดียวกันเมื่อกุ้งนั่งลงที่โซฟา กุ้งเปิดกระเป๋าเป้สะพายที่ดูทะมัดทะแมง เหมือนเด็กผู้ชายกำลังเปิดกระเป๋าเอาการบ้านออกมาทำ กุ้งหยิบเอกสารออกมาวางบนโต๊ะกาแฟ ผมเดินถือแก้วน้ำเดินมาที่กุ้ง ยื่นแก้วน้ำให้กุ้ง พร้อมกันนั้นกุ้งก็หยิบเอกสารยื่นให้ผม อะไรน่ะ? งานมีปัญหาเหรอ ผมถามด้วยน้ำเสียงเซ็งในอารมณ์เพราะผมเป็นประเภทไม่ชอบพูดเรื่องงาน หลังจากเลิกงานมาแล้ว งานน่ะมีปัญหาแน่นอน และนี่คือปัญหาที่กุ้งต้องเจอ และนี่ก็จะทำให้พี่พลรู้ว่ากุ้งกำลังเจอกับอะไรอยู่ พี่พลอ่านก่อน แล้วพี่พลค่อยตัดสินว่าพี่พลควรจะอยู่ข้างกุ้งเหมือนกับที่ตอนกลางวันที่กุ้งถามว่าพี่จะอยู่ข้างกุ้งมั้ย ถ้ากุ้งพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธ์ ผมฟังกุ้งพูด มองหน้ากุ้งแล้วหยิบเอกสารที่มีประมาณ 4-5 แผ่น มาไว้ในมือ แล้วอ่านว่ามันคืออะไร เอกสารแผ่นแรกที่ผมอ่านก็ทำเอาผมถึงกับอึ้ง เอกสารที่กุ้งให้ผมอ่าน เป็นจดหมายที่ส่งมาทางอีเมล์ที่ใช้ภายในบริษัท กุ้งปริ้นเอาท์ออกมา ในจดหมายนั้นจะแจ้งที่อยู่ของผู้ส่งอีเมล์ ชื่อผู้รับ วันที่ส่ง หัวเรื่อง เหมือนกับกับอีเมล์ทั่วไป หัวเรื่องอันแรกที่จั่วหัวใน อีเมล์คือ คำว่า ด่วน แต่ที่ผมอึ้ง เงียบ เป็นเพราะเนื้อความในเอกสารที่ผมอ่านคือ 17 กรกฎาคม 2543 ถึงหัวหน้าสายงานการผลิตที่น่ารักของพี่ พี่ยินดีกับน้องกุ้งด้วยที่ได้เริ่มงานในวันนี้ พี่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นเพราะพรหมลิขิต ขีดเส้นให้เรามาพบกัน พี่รู้สึกดีต่อกุ้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้าในวันสัมภาษณ์เข้าทำงาน วันแรกที่เราเจอ พี่ก็รู้ว่ากุ้งคือผู้หญิงที่พี่รอคอยมาทั้งชีวิต ตอนที่กุ้งเปิดประตูเข้ามาในห้องสัมภาษณ์ กุ้งมาพร้อมกับความสว่างสู่ดวงใจของพี่ พี่รอคอยที่จะทำงานกับกุ้งแทบไม่ไหว พี่เร่งวันเร่งคืนที่จะทำให้เราสองคนมาทำงานด้วยกัน กุ้งอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่พี่รู้สึกกับกุ้งในตอนนี้ กุ้งรู้ไหม กุ้งทำให้พี่รู้ความหมายของคำว่า รักแรกพบ พี่หลงรักน้องกุ้งตั้งแต่วันแรก และกุ้งรู้ไหม ที่กุ้งได้ทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะพี่ พี่เป็นคนเลือกกุ้งและพี่เป็นคนทำให้กุ้งได้งานที่มีเกียรตินี้ มีคนมาสมัครหลายร้อยคน ตำแหน่งนี้ต้องการคนมีประสบการณ์นะ เพราะต้องมาคุมคนทำงานอีกหลายร้อยชีวิต แต่กุ้งเป็นแค่เด็กจบใหม่ธรรมดาๆคนเหนึ่ง แต่พี่ก็เลือกกุ้ง และต้องเป็นกุ้งคนเดียวเท่านั้นที่จะมาทำงานเคียงข้างพี่ เพราะชีวิตนี้จะหมดความหมายทันทีถ้าขาดกุ้งไป ขอบอกอีกครั้งว่าพี่รักกุ้งจริงๆ กุ้งไม่ต้องห่วงในเรื่องงานนะครับ พี่จะดูแลกุ้งเอง รัก พี่ธวัชชัย ผมอ่านเนื้อความในเอกสารที่กุ้งปริ้นเอาท์ออกมาแล้วอุทาน ไม่อยากจะเชื่อเลย! หึ! กุ้งขำในลำคอ เหมือนจะเป็นสัญญาณว่านี่แค่เบาๆแล้วบอกผมว่า พี่พลอ่านอีกฉบับสิ อ่านตามหมายเลขที่กุ้งเขียนไว้ที่หัวกระดาษนั้นแหละ ผมรีบเปลี่ยนเอกสารอ่านแผ่นที่ 2 และก็เช่นเคย เป็นอีเมล์ที่มีชื่อผู้ส่ง คือพี่ธวัชชัยเช่นเคย และที่ทำให้ผมประหลาดใจคือ หัวเรื่องของอีเมล์ใช้หัวเรื่องว่า ด่วน อีกครั้ง ผมรีบกวาดสายตาอ่านเนื้อความในอีเมล์ด้วยความอยากรู้ 24 กรกฎาคม 2543 กุ้งที่รัก กุ้งจะทำให้พี่ต้องทรมานจนขาดใจตายไปต่อหน้ากุ้งเหรอ กุ้งถึงจะพอใจ ทำไมกุ้งถึงได้เฉยเมยต่อพี่ถึงเพียงนี้ ช่วยแสดงให้พี่เห็นหน่อยว่ากุ้งก็มีใจกับพี่ พี่มั่นใจว่าพี่ไม่ได้รู้สึกไปคนเดียว พี่เชื่อว่ากุ้งก็รู้สึกต่อพี่เช่นกัน พี่รอคอยการตอบอีเมล์ของกุ้งด้วยความว้าวุ่นใจ รู้ไหมการรอคอยคำตอบเป็นสิ่งที่ทรมานอย่างยิ่งยวด พี่อยากถามกุ้งเหลือเกินว่า ทำไมไม่ยิ้มให้พี่บ้าง...สักนิดก็ยังดี กุ้งรู้ตัวไหมว่ากุ้งเป็นคนมีเสน่ห์เวลากุ้งยิ้ม ถ้ากุ้งยิ้มสักนิด กุ้งสามารถทำให้โลกใบนี้สว่างขึ้นมาทันที และพี่กำลังรอเวลาที่กุ้งจะมาให้แสงสว่างในใจพี่ ทุกเช้ามีการประชุมก่อนเริ่มงานพี่รอคอยรอยยิ้มจากกุ้งอยู่ทุกวัน ไม่เห็นเหรอว่าพี่ยิ้มให้กุ้ง แต่กุ้งเอาแต่ก้มหน้าจดงานไม่สบตาพี่เลย ถ้ากุ้งดื้อกับพี่แบบนี้ พี่จำเป็นจะต้องใช้วิธีที่พี่ไม่คิดจะใช้... กุ้งรู้ไหมว่ากุ้งอยู่ในระหว่างทดลองงาน 3 เดือน กุ้งผ่านการฝึกงานมาแล้ว 1 สัปดาห์ พี่เป็นหัวหน้างานของกุ้งโดยตรง พี่สามารถทำให้กุ้งเสียประวัติการทำงานได้เพียงแค่การกากบาทลงในช่องว่า จะผ่าน หรือไม่ผ่าน ถ้ากุ้งไม่ผ่านงานแล้วกุ้งจะต้องเข้าช่วงทดลองงานใหม่ หรือไม่กุ้งก็จะต้องออกไปหางานที่อื่นซึ่งจะต้องพบกับความยากลำบากกว่าจะหางานได้ กุ้งอยากหางานใหม่เหรอในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ พี่ไม่ขออะไรมาก ขอแค่กุ้งยิ้มให้พี่หน่อย บางครั้งในตอนเย็นหลังเลิกงาน เพียงแต่กุ้งไปกินข้าวเย็นกับพี่บ้าง ทำความรู้จักกับพี่ กุ้งจะรู้ว่าพี่จริงใจกับกุ้งแค่ไหน พี่ไม่คิดจะบังคับกุ้งให้มารักพี่เลย แต่พี่อยากให้น้องกุ้งคิดถึงอนาคตของประวัติการทำงานของน้องกุ้งมากๆ รัก พี่ธวัชชัย ผมอ่านจบเงยหน้าขึ้นมองหน้ากุ้ง ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนในการกระทำของพี่ธวัชชัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อความใจจดหมายที่เต็มไปด้วยคำหวาน แต่แฝงเร้นไปด้วยคำขู่ในเชิงรุกรานทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง ต้อนให้ผู้หญิงคนหนึ่งแทบจะไม่มีทางเลือกจนมุม เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แล้วเค้าก็ส่งเมล์มาให้กุ้งมาทำงานเสาร์อาทิตย์เพื่อเป็นการให้ความร่วมมือบริษัท โดยแจ้งให้ประธานบริษัทรับรู้ กุ้งพูดพร้อมกับหน้าเคร่งเครียด ที่มือขวาของกุ้งคีบบุหรี่อยู่ แต่ยังไม่ทันจุด ผมรีบเปิดดูแผ่นที่ 3 เป็นอีเมล์ภาษาอังกฤษส่งหากุ้ง พร้อมซีซีให้ประธานบริษัทรับรู้ ( ซีซี หรือ cc หมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ) ว่าสั่งให้ นางสาวกุ้งมาทำงานล่วงเวลาเสาร์อาทิตย์ เพื่อดูแลการผลิตให้เป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นการฝึกงานตามสถานการณ์จริง ( training on the job ) เป็นการเตรียมพร้อมให้เกิดความเคยชินหากเกิดภาวการณ์เร่งผลผลิต จะทำให้นางสาวกุ้งรู้ว่าการทำงานล่วงเวลาเสาร์อาทิตย์นั้นเป็นการเพิ่มทักษะและเสริมให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เสาร์อาทิตย์เค้าก็มาที่บริษัท เป็นข้องอ้างว่ามาสอนงานกุ้ง มาถึงก็โทรศัพท์ให้กุ้งไปหาที่ทำงานสองต่อสองบ้าง พยายามพูดจาให้หยิบเอกสารให้บ้าง แล้วก็ถือโอกาสแตะเนื้อต้องตัวกุ้งบ้าง กุ้งแทบไม่ไหว ต้องหาทางเอาตัวรอดออกมาทำงานในที่ลูกน้องกุ้งเยอะๆ กุ้งไม่กล้าเข้าไปพบเค้าสองต่อสองในห้องทำงานอีกเลย เอาเด็กเอกสารเข้าไปด้วยตลอด พี่พลคิดดูสิถ้ากุ้งไม่มาทำงาน ประธานบริษัทก็จะรับรู้ว่าไม่มารู้ว่าไม่ให้ความร่วมมือ และถ้ากุ้งขัดใจไม่ทำตามที่เค้าต้องการ ก็จะยิ่งง่ายต่อการทำให้กุ้งไม่ผ่านงาน กุ้งขำในลำคออีกครั้ง แต่การขำครั้งนี้ เหมือนเยาะเย้ยกับโชคชะตาตัวเองที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ กุ้งก็เตรียมใจนะว่า โลกในชีวิตจริงหลังชีวิตในมหาวิทยาลัยมันโหดร้าย แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะโหดร้ายขนาดนี้ กุ้งยังสงสัยไม่หาย ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดกับกุ้ง พี่รู้มั้ย? ทุกวันที่ตื่นลืมตาขึ้นกุ้งจะรู้สึกไม่อยากมาทำงานเลย เพราะกุ้งรู้สึกขยะแขยงเค้า ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากมองหน้า กุ้งไม่ชอบผู้ชายอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอแบบนี้กุ้งยิ่งเสื่อมศรัทธาในตัวผู้ชาย เสียงกุ้งสั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เคียดแค้น ในขณะที่เริ่มมีน้ำตาออกจาตาทั้งสองข้างไม่มีเสียงสะอื้นเลยแม้แต่นิดเดียวเลย เหมือนกับว่ากุ้งไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น กุ้งห้ามอาการทุกอย่างได้ แต่ห้ามไม่ให้มีน้ำตาไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะต้องรีบหยิบทิชชูให้กุ้งซับน้ำตาถึงสองครั้งในวันเดียวกัน ขอพี่มวนสิ น้องกุ้งหยิบบุหรี่ให้ผม แล้วจุดให้ สูบพร้อมกันสองคน ตั้งแต่ได้งานในบริษัทนี้ 1 ปีกว่า ผมไม่เคยแตะบุหรี่อีกเลย แต่วันนี้ ผมคงจะต้องสูบเพราะจะเป็นทำให้กุ้งรู้สึกว่ามีคนสูบเป็นเพื่อน จะได้ไม่ต้องเกรงใจว่ามาทำให้ห้องผมมีกลิ่นบุหรี่ และอีกอย่าง เรื่องของน้องกุ้งมันทำให้ผมอยากสูบบุหรี่พร้อมๆกับถอนหายใจเอาควันออกมาจากปอดเป็นการระบายความรู้สึกต่อปัญหาที่รับรู้อยู่ตอนนี้ นอกจากพี่แล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกไหม ผมถาม มี กุ้งเปิดอีเมล์ให้พี่แอ๋วอ่าน เพราะกุ้งไม่รู้จะปรึกษาใคร กุ้งคิดว่าพี่แอ๋วเป็นหัวหน้าของสายการผลิตทั้งหมด เป็นรองแต่พี่ธวัชชัย... แล้วพี่แอ๋วว่ายังไงกับเรื่องนี้ พี่แอ๋วบอกว่า พูดยากเรื่องแบบนี้ แล้วบอกกับกุ้งว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว ปัญหาส่วนตัวแบบนี้ ต้องแก้เอาเอง ผมไม่แปลกใจกับคำตอบของพี่แอ๋วที่กุ้งบอกผม เพราะหนึ่งปีที่ทำงานในบริษัท ก็พอจะรู้ว่าพี่แอ๋วเก่งนักในเรื่องของการเอาตัวรอดทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน โดยไม่สนใจว่าใครจะโดนเหยียบหรือเกิดปัญหา หรือแม้กระทั้งความตระหนี่และเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ พร้อมกับนินทาว่าร้ายเรื่องคนอื่นอยู่เป็นนิจ กุ้งพึ่งเข้างานใหม่เลยยังไม่รู้พิษสงของพี่แอ๋วดี ขนาดพี่แอ๋วเป็นผู้หญิงมีสามี มีลูกแล้ว แต่กลับไม่มีความเมตตาที่จะปกป้องผู้หญิงอีกคนที่เป็นลูกน้องตัวเองจากผู้จัดการหัวงู ถึงแม้ว่ากุ้งจะเป็นเลสเบี้ยนแบบทอมบอยก็เถอะ แต่รูปลักษณ์ภายนอก กุ้งก็คือผู้หญิงที่ผมยาวหน้าตาดีดูอ่อนหวานสมกับเป็นหญิงชาวเหนือ ทำไมกุ้งไม่บอกความจริงว่ากุ้งไม่ชอบผู้ชาย ผมถามอีก กุ้งยังไม่พร้อมพี่พล วันที่กุ้งจะตัดผมซอยผมสั้นคือวันที่กุ้งมีอิสระ และมีงานทำถาวร กุ้งผ่านโปรเมื่อไหร่ กุ้งจะทุกอย่างๆที่กุ้งอยากทำ ที่กุ้งทนอยู่ตอนนี้ คือ พ่อกับแม่ที่บ้านยังเป็นห่วงกุ้งอยู่ ตอนปีหนึ่งเข้ามหาลัยใหม่ๆกุ้งตัดผมรองทรงสูง กลับบ้านที่เชียงรายบ้านแทบแตก ทำให้กุ้งเรียนรู้ว่า เราต้องรอให้ปีกกล้าขาแข็งก่อนค่อยทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ ตอนนี้ กุ้งก็เริ่มร่อนใบสมัครงานที่อื่นแล้ว เพราะกุ้งไม่รู้ว่า กุ้งจะผ่านงานที่บริษัทนี้หรือเปล่า... มันต้องมีทางออกสิกุ้ง และกุ้งไม่ใช่คนผิดสักหน่อยทำไมกุ้งคิดว่ากุ้งจะไม่ผ่านล่ะ เค้าไปถึงบ้านกุ้งที่เชียงรายเลยนะพี่พล อาทิตย์ก่อนกุ้งกลับเชียงราย ตอนเที่ยงจู่ๆเค้าก็ขับรถมาที่บ้าน กุ้งงงไปหมด มาสวัสดีพ่อแม่ กุ้งก็แนะนำกับพ่อแม่ว่าเป็นผู้จัดการ แล้วเค้าก็คุยกับพ่อแม่ บอกว่ากุ้งดื้อ ยังเป็นเด็กอยู่ยังไม่ค่อยอดทนในการทำงาน เค้ามาถึงที่เชียงราย เพราะอยากให้พ่อแม่ช่วยตักเตือนกุ้ง บอกว่างานสมัยนี้หายาก ถ้ากุ้งทำตัวไม่ดีกุ้งจะไม่ผ่านงาน แต่เค้าจะช่วยกุ้งเต็มที่ อยากให้พ่อกับแม่ดูแลบอกกุ้งให้ความร่วมมือกับเค้าหน่อย อยากให้กุ้งเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ ผมยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียนการกระทำของผู้ชายคนนี้มากขึ้น ทั้งๆ ที่อายุของเค้าก็ประมาณเกือบ 40 ต่อหน้าคนอื่นนายธวัชชัยคนนี้ จะทำเป็นผู้จัดการที่ดี เอาใจใส่ต่อลูกน้องแต่เบื้องหลังของเค้าในวันนี้จากหลักฐานและคำพูดของกุ้งทำให้ผมเชื่อว่าทั้งหมดมันคือความจริง ทำไมกุ้งไม่บอกความจริงกับพ่อแม่ ว่าเค้าคิดไม่ซื่อกับกุ้ง พ่อกับแม่กุ้งเป็นชาวบ้านค้าขายเล็กๆน้อยๆพี่...เค้าเชื่อผู้จัดการมากกว่ากุ้งอยู่แล้ว เพราะกุ้งเป็นคนแข็งมาแต่ไหนแต่ไร อีกอย่างกุ้งไม่กล้าบอกกลัวเรื่องมันจะอื้อฉาว เค้าเตรียมการทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะกุ้งให้ได้ กุ้งต้องเจอแบบนี้ทุกวันเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว และไม่รู้ว่ากุ้งจะทนได้อีกสักเท่าไหร่ ไม่มีใครช่วยกุ้งได้หรอกเพราะไม่มีใครอยากมีปัญหาโดยไม่จำเป็น !!! กุ้งว่ากุ้งต้องเอาตัวเข้าแลกมั้ง ถึงจะผ่านงาน แต่กุ้งคงไม่ทำเด็ดขาด ออกก็ออก ไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน อ้อ !... ก่อนกลับเค้าให้จดหมายไว้ด้วยนะนี่ มีอีกฉบับ กุ้งค้นในเป้อีกครั้ง คราวนี้ ไม่ใช่กระดาษเอ 4 ที่ปริ้นออกมา แต่เป็นกระดาษเขียนจดหมายสีชมพูมีลายมือที่ผมคุ้นเคย มันคือลายมือของพี่ธวัชชัยจริงๆ ผมเอาจดหมายนั้นมาอ่าน เมื่ออ่านจบ ผมยิ้มให้กุ้งเพราะผมนึกแผนการบางอย่างออก พี่จะช่วยกุ้งเอง ผมตัดสินใจที่จะช่วยน้องกุ้งสาวเลสเบี้ยนคนนี้ เพราะผมเห็นแล้วว่าการกระทำของพี่ธวัชชัยไม่ต่างกับการข่มขืนผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย มันไม่ต่างอะไรกับกรณีที่ศิริรัตน์เจอในคืนที่ผมและเพื่อนไปในซอยวัดอุโมงค์ รายนั้นผู้ชายใช้กำลังพยายามข่มขืนผู้หญิงเพื่อจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่รายพี่ธวัชชัยใช้อำนาจหน้าที่การงานข่มขู่ เพื่อผลประโยชน์ในการรุกรานทางเพศ ผลลัพธ์เหมือนกันแต่ใช้คนละวิธี ยากพี่ พี่พลช่วยกุ้งแทบจะไม่ได้เลย ผมยิ้มที่มุมปาก เกลือมันต้องจิ้มเกลือกุ้ง แต่ว่าพี่ทำคนเดียวไม่ได้นะ กุ้งต้องให้ความร่วมมือกับพี่ด้วย ผมเห็นวิธีการที่จะช่วยกุ้งได้ เพราะเนื้อความในจดหมายที่เขียนโดยลายมือของพี่ธวัชชัยมีดังนี้ 18 กันยายน 2543 กุ้งที่รักของพี่ เมื่อไหร่กุ้งถึงจะยอมรับว่าพี่จริงใจกับกุ้งขนาดไหน รู้ไหมที่พี่ทำทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ก็เพราะกุ้งคนเดียว พี่ดั้นค้นไปพบพ่อกับแม่ของกุ้งถึงเชียงรายในเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อแสดงความจริงใจว่าพี่จริงใจกับกุ้งแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้กุ้งใจอ่อนได้เลยเหรอ ทำไมกุ้งถึงทำเฉยเมยต่อพี่ได้เพียงนี้ จะให้พี่ทำอย่างไรเพื่อจะพิสูจน์รักแท้นี้ให้กุ้งเห็น หากกุ้งเย็นชาต่อพี่ที่พี่ไม่ใช่คนตัวเปล่า ขอให้กุ้งรับรู้ไว้ตรงนี้เลย ว่าทุกวันนี้พี่มีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะกุ้งคนเดียวเท่านั้น พี่ไม่มีความสุขกับชีวิตการแต่งงานเลย พี่ไม่เคยรักภรรยาพี่เลยแม้แต่นิดเดียว ที่พี่อยู่กับครอบครัวทุกวันนี้อยู่เพียงแต่ร่างกาย ส่วนวิญญาณและหัวใจของพี่นั้นมอบให้กุ้งเพียงคนเดียว ทุกวันอยู่ที่บ้านพี่โหยหาแต่อ้อมกอดของกุ้ง รอวันที่กุ้งจะตอบรับรักพี่ เราสองคนจะได้ลงเอยกันเพราะกุ้งคือรักแท้ของพี่ และพี่มั่นใจว่ามันจะเป็นรักที่มั่นคง พี่รอวันที่จะสมหวัง เราสองคนจะได้ไปสร้างอนาคตด้วยกัน อย่างมีความสุข เป็นครอบครัวเล็กๆแต่สมบูรณ์ พี่อยากให้กุ้งรู้ว่าพี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เรามาอยู่ด้วยกัน ขอให้กุ้งเชื่อใจพี่ว่าพี่สามารถทำให้กุ้งมีความสุขแน่นอน 2 เดือนแล้ว ที่ความรักในใจพี่ทรมานพี่เพราะกุ้งเย็นชาต่อกัน อีกเดือนเดียวเท่านั้นที่จะมีการพิจารณาว่ากุ้งจะเหมาะสมกับตำแหน่งในบริษัทนี้หรือไม่ พี่ไม่อยากให้กุ้งต้องเสียใจ และเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์จากการทำงานอย่างทุ่มเท เต็มสามเดือนแต่ไม่ผ่านทดลองงาน พี่อยากให้กุ้งรับรู้ว่าอย่าทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยุ่งยากในชีวิตเลย เพียงแต่กุ้งบอกรักพี่สักนิดเรื่องในชีวิตของกุ้งจะเป็นเรื่องง่ายทุกอย่างเพราะพี่จะทำตามความต้องการของกุ้งทุกประการ และหวังว่าเมื่อกุ้งอ่านจดหมายนี้แล้วกุ้งจะให้ความร่วมมือกับพี่เพื่อเห็นแก่ความรักของเราทั้งสอง รักเธอคนเดียวที่สุดในโลก พี่ธวัชชัย กุ้งเชื่อว่าพี่ธวัชชัยตามที่เขียนในจดหมายนี่ไหม โอ้ยพี่!!! ถ้ากุ้งเชื่อนะ กุ้งจะลำบากงกๆมาทำงานเสาร์อาทิตย์ทำไม ถ้ากุ้งยอมเค้า ป่านนี้กุ้งคงสบายไปตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าพี่ธวัชชัยเป็นผู้หญิงละก็ไม่แน่กุ้งอาจจะตกลงปีนต้นงิ้วไปนานแล้ว กุ้งบอกเหตุผล พี่เคยเห็นอยู่ครั้งหนึ่ง พี่ธวัชชัยมีลูกชายอายุประมาณ 10 ขวบแล้วนะ เค้าพาลูกมาที่ออฟฟิตแล้วพี่เคยถามลูกเค้าว่าเรียนชั้นไหน เห็นบอกว่าอยู่ป.4 พี่กำลังคิดว่า ลูกประมาณ 10 ขวบ แสดงว่าต้องแต่งงานมาแล้วอย่างน้อย 11 ปีแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมียเค้ารู้ว่าผัวที่อยู่ด้วยกัน 10 กว่าปี ได้เห็นข้อความที่บอกว่า ผัวไม่เคยรักเมียเลยแม้แต่นิดเดียว อยู่แต่ร่างกายแต่หัวใจไม่เคยอยู่... ผมทำตาโตลุกวาวบอกนัยๆให้กุ้งรู้ถึงสิ่งที่ผมอยากจะทำ พี่จะบอกเรื่องทั้งหมดให้ลูกเมียเค้ารู้งั้นเหรอ! กุ้งมีท่าทีที่ตกใจ ผมยิ้มและพนักหน้าก่อนที่จะบอกว่า นั้นจะเป็นวิธีสุดท้าย เป็นไม้ตายที่เราจะทำกันกว่าจะถึงขั้นนั้นพี่คิดว่าเราต้องสู้แบบซึ่งๆหน้าก่อน พูดเสร็จผมก็อธิบายถึงแผนการที่ผมพึ่งคิดได้ตรงนั้นให้กุ้งฟัง กุ้งตกลงว่าจะทำตามแผนของผม อาจจะไม่แยบยลนักแต่ก็คงดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย...หนึ่งเดือนที่เหลือจะเป็นหนึ่งเดือนที่จะชี้ชะตาของกุ้ง และบางทีอาจจะชี้ชะตาของผมด้วยที่เข้าไปยุ่งเรื่องของพี่ธวัชชัย กุ้งพึ่งเข้างานยังไม่ผ่านโปร ผมเข้างานหนึ่งปี ความเลือดร้อนตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่มีอะไรจะเสียดังนั้นเราสองคนตัดสินใจที่จะ...สู้! รุ่งเช้าของวันใหม่ 11.00 น.หลังจากที่เคลียร์งานในขบวนการผลิตเสร็จ โทรศัพท์โต๊ะทำงานของผมก็ดังขึ้น เมื่อผมรับสาย ก็เป็นไปตามที่ผมคาดเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงของพี่ธวัชชัยนั่นเอง พล นี่พี่ธวัชชัยเองนะ ครับพี่ มีเรื่องอะไรเหรอให้ผมช่วยครับ น้ำเสียงของผมใสซื่อบริสุทธ์เหมือนกำลังยื่นแก้วน้าให้ผู้กระหายดื่ม เพียงแต่น้ำในแก้วนั้นไม่เป็นน้ำเปล่า แต่น้ำนั้นเต็มไปด้วยยาพิษ พี่ได้ข่าวว่า พลจะสอนงานให้กุ้งเย็นนี้เหรอ ได้ผล กุ้งทำตามอย่างที่ผมบอก ถ้าพี่ธวัชชัยให้กุ้งอยู่ทำโอทีเพื่อจะหาโอกาสที่จะได้คุยกันสองต่อสอง ผมให้กุ้งอ้างว่าผมนัดกุ้งก่อนที่พี่ธวัชชัยจะนัด แผนขั้นแรกกำลังดำเนินไป ใช่ครับพี่ ผมตอบสายไป จะสอนเรื่องอะไรเหรอ พี่อยากรู้ พี่ธวัชชัยคงจะสงสัยเหมือนกันเพราะตั้งแต่กุ้งมาทำงาน ยังไม่เคยเห็นผมและกุ้งทำงานแบบนัดกันทำโอทีมาก่อน สอนเรื่องการดูของดักของเสีย ดูของเสียเพื่อคัดออกนะครับ จะได้ไม่เสียเวลาส่งไปกระบวนการต่อไป ถ้าคัดออกจากกระบวนการผลิตของกุ้งได้จะทำให้เราได้แต่ของดีๆออกจากขบวนการผลิต ผมพยายามพูดน้อยที่สุดเพื่อจะให้ดูว่าการทำงานโอทีวันนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธ์ใจ เหรอ แล้วทำไมต้องเป็นตอนโอทีล่ะ พี่ธวัชชัยยังขอข้อมูลต่อ เวลาทำงานปกติ มันหาเวลาต่อเนื่องลำบากน่ะครับ เพราะมันต้องตามงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมเลยหาเวลาที่สะดวกทั้งผมและน้องกุ้ง ก็เลยต้องใช้โอที นี่พอดีเลยผมกำลังทำตารางการสอนงานเพื่อจะให้หัวหน้าผมและพี่ธวัชชัยพิจารณาผู้จัดการผมอนุมัติให้ผ่านแล้วนะครับ ผู้จัดการคิวซีก็ให้ผ่านแล้ว เดี๋ยวผมจะส่งไปทางอีเมล์ให้พี่ได้อ่านนะครับ จะส่งเดี๋ยวนี้เลยแล้วพี่ธวัชชัยเปิดอ่านแล้วอนุมัติโดยนะครับ จากนั้นผมวางสายพร้อมกับส่งอีเมล์ที่ผมเตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า ผมอยู่แผนกพัฒนาโปรดักชั่น งานของผมคือทำทุกวิถีทางที่จะทำให้กระบวนการผลิตเกิดของเสียน้อยที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนากระบวนการผลิตให้ผลิตชิ้นงานหรือผลผลิตให้ได้มากและใช้เวลาน้อยที่สุดเช่นกัน โดยแผนกผมสามารถก้าวก่ายงานของทุกแผนกได้เต็มที่หากงานนั้นจะทำให้เกิดผลเสียต่อการผลิตชิ้นงานของบริษัท หน้าที่ของผมคือป้องกันและกำจัดของเสีย และวันนี้แผนแรกที่ผมจะกำจัดของเสียคือ กำจัดของเสียอย่างพี่ธวัชชัย สักอึดใจเดียวเท่านั้น โทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานผมก็ดังอีกครั้ง ผมยิ้มที่มุมปาก เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ พี่อยากจะถามว่าทำไมต้องสอนงานกันเป็นเวลาตั้งสองอาทิตย์กว่าทั้งหมด ตั้ง 12 วันเชียวนะ เสียงพี่ธวัชชัยเข้มขึ้น เพราะ 12 วันนี้ ไม่นับรวม วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผมแกล้งไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับพูดดักคอไปด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น รักษาผลประโยชน์ให้บริษัท ผมรู้ครับ ผมพยายามรวบรัดตัดตอนแล้วนะครับ ถ้าสอนแบบเอื่อยเฉื่อยผมคิดว่าจะใช้เวลาประมาณไม่ต่ำกว่า 15 วัน ซึ่งประมาณ 3 อาทิตย์ นี่ผมช่วยไม่ให้ใครต้องเสียเวลามากมายนะครับ จะรีบทำให้เร็วที่สุด เลยอัดความรู้แน่นเลย พี่ธวัชชัยอ่านรายละเอียดข้างล่างตารางงานในอีเมล์หรือยังครับ ว่าแต่ละวันผมจะสอนกุ้งเรื่องอะไรบ้าง...อ้อ ผมมีหมายเหตุด้วยนะครับ คือ ตารางอาจยืดหยุ่นขยายไปตามความเหมาะสมหรือประสิทธิภาพของทักษะของกุ้งอีกทีซึ่ง 12 วันนี้เป็นอย่างน้อยนะครับ ผมต้องรบกวนให้พี่บอกน้องกุ้งลูกน้องพี่ด้วยนะครับ ว่าให้ตั้งใจหน่อย จะได้ใช้เวลาตามตารางงาน เพราะถ้ามากกว่านี้ ผมก็เหนื่อย คงแย่ไปเหมือนกัน ผมหยดคำขอร้องให้พี่ธวัชชัยช่วยพูดกับกุ้งให้ตั้งใจในการสอนงานตามตาราง เพื่อจะได้ใช้เวลาให้น้อยที่สุด พี่ไม่ขัดข้องหรอก แต่พี่อยากติงว่า ต่อไปจะใช้งานหรือสอนงานลูกน้องพี่ ควรแจ้งให้พี่ทราบก่อนคนแรกไม่ใช่ให้พี่รู้เป็นคนสุดท้ายแบบนี้ นั้นไง ! เห็นไหม ? วิสัยของคนพาลจริงๆอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด เรื่องเหตุผลสู้ไม่ได้ก็พาลไปถึงเรื่องตำแหน่ง และการข้ามหน้าข้ามตา ผมเซ็งในอารมณ์ในวินาทีนั้น