วันเวลาระหว่างบิน : อุบัติเหตุ
..สายลมทะเล..
สามอาทิตย์ก่อนหลังกลับมาจากไปทำงานหลังเขาได้สองวัน ผมก็ประสบอุบัติเหตุอกหัก เอ๊ย! ไหปลาร้าหัก(ก็ยังดีที่ไหปลาร้าหัก ถ้าไหปลาร้าแตกนี่ ม้งเพื่อนผมต้องลำบากว่ายน้ำข้ามโขงไปหากินฝั่งโน้นอีก) และก็เดชะบุญที่แถวนั้นมีบุรุษพยาบาลเดินเตร็ดเตร่อยู่กับเขาด้วย เขาก็เลยลงความเห็นเสียงดังอย่างน่าเชื่อถือว่า อ้อ! ไหล่หลุด แบบนี้ผมเห็นเป็นประจำ ให้ผมใส่ให้ไหม แต่เจ็บหน่อยนะ ทนไหวไหม ...แน่ะ มีแดกดันเราแบบกันท่า กลัวเราสำออย ...แต่ผมก็สำออยจริงๆ นะแหล่ะ เลยไม่มีการทำอะไร ผมนอนอยู่ท่าไหนก็หามขึ้นรถกระบะไปส่งโรงพยาบาลกันท่านั้น
ถึงโรงพยาบาล หมอซึ่งก็รู้จักกันอยู่ อ้อ! ไม่เป็นไรมากครับ เดี๋ยวผมให้รถฉุกเฉินไปส่งโรงพยาบาลในเมืองแล้วกันครับ
เออนะ ไม่เป็นไรมาก แล้วจะส่งผมไปทำไมเนี่ย ก็คิดในใจนะครับ ตอนนั้นพูดไม่ออก เจ็บที่หัวใจแปล็บๆ เอ๊ย! ไหปล้าราครับไหปลาร้า
ที่โรงพยาบาลใหญ่ เวลานั้นก็ค่ำแล้ว หมอเวรก็มีแต่เด็กๆ ...เห็นหมอเดินไปเดินมาอยู่สองรอบ ดูแผ่น X-Rays ที่มีอยู่สองแผ่นพลิกไปพลิกมาอยู่สิบเที่ยว แล้วก็เอาชุดรัดบล็อกไหล่สองข้างมาใส่ให้ ปล้ำกันสามคนกับพยาบาล ไอ้เราจะกรี๊ด ก็ดันเป็นผู้ชาย ครั้นจะว้าย ก็ไม่ใช่ผู้หญิง ที่สำคัญในห้องไอซียูเต็มไปด้วยชาวบ้านร้านตลาดซึ่งต่างก็พากันจับจ้องดูเราซึ่งอยู่ตรงกลางห้องกันเขม็ง...ร้องก็อายซิครับ ลูกผู้ชายเรื่องแบบนี้ยอมกันได้ที่ไหน...ก็เลยกัดฟันไว้ ไม่ยอมให้เสียงร้องหลุดออกมาสักแอะ...ฟังเหมือนจะดูดีนะครับ ถ้าไม่บังเอิญว่าผมฉี่ราดออกมาเสียก่อน ฮ่า
แต่พระเจ้าก็เข้าข้างผม เมื่อหมอกระดูกมือหนึ่งบังเอิญออกเวรเดินผ่านมา ท่านก็ดูฟิล์มสองแผ่นนั้น แล้วก็ลงความเห็นว่าอย่างนี้ควรผ่าตัดเอาเหล็กดามไว้ ซึ่งผมก็โอเคพร้อม ...พรุ่งนี้เช้าเจอกัน
แล้วผมก็หลวมตัวโดนหมอวางยา เสียอะไรไปบ้างหรือเปล่าตอนไม่ได้สตินี่ผมก็ไม่แน่ใจ ตื่นขึ้นมารู้สึกแต่ว่า เคว้งและเบลอ ได้ยินเจ้าวิสามัญวิสัญญี(ก็คนที่วางยาผมนั่นแหล่ะ)ถามว่า มองเห็นมั๊ย ผมก็ตอบว่าเห็น แล้วเจ้านั่นก็ชูนิ้วให้ผม ไอ้นิ้วไหนนี่ผมก็แยกไม่ออก ได้ยินแต่เสียงแผ่วๆ ว่ากี่นิ้ว... ผมรำคาญมันเหลือเกินก็เลยย้อนไปว่า ..ก็นับเอาซิ...ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันคงเป็นเกย์ เพราะมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกว่าแบบนี้ยังไม่ตาย...ผมเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ขยับตัวได้เมื่อไหร่ ผมจะรีบเข้าห้องน้ำเช็คความบริสุทธิ์ของผมทันที
บุรุษพยาบาลเข็นผมมาส่งในห้องพิเศษ สักพักพี่ๆ น้องๆ ก็โผล่หัวกันเข้ามา อ้อ! ตัวก็เข้ามาด้วย สักเกือบยี่สิบคนเห็นจะได้ ซักถามอะไรผมเยอะไปหมด ไอ้ผมก็เบลอ พยายามรวบรวมสมาธิตอบอย่างเต็มความสามารถ ที่จำได้แม่นก็ตอนที่ผู้ฝูงบอกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ พักให้เต็มที่ ไว้หายแล้วค่อยไปรายงานตัว ซึ่งผมตอบท่านไปว่ากุญแจรถอยู่ใต้รองเท้าแตะ ช่วยเก็บให้ด้วย...ท่านดูงงๆ ส่วนคนอื่นถึงกับขำกิ๊ก ผมเองเพิ่งเข้าใจว่าฤทธิ์ยาทำให้เราพูดในสิ่งที่เรากังวลออกไปอย่างใสซื่อ และคิดต่อไปว่าแต่งงานไปแล้วต้องระวังให้ดี ถ้าโดนยาสลบอีกเมื่อไหร่ ต้องกันภรรยาไว้ห่างๆ เดี๋ยวรู้หมดว่าเรามีกิ๊กไว้กี่คน ฮ่า นึกขึ้นมาแล้วก็ปวดไหปลาร้า
เย็นวันศุกร์ หนึ่งอาทิตย์หลังการผ่าตัด ความซ่าของคนไม่เจียมตัวก็บังเกิด ฟุตบอลระหว่างพี่ๆ น้องๆ นักเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งผมพลาดไม่ได้ลงเตะมาแล้วสองแมทซ์ มันเรียกร้องยั่วยวนจนทนไม่ไหว ใครจะว่าอะไรก็ไม่ฟัง ดื้อหัวชนฝาว่างั้นเถอะ...ก็เลยลงไปเตะกับเขาด้วย ก็คนมันไม่เคยกระดูกหักนี่ ไม่รู้ว่าแค่ไหนที่เรียกว่าเจ็บ...และปกติคำนี้ ก็ไม่คุ้นเคยกับปากผมเสียด้วยซิ
ไปไม่รอดครับ เล่นไปได้พักนึงก็รู้สึกถึงความผิดปกติ แสร้งทำเป็นหมดแรง ขอเปลี่ยนตัวออก...ก็ออกไปยืนเชียร์อยู่ข้างสนามนั่นล่ะ ทั้งที่หน้าซีดอยากเป็นลมใจจะขาด แต่ถ้ากลับก่อนก็จะเป็นพิรุธ เลยกัดฟันอดทนอีกแล้วครับท่าน อา แต่คราวนี้ฉี่ไม่ราดครับ
กลับถึงบ้านรีบอาบน้ำอย่างเร็ว อัพยาแก้ปวดไปสองเม็ด แล้วก็นอนนิ่ง สลับกับการอัพยาไปตลอดทุกสี่ชั่วโมง สรุปว่าสองวันเสาร์อาทิตย์ นอนพะงาบๆ กินยาสลับกับไส้กรอกเซเว่นอีเลฟเว่นข้างตึกอย่างน่าเวทนา จะโทรหายาหยีก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเพิ่งขอเลิกเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็เลยนอนกอดหมอนข้างร้องไห้ ฮึกๆ อยู่คนเดียว...น่าเวทนาครับ น่าเวทนา
