ว้ายยยยยยยย...ไม่ใช่หมอดูคู่หมอเดาที่ปูเสื่อใต้ต้นมะขามแขกสนามหลวงนะคะ..... อ๊ะ ๆ ๆ รู้นะคิดอะไรอยู่ แล้วที่แน่ ๆ ก็ไม่ใช่หมอนวดสังกัดเฮียชูวิทย์ด้วยค่ะ !! และก็ไม่ใช่หมอผีน้ำมันพราย เลี้ยงกุมารสะกดวิญญาณผีตายโหงที่ไหนด้วย !! ... เป็นเรื่องสั้นที่ยาวไปนิด อาจเพราะเขียนไปบ่นไประบายความอัดอั้นตันใจ ไป เลยยาวขึ้นยาวขึ้น.... ทน ทน อ่านกันหน่อยนะคะ................ ตอนเด็ก ๆ เคยถูกถามมั้ยคะว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร?? บางคนอยากเป็น ทหาร ตำรวจ นักบินอวกาศ คุณครู พยาบาล และ หมอ เยอะเหมือนกันนะที่ ตอบว่าอยากเป็นหมอ .... ถามต่อ ว่าอยากเป็นหมอเพราะอะไร.... ส่วนใหญ่ตอบ ว่าอยากเป็นหมอเพราะจะได้ช่วยรักษาคนไข้ให้หายป่วย แต่สำหรับเด็กหญิงซอนย่า เหตุผลที่ทำให้ซอนย่ารู้สึกอยากเป็นคุณหมอกับเค้าขึ้นมา..... เนื่องจากทิฐิมานะ ที่ดันไปเจอหมอใจร้ายคนนึงที่ฝังใจมาจนถึงปัจจุบัน....... !! สมัยเด็ก ๆ ซอนย่าไม่ชอบโรงพยาบาลเลย ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล ไม่ชอบกินยา เพราะเวลากินยาเราโดนบังคับให้กิน แล้วมันขมมาก หรือไม่ก็กลิ่นแปลก ๆ ไม่อร่อย นอกจากนั้นยังเป็นโรคกลัวหมอ กลัวนางพยาบาล กลัวเข็มฉีดยามากกกกก ........ ก็เวลาฉีดมันเจ็บนี่ มันเลยฝังใจเลยว่าเวลาไปโรงพยาบาลเจอหมอ จะต้องเจ็บตัว เชื่อเลยค่ะ ว่าไม่ได้เป็นแค่ซอนย่าคนเดียวหรอกน่า... หลาย ๆ คนก็เป็นใช่ม๊า.. ตอนซอนย่าอายุประมาณ สิบกว่าขวบเนี้ยแหละ อยู่ชั้น มัธยมต้น ตอนนั้นเริ่มโตแล้ว ความกลัวแบบไร้เหตุผลแบบเด็ก ๆ ก็เลยหมดไป จำได้ว่าซอนย่าเจ็บคอมาก ๆ เลยค่ะ เริ่มจากเป็นหวัดก่อน แล้วก็เริ่มมีไข้ ปวดหัวตัวร้อน พอไข้ลดก็เจ็บคอ แต่เจ็บมากไม่หายซักที จนทานข้าว แทบไม่ได้ แต่ก็ไม่ไปหาหมอ เจ็บจนไข้จะกลับมาใหม่คุณพ่อทนไม่ไหว เลยจับไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลก็คนเยอะสิคะ ซอนย่าก็นั่งรอกับคุณพ่อ ตอนแรกนั่งรอหน้าห้องคุณหมอ พอใกล้ ๆ คิวเรา เค้าก็จะเรียกเราเข้าไป ในห้องหมออีกที เพื่อรอตรวจเป็นคิวต่อไป ตอนที่อีกหนึ่งคิวจะถึงคิวตรวจ ของ ดญ.ซอนย่า มีน้องคนนึง เล็กกว่าซอนย่าค่ะ น่าจะประมาณห้าหกขวบ รายนั้นเค้าร้ายน่าดู ..... คุณหมอจะตรวจคอ ซึ่งต้องใช้ไม้กดลิ้นส่องไฟฉาย น้องเค้าก็ไม่ยอม ทั้งเตะทั้งถีบหมอ หมอก็สั่งพยาบาลกับคุณแม่ช่วยจับ ปรากฏพอ จับอ้าปากเอาไม้กดลิ้นปุ๊บ เจ้าเด็กนั่นก็ดิ้นอย่างรุนแรง จนมือ พลาดไปฟาดหน้าหมอเปรี้ยง ไม้กดลิ้นกระเด็นหลุดจากมือ.......... ทราบมั้ยคะ?? ว่าคุณหมอท่านนั้นพูดว่าอย่างไร คุณหมอหันไปทำหน้ายักษี ใส่ทั้งแม่ ทั้งพยาบาลทันที พร้อมตวาดเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงโกรธสุดขีดว่า " บอกให้จับดี ๆ ไง....... ไม่รู้เรื่องเหรอ?? มันยากนักเหรอให้ช่วยจับแค่เนี้ย? แล้วเด็กเนี้ย !! ทั้งดิ้นทั้งร้องขนาดนี้ ฉันจะตรวจได้ยังไง... ไม่ต้องต่งไม่ต้อง ตรวจมันแล้วถ้ายังไม่หยุดดิ้นหยุดร้อง...... ไปเลย.....