แต่ก็ฝืนพูดหวานอ่อนน้อมถ่อมตนไป ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ที่ไม่ได้แจ้งให้พี่ทราบก่อน คือ ปัญหาเรื่องการคัดของเสียนี่มีปัญหามานาน ผมก็หวังดีอยากให้บริษัทได้คนที่มีฝีมือสามารถป้องกันจะได้ไมเกิดของเสียในกระบวนการผลิตนะครับ เลยลืมไปว่าต้องรายงานขออนุญาต พี่ธวัชชัยก่อน ผมตอแหลไปอย่างนั้นแหละครับ เพราะตามความจริงผมไม่จำเป็นต้องแจ้งเขาก่อนอย่างที่เขาบอกบอก สิ่งที่ผมทำไปในวันนี้มันถูกต้องทุกกระบวนการอยู่แล้ว นั้นคือ ถ้าผมมีแผนงานอะไร ผมจะต้องเสนอแผนงานกับผู้จัดการแผนกของผมที่เป็นคนต่างชาติอนุมัติ หากผ่านก็คือส่งไปให้ผู้จัดการในฝ่ายที่เกี่ยวข้องอนุมัติเป็นลำดับ ในที่นี้ ฝ่ายคิวซี คือฝ่ายที่ผมจะต้องรวบรวมสเป็คของเสีย จึงขออนุมัติเป็นลำดับต่อมา และ สุดท้าย เป็นฝ่ายการผลิตคือฝ่ายพี่ธวัชชัยที่จะต้องใช้เพิ่มทักษะของคนในแผนกของเค้าพิจารณา แต่ผมก็ต้องแกล้งนอบน้อมเพื่อแผนการขั้นต่อไปจะสัมฤทธิ์ผล จริงๆแล้วแผนกของผมจำนวนคนน้อยก็จริงแต่ก็เต็มไปด้วยพาวเวอร์ แผนกเราเป็นแผนกพิเศษจะเอาเฉพาะคนที่ไม่เหมือนใครมาทำงานในแผนกนี้เท่านั้น ผมเคยถามผู้จัดการแผนกผมว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่แผนกนี้ ทั้งๆที่ตอนเข้างานใหม่ๆ ผมถูกทดลองงานในแผนกเครื่องจักรเหมือนกับวิศวกรเครื่องกลที่รับมาพร้อมกัน แต่ผมถูกย้ายมามาฝึกงานแผนกนี้ ภายหลังจากที่ผมอยู่ในช่วงทดลองงานเพียงหนึ่งเดือน ผู้จัดการให้เหตุผลว่าผมเป็นคนที่วางแผนล่วงหน้าในการทำงานและสามารถป้องกันงานเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงย้ายผมมาอยู่ในแผนกพัฒนากระบวนการผลิต ผมเป็นคนไทยหนึ่งในสองของแผนกนี้ที่ต้องร่วมงานพนักงานจากแดนปลาดิบ หากแผนกของผมเล็งเห็นปัญหาและต้องการพัฒนาแล้ว แผนกไหนไม่ให้ความร่วมมือ แล้วปล่อยให้เกิดปัญหาอย่างที่แผนกผมคาดการล่วงหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นแผนกนั้นจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งการคาดคะเนของแผนกผมไม่ได้มาจากการเดาอย่างไม่มีเหตุผล แต่ใช้วิธีสืบเสาะ สังเกตจากทักษะการทำงาน เพราะ แผนกผมทำงานเหมือนหมอดู หากป้องกันงานเสียได้ก็จะเสมอตัว หากงานไม่เป็นอย่างที่คาดก็อาจโดนปรามาสให้เสียหน้าได้เช่นกัน แผนแรกคือ พยายามยื้อไม่ให้พี่ธวัชชัยรุกรานกุ้งในเวลาโอที ของแต่ละวัน แน่นอนถึงแม้พี่ธวัชชัยจะมีอีเมล์ที่มีหัวข้อว่า ด่วน อยู่เป็นประจำทำให้กุ้งต้องขยะแขยง แต่นั้นก็เข้าทางของเราสองคน ผมแนะให้กุ้งปริ้นเอาท์อีเมล์ทุกฉบับที่พี่ธวัชชัยส่งมาเก็บไว้ที่บ้านทุกฉบับ โดยให้ปริ้นสองชุด คือ เก็บไว้กับกุ้งเอง 1 ชุด และผมเก็บไว้อีก 1 ชุด อาทิตย์แรกของการสอนงานให้กุ้ง ผมสอนงานอย่างจริงจังตามแผน กุ้งจะต้องเพิ่มทักษะในการดูของเสียให้ได้ว่าของเสียนั้นเกิดจากการผลิตที่กระบวนการไหน จริงอยู่เรามีแผนที่จะล้มล้างพี่ธวัชชัย แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องเคารพในเวลาที่เราเอามาจากบริษัทด้วย เราจริงจังในชั่วโมงล่วงเวลา แต่เราจะแกล้งทำเป็นเหมือนว่า ผมและกุ้งมีใจให้กันและกันทีละนิดๆ โดย สามวันแรกอาจไม่มีอะไร แต่วันที่สี่ในตอนเที่ยง ผมและกุ้งเดินไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน พยายามคุยกระหนุงกระหนิงกันให้เหมือนวันว่าเรากับรักต้องใจกันและกัน บางครั้งก็จับมือถือแขนสัปดาห์ต่อมา เราสองคนเล่นหัวกันมากขึ้นความสนิทมีขึ้นอย่างรวดเร็ว กุ้งกล้าที่จับมือผมเดินไปกินข้าว ถึงเนื้อถึงตัว ผมเคยถามขณะที่กุ้งจูงมือผมไปโรงอาหารว่า อึดอัดไหมที่ต้องแกล้งมาทำตัวเป็นผู้หญิงหวานแหวว มาจูงมือผู้ชายแบบนี้ ไม่พี่ กุ้งตอบไม่ลังเล ไม่เลยเหรอ ผมประหลาดใจที่กุ้งตอบแบบไม่คิดเลย กุ้งก็คิดว่าจูงมือกับ เข็ม รุจิรา ช่วยเกื้อ ผู้หญิงในฝันของกุ้ง เลยไม่รู้สึกอะไร พี่พลล่ะอึดอัดไหมที่ต้องมาจูงมือกุ้ง ช่วงนั้น คุณเข็ม รุจิรา ช่วยเกื้อโด่งดังมากจากละครเรื่อง สามหนุ่มเนื้อทอง ผมกลัวน้อยหน้าเลยบอกกุ้งไปว่า เหมือนพี่เลย พี่ก็นึกว่าจูงมือกับพี่ ปี๊บ ระวิทย์ เทิดวงศ์ ผมอ้างชื่อพี่ปี๊บ พระเอกของเรื่องเช่นกัน เหตุการณ์ดำเนินไปได้เกือบสิบวัน เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ ข่าวในโรงงานเป็นข่าวที่อะเมสซิ่ง มหัศจรรย์สำหรับผมเสมอมา ภายหลังผมรู้มาจากเพื่อนฝูงที่จบวิศวะ แล้วทำงานในโรงงานต่างก็เป็นเหมือนกันทุกโรงงานคือ ข่าวลือแพร่กระจายได้รวดเร็วและเกินความเป็นจริงเสมอ ยกตัวอย่างหากคุณแค่ขาแพลง วันต่อมาจะมีคนมาทักคุณว่า ได้ข่าวว่าขาหักเหรอ เป็นต้น มีผู้หวังดีผู้หญิงคนหนึ่งจากแผนกอื่นโทรมาถามข่าวถึงที่ของผมว่า ได้ข่าวว่าน้องพล เป็นแฟนกับน้องกุ้งถึงขนาดย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว ข่าวขนาดนั้นเชียวเหรอครับ ผมแกล้งทำเสียงตกใจ ภายในใจนั้นพอใจอย่างยิ่งที่คนคาบข่าวยังมีประสิทธิภาพในการทำงาน แหมขนาดข่าวพี่ธวัชชัยกับน้องกุ้ง พี่แอ๋วก็ทำหน้าที่มาเล่าให้ผมฟังถึงห้องทำงาน แล้วทำไมข่าวของผม พี่แอ๋วจะไม่ให้ความสนใจนำไปโพนทะนาบ้าง แล้วมันจริงไหมจ้ะ ฝ่ายโน้นกรอกเสียงมาทางหูโทรศัพท์เพื่อต้องการคำยืนนัน แหม...พี่ก็...