เช้าวันจันทร์ ความเท่ซึ่งกินไม่ได้ก็มาอีกแล้วครับ ไปทำงานตามปกติ ...ถึงเย็นวันอังคาร วันนี้มีเตะบอลนัดสุดท้ายถ้าชนะเข้ารอบ ถ้าแพ้ก็กลับบ้านไป แต่เจียมตัวครับวันนี้เจียมตัว...ขอเป็นกองเชียร์สงบเสงี่ยมอยู่ให้กำลังใจแค่ขอบเส้น
แต่ลิงอย่างไรก็ต้องเป็นลิงวันยังค่ำล่ะครับ บอลเตะไปสองครึ่งจนจะจบเกมเหลือสิบนาทีอยู่แล้ว สถานการณ์ของทีมเราย่ำแย่มาก ใครจะไปทนไหว... อัศวิน(ยาฆ่าหญ้า)ทนไม่ไหว ต้องเปลี่ยนตัวลงไปเตะจนได้
ลงไปไม่ทันถึงนาทีเขาก็ยิงอีกลูกเป็นสองศูนย์...แป่ว พี่ๆ สามสี่คนหันมามองหน้าแล้วก็เดินออก คงคิดในในไอ้ตัวซวยลงมาทำไมว่ะ อย่างไรก็ตามตัวสำรองที่ลงมาแทนก็เตะผิดเตะถูก จนลูกเข้าไปตุงตาข่ายเป็นสองเท่าจนได้..ดีใจได้ไม่นาน เขาก็ยิงประตูที่สามได้ในนาทีสุดท้าย ทีมเราก็เลยคอตกขึ้นรถตู้กลับหลังเขาไป
ทุกคนจากไปหมดแล้ว ผมรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดง่ายๆ ออกไปซื้อยาแก้ปวดอย่างแรง...ความเจ็บทวีขึ้นเรื่อยๆ คืนนั้นเริ่มรู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรผิดปกติ...ฝั่งซ้ายของคอ ไหล่ แขน และปลายนิ้วปวดชาๆ ตลอดเวลา
รุ่งเช้าเข้าที่ทำงาน ขออนุญาตนายเสร็จก็ออกมาโรงพยาบาล รอคิวยาวเหยียดถึงสี่ชั่วโมงกว่าจะได้ตรวจได้ X-Rays คราวนี้ X-Rays ถึง 5 ตำแหน่ง ละเอียดมาก ...ถึงได้พบว่า ใต้กระดูกไหปลาร้าที่หักเป็นสามท่อนนั้น มีอีกหนึ่งชิ้นแตกและปักลงไปข้างใต้ กดทับกล้ามเนื้อและเส้นต่างๆ ...ต้องตัดแขนทิ้ง หมอบอก ...ผมค้อนหมอดังขวับ หมอก็เลยเปลี่ยนใจให้ยามากินแทน
เอาเป็นว่ากินยาไปก่อน ถ้ากล้ามเนื้อหายบวม ไม่อักเสบแล้วเส้นประสาทอาจไม่ถูกกดทับ ซึ่งก็เป็นอันจบ แต่ถ้าทุกอย่างกลับเป็นปกติ แล้วยังมีอาการปวด อาการชา ค่อยกลับมาตัดทิ้ง เอ๊ย! กลับมาผ่าตัดจัดเรียงกระดูกใหม่ ผมเลยยิ้มได้...อย่างน้อยถึงใครจะแช่งชักหักกระดูกผมไว้จนไหปลาร้าผมหัก..มันก็ยังซ่อมได้ และผมก็เชื่อว่า อกที่มีคนเขาหักเอาไว้เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนก็คงหายได้ในไม่ช้า...ว่าแล้วผมก็ยิ้มหยาดเยิ้มให้คุณหมอไปหนึ่งที