เส้นทางที่ทอดยาวข้ามขุนเขาสลับซับซ้อนดูร่มรื่นเย็นตาอย่างบอกไม่ถูก ผมขับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพโดยมีคนรักของผมซ้อนอยู่ข้างหลัง ครับผม..เธอชื่อพิม บ่อยครั้งที่ผมเหลือบมองกระจกหลังมองหน้าเธอ ซึ่งผมก็รู้ว่าเธอแอบมองผมอยู่เป็นระยะ ๆ ผมเห็นเธอส่งยิ้มให้ผมผ่านกระจก ผมก็ส่งยิ้มให้เธอเช่นกัน ยามที่ทางข้างหน้าไม่เป็นทางโค้งผมก็จะขับรถมือเดียว มืออีกข้างหนึ่งกุมมือของเธอที่โอบเอวผมไว้คล้ายกับว่ายังชิดใกล้กันไม่พอ...แต่พอผมแตะเบรคมือที่โอบเอวผมอยู่กลับมาดันหลังผมซะนี่ เหมือนกับรู้ทันผมว่าผมเบรคแบบไม่มีสาเหตุ เพื่อให้กันชนของเธอชนผม..555 พิมจะแวะดูสวนดอกไม้ไหมครับ ผมถามเมื่อใกล้ถึงรีสอร์ทกลางหุบเขา อยากให้แวะเหมือนกันนะคะ แต่ว่าจะดีหรือเดี๋ยวดอกไม้ก็เฉาหมดน๊ะ โห..พิมงั้นนางสาวไทยก็มาชมดอกไม้ไม่ได้อะดิ ผมหยอกเธอแต่ผลที่ได้คือเธอบิดสีข้างผมซะเขียว ผมจอดรถหน้ารีสอร์ทแล้วจูงมือเธอเดินดูดอกไม้ยามหน้าหนาวที่กำลังบานสะพรั่ง ท่ามกลางดอกไม้ที่สวยงาม ยามที่เธอยืนอยู่กลางหมู่ดอกไม้เธอกลับเด่นสง่ากว่าดอกไม้ยิ่งกว่า...ผมลอบมองเธออยู่หลายหน เธอเองก็มัวแต่ชื่นชมดอกไม้จึงไม่ได้สังเกต ผมเห็นความงดงามของเธอซึ่งเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่มีการเสแสร้ง รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกไม้บาน แก้มของเธอเป็นชมพูระเรื่อ ผมอยากเปรียบเธอเป็นนางในวรรณคดีที่ออกชมสวน แต่ถ้าเธอรู้ เธอคงทุบหลังผมพลั่กและบอกว่า ..ผมนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว
หลังจากใช้เวลาอ้อยอิ่งในสวนดอกไม้พอสมควร ผมพาเธอเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือรีสอร์ทกลางหุบเขาใหญ่ที่ไร้ซึ่งแสงสีของเมือง มีเพียงความสงบเงียบและขุนเขาที่โอบล้อม...เรามาถึงที่หมายในช่วงบ่าย ดูเหมือนว่าเธอจะอ่อนเพลียจากการเดินทางอย่างเห็นได้ชัด เธอเริ่มพูดน้อยกว่าหาว ซึ่งผมก็รู้สึกเห็นใจเธอเหมือนกันที่ต้องเดินทางมาไกล หนำซ้ำแทนที่จะสุขสบายจากการเดินทางบนรถยนต์คันหรู กลับต้องมาซ้อนท้ายชอปเปอร์ของผม ... เจ้าหญิงน้อยครับ ลำบากหน่อยนะครับ ที่มาลำบากลำบนกับพลทหารกระจอกอย่างผม ... ผมก็คิดไปนั้น
