ตอนที่ 6 เดินเข้าสู่ความจริง หลังจากที่ผมหมดสิ้นภารกิจของการฝึกงานแล้วผมได้กลับมาเตรียมตัวเพื่อลงทะเบียนเรียนในชั้นปีที่ 4 ภายใต้การกลับมาครั้งนี้ของผม นอกเหนือที่จะต้องตั้งใจเรียนเพื่อฉุดเกรดเฉลี่ยให้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ผมมีเรื่องตั้งใจอีกเรื่องหนึ่งคือ...เรื่องของนุ่น หลายต่อหลายครั้งที่ผมคิดว่าจะพูดกับนุ่นอย่างไรดีเพื่อให้นุ่นรู้สึกเจ็บน้อยที่สุดสำหรับการบอกเลิกรา และทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้ ผมต้องถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดว่าเรื่องทั้งหมดผมไม่น่าก่อให้มันเกิดขึ้นเลย การเปิดเทอมชั้นปีที่ 4 ของภาคการศึกษาอาทิตย์แรก ผมยังไม่ไปหานุ่นที่หอพักนักศึกษาแพทย์อย่างที่ผมเคยทำครั้งก่อนๆ ผมโทรศัพท์ไปที่หอพัก นัดเจอนุ่นที่อ่างเกษตรตอนหกโมงเย็น อ่างเกษตรเป็นอ่างเก็บน้ำหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยบอกนุ่นว่ามีเรื่องจะบอก เมื่อถึงเวลานัด วิวทิวทัศน์ที่อ่างเกษตรช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินอาจทำให้ความรู้สึกเสียใจของนุ่นบรรเทาลงได้ ผมคิดแค่ตื้นๆในตอนนั้น นุ่นยิ้มและทักทายเมื่อมาเจอหน้าผมที่อ่างเกษตร ไม่ได้เจอกันเลยนะ ตั้งแต่เปิดเทอมมา อื้อ ผมตอบรับหน้ายิ้มๆ มีเรื่องอะไรจะบอกเราเหรอ นุ่นถาม ผมมองตานุ่นสีหน้าจริงจังและบอกออกไปว่า นุ่น ระยะเวลาที่เราคบกันมา พลมาลองคิดดู......เกี่ยวกับแล้วเรื่องต่างๆ พลคิดว่าเราสองคนคงเป็นได้แค่เพื่อนมากกว่านี้คงไม่ได้ นุ่นนิ่งเงียบหน้าถอดสี มองหน้าผมอย่างงงๆเหมือนต้องการหาคำตอบ เป็นได้แค่เพื่อนเหรอ ?! ? ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นได้แค่เพื่อนเหรอ ? นุ่นถามย้ำเสียงนุ่นสั่นเหมือนกับกำลังจะเริ่มร้องไห้ ผมรู้ว่านุ่นไม่ได้เตรียมใจมารับกับสถานการณ์แบบนี้ น้ำตาของนุ่นเริ่มคลอที่เบ้าตา นี่แหละเป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่าใคร เพศไหนอายุเท่าไหร่ ต้องเจอกับความจริงที่ว่า คนถูกบอกเลิก มักจะเจ็บกว่าคนบอกเลิกเสมอ ผมเข้าใจความรู้สึกของนุ่นดี เพราะผมเคยถูกทิ้งมาแล้วจากพี่ชัยยุทธเมื่อปีก่อน พลขอโทษ เมื่อพูดคำว่าขอโทษเสร็จผมหลบสายตานุ่นเพราะผมก็สะเทือนใจไม่แพ้นุ่น เริ่มมีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ที่คอหอยของผม ผมเริ่มที่จะสกัดไม่ให้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้านุ่น พยายามควบคุมอารมณ์และควบคุมสถานการณ์ เวลาพลบค่ำของอ่างเกษตรตอนนั้นมันช่างเงียบทั้งๆที่ผมเลือกสถานที่นี้เป็นที่บอกเลิกเพราะคิดว่าผู้คนจะพลุกพล่านเพื่อเราจะไม่ต้องเสียงดังหากเกิดการไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด ในวันนี้อ่างเกษตรช่างดูไร้ผู้คน และผู้คนที่เดินรอบข้างเมื่อเห็นเราสองคน ต่างก็เดินห่างๆ ออกไปเพื่อให้เรามีความเป็นส่วนตัว ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุม นุ่นไม่พูดอะไร นุ่นพยายามหายใจยาวๆ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการสะอื้นที่เกิดจากการร้องไห้ ก่อนที่ความเงียบจะครอบงำมากกว่านี้ นุ่นเป็นคนทำลายความเงียบโดยถามคำถามที่ผมไม่อยากเจอกับคำถามนี้เลย เพราะอะไรเหรอพล ? ทำไมเราถึงเป็นได้แค่เพื่อน ? นุ่นน้ำตาไหลมองหน้าผมกับคำถามนั้น ยิ่งนุ่นน้ำตาไหลยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งขึ้นคอผมตีบตัน แต่ผมก็พยายามเค้นเสียงออกมาเพื่อให้คำตอบ เพราะ....เพราะเราจะเป็นเพื่อนได้ดีกว่าการที่เราจะเป็นแฟนกัน เป็นคำตอบที่คลุมเครือและเป็นคำตอบที่โง่ที่สุดในชีวิตของผม ผมไม่กล้าที่จะบอกว่าผมเป็นเกย์กับนุ่น ทั้งๆที่ผมสารภาพความจริงและเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์กับเพื่อนสนิททั้งหกคนก่อนวันเปิดเทอมอย่างไม่มีกังวล แต่กับนุ่นมันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่า และผมคิดว่านุ่นไม่พร้อมสำหรับการรับความจริงในวันนี้ เวลานี้ แล้วที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรสำหรับพลเลยเหรอ ผมรู้ว่าคำถามนี้ นุ่นไม่ได้หมายถึงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด แต่นุ่นหมายถึงเรื่องราวในคืนนั้น คืนที่หอพักตอนที่ผมฝึกงานอยู่ที่กรุงเทพฯ คืนที่เราเป็นของกันและกัน ทุกอย่างมีความหมายสำหรับพลเสมอ แต่พลรู้ว่าเราไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนกัน แต่เราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อกัน พลหวังว่านุ่นจะเข้าใจพล แต่....