วันที่น้องชายโตเป็นหนุ่ม
สี่แยก
วันนี้น้องชายคนเล็กของฉันเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และก็มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบค่อนข้างจะมั่นคง ด้วยหน้าที่การงานของเขาทำให้เขาต้องอยู่ห่างไกลจากเราคนละจังหวัด ทุกครั้งที่คิดถึงเราจะส่งmail หากันบ้าง โทรศัพท์คุยกันบ้าง หรือแม้แต่การเขียนจดหมายก็มีเหมือนกัน
น้องชายของฉันเป็นคนที่ชอบกีฬาฟุตบอลมาแต่ไหรแต่ไร สมัยที่เรียนก็ทำงานสโมสรนักศึกษาร่วมกับเพื่อนๆมาตลอดจนกระทั่งเรียนจบ จนถึงวันนี้ที่บ้านยังไม่เคยเห็นเขาจะพาเพื่อนผู้หญิงคนไหนมาที่บ้าน เพื่อนๆในที่ทำงานก็มักจะแซวเสมอว่าเขาไม่มีสาวๆเดินด้วยเสียที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครมาชอบเขา เพียงแต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาเขา ทำให้เขารู้สึกเพียงแค่ความเป็นเพื่อน เป็นรุ่นน้องเท่านั้น แต่ถ้าถามว่าเขาแอบชื่นชมใครไหม แน่นอนเขามีใครบางคนที่พิเศษสำหรับความรู้สึกเหมือนกัน แต่ดูท่าทางสาวเจ้าเขาจะคิดกับน้องชายเราเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายเรื่องอกหักรักคุดจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสัมพันธภาพระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นยังไม่มีอะไรที่มากไปกว่าคำว่าเพื่อน และตัวเขาเองก็ยอมรับความเป็นจริงได้ว่าเรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติของโลก ที่คนจะต้องเจอทั้งความผิดหวังและความสมหวัง บางคนไม่เจอในสิ่งที่อยากได้ แต่บางคนก็ได้ในสิ่งที่ไม่อยากเจอ ขณะนี้ก็มีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาทักทายน้องชายของฉันอยู่เหมือนกัน
การที่ผู้หญิงแสดงความสนใจผู้ชายก่อน อาจจะถูกมองว่าไม่เหมาะสมนักสำหรับวัฒนธรรมของบ้านเรา แต่ด้วยยุคสมัยที่กลายเป็นผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายทำให้ผู้หญิงมีความเก่ง กล้า และมั่นใจในตนเองมากขึ้น จนลืมมองไปว่าการกระทำบางอย่างสมควรหรือไม่ การที่ผู้หญิงจะให้ความสนใจผู้ชายก่อนจึงจำเป็นที่จะต้องมีวิธีแสดงออกอย่างไม่น่าเกลียดสำหรับสายตาคนอื่นที่มองดู การแสดงออกถึงมิตรภาพของความเป็นเพื่อน แล้วค่อยๆขยับสถานะให้กลายเป็นเพื่อนสนิท และเปลี่ยนไปเป็นเพื่อนที่รู้ใจ จนจบลงที่เพื่อนร่วมชีวิต จะดูดีกว่าวิ่งไล่ตามถามหาความรักจากผู้ชายจนคุณค่าของตนเองหายไป นอกจากจะทำให้ผู้ชายเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อตนเองแล้ว ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกเจ็บปวดร้อนรน หมดคุณค่าในตนเอง และสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นกับตนเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเราปล่อยให้ความสัมพันธ์มันเจริญงอกงามไปตามกาลเวลาโดยที่เราไม่ต้องไปคาดหวัง สัมพันธภาพที่ได้กลับมาจะอยู่ในขั้นไหนเราก็จะไม่รู้สึกเสียใจ และยอมรับมันได้ ต้องนึกถึงหลักความจริงที่ว่าความรู้สึกไม่สามารถบังคับกันได้ และผู้ชายก็ไม่ได้มีคนเดียวในโลก ในเมื่อเขาไม่ได้รักเรา แต่มันก็ต้องมีสักวันที่จะมีใครสักคนมารักเราเช่นกัน ขอเพียงแค่หากวันนั้นมาถึงจงอย่าปิดกั้นตัวเอง หัวใจเราก็มีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เห็นโลกเป็นสีชมพูได้เหมือนกัน
การที่เกิดเป็นชายหรือหญิงก็ตาม ถ้าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเป็นความรู้สึกในแง่ดี ย่อมจะไม่ทำร้ายให้ใครเจ็บปวด แต่ถ้ามุ่งแต่จะทำร้ายผู้อื่น คนที่พบกับความทุกข์อย่างสาหัสเป็นคนแรกก็คือตัวเจ้าของความคิดนั่นเอง
วันนี้ไม่รู้ว่าน้องชายคนเล็กของฉันพร้อมที่จะเปิดใจศึกษาใครอย่างจริงจังแล้วหรือยัง คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จะดีกว่า แล้วคำตอบที่ได้ก็คงจะงดงามสมกับที่เราทุกคนรอคอย ไม่ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกจะเป็นใครขอให้เป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขทั้งกายและใจเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว