เฮ้ยตู่ น้องขวัญจะแต่งงานสิ้นเดือนนี้ก็รู้หรือยังแล้วมึงจะไปไหม เสียงตะโกนถามข้ามโต๊ะทำงานจากเพื่อนเล่นเอาสายตาหลายคู่จ้องมาที่ผมคล้ายอยากรู้คำตอบ อือ เพียงคำสั้นๆที่แทบไม่ได้ใจความหลุดออกจากปากผมที่กำลังง่วนกับการดูตัวเลขในเอกสาร อือของแกนะ รู้หรือไม่รู้ ไปหรือไม่ไป เอาให้มันกระจ่างหน่อยโว๊ย เพื่อนมันคงรำคาญผมที่ตอบแบบขอไปทีเพราะผมรู้ว่าเดี๋ยวมันต้องมีคำถามกลับมาอีก ถ้าเขาบอกกูก็ไป ยาวขึ้นมาอีกนิดในคำตอบ แล้วมึงทำใจได้เหรอในงานแต่งน้องเขานะ ว่าแล้วไงยังไงมันต้องถามแบบนี้ นี่ไอ้หนึ่ง มึงเลิกถามซอกแซกซะทีได้ไหม ทำไมมึงจะให้กูเมาแอ๋ในงาน แล้วฟูมฟายให้เขาเห็น หรือมึงจะให้กูเอาระเบิดไปปาในงานดีหละ เลิกยุ่งกับกูได้ไหม แล้วงานนะไม่มีทำเหรอนั่งถามคำถามอยู่ได้ ผมตอกกลับเพื่อนที่ชอบสรรหาคำถามมาย้ำความรู้สึกที่มันได้จางเลือนไปจากความทรงจำเมื่อไม่นานมานี่เอง
ขวัญ ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดเป็นคนอุปนิสัยร่าเริงเข้ากับคนได้ง่ายและเจอะเจอคนมากโดยหน้าที่การงานได้วางไว้ให้เป็นเช่นนั้น…แรกแรกก็ผมกับขวัญก็เพียงเพื่อนร่วมงานเหมือนอีกหลายคน แต่ด้วยความที่ต้องทำงานร่วมกันค่อนข้างบ่อยพูดได้ว่าเกือบทุกวันต้องได้ทำงานร่วมกัน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของเราเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อไร ความห่วงหาอาทรการใส่ใจระหว่างกันเริ่มขึ้นทีละน้อยจนกลับกลายเป็นคนรักกันโดยที่มีเพื่อนๆของผมและเขาคอยเชียร์อยู่ห่างๆ…. “ ขวัญพรุ่งนี้พี่จะกลับบ้านไปเยี่ยมแม่นะคงค้างสักสองวัน ” ผมบอกเธอหลังจากที่ทานมื้อเย็นด้วยกัน “แล้วพี่จะเอารถมอเตอร์ไซด์ไปเหรอ ไกลนะตั้งสองร้อยกิโล ” เธอมองหน้าผมคล้ายกังวลในการเดินทางของผมทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกในการขับมอเตอร์ไซด์ไปและกลับบ้าน “ พี่น่าจะซื้อรถยนต์อีกซักคันเผื่อเดินทางไกล ” ขวัญพูดโดยที่คงลืมนึกไปว่ารถยนต์ผมมีอยู่แล้วที่บ้านแม่ ผมทิ้งเอาไว้ให้ท่านใช้และอีกอย่างผมชอบที่จะขับมอเตอร์ไซด์มากกว่า “ รถยนต์มีอยู่แล้ว ซื้อทำไมให้เปลืองตังค์อีก ไม่เป็นไรหรอกขวัญหากจำเป็นจริงๆ พี่จะเอารถจากบ้านมาใช้ กลับกันหรือยังดูเหมือนฝนจะตั้งเค้าแล้วนะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน ” หลังจากจ่ายค่าอาหารผมก็ส่งเธอกลับบ้าน ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบนี้ตลอดมา