แต่นุ่นไม่เข้าใจ นุ่นยกมือขึ้นปิดปากพยายามไม่ให้มีเสียงร้องไห้ดังออกมา ตัวของนุ่นสั่นเทาสะอื้นไห้ ใช่ว่านุ่นคนเดียวที่เสียใจ ตาของผมเริ่มพร่ามัวเพราะทั้งสองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าตาของผม ผมเอื้อมมือไปจับมือนุ่นอีกข้างมากุมไว้ ผมก้มหน้า มองไปที่มือของนุ่นบนมือของผม หยดน้ำตาของผมร่วงลงสู่มือของนุ่น ปฏิกิริยาของนุ่นเปลี่ยนทันที่ที่มือของนุ่นสัมผัสกับหยดน้ำตาผม นุ่นเริ่มสงบอาการสะอื้น ผมเงยหน้ามองนุ่นมองทั้งน้ำตาว่า ถึงยังไงพลก็ยังรักนุ่นอยู่ เพียงแต่ว่าความรักครั้งนี้ มันจะเป็นความรักของเพื่อนที่มีให้ต่อเพื่อน ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพลเองที่สานเรื่องขึ้นมา เมื่อพลรู้ว่าเราสองคนคงไปไกลเกินกว่าเพื่อนไม่ได้ พลถึงมาบอกเรื่องนี้กับนุ่น นุ่น..... พลเองก็ไม่ได้เจ็บน้อยไปกว่านุ่นเลย ขอให้นุ่นรู้ไว้นะ นุ่นจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของพล นุ่นเข้าใจพลนะ? ผมพยายามพูดให้ใกล้ความจริงให้มากที่สุดเพื่อนุ่นจะได้รู้ถึงความหมายแฝงที่ผมจะสื่อ เรื่องของเรามันมีมานาน มันก็ต้องใช้เวลาที่นุ่นจะพร้อมรับและทำใจ นุ่นตอบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะพล ที่จะทำให้เราลืมเรื่องทั้งหมดแล้วแกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของนุ่น นุ่นเอามือเช็ดน้ำตาของตัวเอง การพูดของนุ่นเป็นปกติน้ำเสียงของนุ่นเข็มแข็งอีกครั้ง นุ่นไม่รู้ว่า...จะ...จะทำใจได้แค่ไหน นุ่นต้องขอเวลาอยู่กับคนเดียวสักพัก และไม่ต้องมาหานุ่นนะ ถ้านุ่นพร้อมนุ่นจะมาหาพลเอง นุ่นยังคงเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวและมีจุดยืนเหมือนวันแรกๆที่ผมรู้จัก นุ่นดึงมือของนุ่นออกจากมือของผม แล้วนุ่นก็หันหลังให้ผมเดินไปจากชีวิตผม ผมพยายามติดตามข่าวคราวนุ่นอยู่เสมอ แต่ผมก็ได้ข่าวจากเพื่อนคนอื่นๆของนุ่นว่านุ่นสบายดีไปเรียนตามปกติ ผมไม่กล้าสู้หน้านุ่นอีกต่อไป ผมทำได้แต่เพียงการไปที่หอพักคณะแพทย์แล้วฝากโน้ตเล็กๆที่ใต้หอพักแสดงความห่วงใจ แล้วลงชื่อใต้โน้ตทุกครั้งว่า จาก เพื่อน ความถี่ของการฝากโน้ตแสดงความห่วงใยของผมเริ่มห่างเพราะไร้วี่แววที่นุ่นจะติดต่อกลับหรือแสดงให้เห็นว่านุ่นพร้อมที่จะคุยกับผม ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเลย ที่ไม่ได้รับการตอบกลับ ผมไม่โทษนุ่นด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าผมรู้สึกเสียใจที่จะเสียมิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนระหว่างเราไปตลอดกาล การห่างเหินของเรากินเวลายาวนานจนผมสำเร็จการศึกษา ผมไม่ได้รับการติดต่อจากนุ่นอีกเลย ผมได้งานทำที่นิคมอุตสาหกรรมลำพูน การงานและวันเวลาที่ล่วงเลยมาถึงสองปีทำให้นุ่น หายไปจากความคำนึงของผมไป.... ปีต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันรับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นวันแห่งความยินดี ครอบครัวผมมาแสดงความยินดีในวันสำเร็จการศึกษา ขณะที่ผมกำลังเดินถ่ายรูปกับพ่อแม่และพี่น้องที่บริเวณเสาธงใหญ่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พล ยินดีด้วยนะ นุ่นปรากฏตัวพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยื่นมาให้ผม นุ่น ! ผมอุทานพร้อมดีใจที่สุดที่ได้เจอนุ่นขณะเดียวกันผมก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่แนะนำสาวคนสวยให้พ่อกับแม่รู้จักเหรอ ขอบคุณพ่อของผมที่เอ่ยปากช่วยชีวิตผมไว้ก่อนที่ผมจะทำอะไรไม่ถูก ผมแนะนำนุ่นให้รู้จักพ่อและแม่และพี่น้องญาติๆของผมบางส่วน จากนั้นผมกระซิบบอกพ่อว่า ให้ถ่ายรูปกันไปก่อน ผมอยากคุยกับนุ่นเพราะไม่ได้เจอกันนาน ทุกคนหลีกทางให้ผมกับนุ่นเดินออกมาจากฝูงชน เราเดินมาที่แถวๆศาลาอ่างแก้วที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เป็นไงมาไงนี่ แล้วมาหาพลเจอได้ยังไง ? ผมรู้สึกเหลือเชื่อที่เราได้เจอกันอีกครั้ง เพราะปีที่ผมรับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น ได้จัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่แห่งใหม่ ที่บริเวณถนนนิมมานเหมินทร์ แทนการรับปริญญาบัตรที่ถูกจัดขึ้นที่ศาลาอ่างแก้วเหมือนรุ่นก่อนๆทำให้บริเวณของการถ่ายรูปกว้างขึ้น ทั้งที่หอประชุมใหม่และที่หน้ามหาวิทยาลัยและที่สำคัญคนเป็นหมื่นๆมากมาย เพื่อนหลายคนที่จะมาแสดงความยินดีกับผมยังหาผมไม่เจอด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เรามีโทรศัพท์มือถือติดต่อกัน แต่กับนุ่น นุ่นไม่มีเบอร์มือถือผม ไม่ได้ติดต่อกัน.....แต่นุ่นหาผมเจอ นุ่นก็คิดว่าถ้านุ่นยังคงจะรักษาเพื่อนคงหนึ่งไว้ได้ โชคจะต้องเข้าข้างนุ่น ตำตอบนั้นทำให้ผมยิ้ม นุ่นบอกแล้วไง ถ้านุ่นพร้อมนุ่นจะมาหาพลเอง นุ่นสบายดีนะ? ขอบคุณมากสำหรับดอกไม้ ถึงพลจะฝากไว้ที่น้องสาวก่อนก็เถอะ ผมพูดอย่างอายๆที่ผมไม่ได้ถือช่อดอกไม้ของนุ่นที่ให้มาตอนนี้ สบายดี แล้วพลล่ะ? งานหนักไหม มีแฟนแล้วหรือยัง พอได้ยินคำถามนี้ ผมก็มองหน้านุ่น....สุดหายใจลึกแล้วบอกออกไปว่า ก็กำลังดูๆกันอยู่ ไม่รู้จะจริงจังหรือเปล่า....คือ ....ความจริงก็คือเรากำลังคบผู้ชายอยู่น่ะ ผมยิ้มเหมือนคนโดนต้อนจนมุม บทที่ผมตัดสินใจบอกความจริงก็ง่ายๆ สั้นๆ นุ่นเมื่อได้รับคำตอบจากผม นุ่นยิ้มให้ผม สีหน้าของนุ่นยิ้ม...แต่ค่อยๆมีแววตามีคลอด้วยน้ำตาปากนุ่นสั่นเหมือนพยายามจะกลั้นการร้องไห้ แปลกนะ...นุ่นคิดว่านุ่นพร้อมสำหรับเรื่องนี้ นุ่นดีใจนะที่พลบอกนุ่นอย่างตรงๆ นุ่นก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเรื่องจริงมันจะต้องเป็นแบบนี้.... น้ำตานุ่นไหลอาบสองแก้ม นุ่นขอโทษ...