พิมจะพักผ่อนก่อนก็ได้นะเดี๋ยวเย็นผมปลุก หลังจากที่ถึงบ้านพักซึ่งผมกำลังจัดแจงเก็บกระเป๋าเข้าที่ แล้วคุณไม่เหนื่อยเหรอขับรถตั้งไกล เหนื่อยไหมคะ เธอถามขณะที่ตาปรือและตั้งท่าเอนตัวลงนอนทั้งชุดเดินทาง ไม่ครับ ไกลกว่านี้ยังขับมาแล้ว พิมนอนเถอะครับ สักหน่อยก็ยังดี เดี๋ยวผมปลุก พูดยังไม่ทันจบแม่สาวน้อยก็โหม่งหมอนเอาหลับไปซะแล้ว... ดูเถอะ กระทั่งถุงเท้ายังไม่ได้ถอดเลย ผมยาวที่เคยถูกมัดรวบไว้ ตอนนี้สยายปิดหูปิดตา ผมบรรจงเอามือปัดให้เข้าที่ทาง เจ้าหญิงของผมยังคงหลับอย่างไม่รู้ตัว ผมนั่งมองเธออยู่นาน ยามเธอหลับ เธอเหมือนแมวเซาเชื่อง ๆที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่ยามเธอตื่น ก็เหมือนแมวรั้นบ้างในบางที ผมอยากจะฉวยโอกาสนี้ หอมแก้มแดง ๆของเธอสักครั้งแต่ผมก็ต้องยับยั้งใจไว้ ยิ่งริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ผมล่ะต้องรีบตัดใจเดินออกมา ก่อนออกผมห่มผ้าให้เธอด้วย
หิวจัง พิมหลับไปนานแค่ไหนคะคุณ เจ้าหญิงนิทราตื่นขึ้นมาโดยที่เจ้าชายยังไม่ได้จูบสักแอะ ประมาณสามชั่วโมงครับ ผมตอบขณะกำลังก่อกองไฟยามที่ตะวันโพล้เพล้ เธอเดินมาหาผมที่กองไฟกรุ่นกลิ่นหอมจากกายเธอทำให้รู้ว่าเธออาบน้ำแล้ว หยดน้ำยังมีบ้างที่เกาะพราวตามเนื้อตัว คงกลัวอากาศจะหนาวไปกว่านี้จึงอาบน้ำตั้งแต่หัววัน หอมจังเลย เธอหมายถึงปลาที่ผมกำลังย่างอยู่ ครับ คุณหอม ผมตอบเพียงแค่นั้น แต่ผลที่ได้คือ ได้เนื้อจ้ำเขียวจากฝีมือการหยิกของเธอหนึ่งจ้ำ. ผมและเธอนั่งคุยกันท่ามกลางลมหนาวที่พัดเป็นระยะ และกองไฟที่ลุกไหม้ไม้ที่ผมเก็บมาสุม น่าขำที่เธอสะดุ้งตกใจทุกครั้งที่ไม้ไผ่แห้ง ๆที่ผมเอามาเป็นเชื้อฟืนนั้นแตกเปรี๊ยะ จากแรกที่นั่งกันอยู่ห่างพอสมควร ทุกครั้งที่เธอตกใจ เธอจะกระเถิบเข้าหาผมอย่างไม่รู้ตัว ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ทำให้ไม่ระเบิดไม่ได้หรือคะ เธอบ่นตอนที่ลูกไฟระเบิดกระเด็นมาใกล้ มันเป็นแค่บางปล้องเท่านั้นเอง อย่ากลัวไปเลย ผมอยู่ตรงนี้ กลัวทำไม ได้ผลเธอค้อนขวับมาให้ ก็มันมีเสียงเปรี๊ยะ ๆ แล้วก็มีลูกไฟกระเด็นมาด้วย .. ไม่ชอบเลย กลัวจังค่ะ ผมรู้ว่าทั้งหมดเธอไม่ได้เสแสร้งหรือดัดจริตแต่อย่างไร ความเป็นอยู่อย่างคนเมือง ทำให้เธอไม่คุ้นเคยกับสภาพของชาวภูธร ผมกลับชอบที่เธอจริงใจ และมักจะสนใจใคร่รู้ในเรื่องต่าง ๆ หลังจากที่ผมอธิบายเหตุผลเรื่องของปล้องไม้ไผ่แล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมถือโอกาสเล่าให้เธอฟัง เธอเป็นผู้ฟังที่ดี ถึงแม้ว่าจะโต้แย้งบ้างในบางครั้ง
