เรื่องสั้น เขียนโดย นามปากกา แร็ค เกมส์ลวงฆ่า นิดเธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปีอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งแถวบางซื่อ แต่บ้านหลังนี้ทั้งหลังกลับเหลือเธอเพียงคนเดียวเพราะพ่อและแม่ของเธอถูกอุบัติเหตุรถชนตายไปได้ปีกว่าแล้ว และพักนี้ก็มีข่าวฆาตกรโรคจิตที่ชอบสุ่มเบอร์โทรศัพท์ออกไปมั่ว และเมื่อใครได้รับโทรศัพท์ของมันคนนั้นต้องถูกเข้าไปเล่นเกมชีวิตที่มีสองทางให้เลือกคือ คุณจะเลือกเล่น หรือ คุณจะเลือกตาย โดยมันจะไปหาคุณที่บ้านและให้คุณเลือก วันนึงนิดเกิดได้รับโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามาตอนตีหนึ่งในห้องนอนของเธอ เธอตื่นขึ้นมารับด้วยอาการง่วงซึม ฮัลโหล ใครเหรอ? พอเธอรับสายแล้วก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งพูดทางโทรศัพท์ว่า คุณถูกเลือกแล้วเสียงโทรศัพท์ก็เงียบหายไป ด้วยความง่วงเธอวางโทรศัพท์ลงแล้วหลับต่อโดยเธอคิดว่าเสียงโทรศัพท์เป็นเพียงพวกโรคจิตธรรมดาที่โทรมั่วกลางดึกเท่านั้น พอเธอหลับได้ชักพักก็มีเสียงน้ำไหลของฝักบัวในห้องน้ำดังขึ้น เธอรู้สึกเอะใจจากความง่วงกลายมาเป็นความหวาดกลัว แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อดูว่าทำไมถึงมีเสียงน้ำไหล พอมาถึงเธอก็ตกใจเมื่อเห็นอุจระในโถส้วมโดยที่มันยังไม่ถูกล้าง เธอรีบวิ่งเข้าไปโทรศัพท์เพื่อจะเรียกตำรวจด้วยความตกใจ พอมาถึงที่โต๊ะโทรศัพท์ โทรศัพท์ของเธอนั้นได้หายไปแล้วแต่เธอกลับพบกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะมีข้อความว่า คุณจะเลือกอะไรระหว่าง อยู่ หรือ ตาย ถ้าคุณเลือกอยู่ให้มาที่ปะตูหน้าบ้านภายในสามนาที และถ้าคุณเลือกตายผมก็จะจัดให้ สายตาของเธอมองดูรอบๆห้อง แล้วเธอตัดสินใจเลือกอยู่แล้วเดินลงบันไดไปยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน เธอกวาดสายตามองดูรอบๆบริเวณอีกครั้ง แล้วเธอก็พบกับเครื่องเล่นเกมกดขนาดเล็กวางอยู่บนพื้นและมีข้อความในกระดาษที่แนบใต้เครื่องเกมมีข้อความเขียนไว้ว่า ให้คุณเล่นเกมงูเลื้อยให้ถึงด่านที่สิบภายในสามสิบนาทีมิฉะนั้นคุณตาย พอคุณเล่นเสร็จให้เดินรอบบ้านสามรอบและรอที่จุดเดิม(อย่าลืมผมแอบดูคุณอยู่ปลายปืนของผมกำลังจ้องมองคุณอยู่) เมื่อเธออ่านข้อความเสร็จเหงื่อของเธอก็ไหลออกมาเป็นทางยาวพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ จากนั้นเธอก็ทำตามข้อตกลงในกระดาษ เธอพยายามเล่นเกมงูด้วยความตรึงเครียดเพราะเธอต้องแข่งกับเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ จากนั้นเธอเดินรอบบ้านถึงรอบสุดท้ายมาที่หน้าบ้านก็ได้รับกับกระดาษอีกหนึ่งแผ่นมีข้อความว่า ขอบคุณ!