นุ่นอยากจะมองหน้าพลโดยที่ไม่ร้องไห้แต่นุ่นก็ทำไม่ได้จริงๆ นุ่นขอโทษ ถ้าย้อนเวลากลับได้...พลจะไม่ทำเรื่องนั้นให้นุ่นเสียใจอย่างนี้...พลขอโทษที่หลอกนุ่น นุ่นไม่ได้เสียใจกับเรื่องนั้น นุ่นรู้สึกเจ็บ...เจ็บที่การที่เรารักใครสักคนแต่เราไม่สามารถที่จะเป็นของเค้าได้ทั้งตัวและหัวใจ นุ่นไม่เคยรู้สึกว่าโดนหลอก...เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเกิดจากความรักที่นุ่นเต็มใจให้มันเกิด ระยะเวลาที่ผ่านมานุ่นคิดเอาเองว่ามันไม่ใช่ความผิดของใคร และนุ่นก็ไม่เคยเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความรัก ผมน้ำตาคลอเมื่อได้ยินสิ่งที่นุ่นบอกกับผม ขอบคุณที่เข้าใจ... พลก็อยากจะรักนุ่นอย่างที่นุ่นต้องการแต่ถ้าพลยังฝืนความจริงที่พลเป็น... พลจะยิ่งทำให้นุ่นเสียโอกาสที่นุ่นจะพบกับคนที่สามารถรักนุ่นอย่างที่นุ่นต้องการได้...พลจะยิ่งเห็นแก่ตัวถ้ายังต้องการให้นุ่นเป็นผู้หญิงที่จมปลักอยู่กับคนที่หลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง...จริงๆคือเรารักกันได้ไม่เกินเพื่อน และเพื่อนต้องทำให้เพื่อนได้เจอกับสิ่งที่ดีกว่าเสมอ ผมมองหน้านุ่นอย่างจริงจัง....น่าแปลกที่เราทั้งสองคนต่างสงบลงได้ อาจเป็นเพราะวันเวลาที่ผ่านไปทำให้เราสำรวจความเป็นตัวตนของแต่ละฝ่าย เราหยุดที่จะฟังเหตุผลของกันและกันอย่างใจเย็น สายน้ำตาเหือดแห้งจากแก้มของนุ่น มันไม่ดีหรอกถ้าบังเอิญเราแต่งงานกันโดยที่พลรู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรแต่งแล้วถ้าวันหนึ่งนุ่นเปิดประตูเข้ามาแล้วเจอพลนอนแก้ผ้ากับผู้ชายอื่น ผมพูดแล้วหัวเราะในลำคอ นุ่นยิ้มหัวเราะไปกับผม แล้วถามผมว่า จะเป็นไรอะไรมั้ย ถ้าเพื่อนอยากจะกอดเพื่อนเพื่อแสดงความยินดีในวันรับปริญญา เพื่อนอยากกอดเพื่อนเพราะว่าเพื่อนอยากจะได้เพื่อนคนเดิมกลับมา เพื่อนคนนี้คิดถึงเพื่อนมาก ตั้งสามปีที่เพื่อนไม่ได้คุยกับเพื่อน เพื่อนอยากจะขอโทษด้วยที่หายไปไม่ติดต่อ ผมยิ้มกับคำถามนั้น และรู้สึกถึงอารมณ์ บริสุทธิ์ที่นุ่นให้ผมมา ผมตอบด้วยใจตื้นตัน เพื่อนคนนี้ยินดีมากและรู้สึกเป็นเกียรติ นุ่นเดินเข้ามาสวมกอดผม และผมก็สวมกอดนุ่น การที่นุ่นกลับมาครั้งนี้ เป็นของขวัญวันรับปริญญาที่ล้ำค้าที่สุดในวันนั้น................... พล ! พล ! ฟังอยู่หรือเปล่า ! เสียงนุ่นพูดดังขึ้นมาทางโทรศัพท์ทำให้ผมได้สติจากอาการใจลอยที่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ฟังอยู่ ว่าไงล่ะ นึกว่าสายหลุด ถึงปีนี้นุ่นไปเชียงใหม่ไม่ได้ หวังว่าลุงพลคงมารับขวัญหลานที่กรุงเทพฯ ได้นะ แน่นอนอยู่แล้ว พลไม่พลาดหรอก ใกล้เที่ยงแล้วแค่นี้ก่อนนะ บ้ายบาย แล้วนุ่นก็วางสายโทรศัพท์ไป เรื่องของนุ่นทำให้ผมย้ำความคิดว่าผมจะต้องทำเรื่องที่ถูกสำหรับเล็กและนายตำรวจคนนั้น วันศุกร์ เวลา 2000 น. ผมนั่งคอยน้องเล็กกับน้องกวางและหนุ่มปริศนาที่จะพามารู้จักอย่ากระวนกระวาย ที่กระวนกระวายไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เพราะเลยเวลาทานข้าวเย็นของผม รู้สึกว่าคณะของน้องเล็กกำลังล้าช้ากว่าปกติ ผมกำลังจะโทรศัพท์เช็คว่าถึงไหนแล้ว ปรากฏว่าน้องเล็กโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือผมพอดี ถึงไหนแล้ว พี่รอหิวจะแย่แล้วนี่ ผมกรอกเสียงลงไปที่โทรศัพท์ ลงมาได้แล้ว พวกหนูรออยู่ใต้คอนโดพี่แล้ว น้องเล็กตอบกลับมา ผมรีบลงลิฟท์ไปที่ใต้คอนโด เมื่อถึงลานจอดรถเสียงแตร์ของรถคันหนึ่งเสียงดังเป็นสัญญาณอย่างไม่เกรงใจใคร ผมมองไปตามเสียงแตรนั้น ได้พบกับรถคันสีเขียวภายในรถมีคนขับเป็นน้องเล็กคนนั่งข้างๆเป็นผู้ชายหน้าตาดี และน้องกวางอยู่เบาะหลังยิ้มต้อนรับผม เมื่อทั้งสองเห็นผมน้องเล็กกับน้องกวางรีบลงจากรถ วิ่งเข้ามาสวมกอดผมอย่างดีใจเพราะเป็นเวลาเกือบ 4 ปี ที่เราไม่ได้เจอหน้ากันเลย คิดถึงพี่พลที่สุด ทั้งสองรีบบอกผม ตอแหลเหมือนเดิมน้องเรา ผมแกล้งพูดประชดแต่ผมก็อดยินดีไม่ได้ที่ได้เจอหน้ากับน้องทั้งสองอีก ป๊ะ ไปกินข้าวกันพี่หิวจะแย่อยู่แล้ว ค่อยไปว่ากันในรถ ผมเอ่ยปากชวน เมื่อเราเดินมาที่รถ น้องเล็กก็ตะโกนเข้าไปในรถว่า นี่! ผู้ชายคนที่อยู่ในรถนะ ย้ายตัวเองไปนั่งข้างหลังได้แล้ว หนูมีผู้ชายคนใหม่มานั่งหน้ารถแล้ว กรุณารู้หน้าที่ด้วย น้องเล็กพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง เฮ้ย ! ไม่เป็นไร พี่นั่งข้างหลังกับกวางก็ได้ ผมรีบบอกเล็กเพราะไม่ต้องการให้ผู้ชายคนที่อยู่ในรถต้องเปลี่ยนที่นั่งเพราะผม ไม่ได้ค่ะ วันนี้พี่พลต้องนั่งหน้ากับหนู ถึงแม้ว่าพี่พลจะชอบข้างหลังมากกว่าข้างหน้าก็เถอะ เล็กแซว และหันไปพูดกับคนในรถต่อ เอ๊ะ ! ไม่รู้ตัวอีกว่าหมดประโยชน์แล้ว ลงมาแล้วไปนั่งข้างหลังเลย เดี๋ยวนี้นะคะ...