ไปนั่งตรงนู้นก่อนเลย ทั้งแม่ทั้งลูก รอให้สงบสติให้ได้มากกว่านี้ซะก่อน แล้วค่อยมาตรวจกับชั้น!!..." " คิวต่อไปเชิญค่ะ..... !! " แล้วหล่อนก็มองมาที่ฉัน ตอนนั้นซอนย่าจำได้ว่ากลัวมากกกก ตกใจมากกก พอ ๆ กับ ทั้งแม่ลูกคู่นั้น แหละค่ะ คุณแม่ทำหน้าไม่ถูก อีตาลูกก็ยิ่งแผดเสียงร้องให้ดังเข้าไปใหญ่
คงเพราะตอนนั้นซอนย่าเริ่มโตแล้ว พอรับยากลับบ้านออกจากโรงพยาบาลวันนั้น ด้วยอาการทอลซิลอักเสบ พร้อม Antibiotic ถุงใหญ่ พร้อมยาลดไข้ และลดบวม และยาแก้แพ้ ซอนย่าถามพ่อว่า ทำไมหมอต้องดุน้องคนนั้นด้วย...... พ่อบอกว่า น้องเค้าดิ้นจน มือไปฟาดหน้าหมอ หมอเค้าคงโกรธมั้งลูก....... ซอนย่าเลยถามต่อว่า ก็น้องเค้า ยังเด็ก เค้ากลัว ทำไมหมอไม่ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ ปลอบน้องเค้า ทำไมต้องตวาด เสียงดังใส่แม่ใส่พยาบาล ใส่เด็กขนาดนั้น ?? พ่อเงียบ.....ไม่ตอบ............... แล้วซอนย่าก็พูดกับพ่อว่า พ่อคะ ...หนูจะเรียนหมอ... และหนูจะไม่ทำตัวเหมือน หมอคนนั้น..... พ่อยิ้ม...... แล้วก็พูดว่า อย่าขี้คุยไปหน่อยเลยเรา เรียนทุก วันนั้นยังไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย... รู้มั้ยว่าจะเป็นหมอได้ ต้องเรียนเก่ง ๆ ซอนย่าเงียบค่ะ ไม่พูดอะไรอีกเลย แต่มีมานะอยู่ในใจว่า ฉันต้องเรียนหมอให้ได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกินสิบปีแล้วค่ะ...... :) ซอนย่ายังจำได้อยู่เสมอ ถึงเหตุผลที่ตัวเองเลือกมาเดินทางด้วยสายวิชาชีพนี้ ทุกวันนี้ก็ไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองใหญ่โต.... ทุกครั้งที่ตรวจคนไข้ ถ้าเป็นคุณลุงคุณป้า ซอนย่า ยกมือไหว้ก่อนเสมอ.... ไม่เคยรอให้เค้ายกมือไหว้เลย....... แต่พอมาทำงานตรงนี้เข้าจริง ๆ เลยรู้ค่ะ ว่ามันหนักหนาสาหัสแค่ไหน ต้องมีความรับผิด ชอบสูงแค่ไหน ต้องทุ่มเทเวลากับมันแค่ไหน ทั้งไอ้ตอนเรียนก็แสนหนัก ปัจจุบันมาทำงานในโรงพยาบาลรัฐบาลอย่างที่ฝันไว้แหละค่ะ กินอุดมการณ์ ไม่ยอมไปรวยเหมือนเพื่อน ๆ ตามเอกชน เพราะคิดไว้เสมอว่าอยากช่วยคน ที่เค้าไม่มีเงิน คนจน... เหมือนที่เราเคยจน แล้วไปใช้บริการโรงพยาบาล รัฐบาลแล้วเจอหมอใจร้ายแบบนั้น..... แต่วันนี้เราจะทำให้คนที่มารักษากับ เรา ได้รับความรู้สึกดี ๆ ที่เรามอบให้กลับไป ให้เค้าได้รับความประทับใจมาก ที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อมาต้องทนนั่งรอเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อพบเรา พร้อมกับ ความเจ็บป่วยที่แบกมาและกำลังต้องทนทุกข์ทรมานอยู่......
แล้วระบบก็กลืน ค่ะ ........ ด้วยปริมาณคนไข้ที่มากมาย เนื่องจากโรงพยาบาล ที่ทำงานอยู่มีคนไข้มาใช้สิทธิ 30 บาท เยอะมาก นอกจากนั้นยังรับคนไข้ประกัน สังคมเข้ามาอีก วัน ๆ คนไข้ล้น OPD จนตรวจกันไม่หวาดไม่ไหว ซอนย่าเอง ลงตรวจ เช้าที่สุดแล้วค่ะ เพราะพวกรุ่นพี่ ๆ ทั้งหลายนั้นสายกันประจำ คนไข้ก็ออ ตรวจกันตั้งแต่เช้า ทำให้ยิ่งรอนานไปใหญ่ นี่ไม่อยากว่าใครนะคะ ใครทำหน้า ที่อะไรก็น่าจะรับผิดชอบให้เต็มที่ ไม่ใช่ถือว่าตัวเองมีอาวุโส ไม่ต้องรีบมาก็ได้ ปล่อยหมอเด็ก ๆ มันตรวจไป..... แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่โรงพยาบาลรัฐบาลมันจะ ได้ประทับใจประชาชนสักที ถ้าคนไข้มีทางเลือกมากกว่านี้เค้าคงไป โรงพยาบาล เอกชน ตั้งนานแล้ว...... แต่นี่เพราะไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาไป...... ก็เลยต้องทน... เฮ้อ....... ดิฉันกำลังจะเป็นยายแก่ขี้บ่นเข้าไปทุกวันค่ะ OPD เช้า หมอลงตรวจแปดห้อง นี่เฉพาะ OPD Med( อายุรกรรมทั่วไป) นะคะ.... ส่วน OPD เฉพาะทางด้านอื่นนั้นแยกห้อง อันนี้หมายถึงด้าน ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมกระดูก สูตินรีเวชกรรม เด็ก Eent(หู ตา คอ จมูก) แยกห้องแยกที่ตรวจค่ะ แต่ก็อ้วก พอกัน เพราะคนไข้ล้นทุกที่ ซอนย่าก็อาศัยตื่นตั้งแต่ ตีสี่ รีบไป ราววอร์ด Round Ward ตอนตีห้า อันนี้หมายถึงการไปดูคนไข้ที่เรารับ Admit เป็นคนไข้ในค่ะ แล้วแต่ว่าคนไข้จะไปอยู่หอผู้ป่วยไหน เพื่อเป็นการติดตามการรักษา และวางแผนในการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ราววอร์ดเสร็จหกโมงกว่า ซอนย่าก็รีบลง มาตรวจโอพีดี เช้าเลยค่ะ คนไข้จะได้ไม่รอ............ เป็นอย่างงั้นได้อยู่ปีกว่า ๆ ทุกวันนี้ไม่แล้วค่ะ เพราะลงตรวจ แปดโมง ราววอร์ด หกโมงนิด ๆ เกือบเจ็ดโมง....... จะรีบตรวจไปทำไมคะ ห้องตรวจเช้ามีหมอแปดคน ทุกคนมาไม่ต่ำกว่า เก้าโมง ทั้งนั้น ทุกวันนี้ ลงตรวจแปดโมงก็เช้าที่สุดแล้ว สมัยก่อนลงหกโมงกว่า พยาบาลห้องตรวจก็เทคนไข้มาห้องซอนย่าคนเดียว เพราะไม่มีหมออื่นมา หมอแปดคนได้เงินได้เท่ากัน......ทำไมดิฉันต้องทำงานมากกว่า??? ทำไมต้องตรวจมากกว่า........ ทำไปแล้วได้อะไรคะ?? พอระบบมันเป็นอย่างงี้ ซอนย่าจะฝืนระบบมันอยู่คนเดียวได้เหรอ? แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?? To Be Continued.......