สำหรับเงินทองและของภายในบ้าน ผมได้ยกเค้าหมดแล้ว! The day after tomorrow เรื่องนี้เกิดขึ้นบนดาวโลก ดาวดวงนี้ฟังดูคุ้นๆ อ๋อ!มันคือโลกเรานั่นเอง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเมื่อเวลาตี04.30นาฬิกาของทุกวันยกเว้นวันเสาร์และอาทิตย์ที่เป็นวันหยุด แต่วันนี้เป็นวันจันทร์และผมกำลังจะได้ออกรายงานในที่ประชุมครั้งสำคัญในวันนี้และมันจะเกี่ยวกับความเป็นและความตายของเงินเดือนผม ผมตื่นขึ้นด้วยอาการหลับค้างเดินตรงไปที่ห้องน้ำม่านตาเปิดออกมาครึ่งหนึ่งเดินไปเปิดสวิตไฟ แล้วเดินตรงไปชนกับขอบประตูห้องน้ำก็เลยตื่นขึ้น ม่านตาก็เปิดกว้างรับเช้าวันใหม่ พอมาถึงห้องน้ำก็เดินมุ่งตรงไปที่โถชักโครกแล้วใช้พลังลมปรานของสัมนักบู้ตึ้งบวกกับเศ้าหรินเพื่อทำธุระ พอเสร็จจากการทำธุระก็แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่รสชาติเหมือนสบู่ เอะ!หรือว่ามันจะเป็นสบู่ ดูเหมือนฟองมันเยอะมาก เอะ!หรือว่าจะเป็นผงซักฟอก แต่จะเป็นอะไรก็ช่างมันก็ทำให้ฟันผมสะอาดกว่าใครๆ ต่อจากนั้นก็อาบน้ำด้วยฝักบัวพลังหิ่งห้อยหยดติ๋งๆ ทันใดนั้นไฟในห้องน้ำกระพริบยังกับไฟผีสิง เอะ!หรือว่าจะเป็นผีซัตเตอร์กดติดวิญญาณ อ๋อมันเป็นหลอดไฟที่เสียนั่นเอง ธุระในห้องน้ำเสร็จสิ้น จากนั้นก็แต่งตัวมองดูนาฬิกาตี05.40 โอ้ไม่ทันการ รีบวิ่งออกมาจากห้องเช่าด้วยอาการเร่งรีบผ่านซอยหมาเห่าระงม พอมาถึงหน้าปากซอยกวักมือเรียกรถแท็กชี คันแรกไม่จอด คันหลังก็เลยต้องเกา คันต่อมาจอด โอ้แม่เจ้ามันดันมาจอดบนนิ้วเท้าผมพอดีลืมดูไปว่าไม่ได้ยืนอยู่บนฟุตบาท บอกกับใจตัวเองว่าไม่ร้องๆ เก็บกด เก็บกด ต้องรีบไปทำงานให้ทันเพราะรถมันติด มองดูนาฬิกาอีกที06.10 แล้วตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง โอ้แม่เจ้าลืมใส่เน็คไท บอกแท็กซีจอด แล้วลงวิ่งกลับไปเอาเนคไทตอนนั้นวิ่งเร็วกว่าทีมชาติซะอีกแม้นิ้วเท้าจะเจ็บ เอามาเสร็จผูกเรียบร้อย มองดูนาฬิกา07.0 หา! ตายแน่เรา รีบกวักมือเรียกแท็กซียังกับนางกวักพร้อมกับก้มกราบอย่างช้าๆ ทั้งกวักทั้งกราบไม่มีใครจอดเลย มองดูไกลๆเหมือนคนทรงเจ้า ทันใดนั้นผมตัดสินใจวิ่งไปขวางรถแท็กชีวอนให้จอด รถมันจอดจริงแต่จอดติดกันแบบท้ายติดท้ายกว่า20คันพังยับเยิน