ลมหนาวที่พัดมา ทำให้เธอหนาว แต่เธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้กองไฟอีกนิด ผมนั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอ ที่จริงแล้วการที่เราอยู่ใกล้ชิดกันความอบอุ่นที่มีก็มากเกินโดยไม่ต้องอาศัยไฟด้วยซ้ำ.ล่วงค่อนคืนจึงกลับเข้าที่พักเพราะน้ำค้างเริ่มลงหนัก ภายในบ้านพัก มีเตียงใหญ่และเตียงเล็ก พิมบอกผมว่า ผมควรนอนเตียงเล็ก ซึ่งผมก็รับคำไปงั้น ๆ เรื่องอะไรที่ผมจะนอนเตียงเล็ก เตียงเด็กแบบนั้น ผมไม่ใช่เด็กนิ พิมยึดผ้าห่มกลัวว่าจะอุ่นไม่พอเพราะอากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงทุกขณะ ผมขอแบ่งผ้าห่มผืนหนาบ้าง ซึ่งพิมก็อิดออด ส่งมาให้แต่ผืนบาง ๆ อ้าวขี้โกงนี่ แล้วผมจะห่มอะไรหละ ผืนบางกระจ้อยแบบนี้ ผมก็หนาวนะครับ ผมหยอกพิม ไม่รู้ล่ะก็พิมหนาว คุณต้องอดทนสิ พูดพร้อมดึงผ้าห่มทับตัวเอง ผมแกล้งดึงผ้าห่มคืน พิมรีบโน้มตัวมาเพื่อจะเอาคืนทำให้ใบหน้าเราชิดกันจนสัมผัสกับลมหายใจของกันและกัน ไม่มีเสียงพูดอะไรออกมา ก่อนที่ผมจะประทับริมฝีปากอย่างโอนโยนและแผ่วเบาให้พิม...สงครามแย่งผ้าห่มเลิกแล้ว... บ้า บ้า บ้า เล่นทีเผลอ น่าตีจริง ๆ เลยคุณนะ พิมพูดขณะนอนหนุนอกผมอยู่ ก็เจ้าเล่ห์ก่อนทำไมหละ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อกำปั้นพิมก็ทุบพลั่กที่อกผม...ผมดึงพิมเข้ามากอดปานว่ากลัวเธอจะหายไปจากตรงนั้นเวลานั้น ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ระหว่างกันเป็นสิ่งที่แสนวิเศษจริงๆ. ข้างนอกบ้านพักอากาศหนาวเย็นขึ้นตามลำดับ เงียบสงบท่ามกลางหุบเขาที่รายล้อม เสียงลมหนาวพัดไหวกิ่งไม้ให้ได้ยินเป็นระยะ อากาศแม้นจะเหน็บหนาวเพียง ความอบอุ่นระหว่างเราความหนาวฤๅจะกล้ำกรายได้คืนนั้นเราสองคนหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมกอดของกันและกัน ผมแอบหัวเราะเบาๆหลังจากที่พิมหลับไปแล้ว ก่อนจะหลับพิมพูดขู่ผมว่า อย่านะ อย่าได้คิดเชียว และห้ามเล่นทีเผลอเชียว
12 กันยายน 2548 11:30 น. - comment id 86626
โรแมนติกจังคะ ได้ติดตามอ่าน ตั้งแต่เรื่องก่อน ๆ ตามมาอ่าน คราวนี้ รู้สึกถึงรอยยิ้มที่แตะแต้ม ในทุก ๆ ตัวอักษร น่าประทับใจจัง แม้เมื่อวานจะไหลรวมเป็นอดีตกาลแห่งสายน้ำ แต่เมื่อนึกถึงความทรงจำที่ผ่านไป เชื่อว่าคงอุ่น ๆ ที่หัวใจชั่วนิจนิรันดร์นะคะ ดีใจด้วยนะ
12 กันยายน 2548 12:34 น. - comment id 86628
เอ...อยากเห็นหน้านางเอกจัง ต้องสวยมากแน่เลย...
