ฉันมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งอยากให้ทุกคนได้อ่าน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับฉันสักช่วงเมื่อฉันอยู่ม.5 ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยเขียน ชื่อ ที่อยู่ ของตัวเองเพื่อประกาศหาเพื่อนคุยในหนังสือนิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งก็มีเพื่อนหลากหลายจังหวัดเขียนมาคุยกับฉัน ตอนนั้นดูเหมือนตัวเองเป็นดารายังไงยั้งงั้น ตอบจดหมายไม่หวาดไม่ไหว และก็มีสองสามฉบับที่เราติดต่อกันอยู่พักหนึ่ง จนเหลืออยู่คนนึง และแล้ว เราสองคนก็แลกรูปกันดู เพราะอยากเห็นหน้าเหลือเกินจากการคุยกันทางจดหมายได้หลายฉบับแล้ว จากนั้นฉันก็ให้เบอร์โทรกับเขาไป เขาเป็นผู้ชาย ชื่อรัตน์ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากเขียนชื่อเขาลงไปเลย แต่เผื่อวันใดวันหนึ่งเขาได้แวะเข้ามาอ่าน เขาก็จะได้รู้ว่าที่จริงแล้วฉันรู้สึกอย่างไร เขาโทรมาหาฉันบ่อยๆ เพราะเขาไม่เคยให้เบอร์โทรฉัน ฉันเลยโทรหาเขาไม่ได้ ระหว่างเราสองคนฉันไม่รู้ว่าการคุยกันทางจดหมาย และการคุยกันทางโทรศัพท์เขาจะคิดยังไงกับฉัน แต่ฉันคิดแค่ว่าเราเป็นเพื่อนกันทางจดหมายก็เท่านั้น แต่มาวันหนึ่งเขาบอกว่าเขามีโทรศัพท์มือถือแล้ว และเขาก็ใช้เบอร์นั้นโทรมา แต่ฉันก็ไม่ได้โทรไปหาเขาหรอก และหลังจากนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาที่บ้านบอกว่าในมือถือของเขามีเบอร์โทรของฉันอยู่ เขาอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร แต่ฉันเชื่อแน่ว่าฉันไม่รู้จักเขาอย่างแน่นอน ถามไปถามมาเขาอยู่จังหวัดเดียวกับพี่รัตน์ ฉันเลยถามไปว่ารู้จักพี่รัตน์รึเปล่า คำตอบที่ฉันได้คือ ผู้ชายคนนั้นบอกว่า สงสัยไอ้รัตน์มันเอามือถือของเขาไปใช้จีบสาวอีกแล้ว คืองงคะ ไหนพี่รัตน์บอกว่ามือถือของพี่ ฉันก็ไม่รู้ว่าใครพูดจริง พูดเท็จ แต่ฉันคิดว่าพี่รัตน์คงพูดโกหกมากกว่า และอีกวันต่อมาพี่รัตน์โทรมาหาอีก ฉันจึงบอกเขาว่าต่อไปไม่ต้องโทรมาหาแล้วนะคะ เป็นคำบอกกล่าวที่สั้นๆ และเมื่อเขาถามอะไรฉัน ฉันก็ได้แต่ เอ่อ...คือ แล้วก็วางสายไป เชื่อไหมคะจากนั้นอีกประมาณ สามสี่วัน ฉันได้รับจดหมายฉบับสุดท้ายของเขาพร้อมจดหมายทุกฉบับของฉันที่ฉันเขียนไปคืนมาทั้งหมด ซึ่งเป็นคำตอบกลับของเขาอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้ว่านี่คงจบสิ้นแล้วระหว่างความเป็นเพื่อนของเรา ฉันไม่รู้สึกเสียดาย หรือเสียใจ เพราะใจจริงของฉันแล้วเราอยากแค่คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์แลกเปลี่ยนความคิดกันมากกว่า แต่การพูดจาของเขามันมีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ฉันคิดว่า เขาหลอกลวงฉัน ฉันรู้ว่าฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคบกันต่อ ดีกว่าจะมานั่งกลุ้มใจทีหลังว่าจะทำยังไงดี เพราะหากวันข้างหน้าฉันอาจไม่อยากคุยไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอีกแล้วก็ได้ หากเราเสียความรู้สึกไปแล้ว มันเรียกกลับมาได้ยากจริงๆ ฉันยอมรับว่าฉันไม่เชื่อใจเขา ฉันรู้ว่าการคบใครสักคนต้องเชื่อใจเขาด้วย แต่เราเองรู้อยู่แก่ใจคะ ว่าเราควรจะเชื่อใจเขารึเปล่า มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความระแวงเลย เคยจับคนโกหกได้ไหมคะ คนโกหกมักจะไม่จำในสิ่งที่ตัวเองโกหกเท่าไหร่ แล้ววันหนึ่งเขาก็หลุดมาจนได้ ฉันอยากบอกพี่รัตน์ว่า หากฉันเข้าใจในตัวพี่รัตน์ผิด ก็ขอโทษด้วยนะคะ เพราะถ้าฉันเข้าใจพี่ผิดจริงๆฉันก็ไม่สมควรเป็นเพื่อนกับพี่หรอกคะ แต่ถึงฉันจะเข้าใจพี่ถูกจริงๆ ฉันก็ไม่เคยโกรธพี่จริงๆคะ แต่ที่ทำลงไป เพราะฉันไม่อยากเกลียดพี่คะเมื่อจับได้ว่าพี่โกหกฉัน เดี๋ยวนี้เพื่อนทางจดหมายเริ่มมีน้อยลง ตั้งแต่มีการ แชทกันทาง Internet อยากให้ทุกคนระวังตัวให้มากนะคะ มีบางคนแชทได้เพื่อนที่ดี ก็สานความสัมพันธ์ต่อ ได้เพื่อนไม่ดีก็อาจถูกล่อลวงได้ การเชื่อใจคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีคะ แต่อย่าลืมนะคะเราเลือกที่จะเชื่อใจ เลือกที่จะไว้ใจได้ ในบางเรื่อง เพราะขนาดคนใกล้ชิดเราเรายังไว้ใจเขาได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แล้วคนที่คุณแชทด้วยคุณก็ยังรู้จักเขาได้ไม่ดีพอเลย การได้คุยกันบ่อยๆก็ใช่ว่าจะได้รู้จักตัวตนของเขา ไตร่ตรองสักนิดนะคะ หากคบกันแบบเพื่อนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆระหว่างกันก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย ......................กรอฝ้าน...เพนกวิน
22 มกราคม 2549 10:47 น. - comment id 89148
เคยเขียนจดหมายเหมือนกัน ..ได้เพื่อนดีคนนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว มีเพื่อนในเนตที่ซี้ๆมากเหมือนกัน 2-3 รู้จักกันมากว่า 4 ปีแล้ว เมื่อก่อนอย่างไง เดี๋ยวนี้ก็อย่างงั้น ต่างแต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ต้องแชท คุยทางโทรศัพท์แทน คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ ที่ได้รับรู้และแลกเปลี่ยนกัน ไม่เคยคิดจะให้มากกว่านั้น ไม่เคยเห็นรูป ไม่เคยเจอตัวจริง แต่ทุกอย่างที่มีให้คือความจริงใจจริงๆ ทั้งเขาและเรา รู้สึกดีที่รู้จักเขาน่ะ มิตรภาพแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เรียบง่าย แต่ยาวนาน ..เหมือนดอกไม้ในสวนดอกไม้ ไม่ต้องมีมือใดหยิบให้กัน ให้มันงดงามอย่างธรรมชาติ มิตรภาพอย่างธรรมชาติ และหวังว่า.. มิตรภาพนี้จะงดงาม ชั่วนิรันดร์ :)