เออ พอดีมีงานด่วนนะครับ ผมต้องวางสายก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลังนะครับ แล้วผมก็รีบวางหูโทรศัพท์ทันที นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ผมบอกกุ้งแล้วว่า อาจจะต้องเปลืองตัวหน่อยเพราะผมคาดอยู่แล้วว่าจะเกิดกระแสข่าวลือ หากใครมาถามเรื่องของเรา จะไม่มีการยอมรับ หรือปฏิเสธ ให้เฉไฉไปเรื่องอื่นปล่อยให้ชาวบ้านตีความกันไปเอง ผมแน่ใจว่าพี่แอ๋วผู้หวังดี จะคาบข่าวนี้ไปถึงหูของพี่ธวัชชัยเช่นกัน เพราะเช้าวันที่ 11 ยังไม่ครบ 12 วันเต็มของการสอนงานตามตารางที่ผมจัดขึ้นมาด้วยซ้ำ ภายหลังจากการประชุมตอนเช้าพี่ธวัชชัยขอคุยกับผมสองคนต่อในห้องประชุม โดยพี่ธวัชชัย พูดกับผมภายหลังที่ทุกคนออกไปจากห้องประชุมหมดแล้วเหลือแต่ผมคนเดียวว่า พล พี่ได้ข่าวไม่ค่อยจะสู้ดี เรื่องพลกับลูกน้องพี่ ข่าวอะไรเหรอครับ ผมแกล้งตีหน้าเซ่อ ก็ข่าวที่พลกับกุ้ง มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงานนะสิ รู้มั้ยตอนนี้ทั้งบริษัทเราเขาเอาพลไปนินทากันใหญ่แล้ว พี่ธวัชชัยพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเป็นห่วงภาพพจน์ของผมแทน พี่ไม่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อคนอื่นๆ น้ำเสียงพี่ธวัชชัยพูดกับผมเหมือนตัวเค้าพยายามทำตัวเป็นผู้ปกครองผมอย่างนั้นแหละ แต่ความหวังดีหรือข้อแก้ต่างที่เค้ายกมาข้างตนผมรู้อยู่แก่ใจว่า เค้าทำไปเพื่อแย่งชิงเวลาที่เค้าจะมีโอกาสรุกรานทางเพศกุ้งต่างหาก มาถึงตรงนี้หากใครว่า ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายแท้อิจฉาไม่เป็นละก็ ผมขอเถียง เพราะผมกำลังอยู่ในวิกฤตความขี้อิจฉาของชายวัยเกือบสี่สิบ ผมพยายามคุมอารมณ์ในโทนเสียงแสดงถึงความบริสุทธ์ใจที่ผมคบกับกุ้งด้วยเหตุผลว่า ผมไม่สนใจว่าใครจะนินทาเรื่องของเราครับ เพราะว่าผมไม่ได้หลบๆซ่อนๆในพฤติกรรมของความรักของเรา อีกอย่าง การมีอะไรเกินกว่าเพื่อนร่วมงานผมคิดว่าผมมืออาชีพพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งในเวลางาน เวลางานปกติ ผมกับกุ้งก็จะตั้งใจทำงาน เวลาที่เราอยู่ด้วยที่จะมีโอกาสใกล้ชิดก็ใช้นอกเวลางานทั้งนั้น ผมขอรับรองด้วยเกียรติขอลูกผู้ชาย ผมรู้ครับ...ว่าผมเป็นเกย์ ก็เพราะว่าผมเป็นเกย์นี่แหละ ผมถึงรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย พี่ธวัชชัยโกหกไม่ได้พูดด้วยน้ำใสใจจริง ทำไมผมจะแหกตาคนที่เล่นไม่ซื่อกับผม ด้วยการที่ตลบตะแลงเล่นลิ้นบ้างไม่ได้ครับ พลเป็นฝ่ายชายไม่เสียหายหรอกแต่ฝ่ายหญิงเค้านั้นแหละจะเสียหาย พี่ธวัชชัยเริ่มโทนเสียงที่ดังขั้นกว่าเก่าเหมือนกับว่า กำลังพยายามมามีอำนาจเหนือผม ผมล่ะเบื่อนักพวกที่พูดด้วยเหตุผลไม่ได้แล้วเอาเสียงดังเข้าข่ม ผมนิ่งเหมือนกับตกใจต่อเสียของเค้า แต่ไม่วายที่จะยิ้มกับพี่ธวัชชัยแล้วตอบกลับ พี่ธวัชชัยเชื่อข่าวลือขนาดไหนครับนี่ เอ...ผมชักอยากรู้แล้วสิ ว่าข่าวลือมันเป็นแบบไหน พูดไปพร้อมกับหัวเราะในลำคอเพื่อสร้างบรรยากาศให้ตลกว่าพี่ธวัชชัยไม่น่าเชื่อข่าวลือให้มาก แล้วเรื่องจริงมันแค่ไหนแล้วล่ะ? พี่ธวัชชัยถามผมแต่ไม่สบตาแสร้งทำเป็นเปิดสมุดบันทึกจดงานของตัวเอง เหมือนไม่จะสนใจว่าจะได้คำตอบหรือเปล่า นี่คงเป็นฟอร์มหมาแก่อีกฉากหนึ่ง ผมจึงย้อนศรถามกลับว่า แล้วข่าวลือที่พี่ธวัชชัยได้ยินมาขนาดไหนละครับ บอกผมที ได้ผล ...พี่ธวัชชัยเงยหน้ามาสบตาผมแล้วก็เอ่ยปาก เค้าลือกันขนาดที่ว่า พลกับกุ้งมีอะไรๆกันแล้ว...แต่พี่ยังไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ คำว่าไม่อยากจะเชื่อของเขา ก็คือเชื่อนั้นแหละ ไม่งั้นไม่มาถามผมตอนนี้ให้เสียเวลาการทำงานหรอก โรงงานที่ผมทำอยู่มีพนักงานทั้งหมดรวมก็ประมาณ สามพันกว่าคนและส่วนใหญ่พนักงานรายวันจะเป็นเพศหญิงดังนั้นการนินทาเรื่องต่างๆเป็นเรื่องปกติสุขและเหมือนที่ผมบอกข้างต้น ข่าวลือ มักจะเกินกว่าเหตุเสมอ ผมนึกสนุกเลยแกล้งยั่วพี่ธวัชชัยต่อโดยแกล้งประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวเราะพร้อมส่ายหน้าอย่างระอา โห...ลือกันขนาดนั้นเชียวเหรอครับ แต่ก็ว่าไม่ได้นะครับยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เวลาคบกันน่ะ ช่วงแรกมันก็ต้องมีการดูนิสัยใจคอ บางคนก็อาจก้าวหน้าคบกันจะต้องแน่ใจว่าเรื่องบนเตียงเข้ากันได้ไหม ผมว่าไม่แปลกนะครับถ้าบางคู่จะมีอะไรกัน เพราะต่างก็ทำงานมีเงินเดือนแล้วรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว... พี่อยากรู้ว่าพลกับกุ้งถึงขั้นไหนแล้ว!?! ผมไม่ทันที่จะพูดให้จบ พี่ธวัชชัยก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียงดังเหมือนคนเอาแต่ใจตัวเองไม่มีผิด ทำให้ผมเริ่มคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าคบเอาเสียเลย ประมาณต้องรู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ ต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองอยากได้โดยไม่รู้จักที่จะใจเย็นรอเวลา กลับใช้อำนาจข่มขู่ ตอนนี้ก็ใช้น้ำเสียงข่มขู่ผม ผมรู้สึกไม่สนุกอีกต่อไป ผมตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังและปรามพี่ธวัชชัยว่า ผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ตราบใดที่ผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมากระทบให้เสียงาน พี่ธวัชชัยน่าจะรู้มารยาทในเรื่องเหล่านี้ดียิ่งกว่าใครๆนะครับ พลกำลังจะสอนพี่เหรอ ไอ้หยา! ผมใช้คำพูดแรงไปนิดหนึ่งตอนนี้พี่ธวัชชัยหน้าแดงหูแดงแสดงถึงความโกรธ คนบางคนมีจุดอ่อนตรงที่คุณสมบัติทางด้านร่างกายไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับการควบคุมอารมณ์ พี่ธวัชชัยเป็นหนึ่งในคนบางคนนั้น ที่หน้าและใบหูจะเปลี่ยนสีทันทีที่มีอารมณ์โกรธ ผมกลับมารู้สึกสนุกอีกครั้งที่สามารถทำให้พี่ธวัชชัยตบะแตกได้ ยิ่งพูดยั่วต่อไปเชิง น้อบน้อมแต่เหน็บแนม โอ้ย! ผมนะเหรอจะบังอาจมาสอนพี่ได้ ผมเป็นใครและพี่อยู่ตำแหน่งไหนผมทราบดีครับ เอาเป็นว่าเรื่องของผมกับกุ้งก็เป็นไปตามยุคสมัยแล้วกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเชื่อข่าวลือแค่ไหน เอาเป็นว่า ผมรู้อยู่แก่ใจกับกุ้งสองคนว่า เราสองคนกำลังทำอะไรอยู่ก็แล้วกัน พี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่งามกับลูกน้องของพี่กับคนในแผนกพี่ น้ำเสียงพี่ธวัชชัยเต็มไปด้วยความโกรธ พี่ธวัชชัยห้ามเรื่องความรักได้เหรอครับ ในโรงงานเราผมคิดว่าผมไม่ใช่คู่เดียวนะครับที่เป็นคู่รักกัน พี่ธวัชชัยก็รู้ดี มีตั้งหลายคู่ที่แต่งงานกันเพราะมาเจอกันที่บริษัทนี่ เราฝืนพรหมลิขิตไม่ได้หรอกครับ ความรักเป็นสิ่งสวยงามนะครับ ขอบใจพี่ธวัชชัยมากนะครับ ที่คุยกับผมในวันนี้ ผมคิดว่าพี่คงจะห่วงลูกน้องพี่มากนะครับ ดีจังเลยถ้าผู้จัดการทุกแผนกห่วงเรื่องเหล่านี้กับลูกน้องคงจะดีนะครับ ดีใจแทนกุ้งจังที่มีหัวหน้าดีๆ ผมรีบตัดบทแล้วแล้วยิ้มแกล้งกล่าวชม พี่ธวัชชัยยิ้มแห้งๆ พยักหน้ารับคำชมผม ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวผมต้องตรวจงานการผลิตว่าเป็นไปตามเป้าที่ทดลองหรือเปล่า ผมลุกจากเก้าอี้ห้องประชุมยืนขึ้น เดินตรงไปที่ประตูผมเปิดประตูทำท่าจะเดินออก แล้วนึกขึ้นได้ ก่อนที่จะทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายก่อนเดินพ้นประตูไปว่า ดีนะนี่ที่ผมไม่คิดมาก นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่ธวัชชัยมีเมียมีลูกแล้ว ผมคงคิดว่าพี่ธวัชชัยจะเก็บน้องกุ้งไว้จีบเองแน่ๆ ถึงได้ห่วงใยกันขนาดนี้ แต่พี่ธวัชชัยคงไม่ทำหรอกใช่ไหมครับ เพราะถ้าพี่ทำ ผมก็คงไม่ยอมแพ้พี่ธวัชชัยง่ายๆแน่ ไปก่อนนะครับ !!! พูดเสร็จแล้วผมรีบปิดประตูเดินหนี พี่ธวัชชัยไม่ใช่คนโง่ การทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายก่อนออกจากห้องประชุม เค้ารู้แน่ว่านั่นเป็นการประกาศสงครามกับเค้าโดยตรง แต่ผมก็มีแผนขั้นที่สองเตรียมไว้แล้ว... การใช้เส้นสายเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ใช้มาโดยตลอดเพราะผมรู้สึกว่าหากเราจะก้าวหน้าหรือถดถอยก็ต้องมาจากฝีมือตัวเอง แต่ในกรณีของกุ้งและพี่ธวัชชัย ผมจำเป็นต้องพึงเส้นสายเพื่อสร้างกองหนุนหลังให้เกิดความมั่นใจ ผมหาข้อมูลโดยหลอกถามจากพี่แอ๋วหน่วยข่าวปากรั่วที่คะนองเล่าจะทุกอย่างที่เธอเก็บไว้หากในอก เพียงเพราะคู่สนทนาทำเอ่ยปากชม พี่แอ๋วนี่ รู้จริงทุกเรื่องเลยนะครับ เก่งจริงๆใครจะมีข้อมูลสู้พี่แอ๋วนี่ไม่ได้แน่ๆ วิชาการแสดงที่ผมเคยลงในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยถูกนำมาใช้ในการทำสีหน้าชื่นชมพี่แอ๋ว ผมรู้ครับว่าผมเลว แต่ผมก็จำเป็นต้องทำเพราะผมกำลังจะงัดข้อกับคนที่เลวกว่า แหมน้องพลก็ พี่ก็รู้ไม่มากหรอกค่ะ พี่แค่อยู่โรงงานมานานเป็นรุ่นแรกๆ พี่แอ๋วทำเป็นถ่อมตัวแต่ดวงตาของเธอไม่ได้ถ่อมตัวด้วยเลย มันบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจเป็นประกายที่ได้นินทาคนอื่นให้ผมฟัง พี่ธวัชชัยนี่เก่งเน้อ สามารถไต่เต้าเป็นถึงผู้จัดการได้ หายากนะคนไทยที่เป็นผู้จัดการในบริษัทญี่ปุ่นแบบนี้ คงมีแต่คนชอบพี่ธวัชชัยนะพี่แอ๋ว ผมสร้างคำถามชวนคิดให้พี่แอ๋ว คนเกลียดเค้าก็มีค่ะน้องพล เพราะคนมีความสามารถมีเยอะแต่ตำแหน่งสูงๆนะมีน้อยพูดแล้วอย่าเอ็ดไปนะคะ จริงๆที่เค้าเป็นผู้จัดการได้เพราะหาเมียน้อยให้ประธานบริษัทคนก่อนค่ะ เหรอครับ โอ้โห นี่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะนี่ พี่เป็นคนแรกที่เปิดตาสว่างให้กับผม พี่แอ๋วทำหน้าแบบเทพมาโปรดสัตว์ ผมยอมเป็นสัตว์ชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์และข้อมูลที่ผมอยากรู้ ใครที่เกลียดเค้าบ้างล่ะ ผมมองไม่เห็นจะมีใครเกลียดนี่ครับ อุ้ย! พี่เพ็ญรองผู้จัดการฝ่ายบัญชีไง รายนั้นเกลียดเข้าไส้เลย เพราะพี่ธวัชชัยไปจีบเค้าตอนทำงานด้วยกันใหม่ๆ แล้วมารู้ภายหลังว่าพี่ธวัชชัยมีเมียแล้ว ไม่มองหน้ากันจนถึงบัดนี้เป็นเกือบสิบปีแล้วมั้ง เป็นจริงอย่างที่ผมคาด กรณีกุ้งไม่ใช่เป็นรายแรกแน่นอนที่เป็นเหยื่อของพี่ธวัชชัย ยิ่งฟังผมยิ่งรู้สึกไม่พอใจนายธวัชชัยคนนี้เอาเสียเลย ผมแกล้งคุยกับพี่แอ๋วสักพักหลังจากที่ได้ข้อมูลว่าคนที่ผมอาจจะพึ่งพาได้คือ พี่เพ็ญ บริษัทที่ผมทำงานเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น มีพนักงานร่วม 3000 กว่าคนก่อตั้งมานานกว่า 15 ปี ในบริเวณของบริษัทประกอบไปด้วยโรงงาน 4 โรงงานตั้งเรียงกัน และแผนกต่างๆก็จะอยู่กระจายตามโรงงานต่างๆ ในอาณาเขตนี้ ผมเปิดคู่มือพนักงานหาเบอร์โทรศัพท์ห้องทำงานของพี่เพ็ญ เพราะฝ่ายบัญชีของบริษัทจะทำงานเป็นเอกเทศไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานด้านวิศวกรรมที่ผมทำเลย ผมโทรศัพท์ไปแนะนำตัวและขอความช่วยเหลือและขอพบเป็นการส่วนตัว พี่เพ็ญนัดหมายเวลา ผมเอาเอกสารที่กุ้งปริ้นเอาท์มาให้พี่เพ็ญดูในห้องทำงานของพี่เพ็ญ พี่เพ็ญเงยหน้าคุยกับผมหลังจากอ่านเอกสารที่ผมเคยอ่าน เค้าไม่เคยหยุดจริงๆเลย นายธวัชชัยคนนี้ พูดไปพี่เพ็ญก็ส่ายหน้าอย่างระอา แต่ผมอยากจะหยุดเค้าครับ แต่ผมคงหยุดคนเดียวไม่ได้ ผมเลยมาหาพี่เพ็ญ แล้วพี่จะได้อะไรจาการร่วมมือกับเธอคราวนี้ พี่ไม่เห็นมันจะมีประโยชน์อะไรกับพี่อีกแล้ว และพี่ก็ไม่อยากยุ่งกับเค้าอีก พี่แต่งงานมีลูกมีเต้าแล้ว กรรมใครก็กรรมมัน พี่เพ็ญยื่นเอกสารเหล่านั้นคืนมาที่ผม การกระทำของพี่เพ็ญเป็นจริงอย่างที่ผมโดยสั่งสอนมาจากพ่อของผม พ่อผมสอนเสมอว่า เมื่อมาทำงานแล้วทุกอย่างมันคือธุรกิจมันคือเรื่องของผลประโยชน์ หากผมต้องการความช่วยเหลือ ผมจะต้องเตรียมเสนอผลประโยชน์ตอบแทนของคนที่จะช่วยผม ด้วย สิบปีที่ผ่านมา พี่เพ็ญไม่คิดที่จะแก้แค้นคนที่เค้าเคยมาหลอกพี่สักนิดเลยเหรอครับ ผมเปิดประเด็น เธอรู้เรื่องด้วยเหรอ?? พี่เพ็ญทำหน้าประหลาดใจ ผมรีบตอบว่า ถึงผมรู้ก็รู้เพียงผิวเผนครับ ที่ผมมานี่ ผมแค่อยากให้พี่เพ็ญรู้ว่า พี่สามารถหยุดผู้ชายคนนี้ได้ คิดถึงน้องกุ้งที่กำลังผจญเรื่องนี้ ตอนนี้ และในเวลาสิบปีที่ผ่านมามีผู้หญิงอีกกี่คนที่จะต้องมาเจอกับผู้ชายคนนี้ และปีต่อๆไปจะมีผู้หญิงอีกกี่คนที่จะต้องเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมนึกไปถึงว่าหากเกิดเรื่องแบบนี้กับน้องสาวของผม หรือญาติพี่น้องของผม ผมได้แต่ภาวนาว่าจะการช่วยเหลือน้องกุ้งในครั้งนี้และกำลังช่วยอีกหลายคนในอนาคต จะทำให้มีคนมาช่วยน้องสาวผมให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกาได้ ถ้าเราจะช่วยด้วยวิธีของผม นี่คือการพูดที่โน้มนาวจิตใจของผมในตอนนั้นเท่าที่จะคิดได้ แต่ผมพูดด้วยใจบริสุทธ์ พี่เพ็ญไม่ตอบอะไร และผมก็รอคอยคำตอบด้วยการไม่หลบสายตาพี่เพ็ญ หากพี่เพ็ญปฏิเสธที่จะร่วมมือ นั้นหมายถึงผมต้องกลับไปหาข้อมูลและวิธีการใหม่ ตกลงพี่จะร่วมมือกับเธอ แต่ไม่ใช้เพื่อแก้แค้นเรื่องเก่าๆ แต่ทำเพื่อผลบุญจะช่วยให้ญาติพี่น้องของเราไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมโล่งใจและดีใจอย่างยิ่งที่ผมได้แนวร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้.... สองวันต่อมา พี่ธวัชชัยโทรศัพท์หาผม พี่คิดว่าพลสอนงานกุ้งพอแล้วล่ะ คิดว่าต่อไปพลไม่ต้องมายุ่งกับแผนกพี่อีกต่อไป น้ำเสียงของเค้าดูมั่นใจว่าสั่งผมได้ กุ้งบอกผมเมื่อวานว่า พี่ธวัชชัยห้ามไม่ให้กุ้งเดินกับผมอีก ไม่งั้นเขาจะไม่ให้กุ้งผ่านงาน ผมจึงตอบไปตามเสียงโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ขุ่นๆ เพราะผมไม่ชอบในน้ำเสียงนั้นเลย ผมคิดว่าทุกคนมีสิทธ์ที่จะเลือกคนรักได้ และนี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับกุ้ง พี่ธวัชชัยทำตัวให้เป็นมืออาชีพหน่อยสิครับ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาคุยในเวลางาน กุ้งบอกผมแล้วว่าพี่ห้ามไม่ให้ผมคบกับกุ้ง แต่ผมยืนยันจะคบกับกุ้งต่อไป คำพูดของผมคงจี้ใจดำพี่ธวัชชัย อย่าบังอาจมางัดข้อกับพี่!!! พี่ขอเตือน พี่อยู่ระดับไหนและพลเองอยู่ระดับไหน พี่เจอกุ้งก่อนเพราะฉะนั้นพี่มีสิทธ์ ยิ่งเค้าพูดออกมาเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เห็นจิตใจอันสกปรกเท่านั้น พี่ธวัชชัย คงเคยได้ยินคำพังเพย ไม้ซีกงัดไม้ซุงนะครับ ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่า ไม้ซีกอย่างผมจะงัดไม้ซุงอย่างพี่ให้กระเทือนได้หรือเปล่า ฮึ ดูพลมั่นใจซะเหลือเกิน พี่ขอเตือนไว้ก่อน อย่ามาเล่นกับพี่ แล้วเค้าก็วางสายโทรศัพท์ไปเดี๋ยวนั้น ผมใจไม่ดีที่รู้ว่ามันเริ่มเป็นศึกอย่างเป็นทางการ ผมวางโทรศัพท์บ้าง รู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เริ่มจริงจังและไม่สนุกอีกต่อไป ผมเริ่มแผนการกับพี่เพ็ญอย่างลับๆ โดยการพูดคุยทางโทรศัพท์และอย่างเดียวโดยไม่ใช้อีเมล์ จะไม่มีการพบปะเป็นการส่วนตัว และจะไม่ทักทายกันในที่สาธารณะ การใช้อีเมล์สื่อสารจะเป็นหลักฐานว่าเราร่วมมือกัน ผมเอาบทเรียนของฝ่ายศัตรูมาใช้กับฝ่ายผมว่าเราไม่ควรทิ้งหลักฐานไว้มัดตัวเอง ขณะที่ผมดำเนินแผนไปทีละนิด ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่ธวัชชัยก็เล่นงานผมชนิดที่ว่า หมาลอบกัดยังอาย ผมจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี เช้าวันนั้นขณะที่ผมอยู่ห้องทำงานกำลังง่วนกับผลการทดลองย้ายเครื่องจักรในโรงงาน ผู้จัดการเข้าญี่ปุ่นก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดพร้อมกับถามว่า ...............จบตอนที่ 9 ........
3 กุมภาพันธ์ 2549 10:32 น. - comment id 89380
ตอนนี้มีเนื้อความยาวหน่อยนะครับ หวังว่าคงอ่านกันอย่างละเอียดนะครับ ฝากนิยายผมอยู่ในใจทุกท่านด้วยนะครับ
3 กุมภาพันธ์ 2549 11:01 น. - comment id 89381
มาแย้ว รอมานึกว่าจะไม่โพสต์ตามสัญญาซ้าแย้ว ขออ่านก่อนนะ \"Don\'t disturb\"
3 กุมภาพันธ์ 2549 11:45 น. - comment id 89382
อ่านเสร็จแล้วอย่าลืมมาเขียนอะไรเล็กๆน้อยๆเป็นกำลังใจกันบ้างนะครับ ...ขอบคุณล่วงหน้าครับ
3 กุมภาพันธ์ 2549 14:52 น. - comment id 89385
กำลังใจนะ มาโพศไวๆหน่อยดิผมเปิดตอนเช้าได้อ่านบ่ายอะ กำลังมันเลยไม่รู้พระเอกของผมจะเจอไรอีกนี่ถ้ามีเรื่องย่อขายอะไปซื้อมาอ่านละ ฮ้ามาโพสไวๆนะ
3 กุมภาพันธ์ 2549 16:47 น. - comment id 89388
ตอนต่อไปขออนุญาต โพส วันจันทร์นะครับ วันหยุดผมไม่ค่อยเปิดคอมนะครับ ไปเที่ยวซะมากกว่า ตอนต่อไปขอให้ทุกท่านอดใจสักนิดนะครับ
3 กุมภาพันธ์ 2549 18:25 น. - comment id 89389
อ่านแล้วทำให้อยากเตะ..คุณธวัชชัย จังเลย..มีเมียแล้วยังมาจีบเราอีก..อิอิ.. ..