ไม่งั้นไม่ต้องกินข้าวเย็น ชายคนนั้นเดินลงมาจากรถ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าผู้ชายของน้องเล็กชัดๆ ใกล้ๆเป็นครั้งแรก ไม่ผิดเลยที่เล็กจะให้คำชมในอีเมล์ว่าผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มรูปหล่อ เมื่อเค้ายืนตรง ผมกะว่าเค้าสูงกว่าผม เขาน่าจะสูงสัก 180 เซนติเมตร เป็นตำรวจที่ดูจะผิดจากตำรวจที่ผมเคยเห็น เป็นตำรวจที่มีผิวเปล่งปลั่งสุขภาพดีแก้มและปากแดงยิ่งนัก และที่สำคัญเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างดีมาก มีกล้ามแข็งแรงสมส่วน ที่เป็นลักษณะกล้ามเนื้อถาวรผ่านการออกกำลังกายมาหลายปีไม่ใช่กล้ามเนื้อที่เป็นแบบกล้ามปูฟิตเนส ชายหนุ่มคนนั้นแต่งตัวแบบที่ผมเริ่มจะวิตกแม้ผมยังไม่ได้ใช้คลื่นเกย์ด้าสแกนหาความจริงก็เถอะ เพราะว่า เสื้อที่เค้าสวมเป็นเสื้อคอวี สลิมฟิตทำให้มองเห็นรูปร่างได้อย่างไม่ต้องกะ กางเกงไซส์พอดีตัวเหมือนจงใจจะเน้นรูปร่างให้คนอื่นเห็นแบบไม่ต้องสงสัยว่าเรือรบได้วางเสาเรือไว้ด้านซ้ายหรือด้านขวาก่อนการชักใบขึ้นรบ...อืม.... พี่พลคะ นี่พี่ช้าง พี่ช้างคะ นี่พี่พล ตัวจริงเสียงจริงค่ะ เล็กแนะนำเราให้รู้จักกัน ผมยกมือขึ้นไหว้เพราะคะเน เขาน่าจะอายุเยอะกว่าผมสัก 3-5 ปี หวัดดีครับ พี่ช้าง เห็นเล็กว่าพี่เป็นตำรวจ ไหว้อย่างเดียวนะครับ ผมตะเบะไม่เป็นนะครับ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ เล็กพูดถึงพี่พลบ่อยมาก เจอตัวจริงซะที เค้าตอบผมพร้อมหัวเราะในมุขที่ผมล้อเล่น ไปกันเถอะค่ะ กวางหิวแล้ว น้องกวางตัดบท พี่ช้างทำท่าจะเดินไปนั่งเบาะหลัง ผมต้องรีบบอก ไม่ต้องครับพี่ ผมว่าเล็กล้อเล่นมากกว่า เดี๋ยวผมจะนั่งหลังกับกวางเอง ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปนั่งเบาะหลังเอง ไม่ได้เจอกันตั้งนานคงมีเรื่องคุยอะไรเยอะแยะ อีกอย่างพี่คิดว่า เล็กคงไม่ล้อเล่นมั้ง อย่างนี้สิถึงรู้ใจ ถูกต้องค่ะ หนูไม่ได้ล้อเล่น น้องเล็กตอบมา ทำให้พี่ช้างเดินไปนั่งหลังอย่างสงบๆ เมื่อทุกคนอยู่บนรถ ผมบอกทางให้น้องเล็กขับไปที่ร้านอาหารพื้นเมืองที่ผมไม่เคยผิดหวังในรสชาติของอาหารแถวฟ้าฮ่าม ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองนักชื่อร้าน บ้านไร่ยามเย็น ด้วยความที่ไม่ได้อยู่เชียงใหม่นานทำให้เล็กหลงๆกับเส้นทางและการเปลี่ยนแปลงของเมืองเชียงใหม่พอสมควรกว่าจะถึงที่ร้านก็สองทุ่มครึ่ง เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ทำให้คนเยอะแต่ผมได้โทรมาจองที่นั่งไว้ก่อนแล้วเพราะรู้จักกับเจ้าของร้านจึงทำให้เรามีที่นั่งพร้อมเมื่อไปถึง ด้วยความหิวผม น้องเล็กและกวางก็ตั้งหน้าตั้งตาสั่งอาหารที่คิดถึงนึกอยากจะกินกัน เอา แกงฮังเล แกงโฮะ คั่วแคไก่ น้องเล็กสั่ง ยำจิ้นไก่ แกงหน่อไม้ แกงผักปั๋งน้องกวางรีบเสริม พนักงานเสิร์ฟจดรายการแทบไม่ทัน แล้วพี่ช้างกินได้เหรอ ผมถามทั้งสองสาว น้องเล็กชิงตอบว่า จะอะไรนักหนา คนเป็นล้านเค้ากินกันก็ลำแต้ๆ มาเชียงใหม่ไม่กินอาหารเมืองก็ใช่ที่ ใช่ไหมพี่ช้าง เล็กหันไปทางพี่ช้างเหมือนขู่ ผมกินได้หมดครับไปราชการหลายที่ต้องหัดกินทุกอย่างไม่มีปัญหา เลี้ยงง่ายเน้อ กวางพูดหันมาทางผม เราสามคนมองหน้ากันแล้วอมยิ้มเพราะประโยคที่ว่า เลี้ยงง่าย ก็ความหมายไม่ต่างอะไรไปกว่า เชื่องจัง เป็นการเม้าท์เผาขนทางสายตาของเราสามคนและเป็นพฤติกรรมไม่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างยิ่งนัก แล้วพี่พลล่ะจะสั่งอะไร กวางหันมาถามผม พี่เอา.....อาหารกลางๆ ก็แล้วกันเอา.....ปลาหลิมนึ่งหมากนาวครับ พี่ช้างตาโตทำหน้าประหลาด ถามขึ้นว่า มันคืออะไรเหรอครับ ปลาหลิมเนี้ย เราสามคนก็ขำอาการของพี่ช้างอดนึกถึงตอนมาเรียนที่เชียงใหม่แรกๆไม่ได้เช่นกัน กับคำว่า ปลาหลิม ปลาหลิมก็คือปลาช่อนนั้นเอง อาจจะเป็นคำที่แปลกใหม่สำหรับคนภาคกลางและคนต่างถิ่นอยู่สักหน่อย แต่ถ้าคุณได้ยินคนภาคเหนือเค้าเอาปลาหลิมมาทำอาหารอย่าตกใจ น้ำเสียงอาจจะดูปลาน่ากลัว แต่แท้ที่จริงมันก็คือปลาช่อนนั่นเอง ปลาหลิมก็คือปลาช่อนครับ ผมบอก อ้อ พี่ช้างดูท่าทางเบาใจและดูหน้ายินดีที่อย่างน้อยก็คงมีอาหารที่ถูกปากจำพวกปลาสำหรับคนที่มาจากจังหวัดสิงห์บุรีอย่างเค้าที่ยังไม่คุ้นกับอาหารเมืองเหนือ เมื่อพนักงานเสิร์ฟจดรายการอาหารแล้วเดินไปจากโต๊ะเรา ผมจึงเอ่ยขึ้นว่า ถ้าพี่ช้างจะไปห้องน้ำก็เชิญนะครับ ผมชี้ทางไปห้องน้ำ ขอบคุณครับ พี่ช้างตอบแล้วนั่งเฉย พี่ช้างไม่ปวดห้องน้ำเลยเหรอคะ น้องกวางถามย้ำ ไม่ครับ พี่ช้างตอบ ........................ เงียบเราสามคนมองหน้ากันน้องเล็กต้องบอกกับพี่ช้างว่า พี่ไปห้องน้ำหน่อยเถอะค่ะ เราจะได้คุยลับหลังพี่ได้บ้าง นะค้า เสียงน้องเล็กออดอ้อนมาก อ้าว ? แล้วก็ไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก พี่ช้างทำเขินๆ แล้วเดินไปห้องน้ำแต่โดยดี เมื่อพี่ช้างลุกออกไประยะหนึ่ง สองสาวก็กระดี๊กระด๊ายิ้มหน้าตาอยากจะเม้าท์จนออกนอกหน้า ว่าไงคะ พี่พล น้องเล็กเอ่ยปากถาม โอ้ว...พระเจ้า ซู้ด พูดเสร็จผมทำตาโตพร้อมกับทำเสียงซูดน้ำลายที่มุมปากแล้วอ้าปากค้าง ไปหามาจากไหนนี่ ในโลกนี้ยังมีคนหล่อขนาดนี้เหรอ ผมเอ่ยชม ศาสนาไม่ทำให้คุณผิดหวัง ตักบาตรเข้าไว้ค่ะ หมั่นตักบาตรเข้าไว้ น้องเล็กตอบ พี่พลรู้ไหม พอมาเจอพี่ช้างกับนังเล็กมันนี่นะ ทำให้กวางต้องตื่นขึ้นมาหัดตักบาตรบ้าง แต่ทำไมแถวบ้านกวางพระไม่ค่อยแจ่มอย่างนี้นะ กวางพูด อ้าว ! เดี๋ยวนรกก็เปิดประตูรับหรอก ทำบุญหวังผลนะ แถมนี่ไม่หวังผลอย่างเดียว หวังผัวด้วย ผมพูด เป็นไงค่ะ พี่พลคิดว่าพี่ช้างเป็นไงบ้าง น้องเล็กถาม ก็ดูดีนี่ ผมตอบ ไม่ใช่อย่างนั้น หนูหมายถึงเค้าเป็นไง แบบว่า เออ...