ตายแน่ตู รีบวิ่งกลับบ้านแล้วกลับไปดูหนังเรื่อง The day after tomorrow แล้วคิดถึงพรุ่งนี้ของตัวเอง... ซีอุย สามเดือนก่อนมีครอบครัวหนึ่งย้ายมาจากประเทศจีนซึ่งบ้านอยู่ติดกับข้างบ้านผม ครอบครัวนี้ดูภายนอกแล้วดูสงบเงียบเหมือนครอบครัวอื่นๆทั่วไป แต่ถ้ามองลึกลงไปแล้วครอบครัวนี้ดูเหมือนจะลึกลับยิ่งนัก ผมแอบสงสัยมานาน ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะพวกเขาไม่เคยยิ้มและไม่เคยพูดคุยกับคนแปลกหน้าเลยและพวกเขาจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น มีอยู่คืนหนึ่งประมาณตีสอง ผมได้ยินเสียงถ้วยจานชามแตกและดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้กันด้วยและมีเสียงทะเลาะกันเป็นภาษาจีนผมฟังแล้วงง จากนั้นผมแอบดูจากทางหน้าต่างบ้านผม แล้วมองผ่านม่านหน้าต่างบ้านเขาที่บางๆพอจะเห็นเงาตะคุ่มๆว่าเขาทำอะไรอยู่ ในเงานั้นผมเห็นชายคนหนึ่งถือมีดเดินมาจากอีกห้องแล้วเขาก็นั่งลง ต่อจากนั้นก็มีเสียงสับเนื้อดังขึ้น พอเสียงนั้นเงียบลงเขาก็เอาเนื้อที่สับอยู่นั้นเดินไปที่อื่นภายในบ้านหลังนั้นซึ่งผมไม่อาจมองเห็นได้ แต่ผมสันนิฐานว่ามันต้องเป็นห้องครัวแน่ๆ เพราะประมาณ5นาทีผมก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อที่ต้มใหม่ๆโชยออกมาจากบ้านหลังนั้น ผมเห็นทีท่าไม่ดีก็เลยรีบลงไปแอบดูต่อว่าเขาทำอะไร หรือว่าเขาจะฆ่าเมียและลูกของเขา เพราะเสียงเมียและลูกเงียบหายไป ผมเดินเข้าไปเคาะประตูบ้านเขาทันทีโดยไม่รอช้า แล้วเขาก็เดินมาเปิดปะตูออกพร้อมกับพูดภาษาจีนที่ผมฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ในมือของเขาถือมีดปลายแหลมเต็มไปด้วยคราบเลือด ผมเริ่มใจสั่นเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เลยเดินหนีหน้าตาเฉยออกมา ทันใดนั้นเขาก็จับมือผมลากไปที่โต๊ะอาหารในบ้าน ผมกัดฟันทำเป็นไม่กลัวสืบต่อ เอาไงเอากันว่ะ เขาได้เดินไปตักโจ๊กที่มีชิ้นเนื้อเล็กๆทั่วชามมาสองชาม ชามหนึ่งให้ผม อีกชามหนึ่งของเขา ตอนนั้นผมรู้สึกคลื่นไส้จะอวกออกมาแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ ทำไงดีไม่กินก็ไม่ได้กลัวเขาจะเอาผมไปต้มอีกแน่ๆก็เลยต้องจำใจกิน ปรากฏว่าโจ๊กที่เขาทำอร่อยมาก ผมก็เลยขอเขากินอีกชาม คืนนั้นผมอิ่มมาก พอผมกินอิ่มเขาก็จับมือผมไปที่ห้องครัว ผมดิ้นสุดแรงเกิดเพราะคิดว่าเขาคงเอาผมไปต้มกินต่อแน่ๆแต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้เพระตัวเขาใหญ่มาก พอไปถึงห้องครัวผมก็ต้องตกตลึงเมื่อผมเจอซองโจ๊กต้มยำและเนื้อหมูเกลื่อนไปหมด แหมม!