..
และด้วยความที่เป็นหมอจบใหม่ค่ะ เป็นรุ่นน้องก็ต้องโดนใช้งานเยี่ยงทาส เป็นธรรมดา นี่เอามาแฉ วงการเลยนะคะ ในช่วงเวลาราชการปกติเนี้ย คือ แปดโมงเช้า ถึงสี่โมงเย็น จะเป็นโอพีดีปกติ ถ้า สี่โมงเย็นถึงสองทุ่มถือ เป็น โอพีดีนอกเวลา ซึ่งหมอต้องอยู่เวรเวียนกันไป ได้เงินพิเศษ ส่วนเวรที่ไม่ค่อยมีใครอยากอยู่เท่าไหร่ เพราะต้องอยู่ตั้งแต่สองทุ่มจนถึงเช้า เรียกว่าเวร ER หรือเวรห้องฉุกเฉินค่ะ เวร อีอาร์ ยังแบ่งเป็นสองส่วน เรียกว่าส่วน Trauma ทรอม่า กับ Non-Trauma นอน-ทรอม่า แปลง่าย ๆ คือ เลือดตกยางออก กับ เลือดไม่ตกยางไม่ออกค่ะ คือถ้าเป็นอุบัติเหตุแบบ แข้งขาหักฟกช้ำดำเขียวอุบัติเหตุรถยนต์ หัวแตก โดนฟาดมาโดนยิงโดนแทง เรียกว่าทรอม่า นอกนั้นเช่นอยู่ดี ๆ ปวดหัวปวดท้อง คลื่นเหียรอาเจียร ช๊อก หายใจไม่ออก หัวใจจะหยุดเต้น ชักกระแด่วมา เรียกว่า นอน-ทรอม่า ค่ะ จำได้ว่าคืนนึงซอนย่าอยู่เวร อีอาร์ประเภท นอน-ทรอม่า นั่นคือเลือดไม่ตกยางไม่ออก ฟังดูสบายใช่มั้ยคะ??? แต่ปล่าวเลยค่ะ...... เจอมรสุมคนไข้ตั้งแต่สองทุ่มยังไม่ทันเที่ยงคืนเนี้ย เจอคนไข้ Arrest สาม Case ติด ๆ กันค่ะ อันนี้ก็คือคนไข้โรคหัวใจค่ะ Arrest หมายถึง มีภาวะหัวใจวายทั้งเรื้อรัง ทั้งเฉียบพลัน ดิฉันปั๊มรวดค่ะ CPR สามเคส เดชะบุญ ที่ รีสัซสเตท ได้หมด ซึ่งหมายความว่าปั้มหัวใจให้กลับมาเต้นเป็นปกติได้ และก็ Admit ขึ้นวอร์ดไป ตามมาติด ๆ ด้วย เด็กวัยรุ่นหญิง กินยาฆ่าแมลงประชดแฟนค่ะ อันนี้ ก็ถือเป็น Non-trauma ก็ต้องจับกรอก คาร์บอนล้างท้องสิคะ ต้องใส่ท่อวุ่นวายไปหมด ตีหนึ่งเจอคนไข้ Burn มาอีกค่ะ โดนไฟดูดรุนแรงระดับสามค่ะ แถม Arrest อีกต่างหาก นอกนั้นก็เจอแทบครบค่ะ ทั้ง Appendict ใส้ติ่ง Ectopic ที่ต้องส่ง Consult สูติฯ นอกนั้นก็มากันครบค่ะ ทั้งอัพเปอร์ โลวเวอร์ GI-Bleed หรือพวกเลือดออกในทางเดินอาหาร ไม่รู้ว่าเลือดไหลกันมาแต่ปางไหน แต่ดันมาซีดจนความเข้มข้น เลือดต่ำจนใกล้จะช๊อกแล้วถึงมาหาดิฉันเอาเวรอีอาร์คืนนี้ สารพัดสารพันจนซอนย่าแทบไม่ได้เงยหน้า เงยตาตั้งแต่สองทุ่มจนล่วงมาตีสองกว่า และแล้ว Case เจ้าปัญหาที่สามารถทำให้ดิฉันสติแตกก็ มาเยือนเอาตอนตีสามกว่า ๆค่ะ .......มาตอนที่สภาพร่างกายล้าเต็มทนจากการอดนอน และต้องตรวจคนไข้หนัก ๆ มาทั้งวัน และเกือบค่อนคืน.......