12 กันยายน 2548 14:48 น. - comment id 86632
รักหวาน ๆ ของเมื่อวานนี้ แม้วันนี้.....ยังรู้สึกถึงความหวานนั้น น่ารักดีค่ะ..........
13 กันยายน 2548 09:07 น. - comment id 86641
หลานอิจฉาคุณตาจริงสิคะ ขอให้หวานแบบนี้ตลอดไปนะคะ อย่าเป็นแค่วันวานเลย....
14 กันยายน 2548 08:23 น. - comment id 86666
14 กันยายน 2548 09:13 น. - comment id 86670
@...คุณแอ๊ปเปิ้ล...จริงๆแล้วเป็นภาคต่อของสองเรื่องก่อนหน้านี้ครับ ผมพึ่งหัดเขียนเรื่องสั้นครับ ว่าจะลองเขียนแนวสยองขวัญดูไม่รู้ว่าจะเวิร์คหรือป่าว ขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านครับ @...คุณลุ่มน้ำตาปี..อิอิ..นางเอกไม่สวยนะแต่ก็ไม่ขี้เหร่ ออกจะชอบงอนหน่อยๆด้วยอะ...ขอบคุณมากครับที่แวะมาครับผม @...คุณสลักเสลา...ความหวานของวันวานยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจครับ ขอบคุณมากครับที่แวะมาอ่านครับผม @...คุณกานต์..อิอิ..แน่นอนหวานทุกวัน จนตอนนี้ระดับน้ำตาลในเลือดรู้สึกจะเกินพิกัดแล้วหละ..ขอบคุณมากครับที่แวะมาครับ @...คุณร้อยแปดพันแก้า...ชื่อเหมือนละครทางช่องเก้าวันอาทิตย์เลยอะ...ขอบคุณมากครับที่แวะมาครับผม
14 กันยายน 2548 10:59 น. - comment id 86672
ขี่มอไซด์มือเดียวได้ไง..มีสัมภาระอีกต่างหาก..พิมไม่ด่า (เอ๊ย..บ่นเหรอ)..เดี่ยวรถล้มหมดสนุกกันพอดี... ..
14 กันยายน 2548 12:33 น. - comment id 86675
@...ป้ากุ้ง..อิอิ..เขาชอบให้ผมจับมืออะ..หากล็อกคันเร่งได้ปล่อยมือสองข้างไปแล้วครับ...ขอบคุณมากครับที่แวะมาอ่านครับผม
17 กันยายน 2548 07:14 น. - comment id 86727
อ่านแล้วอิจฉาวุ้ย ... นอนผ้าห่มผืนเดียวกันด้วย ... อบอุ่น ๆๆๆๆๆ ..... จะมีใครหวาน โรแมนติก ได้เท่าพี่อีกเปล่าน๊า .. หายาก ๆๆๆ ๆ .... อ่านแล้วคล้อยตามอ่ะนะ นึกภาพความน่ารักออกเลยอ่ะ ... ชอบ ๆๆๆๆ ๆ ถ้าเก็บไว้หน้าส่วนตัวได้ เอมจาเก็บเอาไว้เชียวแหล่ะค่ะ ... เก่งมั๊ก ๆ ๆๆๆๆๆๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวเอมลองกลับไปหัดแต่งดูม้างวุ้ย แต่คงหวานและซึ้ง อบอุ่นไม่ได้เท่าพี่บินเดี่ยว ชัวร์ เลยล่ะขอรับ
21 กันยายน 2548 19:46 น. - comment id 86809
เรื่องจริงหรือเปล่าค่ะทำไมถึงโรแมนติกจัง