จู๋หรือจิ๋ม นี่มันลงทุนมากนะพี่พล อุตสาห์เอามาให้พี่พลดูตัวที่นี่ น้องกวางอธิบายถึงความตั้งใจของน้องเล็ก อุวะ แค่เจอกันไม่เท่าไหร่เอง พี่บอกยังไม่ได้หรอก ผมรีบแก้ตัว ชู่ว์....พอก่อนเค้าเดินมาแล้ว ผมรีบปราม เมื่อพี่ช้างเดินมาถึงก็พูดว่า. คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ สารทุกข์สุกดิบนะครับ เรื่อยเปื่อย ผมตอบ สมกับเป็นพี่พลจริงๆนะครับ เหมือนที่เล็กเล่าให้ฟังเลย เล็กเล่าอะไรให้พี่ช้างฟังบ้างละครับ ผมเริ่มสนใจขึ้นมาทันที ก็หลายเรื่องนะครับ ลองยกตัวอย่างมาซักเรื่องสิครับ ผมไม่ลดละ อยากรู้ว่าน้องเล็กจะพูดถึงผมว่าอะไรบ้าง น้องเล็กหน้าตาเหวอๆ คงเพราะจำไม่ได้ว่าเล่าเรื่องผมอะไรไปบ้าง ก็....เป็นต้นว่า เป็นคนฉลาด นิสัยดี เข้าใจเพื่อนฝูง เป็นคนมีน้ำใจ และก็เป็น...เออ...เป็น... เป็นเกย์ด้วย ? ผมพูดย้อน คำพูดของผมทำให้พี่ช้างหยุดพูด แล้วยิ้มให้ผมเก้อๆเหมือนคนทำตัวไม่ถูก แต่พี่ช้างก็บอกกลับมาในสิ่งที่ผมแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เปล่าครับ เล็กไม่ได้บอกนี่ว่าคุณพลเป็นเกย์ เล็กบอกผมว่าคุณเป็นผู้ชายที่เล็กสนิทที่สุดผมยังนึกเลยว่าคุณอาจจะเป็นแฟนเก่าของเล็ก แล้วตกลงนี่คุณเป็นเกย์เหรอครับ ผมอายมากที่คิดว่าน้องเล็กจะเอาผมไปนินทา แต่กลับกลายว่าเป็นตัวผมเองที่บอกกับพี่ช้างว่าเป็นเกย์ ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วผมจะปฏิเสธก็กระไรๆอยู่ ดีแล้วผมจะได้รู้ว่าพี่ช้างคิดอย่างไงกับผมด้วย ครับ ผมเป็นเกย์ แล้วพี่ช้างมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ผมถามรอคำตอบ ไม่มีปัญหานี่ครับ ไม่เห็นแปลกพี่ก็มีเพื่อนเป็นเกย์ คำตอบนั้นทำเอาเราสามคนในโต๊ะอึ้ง เงียบ ผมฟังแล้วก็สงบกำลังคิดว่าจะคุยเรื่องอะไรต่อดี แต่คนที่อดรนทนไม่ได้กลายเป็นน้องเล็กที่อุทานออกมาด้วยอการที่แทบจะเก็บไว้ไม่อยู่ มีเพื่อนเป็นเกย์ !?! พี่ช้างมีเพื่อนเป็นเกย์ด้วย ทำไม่หนูไม่เคยรู้เลย น้ำเสียงคำถามของน้องเล็กดูไม่พอใจเอามากๆ ก็เล็กไม่เคยถามพี่นี่ครับ พี่ช้างก็ตอบด้วยอารมณ์ปกติ ถึงไม่ถามพี่ก็น่าจะบอกหนูบ้างว่ามีเพื่อนเป็นเกย์ เล็กไม่ลดละ ทีเล็กมีเพื่อนเป็นเกย์ เล็กยังไม่เห็นต้องบอกพี่เลย พี่ช้างตอบด้วยน้ำเสียงปกติอีกครั้ง ก็เล็กคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าพี่พลจะบอกว่าเป็นเกย์พี่พลควรบอกด้วยตัวพี่พลเอง หนูไม่เห็นจำเป็นว่าต้องบอกใครนี่คะ ก็มันเป็นเรื่องของพี่พล หนูเคารพสิทธิของพี่พล โอ้...ในที่สุดผมก็เข้าไปเป็นหัวข้อของการถกเถียงของคู่รักครั้งนี้โดยไม่ได้ตั้งตัวอีกต่างหากแถมดูเหมือนว่าเล็กจะโกรธเอาจริงๆด้วยสิที่สำคัญเธอโกรธเพราะอะไรหนอ โกรธที่พี่ช้างไม่เคยบอกว่ามีเพื่อนเป็นเกย์ หรือกลัวที่พี่ช้างจะเป็นเกย์เหมือนเพื่อนหนอ แล้วทำไมเล็กไม่คิดว่าพี่ควรเคารพสิทธิของเพื่อนพี่บ้างล่ะ พี่ช้างตอบได้อย่างมีเหตุผลมากๆ ทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังควบคุมอารมณ์ความรู้สึกในการโต้แย้งเล็กๆในครั้งนี้ คงไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดว่าพี่ช้างเป็นคนพูดจาดีมีจังหวะในการคุมสถานการณ์ เมื่อน้องเล็กได้ยินสิ่งที่พี่ช้างพูด น้องเล็กคงคิดได้ ที่เอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง เลยพูดอย่างไม่พอใจกับพี่ช้างว่า หนูเกลียดที่สุด !?! พี่มีเหตุผลชนะหนูและที่สำคัญพี่พูดถูกซะด้วย พี่พลคะ ไปห้องน้ำกันไหมคะ น้องกวางเอ่ยปากชวนผม แล้วขยิบตาให้สัญญาณว่าเราลุกไปเดี๋ยวนี้กันเถอะซึ่งผมก็ทำตาม ตอบตกลงและลุกจากโต๊ะอย่างว่าง่าย เมื่อผมและน้องกวางเดินมาถึงหน้าห้องน้ำน้องกวางก็คุยกับผมว่า เราควรให้สองคนนั้นอยู่ตามลำพังบ้างค่ะ ผมเห็นด้วยกับความคิดนี้แต่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของน้องกวางที่บอกอีกว่า แค่นี้ก็ทะเลาะกัน แล้วมันจะไปกันรอดเหรอคะพี่ว่ามั้ย แค่นี้สรุปไม่ได้หรอกกวาง อีกอย่างนะ การทะเลาะกันไม่ได้หมายความว่าจะไปกันไม่รอดเสมอไปนะ ไม่เคยได้ยินเหรอ ผัวเมียทะเลาะกันลูกยิ่งดกนะ ผมแย้ง แต่แหม เรื่องมันก็ไม่ใช่อะไรใหญ่โต ทำไมต้องทะเลาะกันขนาดนั้นด้วย กวางก็รู้นี่ว่าเล็กมันเป็นคนอย่างไง มันพูดก่อนคิดเสมอแหละ แต่พี่ช้างก็เป็นผู้ใหญ่นะแถมพี่ว่าเค้าดูจะแคร์เล็กเสียด้วยสิ การทะเลาะไม่ใช่ไม่ดีเสมอไปนะ บางครั้งการทะเลาะ... ถ้าคนทะเลาะมองในแง่ดี เราจะรู้ว่าคนที่เราทะเลาะด้วยเค้าแคร์พอที่จะมาเปิดใจทะเลาะกับเรา ลองคิดดูถ้าคนเราไม่แคร์กันพอเค้าก็จะเพิกเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่สนใจ และปล่อยไปตามยถากรรม ผมให้ข้อคิดกับกวาง แต่ถ้าการทะเลาะกันจนถึงการลงไม้ลงมือกัน นั้นต่างหากไม่ใช่เครื่องของการแคร์ แต่เป็นเรื่องของการจะเอาชนะ เราไม่ควรเสียเวลากับคนที่ใช้กำลัง มาตัดสินในเรื่องของความรักนะ ไม่เจอ 4 ปีเอง พี่พลนี่คมนะคะ คำพูดบาดลึกมาก บาดจนหนูปวดฉี่เลย ขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน ผมหัวเราะที่น้องกวางทำตลก จริงๆเป็นนิสัยของคนหลายคนที่แก้เขินหรือได้ฟังอะไรดีๆ หรือ ได้ฟังอะไรเศร้าๆจะใช้มุขตลกแก้สถานการณ์เพื่อรักษาอัตตาของตัวเองไว้ซึ่งเป็นเกราะป้องกันเนื้อแท้ของจิตใจในการแสดงอารมณ์ออกมา และกวางก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เมื่อน้องกวางและผมทำธุระเสร็จ เรากลับไปที่โต๊ะ เห็นอาหารที่สั่งมาอยู่บนโต๊ะพร้อมและพนักงานกำลังตักข้าวเสิร์ฟพอดี ที่สำคัญพี่ช้างก็คุยหัวร่อต่อกระซิกกับน้องเล็กอีกต่างหาก ผมกับกวางรู้สึกโล่งใจที่เป็นตามที่ผมคิด ว่าแล้ว ผัวเมียทะเลาะกันลูกยิ่งดก เมื่อผมและกวางมานั่งที่โต๊ะ เราทั้งสี่เริ่มรับประทานอาหาร อาจเป็นเพราะความหิว แกงหน่อไม้ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ยิ่งคั่วแคไก่ที่เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมแกงโฮะที่มีหน่อไม้ดองเป็นส่วนประกอบทำให้รสชาติดีแล้ว ปลาหลิมหรือปลาช่อนนึ่งมะนาวยิ่งมีน้ำราดมี่ครบทั้งเผ็ดเค็มเปรี้ยวแซ่บได้ที่ จนพี่ช้างเอ่ยปาก อาหารอร่อยเหมือนกันนะครับ ถ้าไม่อร่อยพี่พลไม่แนะนำหรอกค่ะ ขานี้เชื่อเรื่องกินได้เลย แนะนำที่ไหนเป็นอันอร่อยทุกที่ น้องเล็กชมผมให้พี่ช้างฟัง แล้วที่พักที่ไหนดีๆบ้างครับ ยังไม่รู้เลยว่าจะนอนที่ไหนดี พี่ช้างถามผม อ้าว ทำไมงั้นละครับ ผมถามด้วยความประหลาดใจเพราะน้องเล็กบอกผมในอีเมล์ว่าจะมาพักที่คอนโดผม คือหนูบอกว่า หนูกับกวางจะพักกับพี่พลส่วนพี่ช้างไปหาที่นอนเอาเองค่ะไม่เกี่ยวกัน เล็กพูดหน้าตาเฉย ทำไมเล็กใจร้ายจัง ผมต่อว่าเล็ก ก็บอกพี่ว่าให้พี่เก็บคอนโดจะมาพักด้วย พี่ก็จัดซะเรียบร้อยเลย ไม่เป็นไรครับ จะได้อยู่กันเป็นส่วนตัวนานๆเจอกันที ผมไปนอนโรงแรมก็ได้ พี่ช้างเกรงใจและออกตัวเป็นคนที่ดูเรียบร้อยอย่างที่น้องเล็กได้เล่าไว้ในอีเมล์จริงๆ เหลวไหลน่า ผมเตรียมที่นอนไว้แล้วไม่ต้องห่วงครับ ห้องกว้างพอ เพื่อนผมเคยมาค้าง หกคนยังนอนพอเลย ผ้าเช็ดตัวผมก็มีพร้อมครับ เพื่อนผมนะชอบขึ้นมาเที่ยวเชียงใหม่ก็มาค้างกับผมประจำ คำเชิญของผมดูสมกับเป็นเจ้าบ้านมาก หากใครมาได้ยินผมพูดตรงนั้นผมอาจโดนเชิญเป็นทูตต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองเป็นแน่แท้ จะดีเหรอพี่พล เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนะ เล็กตัดพ้อ น้ำเสียงอ้อนวอน ไม่ต้องมาสะดิ้งแถวนี้เลย พี่ช้างเป็นเพื่อนพวกหนูก็เป็นเหมือนเพื่อนพี่ และจะได้พิสูจน์ว่าพี่ช้างไม่ได้รังเกียจเกย์จริงหรือเปล่า ไปพักด้วยกันเถอะ อีกอย่างเก็บเงินไว้ดีกว่า เปลืองเปล่าๆ ใช่ เก็บเงินไว้จ่ายค่าเหล้าตอนไปเที่ยวคืนพรุ่งนี้ดีกว่า น้องกวางพูดเสริม ดีมากกวาง เหตุผลน่าฟังมากๆ ผมกล่าวชม เราทุกคนต่างหัวเราะ เป็นอันว่าพี่ช้างก็ต้องมาพักที่คอนโดผมเช่นกัน ทุกคนขับรถมาเหนื่อยจึงตกลงว่าคืนนี้ จะนอนเร็วหน่อย ตื่นเช้าวันเสาร์จะขับรถขึ้นไปนมัสการดอยสุเทพ แล้วลงมาไปเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแม่ยะ หมู่บ้านถวาย ฯลฯ แล้วคืนวันเสาร์จะตะลุยราตรีของเมืองเชียงใหม่รำลึกวันเก่าๆกัน แล้ววันอาทิตย์ตื่นขึ้นมาซื้อของฝากแล้วขับรถกลับบ้าน แต่คืนนี้เมื่อทานข้าวเสร็จทุกคนก็มุ่งหน้ากลับมาที่คอนโดของผม คอนโดของผมไม่เล็กและไม่กว้างมากเป็นคอนโดห้องชุดขนาด 48 ตารางเมตร แบ่งเป็นห้องรับแขกและห้องนอนทั้งสองห้องมีโทรทัศน์ไว้ให้ดูห้องละเครื่องมีตู้เย็น เฟอร์นิเจอร์ครบ ห้องนอนผมมีเตียงขนาดคิงไซส์ นอนสบายๆสามคนได้ แน่นอน ผม น้องเล็ก น้องกวางจะนอนกับผมบนเตียงที่ห้องนอน ส่วนพี่ช้างก็นอนคนเดียวข้างนอกห้องรับแขกตามลำพังบนที่นอนที่ผมเตรียมสำรองไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว กว่าพวกเราจะอาบน้ำเสร็จเตรียมเข้านอนก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม ก่อนที่จะปิดห้องนอน ผมก็บอกว่า ถ้าพี่ช้างต้องการอะไรก็เคาะห้องเรียกนะครับ เคาะดังหน่อยนะครับ เพราะห้องนอนผมมันเก็บเสียงนะครับ ต้องการที่จะนอนตรงกลางผู้หญิงสองคนแทนพลนะครับ พี่ช้างตอบกวน อะไรนะคะ เดี๋ยวเหอะ น้องเล็กหูผึ่ง ผมกับกวางอดหัวเราะไม่ได้ อิจฉาน้องพลนะครับได้นอนกับผู้หญิงสวยขนาบซ้ายขวาตั้งสองคน แฮ่ม เสียงกระแอมของน้องเล็ก พี่ช้างค่ะ พี่เป็นแฟนหนูพี่ควรบอกว่าหนูสวยที่สุดคนเดียวค่ะ จะทำให้หนูดีใจมาก เล็กพูดประชด พี่ช้างจะนอนกลางระหว่างผู้หญิงสวยสองคนขนาบข้างก็ได้นะครับ แต่ว่าพี่ช้างต้องนอนคว่ำหน้าแล้วให้ผมนอนบนตัวพี่ช้างอีกทีหนึ่ง เอามั้ยละครับ เจอมุขนี้พี่ช้างก็ยิ้มแห้งๆก้มหน้าแล้วบอกว่า ฝันดีทั้งสามคนนะครับ พี่นอนคนเดียวข้างนอกดีที่สุดครับ อีกอย่าง น้องเล็ก ! ห้ามออกมาลวนลามพี่ช้างด้วย พี่ไม่ไว้ใจเรา คอนโดของพี่ ต้องเคารพกฎของพี่ คนที่มีสิทธิจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายในห้องนี้คือพี่คนเดียวเท่านั้น เข้าใจมั้ย ส่วนพี่ช้างไม่ต้องห่วงครับ ตูดของพี่จะปลอดภัยตราบใดที่พี่ไม่เข้ามาที่ห้องนอนของผม ผมพูดเสร็จทุกคนก็ขำแต่คนที่ขำไม่ออกน่าจะเป็นพี่ช้าง เมื่อเข้านอนเสร็จ น้องเล็ก น้องกวางและผมก็ล้มตัวลงบนเตียงปิดไฟทุกดวง แม้กระทั่งโคมไฟหัวเตียง เป็นไปอย่างพี่ช้างพูด น้องสาวผมทั้งสองให้ผมนอนตรงกลางเพื่อจะได้นอนกอดแขนผมคนละข้าง คิดถึงพี่พลจริงๆนะเนี่ย กวางพูดพร้อมเข้ากอด ใช่ คิดถึงสมัยที่เราไปอยู่บ้านไอ้ปิ่นมันเน้อ เล็กกอดบ้าง กอดไม่กอดเปล่าเอาขามาก่ายตัวผมอีก จนผมต้องปราม นี่ ! เกาะแขนก็เกาะไป ขาไม่ต้องมาก่าย เดี๋ยวเหอะ เล่นมากๆระวังตื่นมามีผัวเป็นเกย์กันทั้งคู่หรอก พูดเสร็จ เราทั้งสามคนก็หัวเราะ เราไม่ห่วงเสียงของพวกเราเพราะผมได้บอกแล้วว่าห้องนอนผมเก็บเสียง หากไม่ตะโกนดังๆ รับรองห้องรับแขกข้างนอกไม่ได้ยินเสียงพวกเราแน่ จากนั้นพอความเงียบปกคลุม น้องเล็กก็เปิดประเด็นทำลายความเงียบด้วยคำถามว่า ตกลงพี่พลคิดว่าพี่ช้างเป็นเกย์ไหมคะ ผมนิ่งกับคำถามนั้นสักครู่ แล้วผมก็ตัดสินใจบอกออกไปว่า พี่จะไม่โกหกเล็กนะ พี่ไม่รู้...เพราะพี่ไม่ได้ใช้เกย์ด้า และพี่จะไม่ใช้มันด้วย หา ! อะไรนะ ! พี่ว่าอะไรนะ! ตกใจไม่ตกใจเปล่าดันลุกขึ้นมากดเปิดโคมไฟที่หัวเตียงอีกต่างหาก เอ๊า! แล้วนี่แกจะเปิดไฟทำซากอะไรละเนี่ย กวางบ่นพร้อมกับหลับตาหลบเสียงโคมไฟ มีอย่างเหรอ หนูอุตส่าห์ขับรถมาตั้ง 10 ชั่วโมงแล้วนี่พี่จะไม่สแกนช่วยหนูหน่อยเหรอ อย่างงี้หนูก็มาเสียเที่ยวนะสิ ก็คิดว่ามาเที่ยว มาเจอพี่ไง ผมบอกเล็ก พี่พลไม่ดูให้มันจริงๆเหรอ กวางถามผม มันดูยากนะ ผมบอก พี่! พี่ช้างเค้าชอบฟังโอเปร่ามากเลยนะ เล็ก ! เล็กลุกเดินไปดูที่โต๊ะเครื่องเสียงที่เก็บซีดีเก็บเทปของพี่ซิ มันมีเทปโอเปร่าหรือเปล่า พี่เกลียดจะตายเสียงร้องโหยหวนขนาดนั้น พี่ทนเสียงแบบนั้นไม่ได้แต่พี่ก็เป็นเกย์ มันตัดสินอะไรไม่ได้หรอก ก็พี่มันเกย์กบฏนี่นา เป็นเกย์อย่างไงวะ ไม่ชอบโอเปร่า กวางแขวะผม เอ้า! เอาเข้าไปพี่หมายถึงรสนิยมการชอบเพลงมันต่างกัน เค้าอาจจะรู้สึกถึงความเป็นตัวตนอยู่ในโลกของเค้าเมื่อฟังโอเปร่า ผู้ชายบางคนก็ชอบโอเปร่านะ อย่างริชาร์ด เกียร์ในหนังพริตตี้ วูเมนไง ผมอธิบาย แต่น้องเล็กก็เถียงว่า ก็นั้นมันในหนัง พี่เคยบอกหนูเองว่าคนทำหนังทำภาพยนตร์มันก็มีแต่เกย์ตั้ง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นก็ยังมีความหวังอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมเถียงข้างๆคูๆ ใครบอก! พี่เคยบอกว่าชายจริงๆ มีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ เพราะอีก 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือกำลังตัดสินใจว่าจะเป็นเกย์ตามไอ้ 90 เปอร์เซ็นต์แรกต่างหาก เออ ! ห้าเปอร์เซ็นต์ก็ห้าเปอร์เซ็นต์ ผมพูดเสร็จเล็กยิ่งหน้าเสีย แต่เค้ามีเพื่อนเป็นเกย์ด้วยนะพี่ เล็กยังไม่อ้างหาเหตุมาให้ผมช่วย พี่มีเพื่อนสนิทเป็นชายแท้ตั้ง หกคน ไม่เห็นต้องเป็นชายแท้ตามพวกมันไปเลยนี่นา อีกอย่างเล็กก็มีเพื่อนเกย์คือพี่ เล็กก็ไม่ต้องมาเป็นเกย์เหมือนพี่นี่นา คิดบ้างสิ แล้วเล็กจะทำอย่างไงดีละค่ะถึงจะรู้ เล็กทำท่าเหมือนจะร้องไห้ในความคิดไม่ตก ถามเค้าเล็ก.....ถามเค้าตรงๆ ผมบอก มันจะดีเหรอพี่ เค้าจะบอกเหรอว่าเค้าเป็นเกย์ น้องกวางถาม มันขึ้นอยู่กับว่าผู้หญิงจะคุยอย่างไงต่างหาก ผมให้คำตอบกวาง ถามเค้าด้วยความจริงใจและเข้าใจ แต่ถ้าถามเค้าเพียงเพราะอยากรู้เพื่อที่จะเอาไปบอกกับคนอื่นว่า ชั้นรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นเกย์แล้วนินทาลับหลัง อันนั้นก็ไม่ใช่นิสัยของคนดีที่ทำกันมันเลวระยำมาก ที่เกย์ไม่กล้าบอกความจริง เพราะผู้หญิงจะชอบเอาไปพูดต่อนี่เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวที่ทำให้เกย์ไทยปกปิดฐานะ น้องเล็กกับกวางถ้าไม่แน่ใจในตัวผู้ชายคนที่รักอยู่ก็ ถามตรงๆเลย แต่ต้องรู้ไว้ว่าเราต้องรักษาความลับ เหมือนกับที่น้องเล็กก็ไม่ยอมบอกใครว่าพี่เป็นเกย์เพราะน้องเล็กคิดว่าเป็นเรื่องของพี่เองที่จะพูดอันนี้พี่ซาบซึ้งใจมากๆ ทั้งสองคนฟังผมอย่างตั้งใจ ผมมองหน้าน้องทั้งสองแล้วบอกว่า บอกเค้าว่า ถ้าเป็นเกย์ก็จะไม่เสียใจ ผู้หญิงทุกคนที่เกย์คนไหนสารภาพเปิดตัว จงภูมิใจที่เค้าได้บอกความลับที่ได้แบกไว้ตั้งแต่เกิดมาบอก และผู้หญิงคนนั้นควรรักษาความลับนั้นอย่างที่เพื่อนคนหนึ่งพึงกระทำต่อเพื่อน ไม่ใช่เอาไปโพนทะนาประจานต่อคนอื่น เพียงเพราะว่ารู้สึกเสียหน้า เสียแรงที่รัก แล้วอกหักเพราะรักเกย์ มันไม่ใช่เรื่องการเสียหน้านะ แล้วถ้าเกิดถึงขั้นมีอะไรกันแล้วล่ะ มันไม่ยิ่งแย่เหรอ น้ำเสียงเล็กซีเรียส เล็กเอ้ย... เซ็กซ์ คือ เซ็กซ์ ถ้าเราอยู่ในห้องมืดถูกปิดตาแล้วมีคนมาออรัลเซ็กซ์ให้เราเราไม่รู้หรอกว่าเค้าเป็นเพศไหน ตอนแรกอาจกลัวๆ แต่ถ้าเล้าโลมดีๆ เราก็อดจะเผลอไปตามการเล้าโลมนั้นไม่ได้ การมีเซ็กซ์ระหว่างเกย์กับหญิงเช่นกันบางครั้ง ก็อาจเกิดขึ้น แต่ผู้หญิงอย่าคิดว่าเราต้องเสียโง่หรืออะไรเลย ผู้หญิงไทยโดนกดขี่เรื่องเพศอยู่แล้ว คือถ้าเราเจอคนที่รักเราจริงๆแล้ว เค้าไม่แคร์หรอกว่าเราจะเคยผ่านเกย์มาหรือเปล่า ถ้าผู้ชายคนไหนเลิกรักเราเพราะเราไม่มีพรมจรรย์ เพราะเราเคยเสียให้เกย์ ก็ไสหัวไอ้ผู้ชายที่บอกตัวมันเองว่าเป็นชายแท้ออกจากชีวิตเราไปซะ เพราะนั่นมันไม่รักเราจริง มันรักแค่ตรงนั้นของผู้หญิงต่างหาก เชื่อพี่ ! คนที่รักจริงเค้าไม่แคร์หรอกว่าคุณจะมีอะไรมาก่อน ไม่งั้นแม่ม่ายก็เฉาตายหมดโลกนะสิ แล้วเล็กจะเหลืออะไรละ ถ้าเค้าบอกว่าเค้าเป็นเกย์จริงๆ เล็กถามผม เห็นไหมสุดท้ายเล็กก็รับไม่ได้ ถ้าพี่ใช้เกย์ด้าสแกนบอกว่าเค้าเป็นเกย์เล็กจะรับได้เหรอ ถามเค้าตรงๆ.....เล็ก สิ่งที่เล็กจะเหลือคือมิตรภาพ มิตรภาพของเล็กกับพี่เกิดขึ้นได้เพราะเล็กก็ถามพี่ตรงๆเรื่องที่เล็กสงสัยว่าพี่เป็นเกย์ ถึงเล็กจะเสียคนรักไปแต่เล็กก็จะได้เพื่อนที่เค้าไว้ใจเล็กที่สุดบอกความจริงกับเล็ก กวางว่าเล็กมันคงไม่อยากได้เพื่อนนะ มันคงอยากได้ผัวมากกว่า กวางแทรกทำให้บรรยากาศการคุยดีขึ้น ทำเอาเราสามคนหัวเราะคลายความเครียด รับปากกับพี่สิ ว่าเล็กจะจัดการเรื่องนี้เอง อย่าไปพึ่งเกย์คนอื่นใช้เกย์ด้าช่วยเล็ก เพราะนั้นหมายถึงเล็กไม่ให้เกียรติที่จะมาขอคำแนะนำจากพี่ต่อไป เล็กพยักหน้า เฮ้อ ! ผมถอนหายใจแล้วพูดปลอบเล็กว่า อย่าคิดมากน่า ยังไงวันนี้ก็มาเจอพี่ พรุ่งนี้ก็เที่ยวกันสะบัด อย่าคิดมาก เรื่องทุกเรื่องอย่าเอามาแบกไว้ เที่ยวสนุกก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันเพราะอาทิตย์นี้เราตั้งใจว่าจะมาเที่ยวพักผ่อนนี่นา ใช่ไหม โอเค หนูจะไม่คิด เรื่องนี้อีกตอนเสาร์อาทิตย์นี้ นอนดีกว่า เล็กปิดไฟที่หัวเตียงแล้วนอน ผมรู้ว่าผมได้ทำร้ายจิตใจน้องเล็ก ที่ไม่ยอมใช้เกย์ด้าสแกนพี่ช้าง แต่มันคือความสัจจริง ผมไม่อาจบอกเล็กว่าเค้าเป็นเกย์จริงหรือชายแท้เพราะผมคิดว่าเกย์ด้าของผมไม่แม่นอีกต่อไป คืนนั้นผมตัดสินใจเล่าเรื่องระหว่างผมนุ่นให้น้องเล็กกับน้องกวางฟัง เพื่อเป็นการย้ำว่า มิตรภาพของผมและนุ่นมีอยู่จริง ผมบอกให้เล็กก้าวเข้าสู่ความจริง อย่าเหมือนผมที่กว่าจะกล้าสู้ความจริงผมก็รู้สึกผิดที่ได้ก่อให้เกิดเรื่อง ทั้งๆที่สามารถห้ามไม่ให้เกิดได้ ปล่อยให้ความกลัวมามีอำนาจเหนือจิตใจจนเกือบทำร้ายจิตใจของทั้งนุ่นและผมตราบชั่วชีวิต น้องเล็กหลับสนิทหลังจากฟังเรื่องของผมและนุ่น ผมได้ยินเสียงกรนเบาๆของเล็ก ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ช่วยให้น้องเล็กนอนหลับ หรือไม่ก็เพราะเล็กสบายใจจากสิ่งที่ผมคุยกับเธอ ผมหวังว่าเล็กจะนอนหลับเพราะอย่างหลัง พวกเราตื่นขึ้นมาเมื่อเกือบเก้าโมงเช้า เราทำตามแผนที่นัดกันไว้ ครบถ้วนทุกอย่างจนวันอาทิตย์ทั้งหมดได้กลับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเค้าทั้งสองคนระหว่าง น้องเล็กกับพี่ช้าง เพราะเล็กก็ไม่โทรหาผม ผมรอเวลาที่ให้น้องเล็กพร้อมที่จะบอกเองมากกว่า สามเดือนผ่านไป........ เมื่อผมกลับจากทำงานแวะตู้รับจดหมายใต้คอนโด ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากสิงห์บุรี เปิดออกมาเจอการ์ดให้ผมร่วมเป็นสักขีพยานในงานมงคลสมรสระหว่าง น้องเล็ก และพี่ช้าง ที่จะจัดขึ้นในเดือนถัดไป ผมยิ้ม และโทรศัพท์ไปหาน้องเล็กกับจดหมายและข่าวเซอร์ไพร์นี้ ผมมาทราบภายหลังว่า เสื้อกางเกงของพี่ช้างที่ดูสลิมฟิต คอวี กางเกงเน้นเป้าเหล่านั้น เป็นผลงานเลือกของเล็กเองที่อยากให้พี่ช้างดูดี พี่ช้างเองก็รักเล็กมากไม่อยากขัดใจเล็ก น้องเล็กให้ใส่อะไรก็ใส่ ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า นอกจากเกย์จะชอบใส่เสื้อเข้ารูปคอวี ก็ยังมีชายแท้ที่ใส่เอาใจเมีย เหมือนนักฟุตบอลคนดัง.........เดวิด แบคแฮม ไงครับ ชายแท้ที่ไม่หวั่นที่จะสูญเสียความเป็นชาย เค้าใส่อะไรก็ได้ครับเพราะเค้ารู้ตัวอยู่เสมอว่าเค้าเป็นชายแท้ไม่มีอะไรทำให้เค้าเปลี่ยนได้ฉะนั้น การแต่งกายภายนอกก็สรุปไม่ได้เช่นกันว่าใครเป็นเกย์ อ้อ !.....ยกเว้นเกย์ด้าตอบได้เสมอครับ ....................................จบ ตอนที่ 6........................
26 มกราคม 2549 08:02 น. - comment id 89202
อ่านอย่างละเมียด ด้วยรอยยิ้มละมุน..ชื่นชม รับอรุณหวาน..ในยามเช้าค่ะ ด้วยรักค่ะ พี่พุด
26 มกราคม 2549 08:23 น. - comment id 89203
ไม่ผิดหวังที่รออ่านอะคับได้แง่คิดดีๆหลายอย่างเลย เขียนอีกเร็วๆนะรออ่านอยู่ คับ หนุกดี เป็นกำลังใจให้คับ
26 มกราคม 2549 11:32 น. - comment id 89206
ไม่ผิดหวังจริงๆอ่ะ ตอนที่ 7 ออกเร็วๆนะฮ้าตัวเอง
26 มกราคม 2549 15:21 น. - comment id 89211
ขอบคุณพี่พุด มากๆครับ ที่มาให้กำลังใจกัน ขอบคุณจริงๆครับ
26 มกราคม 2549 15:23 น. - comment id 89212
ขอบคุณ นักอ่านนิยายเกย์นะครับ หวังว่าจะคิดตามผลงานไปเรื่อยๆนะครับ ขอบคุณจริงๆ
26 มกราคม 2549 15:24 น. - comment id 89213
ขอบคุณ คุณ ช้อบ ชอบ นะครับ จะค่อยๆทะยอยนำมาลงครับ ตอนนี้ เขียนได้ 11 ตอนแล้ว ครับ
31 มกราคม 2549 11:35 น. - comment id 89320
ตอนที่ 7 จาออกเมื่อไรเนี้ย อยากอ่านจาแย้แล้วอ่ะ ออกเร็วๆนะ จารอ
31 มกราคม 2549 11:42 น. - comment id 89321
โพสแล้วครับ ใจเย็นๆรอระบบอัพเดทอีก 15 นาทีนะครับ ผมโพสตอน 11:40 น ครับ