พยาบาลเรียกเข้ามา ซอนย่าก็ถามว่า เป็นยังไงบ้างคะคุณ? เป็นอะไรมา?? รู้มั้ยคะว่าคนไข้ตอบดิฉันว่ายังไง??? เค้าตอบดิฉันว่า....... เค้านอนไม่หลับค่ะ เค้าเลยมาหา มาขอยานอนหลับ บัดเดี๋ยวนั้น ทำให้สติดิฉันแตกทันทีค่ะ ความอดทนอดกลั้นแสนดีทั้งหมดหายมลายไป จนทนไม่ไหวจริง ๆ ด้วยอารมณ์ที่เสียมาก ที่ได้ฟังคำตอบจากคนไข้ ดิฉันจึงตวาดออกไปสุดเสียงว่า " คุณคะ!! นี่ห้องฉุกเฉินนะคะ หมอตรวจคนไข้หนักเท่านั้น.... แล้วคุณนอนไม่หลับ แล้วมาหาหมอเนี้ยนะ??......คุณไม่รู้สึกละอายใจ ไม่สงสารคนไข้คนอื่นบ้างเหรอที่คุณ ต้องทำให้เค้าเสียเวลารอตรวจเพราะเรื่องไร้สาระแบบคุณเนี้ย??? ไอ้เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ คุณคิดได้หรือเปล่าว่าอะไรควรหรือไม่ควร???.....ถ้าคุณมาด้วยเรื่องแค่นี้เชิญกลับเลยค่ะ... ...หมอไม่ตรวจคุณนะคะ และหมอก็จะไม่จ่ายยานอนหลับให้คุณด้วย .. เชิญกลับไปได้เลยค่ะ!! " ซอนย่า เหวี่ยง OPD การ์ด กระแทกโต๊ะตรวจ ดังปึ้งสนั่น จนพี่ ๆ พยาบาลเวรดึก สะดุ้งตกใจกันเป็นแถวเลยค่ะ........... ก็สติมันแตกจริง ๆ นี่ มันทนไม่ไหวแล้ว ใครจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ มันเหลืออดจริง ๆ เท่านั้นแหละค่ะ คนไข้ Case นี้ ก็ปล่อยโฮ....... ออกมาดังลั่น จนดิฉันเริ่มตกใจ มาทราบภายหลัง หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ว่าคนไข้คนนี้เป็นรายที่น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ลูกชายเค้าเสียไปได้เดือนเศษ ๆ จากอุบัติเหตุมอร์เตอร์ไซด์ แล้วมิหนำซ้ำ เค้ายังมา เจอปัญหาตรงที่ สามีที่ไปทำงานอยู่ซาอุ ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลอาการเป็นตายเท่ากัน เมื่อสองวันก่อน ซึ่งตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง จนทำให้ กินไม่ได้นอนไม่หลับมาสองวันติดกัน จนมาคืนเกิดเหตุนี่พยายามนอน ก็ยังนอนไม่ได้ จนเริ่มรู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม เค้าไม่มีญาติมิตรที่ไหนเหลือเลยจนไม่รู้จะไปพึ่งใคร เลย ตัดสินใจมาหาหมอที่โรงพยาบาล...... น่าสงสารมั้ยคะ?? แต่ดันไม่บอกต้นสายปลาย เหตุให้ดีซะก่อน ดันมาบอกว่านอนไม่หลับ เลยทำให้ดิฉันตวาดแว้ดใส่ไป.... นึกถึงสภาพ คนที่จิตใจย่ำแย่เต็มที พอ ๆ กับร่างกายที่ทรุดตามกัน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร เลย มาหา หมอ แล้วดันมาเจอ หมอตวาดใส่อย่างรุนแรงขนาดนั้นสิคะ........ ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาทันที ซอนย่าจำได้ว่า พูดขอโทษคนไข้ไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แล้วก็พยายามปลอบให้หยุดร้องไห้ และให้พี่พยาบาลดูแลก่อน เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าปล่อย แกกลับไป จะคิดมากทำร้ายตัวเองหรือเปล่า เพราะสภาพจิตใจย่ำแย่เต็มทน หากปล่อยกลับ โดยไม่ดูอะไรให้ดีก่อน แล้วเกิดอะไรขึ้น คงโทษตัวเองและไม่ให้อภัยตนเองไปตลอดแน่ ๆ จนตัดสินใจคิดว่าต้องส่งผู้ป่วยรายนี้ Consult จิตเวช ตอนเช้าทันทีเพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป ตรงนี้นี่เองที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นหมอที่ใจร้ายจังเลยในช่วงเวลานั้นที่ตวาดคนไข้ออกไป แล้วก็ทำให้ย้อนกลับไประลึกถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองมาเป็นหมอเหมือนทุกวันนี้ ว่าเราเคย เจอหมอที่พูดจาไม่ดีกับคนไข้ จนเกิดทิฐิมานะว่าจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีกว่าประสบการณ์ ที่พบมาไม่ใช่เหรอ?? แล้วตะกี้เราเป็นอะไรไป?? ทำไมเราถึงได้ทำอะไรอย่างนั้นออกไป??
ณ ตอนนี..ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ได้ตวาดคนไข้ Case นั้นออกไป เพราะนั่น!! มันทำให้เราได้ฉุกคิด และได้เกิด ความรู้สึกละอายใจ ช่วยทำให้ตอกย้ำสำนึก และ ย้ำอุดมการณ์ ให้ระลึกถึงเหตุผล ที่ทำให้เรามาประกอบวิชาชีพแพทย์ ในทุกวันนี้ และทำให้เราพยายามยิ่งขึ้น ที่จะเป็นแพทย์ที่ดี ต่อไปอย่างสุดความสามารถ........... Story By :: SonyaBeauty MD.
19 กันยายน 2548 21:12 น. - comment id 86766
มาชวนไปมิตติ้งกัน .. ไปนะ .. เรื่องอาละวาดในโรงหมอ อัลมิตราก็เคยก่อวีรกรรมไว้เหมือนกัน ฤทธิ์มากขนาดปัดเข็มฉีดยาที่อยู่ในกล่องแตกกระจายเชียว .. กว่าจะโดนจับล๊อค เพื่อให้หมอฉีดยา ก็เล่นเอาย่ำแย่เหมือนกัน กลับบ้านก็พาลเคืองคนทั้งบ้าน.. โป้งไปหมดทุกคน ตอนโตนี้ก็เถอะ .. ระหว่างผีกับหมอ สงสัยอัลมิตราจะกลัวหมอมากกว่าผี ค่ะ
20 กันยายน 2548 08:12 น. - comment id 86768
หุหุ..มาดูหมอบ่นอะ..... ***คนข้างบนนะไม่เชื่อหรอกว่ากลัวหมอมากกว่าผี..อิอิ..รู้นะกลัวผีกะตุ๊กแก...อิอิ..