ผมรู้สึกเสียดายจริงๆที่มันไม่ใช่เนื้อ... ต้นเสียงสยองของหนังเรื่องผีดุ บ้านเช่าหลังหนึ่ง...กลางดึก ผมเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ต้องมาเรียนในเมืองใหญ่เพื่อหาความรู้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมโกหก วันหนึ่งกลางดึก ผมเมามาจากงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่แล้วเพื่อนก็มาส่งผมที่บ้านเช่า ผมเดินโซชัดโซเชในมือถือขวดเหล้าเดินตรงไปที่ห้องเช่าหลังใหม่ที่ผมพึ่งเช่า ได้ข่าวว่าห้องที่ผมอยู่นั้นมีผี เขาบอกว่าเป็นผีดุด้วย ผมตื่นเต้นกับผีดุห้องผม ผมเดินมายังประตูห้อง มือกำลังจะบิดลูกกรประตู แต่ก็ไม่ได้ทันได้บิด ประตูก็เปิดออกเองซะงั้น โห...มันยิ่งทำให้ผมตื่นเต้น สงสัยผีมันคงเริ่มจะดุแล้วหละ ข้างในห้องมืดมากเพราะผมไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้ในห้อง ด้วยความเมาผมร้องตะโกนไปว่า ผีห่าหอกอะไรว่ะ อยู่บ้านไม่รู้จักเปิดไฟ แล้วไฟก็สว่างขึ้นเองในตอนนั้น 555ขอบคุณ นี่สิเขาเรียกเพื่อนร่วมห้อง ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำหวังว่าจะอาบน้ำซะหน่อย มองลงไปในอ่างน้ำรู้สึกว่าอ่างน้ำขุ่นมากเป็นสีช้ำเลือด คล้ายๆกับมีเลือดปนอยู่ในน้ำ ผมหวังว่าคงมีศพอยู่ในนั้นแน่ๆก็เลยเอื้อมมือของลงไป ควานหาอะไรในน้ำ ควานหาอยู่นาน แต่แล้วก็เจออะไรไม่รู้อยู่ในน้ำ มันคล้ายๆเนื้อนิ่มๆ ก็เลยหยิบมันขึ้นมาจากอ่างน้ำ มาดู พระเจ้าช่วยนี้อะไรกันนี่ มันเป็น...มันเป็นตุ๊กแกที่ตกลงไปในน้ำแล้วเน่า ท่าทางมันจะเน่าหลายวันเลยหละ วันนั้นมันทำให้ผมไม่ได้อาบน้ำเลย เซ็งๆ วัยรุ่นเซ็ง กลับไปนอนดีกว่า ผมเดินไปที่ห้องนอน พอนอนลงแล้วไฟก็ดับเองอีกละด้วยความเมามันทำให้ผมลืมเอะใจ จากนั้นก็ห่มผ้า หลับตา แล้วรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรซักอย่างอยู่ในผ้าห่ม ผมใช้มือจับดู เฮ้ย...!มันเป็นคน มีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งมามุดได้ผ้าห่มผม เธอมุดเลื้อยมาถึงหน้าผม ด้วยความเมา ผมเอามะเงกโขกเข้าไปที่หัวเธอ แล้วเธอก็มุดกลับไปที่เดิม ต่อมาผมก็เอื้อมมือกำลังจะเปิดโคมไฟที่อยู่ข้างๆเตียง เพื่อจะมองดูว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เอะ!