ความรักของผมต่อเธอไม่ได้เลิศหรู คงดำเนินตามวิถีทางของคนทั่วไป สุขบ้างทุกข์บ้างตามสถานการณ์รอบข้างและการวางตัวของกันและกัน จนล่วงพ้นเวลาไปเกือบปี พี่ อาทิตย์นี้ขวัญจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อนนะ เธอบอกผมขณะที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านเพราะเลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว แล้วไปยังไง ขับรถไปเองหรือว่าไง ผมซักไซ้ด้วยความเป็นห่วงเพราะเธอขับรถไม่ค่อยเก่งนัก เพื่อนมารับค่ะ เขาทำธุระที่นี่ แต่ตอนกลับคงนั่งรถประจำทางกลับ พี่ไม่ต้องโทรหานะเพราะที่นั่นคลื่นไม่ค่อยมี แล้วขวัญจะโทรหาเองหามีสัญญาณ คำพูดของเธอดูเหมือนว่ากลัวผมจะโทรหาซึ่งฟังแล้วดูแปลกกว่าทุกครั้งแต่ผมก็ไม่เก็บเอามาคิด กระทั่งวันหนึ่งขณะที่กำลังเซ็นใบลาหยุดให้กับลูกน้อง พี่ตู่ อย่าหาว่าหนูสอดรู้สอดเห็นเลยนะคือว่าอาทิตย์ก่อนหนูเห็นพี่ขวัญเขาที่โรงหนังนะไปกับผู้ชายรูปร่างสูงๆ ถ้าจำไม่ผิดหนูเคยเห็นเขามาที่ทำงานนี่ด้วยนะ ตอนแรกก็นึกว่าลูกค้ามาติดต่องาน แต่พอเห็นที่โรงหนังมันชักยังไงอยู่หนูก็เลยบอกพี่
คำพูดของลูกน้องทำให้ผมถึงกับอึ้งเพราะเธอบอกกับผมว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อน.ผมเก็บคำพูดที่รับรู้ไว้ในใจโดยที่ไม่ปริปากถามเธอแม้แต่น้อยซึ่งหลังจากประมวลเหตุการณ์หลายๆสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องโทรศัพท์มันก็ทำให้ผมไม่ค่อยมั่นใจในความรักระหว่างผมกับเธอที่เป็นอยู่. ขวัญ มีอะไรจะบอกพี่ไหมเรื่องระหว่างเรา ผมถามหลังจากที่ประคับประคองความสัมพันธ์ที่นับวันจะจางลงทุกทุกวัน มีอะไรก็พูดมาเถอะพี่ไม่ว่าอะไรหรอก หากเป็นความต้องการของขวัญ ผมย้ำเพื่อให้เธอไม่ต้องกังวลในเรื่องที่เธออยากจะบอกความจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ ขวัญขอบคุณพี่มากนะที่ตลอดเวลาดูแลขวัญมาตลอด แม้ช่วงหลังความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนก่อน ขวัญรู้ว่าพี่ก็รู้เพียงแต่ว่าพี่ไม่เอ่ยปากเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้เมื่อพี่ถามขวัญก็จะบอกพี่ว่าขวัญคบกับคุณชัยเมื่อไม่นานมานี่เอง ขวัญขอโทษพี่นะที่ปล่อยให้เวลามันล่วงเลยมาและไม่บอกพี่แต่แรก คำตอบที่ได้ทำให้ผมอึ้งแม้ว่าผมจะรู้เรื่องนี้มาบ้างแล้วก็ตาม ขวัญ พี่ไม่โกรธขวัญหรอกนะ หากคำตอบนี้มาจากปากขวัญ พี่รู้ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น ดูแลตัวเองและดูแลความรักให้ดีก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงพี่นะ พี่อยู่ของพี่ได้ก่อนนั้นก็อยู่ลำพังมาตลอด จะอยู่กับมันอีกครั้งคงไม่เป็นไร ผมบอกกับเธอไปโดยที่ลึกลึกหัวใจผมแทบสลาย ขอให้ขวัญโชคดีนะ นั่นคือคำอวยพรสุดท้ายจากปากผมหลังจากเห็นใบลาออกจากงานของเธอเพื่อไปทำหน้าที่ของแม่บ้านในชีวิตจริง บนเส้นทางสายฝันของวันใหม่ แม้นก้าวไปลำพังอย่างเปลี่ยวเหงา ความทรงจำครั้งก่อนดั่งหลอนเรา ใจจึงเศร้ายากกลบให้ลบลืม ทนสะอื้นฝืนไว้ในส่วนลึก ความรู้สึกระทมที่ขมขื่น แล้วทะยานอีกหนทนกล้ำกลืน กางปีกฝืนโบยบินยังถิ่นนภา ลบรอยร้าวเก็บเอาเข้าลิ้นชัก ลบเลือนรักสลายบ่วงสิเนหา ลบสัมพันธ์ความทรงจำที่ทรมา ลบเวลาลบฝันอันเปลี่ยวดาย