20 กันยายน 2548 10:02 น. - comment id 86770
คนดีของพี่พุด เห็นชื่อค่ะ*หมอใจร้าย*เลยรีบมาอ่านเลยอิอิ เพราะในชีวิต เคยพบหมอคนนึงใจร้ายกับพี่พุดมากค่ะ ไร้เหตุผลที่สุดค่ะอิอิ คนดีพี่พุดทึ่งมากค่ะ ที่น้องคนที่พีพุด รักมานานมาก แลคิดว่าเป็นนางแบบแสนสวย กลับเป็นหมอค่ะ และหวัง ไม่บีบคอคนไข้นะคะอิอิ ........ อยากปรึกษาหมอซอนย่าคะ ว่า น้ำตาลในหัวใจไหลหยาดสาย และมิมีวันจะสิ้นสุดได้ทำไงดีคะอิอิ และ ที่ชวนไปคาราโอเกะยังจำได้นะ อย่าลืมนะ มารักหมอชอนย่า มิน่าใจร้าย
20 กันยายน 2548 18:17 น. - comment id 86780
รออ่านตอนต่อไปค่ะ..คุณหมอคนสวย
20 กันยายน 2548 18:51 น. - comment id 86782
ซอนย่าจ๋า... รู้ว่าเป็นหมอก็ไม่กลัว... เพราะซอนย่าใจดี... ว่าแต่ว่าซอนย่าอยู่โรงพยาบาลไหนหรือ อยากเอาหัวใจอ่อนๆ ไปให้ตรวจหน่อยจ้ะ... ทำมั๊ย ทำไม ถึงหลงรักแต่คนหล่อๆ รวยๆ ก็ไม่รู้... อ้อ..เดี๋ยวนี้มาหลงรักหมอสาวสวยอีกคนแล้วสิ คิดถึงนะ... บาย... สวัสดีค่ะ
20 กันยายน 2548 19:43 น. - comment id 86786
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ประทับใจจัง อือออออออออออออออออออออออออ อยากแต่งงานกะคุณง่ะ อืออออออออออออ ผมอายุ 20 แต่งกะคุณได้ไหมง่ะ แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เมล์ผม deosuper06@thaimail.com ส่งมานะ ผมเรียนไม่เก่ง ช่วยดูด้วย ว่าทำไม
20 กันยายน 2548 20:00 น. - comment id 86788
ตอนเด็กๆผมก็เกลียดกลัวเข็มฉีดยาเข้าไส้เหมือนกัน.. (ว่าไปแล้วตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่) มีอยู่ครั้ง ไปหาหมอที่คลีนิค หมอบอกว่าจะฉีดยา ก็ทั้งดิ้นทั้งร้อง เรียกให้ใครช่วยก็ไม่มีใครช่วย วันนั้นมีหมาที่บ้านตามไปด้วย รออยู่หน้าคลีนิคกับพี่อีกคน พอหมดหนทางเลยตะโกนเรียกชื่อหมา ว่าให้เข้ามากัดหมอที กะจะขู่หมอให้กลัว.. แต่ทีนี้ไอ้หมาก็แสนดี มาตามคำขอ วิ่งหน้าตั้งพรวดเข้ามาในห้องตรวจเลย เล่นเอาทั้งหมอทั้งผู้ช่วยเผ่นกันกระจาย.. สรุปสุดท้าย วันนั้นคนโดนฉีดยา หมาโดนตีข้อหาไม่มีมารยาท เจ็บตัวทั้งคู่เลย..
20 กันยายน 2548 21:08 น. - comment id 86789
..เรื่องเล่าของพี่หมอซ่อนย่า..และของพี่ๆ..ทำให้เรนรู้สึกดีจัง .. อิอิอิ .. แบบของพี่หมอกจาง ..กับพี่อัลมิเรนเก๊าะแอบขำด้วยดิคะ .. อิอิอิ .. แปลกจัง..ที่เรนไม่กลัวหมอ ..คงเป็นเพราะ..เรนชอบที่จะยิ้มอวดฟัน ..ในทุกครั้งที่มามี้พาไปหาหมอ.. คุณหมอก็เล้ยย ..ม่ายดุเรนนะดิคะ .... คุณหมอมีนิทานเล่าให้เรนฟัง ..ด้วยดิคะ.. เรนแวะมาทักทายคุณหมอซ่อนย่านะคะ ....
20 กันยายน 2548 22:17 น. - comment id 86791
มาเป็นกำลังใจให้คุณหมอซอนย่าคนสวย(Beauty)... ตกลงตอนเช้านี่..ส่งคนไข้..หรือ..คุณหมอ... ไป Consult จิตเวช นะเนี่ย......งง !!!
21 กันยายน 2548 13:03 น. - comment id 86799
สวัสดีครับคุณหมอ.......... ..........ผมไม่สบายครับ อยากให้คุณหมอตรวจ ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว คลับคล้ายคลับคลาว่า จะเป็นโรคไต สงสัยต้องมีอาการ \"ไตหาหัวจาม\" ที่มันลอยหาย ไปหาคุณหมอแน่เลยครับ........ (ล้อเล่นนะครับ อิอิ) จากที่อ่านมาเชื่อครับว่าคุณซอนย่าจะต้อง เป็นหมอที่ดีแน่ ๆ เพราะอย่างน้อยในตอนท้าย ก็พอมองเห็นถึงความเป็นห่วง ความเห็นอก เห็นใจ และรู้สึกผิดที่ทำพลาดไปโดยต่อว่าคน ไข้ไป......... ผมเชื่อว่าคนไข้คนนี้โชคดีครับ ที่มีคุณหมอแบบคุณดูแลรักษา รู้สึกนับถือ และขอเป็นกำลังใจให้ครับ
21 กันยายน 2548 15:37 น. - comment id 86800
คุณหมอขี้บ่น ยังเยาว์ไปเจอหมอบ่อยเหมือนกันค่ะ เป็นภูมิแพ้ โดนจับแยงคอ แยงจมูกเป็นประจำ เฮ้อ ตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วค่ะ พยายามรักษาสุขภาพมาก
22 กันยายน 2548 21:06 น. - comment id 86819
ดีใจด้วยค่ะ ^^ ที่ตามหาอุดมการณ์กลับคืนมาได้ อิอิ รักษาความดีนี้ไว้ตลอดไปนะคะ เอาใจช่วยพี่หมอค่ะ
23 กันยายน 2548 15:02 น. - comment id 86833
หมอไม่ได้ใจร้ายหรอก...หมอทุกคนอยากรักษาคนไข้ทุกคนให้หายจากความเจ็บป่วยทั้งนั้น... บางที หมอก็แอบป่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันค่ะ ..
24 กันยายน 2548 23:09 น. - comment id 86851
... ได้ยลยิลเพ่งพิศในเนื้อหา ขยี้หู ขยี้ตา ตั้งหลายหน เป็นไปได้ อย่างไร จ๊ะหน้ามน ปากจัดจน คิดว่าเป็น ได้อย่างไร ย้อนดูเรื่อง ดูราว คราวก่อนแต่ง ที่สำแดง ฝึปาก ในกลอนไว้ จะเป็นไป เป็นได้ หรืออย่างไร โอ้ ! พระเจ้าช่วยกล้วยไข่ .. หมอจริง ๆ
26 กันยายน 2548 13:33 น. - comment id 86878
เรื่องน่าสนใจคะ เพิ่งเข้ามาอ่าน ได้รับรู้ ความรู้สึกของอาชีพ ที่ใครๆก็ใผ่ฝันอยากเป็น อย่างน้อยก็หนูแว่น คนหนึ่ง ที่อยากเป็น หมอ แต่มันก็ไม่ได้เป็นดั่งฝัน จะติดตามเรื่องต่อๆๆไป ของคุณหมอ คนสวย ขอบคุณค่ะ
23 มีนาคม 2551 18:53 น. - comment id 99668
หุ่นเพรียว สวย ใส กับสารอาหารอารมณ์ดี ลดน้ำหนักลงอย่างถาวร 10-12 ก.ก.ภายใน 3 เดือน กับสารอาหารอารมณ์ดี หุ่นเพรียว สวย ใส ไม่เสียสุขภาพจิตและร่างกายแข็งแรง ด้วยสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่ใช่ยาลดน้ำหนัก ไม่กดประสาท ไม่ปวดหัว ไม่หิวน้ำปากแห้ง) การันตีไม่มี โย่โย่เอ๊กเฟค รับปรึกษาโภชนาการที่ดีฟรี ติดต่อคุณหนู อารมณ์ดี - - > 086-696-4994 Noo_ka@hotmail.com http://www.freewebs.com/dietniceguy/