หรือว่าจะเป็นผี? พอผมหันไปเปิดโคมไฟ มีเด็กคนหนึ่งทาแป้งที่หน้าขาวมาก มองมาที่ผม ตาจ้องหน้าผม ผมก็เลยจ้องคืน เราจ้องกันนานมากประมาณสามชั่วโมง ผมยักคิ้วใส่ แต่เด็กก็ยังจ้องหน้าผม ผมมองตาซูมเข้าไปดูที่หน้าของเด็กอย่างชัดๆมันมีลอยด่างบนแก้ม สงสัยแม่เขาจะทาแป้งให้ไม่เนียน ผมก็เลยลุกเดินไปหยิบแป้งที่อยู่บนโต๊ะแป้ง แล้วก็เดินมาที่เด็ก เทแป้งลงในมือแล้วก็ทาให้เด็กนั่นไป แล้วเด็กก็หายไป สงสัยเขาคงจะมาขอแป้งผมแม่คงทาให้ไม่เยอะ ต่อมาผมเกิดหิวน้ำเลยเดินไปเปิดสวิตไฟเพื่อจะไปหยิบน้ำที่ชั้นล่างมาดื่ม พอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่างเสร็จ ประทานโทษครับไฟดับแล้วก็มีเสียงเหมือนมีใครไม่รู้ สงสัยจะกินควายมาทั้งตัวมั้งครับ เรอ...มันเป็นเสียงเรอดัง อ่า...อ่า..อ่าฟังดูสยองแต่เขาเรอ เขาคงอิ่มมาก ผมเลยร้องถาม ใคร...ใคร...กินควายมาหรือไง...เสียงทุเรศมากแล้วก็มีผู้หญิงสวมชุดขาวที่ช้ำเลือดคนหนึ่งตะเกียกตะกายมาจากชั้นบนลงมาทางบันได โห...ผมเห็นแล้วน่าสงสารมากครับ กว่าจะลงมาจากบันไดได้ ทรมานเหลือเกิด ผมมองไปที่หัวเข่าของเธอ แดงหมดเลย สงสัยจะถลอกกับขอบบันได...เธอคลานมาที่ผมท่าทางเหมือนคนบ้า ตอนนั้นผมยืนติดอยู่กับตู้เย็น เธอคลานมาหาผม แล้วเธอก็พูดว่า... ขอน้ำฉันกินหน่อยค่ะ ฉันเรอมานานมากแล้ว ผัวของฉันไม่ให้ฉันกินน้ำ ฉันก็เลยหิวน้ำจนตาย ผมสงสารเธอมากก็เลยเปิดตู้เย็นยื่นน้ำให้เธอกินดับ อาการเรอ...........เธอชอบใจใหญ่เชียว............ ศพลอยน้ำ เรื่องนี้เกิดขึ้นใกล้บ้านของคุณเอง วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักผมออกมาเล่นน้ำฝนในคลองแถวบ้าน เรื่องมันมีอยู่ว่า พอเพื่อนที่เล่นน้ำฝนด้วยกันกับผมกลับหมดผมนั่งเล่นน้ำฝนอยู่คนเดียว อยู่ๆก็มีอะไรซักอย่างเหมือนกับท่อนซุงลอยตามน้ำมา ผมเกิดความสงสัยเลยรีบวิ่งเข้าไปดูอยากรู้ว่าเป็นอะไรพอดูใกล้ๆก็เลยรู้ว่ามันเป็นศพของคนที่ไม่มีชีวิต ผมรีบหาไม้ยาวๆเขี่ยศพนั้นเข้ามาที่ฝั่ง พอมันลอยเข้ามาที่ฝั่งผมก็มองหาคนช่วยกลับไม่มีใครซักคนเลยแถวนั้น ผมก็เลยต้องช่วยชีวิตศพให้กลายมาเป็นชีวิตคน ขั้นแรกผมพยายามปั้มหัวใจเอามือขวาทับมือซ้ายทำตามที่เรียนมาปั้มหัวใจเขาอยู่นานศพไม่ฟื้นซักที่ผมก็เลยปั้มแรงเข้าๆจนทำให้แขนของเขาหลุดกระเด็นออกมา ผมเห็นท่าทางไม่ไหวแล้วก็เลยต้องเปลี่ยนวิธีเพราะถ้าทำแบบนี้ต่อเขาคงต้องไม่เหลือชิ้นส่วนแน่ ผมเปลี่ยนเป็นการผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ เม้าท์ทูเม้าท์อยู่นานประมาณ10นาทีก็ไม่เห็นท่าทีว่าศพจะฟื้นมันจึงทำให้ผมเกิดความโมโห ด้วยความโมโหผมใช้มือตบเข้าไปที่หน้าศพหลายทีพร้อมกับร้องเรียกให้เขาฟื้น ตบซ้ายตบขวาจนทำให้หัวของเขาหลุดกระเด็นออกมาโอ้แม่เจ้า! ท่าทางแบบนี้เขาคงไม่ฟื้นแน่ ผมก็เลยต้องฟื้นตื่นจากฝันอันโหดร้ายแทน CutCutCut หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องกลางดึก มือของเธอถือกระเป๋าใบใหญ่สีดำท่าทางของเธอกระสับกระส่ายเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยว ในซอยนั้นมีตรอกซอกซอยติดกันมั่วไปทั่วถ้าใครไม่รู้จักซอยนี้ดีส่วนมากจะหลงทาง เธอเดินไปเรื่อยๆในซอยพอมาถึงทางสี่แยกที่มีไฟส่องสลัวแล้วเธอก็หยุดเดิน มือของเธอล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งดูเหมือนจะเป็นแผนที่ของซอยนั้นออกมา เธอมองแผนที่อยู่นานแล้วเธอก็ตัดสินใจเดินเลี้ยวซ้าย ในตอนนั้นไฟที่ส่องสลัวบนทางเดินที่สี่แยกเกิดดับ เธอเกิดสดุ้งตกใจหยุดเดินแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อลดความตรึงเครียดของเธอเอง มีเงาลึกลับเดินผ่านตัดแสงของดวงจันทร์ส่องผ่านมาทางด้านหลังของเธอ เธอหันไปดูเงานั้นกลับไม่มีแม้ความเคลื่อนไหวใดๆ หัวใจเธอเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะพร้อมกับพยายามเดินเร็วกว่าเดิม มือของเธอกอดกระเป๋าดำไว้แน่น พอมาถึงอีกสามแยกเธอหยุดเอาแผนที่มาดูอีกครั้ง ขณะนั้นไฟตรงทางแยกก็ดับลง เธอมองไม่เห็นแผนที่ มีใครซักคนดับไฟ มันพยายามทำให้เธอตกเป็นเหยื่อและหลงทาง เธอตัดสินใจเดินเลี้ยวขวาโดยไม่รู้เลยว่าในแผนที่นั้นมันชี้ให้ไปทางไหน ทันใดนั้นมีเสียงชายผู้หนึ่งร้องทักให้เธอหยุด หยุด!แล้วเอากระเป๋ามาชะดีๆ เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้นเธอตัดสินใจวิ่งอย่างสุดชีวิต แล้วชายผู้นั้นก็ควักมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาวิ่งตามเธอไปติดๆพรางร้องตะโกนให้เธอหยุด เธอวิ่งตรงไปเรื่อยๆสุดท้ายก็ถึงวาระสุดท้ายของเธอเมื่อทางข้างหน้าเป็นทางตัน เสียงหัวเราะของชายผู้นั้นดังขึ้นพร้อมกับพูดว่า มันจบแล้ว นายต้องการอะไรเธอกอดกระเป๋าไว้แน่น ชายผู้นั้นซักมีดขึ้นมา เอากระเป๋าดำนั้นมาแล้วเธอก็จะรอด กระเป๋านี้มันสำคัญกับฉันมาก ฉันไม่ยอมให้แกแน่ ชายผู้นั้นเดินตรงไปหาเธออย่างช้าๆพร้อมกับเอาปลายมีดจ่อไปที่คอของเธอ เธอขัดขืนจนทำให้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ผลออกมาหญิงสาวเสียชีวิตและชายผู้นั้นได้กระเป๋าดำนั้นไป ผ่านไปหนึ่งวันในห้องของชายลึกลับ เขาได้กระเป๋านั้นมาแล้วนั่งจ้องมองดูกระเป๋านั่นอย่างอิ่มเอือบ เขาเอื้อมมือจะรูดซิบกระเป๋าเพื่อดูของข้างในนั้นว่าเป็นอะไร ทันใดนั้นมีชายอีกคนร้องขึ้นมาว่า CutCutCut! เวลารูดซิบพยายามให้มันเหมือนโจรหน่อย! เอาใหม่ ถ่ายใหม่ (เพราะมันเป็นมุมหนึ่งในกองถ่าย) ในคืนหนึ่งของห้องนอน เวลาประมาณตี 2 ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำด้วยอาการปวดท้อง แต่ก่อนที่ผมจะลุกจากเตียง ผมได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ดังมาจากด้านบนของเพดาน มันเป็นเสียงเหมือนกับมีคนเอาหัวโขกเพดาน เสียงดัง (ตุ๊บ..ตุ๊บ...ตุ๊บ)ฟังแล้วรู้สึกขนลุก จากนั้นผมลุกขึ้นเดินไปหยิบไม่กวาด เคาะเพดานเบาๆแล้วเสียงนั่นก็เงียบหาย แล้วผมก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจะทำธุระ ผมเปิดไฟจ้าด้วยความกลัวผีซึ่งมันเป็นนิสัยส่วนตัวของผมเองที่ชอบสร้างจินตรนาการณ์ขึ้นมา ขณะที่กำลังนั่งทำธุระใกล้เสร็จก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังลากถุงที่ถูกใส่ด้วยของที่หนักๆ เข้ามายังห้องน้ำ ในใจของผมเองก็นึกว่าคงจะเป็นแฟนผมที่คอยแกล้งแน่นอน ผมรีบเช็ดก้นเพื่อออกมาดู พอเปิดประตูออกมากลับไม่มีเธอเลย จากทำธุระเสร็จก็เข้าไปยังห้องนอน แต่ผมกลับนอนไม่หลับ ผมได้ยินเสียงแปลกนั่นอีกครั้ง มันดังมาจากห้องน้ำ แต่มันเป็นเสียงของคนกำลังสับเนื้ออะไรชักอย่าง ผมหันไปปลุกแฟนผมที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ร่างที่นอนข้างๆผมนั้น มันไม่ใช่แฟนผม มันเป็นหญิงสาวชุดขาวที่ร่างกายช้ำเลือดช้ำหนองเต็มด้วยเลือด ผมพลิกหน้าเธอเพื่อที่จะดูหน้าอย่างชัดๆ สายตาของเธอจ้องมองมาที่ผม เธอตาทะล้นออกมา มันเป็นสายตาที่อาฆาต ผมพยายามร้องเรียกคนมาช่วย ด้วยความตกใจมากผมร้องเสียงไม่ออก ผมทำอะไรไม่ถูกก็เลยวิ่งไปที่ประตู เปิดประตูออกแล้ววิ่งไปชนกลับใครไม่รู้ เขาคนนั้นหน้าตาเหมือนผมมาก แต่เขากลับไม่สนใจผม เขาเดินไปที่ผู้หญิงที่โชกเลือดคนนั้น มือของเขากำมีดเอาไว้แน่น เดินตรงไปที่เธอ ผมยืนตัวสั่นติดฝาผนังห้องมองอยู่ไกลๆ เขาใช้มีดกรีดไปที่คอของเธอ หญิงสาวคนนั้นไม่ตอบโต้เลยสักนิด พอเขาเชือดคอเธอเสร็จจากนั้นเขาก็เอาถุงพลาสติกที่อยู่ใต้เตียงใส่ศพเอาไว้ แล้วลากไปที่ห้องน้ำ เสียงสับเนื้อดังขึ้น ผมวิ่งไปคว้าผ้าห่มของผมที่เตียงมาคลุมตัว