“ เฮ้ย..ตู่ มึงนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่ได้ เหม่อเชียวนะมึง เป็นอะไรไปหรือเปล่าวะ ? ” เพื่อนคนเดิมมันตะโกนถาม เหตุที่เพื่อนผมถามก็เพราะเห็นผมหยิบโทรศัพท์นั่งดูเสียนาน ความจริงผมกำลังตัดสินใจจะโทรศัพท์หาคน ๆ หนึ่ง คนที่ผมคิดถึง ที่ลังเลอยู่นานก็เพราะตอนนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง ผมไม่รู้ว่าคนที่ผมจะโทรหาสะดวกรับโทรศัพท์หรือเปล่า แต่ในที่สุดผมก็โทรจนได้ “ สวัสดีค่ะ ” คนที่รับสายของผม อยู่ไกลถึงกรุงเทพฯในขณะที่ผมอยู่เชียงใหม่ ชื่อของเธอคือ พิม พิมทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งงานด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี “ สวัสดีครับพิม ทานข้าวหรือยังครับนี่เลยเที่ยงแล้วนะครับ ” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นห่วงเหมือนทุกครั้งที่ผมคุยกับพิมไม่เคยเปลี่ยน “ ว้า ! ลืมไปเลย ลืมทานข้าวค่ะ ตะกี้ทานแต่ขนมจีน” คำตอบของพิมทำให้ผมหัวเราะลั่น กวนตลอดสำหรับคำตอบที่ได้รับกลับมาแทบทุกครั้ง วันไหนที่เราไม่ได้เย้าแหย่กันรู้สึกว่ามันจะขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง บางคราวที่ผมคุยโทรศัพท์กับพิม แล้วโดนกวนมา ผมหัวเราะดังเสียจนคนรอบข้างหันมามองกันหมด ถึงอย่างไร บรรยากาศแบบนี้ผมกลับชอบ “ พิม ตะกี้เพื่อนผมบอกว่า ขวัญเขาจะแต่งงานอาทิตย์หน้านี้ พิมคิดว่าไงครับ ผมควรไปไหม ” ผมถามพิม ซึ่งพิมก็รู้เรื่องระหว่างเธอกับผมมากเหมือนกันเพราะผมเป็นคนบอกพิมเอง “ ถ้าคุณขวัญเขาเชิญ คุณก็ไปสิคะ ไม่เห็นแปลกเลย ถามทำไมเหรอ หรือว่าคุณยังทำใจไม่ได้คะ”จริงในคำตอบของพิม ผมเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมผมถึงเอาคำถามนี้ไปถามพิม “ อ้าว ! พิมไม่ต้องมาเหน็บผมเลย คุณก็รู้ว่าผมนะไม่ได้คิดอะไรกับขวัญแล้ว ” ผมย้อนพิมซึ่งจริงๆ แล้วพิมก็รู้ว่าผมตัดใจได้ตั้งนานแล้วแต่ก็แกล้งยั่วผมเท่านั้นเอง และแล้วผมได้ยินหัวเราะเสียงใส ๆของเธอ “ คุณคะ ไปเถอะค่ะ ไปอวยพรคุณขวัญ พิมไม่ว่าอะไรหรอก อย่างน้อยคุณขวัญก็ยังคงเป็นเพื่อนของคุณนะ คุณอย่ากังวลเรื่องอื่นสิ ”แล้วคำตอบที่ผมต้องการได้ยินก็ออกจากปากของพิมจนได้ “ พิมไม่ว่าอะไรจริง ๆหรือครับ คือว่าถ้าผมไปงานของขวัญ ” ผมถามย้ำอีกครั้ง “ อื้อ ! ถ้าคุณไม่ติดธุระอะไร ก็ไปได้นี่คะ ถามย้ำนี่ มีอะไรซ่อนนัยหรือเปล่าคะ เอ ลองใจหรือเปล่าหนอ ?” “ ครับพิม ผมเชื่อใจพิม แต่ผมขอบอกพิมไว้ก่อนนะครับ ผมไม่ไปครับ บอกพิมไว้ พิมจะได้ไม่ต้องห่วง ” “ โธ่ ตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะไม่ไป แล้วยังมาถามพิมอีก คุณนี่ประหลาดจัง” “ ผมแค่อยากบอกพิมครับว่าขวัญจะแต่งงาน ” “ เอาไว้คุณจะแต่งงานค่อยบอกพิมดีกว่า ดีมั๊ย” พิมพูดเหมือนไม่ทันคิดอะไร “ ครับผมจะบอกคุณเป็นคนแรก ” ผมตอบเบา ๆ หัวใจของผมเสียอีกที่ระทึกดัง “ หืม อะไรนะ ตะกี้คุณบอกอะไรนะ” “ ไม่มีอะไรครับ ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะ ผมต้องไปดูระบบ อย่าลืมทานยานะครับ คืนนี้ผมจะโทรหา ดูแลตัวเองนะครับ ”
ผมยังคงพูดและทำเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับการดูแลใครสักคนซึ่งอยู่ห่างไกล ซึ่งระยะทางก็ไม่ใช่อุปสรรคของผม พิม..อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ผมรัก แต่พิมก็ทำให้ผมรู้ว่า ความรักที่แท้จริงคืออะไร ผมสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีที่เรามีต่อกันและกัน และถึงแม้ว่าพิมจะไม่ใช่คนพูดหวาน แต่ทุกคำพูดของพิมมีความจริงใจ มาถึงตอนนี้ ผมรู้ว่า .. เรื่องบางอย่าง ต้องการความถูกต้อง ความจริงใจ มากกว่า ความถูกใจ เพราะผมผ่านประสบการณ์ความรักที่ล้มเหลวอยู่หลายหน ซึ่งครั้งนี้ผมก็ไม่รู้ว่า การเดินทางไล่ล่าคว้าฝันของผม จะมีอุปสรรคอะไรอีกหรือเปล่า และผมจะไปถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ แต่ผมก็ยินดีที่รักพิมหมดทั้งหัวใจเท่าที่ผมมีอยู่
2 กันยายน 2548 20:43 น. - comment id 86442
.. หากหัวใจ .. พี่มีปีกบิน .. .. จะผกผิน .. บินไปหาเธอ .. อ่านช่วงสุดท้ายแล้ว .. นึกถึงเพลงเก่าเพลงนี้ขึ้นมาทันทีเชียวค่ะ .. .. ชอบเรื่องของคุณบินเดี่ยวฯ จังค่ะ .. .. อ่านแล้ว .. ความรู้สึกสดใส .. จริงๆ .. .. ..
2 กันยายน 2548 21:50 น. - comment id 86444
แวะมาอ่านเรื่องราวคุณตู่ หัวใจไม่ไร้รักไร้ปีก ขอให้มีความสุขจ๊าดนักเน้อ
3 กันยายน 2548 10:40 น. - comment id 86454
ระยะทางจะห่างไกลแค่ไหน ...ไม่ใช่อุปสรรคของหัวใจ..นี่นา
3 กันยายน 2548 20:46 น. - comment id 86467
ชอบจังค่ะ . . . ชอบ... ชอบจริง ๆ นะ สุขปนเศร้ายังงัยไม่รู้ซินะ
4 กันยายน 2548 11:45 น. - comment id 86473
พยายามเข้าไว้ ความดี ความรัก ความจริงใจ จะทำให้คุณถึงจุดมุ่งหมายเองล่ะครับ
7 กันยายน 2548 10:14 น. - comment id 86530
@...คุณกีกี้..ขอบคุณมากครับ พยามยามจะเขียนต่อเนื่องเหมือนหนังเจาะเวลาหาอดีตอะ ไม่รู้จะจบหรือป่าว @...คุณไรไก่...ขอบคุณจ๊าดนักครับ @...คุณนางสาวใบไม้ ขอบคุณมากครับที่แวะมาอ่านเรื่องสั้นครับ @...คุณผู้หญิงช่างฝัน...ขอบคุณมากครับผม @...คุณทัฟ..ขอบคุณมากครับ
12 กันยายน 2548 11:35 น. - comment id 86627
สักวันปีกจะแข็งแกร่ง
17 กันยายน 2548 07:10 น. - comment id 86726
อ่านแล้วอินท์อ่ะพี่บินเดี่ยว ... เก่งชะมัดเลย คนไรไม่รู้ แต่กลอนก็เพราะ ... เขียนเรื่องสั้นก็น่าอ่าน ... เนี่ย ชอบควบคู่กะพี่ กีกี้เลยนะจะบอกให้ หุ หุ หุ ..... เก่งมั๊ก ๆๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