แล้วฟังเสียงว่าเขาทำอะไรกับเธอ พอเสียงสับเนื้อเงียบลง ก็ได้ยินเสียงลากถุงขึ้นไปบนเพดานจากนั้นทุกอย่างก็เงียบเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ผมออกมาจากผ้าคลุม เสียงบนเพดานก็กลับมาได้ยินอีกครั้ง ผมใช้ไม้กวาดอันเดิม กระทุ้งบนเพดานหนักๆ ด้วยความแรงจากการกระทุ้งทำให้เพดานพังลงมา ชิ้นส่วนของศพเกลื่อนห้อง ผมตกใจมากเลยรีบเก็บกวาดศพ แล้วนำไปที่ห้องครัว นำไปต้มให้สุกๆ แล้วเอามาแบ่งเพื่อนบ้านกินกัน เพื่อนบ้านชอบใจใหญ่เชียว.......(ศพนั่นผมฆ่าเองหละ ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการทางจิตหลอนอยู่ แล้วผมจะไปหาคุณ!) รักนี้ชั่วนิรันดร เอกกับเนตรเป็นคู่รักที่รักกันมาก สองคนนี้มิเคยแยกจากกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน กินอะไรก็กินด้วยกันทั้งสองมีผูกพันกันมากผูกพันถึงขนาดเวลานอนหลับเนตรก็ต้องเอาเชือกผูกที่ขาของเอกเอาไว้ วันหนึ่งทั้งสองสัญญาต่อกันว่าถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งตายไปอีกคนก็จะตายตาม สามวันต่อมาเกิดอุบัติเหตุรถชนเนตรตายสยองแต่เอกกลับไม่เป็นอะไรเลย เอกเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมากทุกวันก็เฝ้าคิดถึงแต่เนตร คิดถึงภาพเก่าๆที่ทั้งสองเคยใช้ชีวิตร่วมกัน คิดถึงเวลากินข้าวที่มีเนตรคอยป้อน คิดถึงกับข้าวที่เนตรทำให้กินทุกๆวัน คิดถึงรอยจูบของเนตรที่จูบเขาก่อนนอนวันผ่านวันคืนผ่านคืนเอกก็ยังเฝ้าคิดถึงเนตร เวลาผ่านไปสามวันเอกเอาพรั่วไปที่หลุมศพของเนตร เขาได้ขุดโลงศพของเนตรขึ้นมาเพื่อที่จะดูหน้าเนตรอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เอกเปิดโลงศพออกมา ทันใดนั้นเขาได้ซ๊อคสลบทันทีเมื่อในโลงนั้นไม่มีศพของเนตรอยู่ข้างใน เอกถูกคนแถวนั้นพาไปส่งที่โรงพยาบาล พอพื้นตัวตื่นขึ้นเขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา จากความรักกลายมาเป็นความหวาดกลัวเพราะเอกคิดได้ว่าเคยให้คำสัญญากันกับเนตรไว้ว่าเมื่อเนตรตายไปเอกก็จะตายตาม เอกกลับมาที่บ้านด้วยความผวา เวลาล่วงมาถึงสามทุ่มเอกยังไม่หลับเขาเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนเพราะกลัวผีเนตรแฟนสาว ทันใดนั้นเองทีวีเกิดดับแล้วมีเสียงคนเปิดประตู เอกหันไปมองที่ประตูแล้วไฟก็เกิดดับมีใครซักคนเดินผ่านประตูเข้ามา ใครเหรอ...เอกร้องถาม เนตรเองหละเอก...เนตรคิดถึงเอกมากทำไมเอกไม่ไปหาเนตรสักที เรารักกันไม่ใช่เหรอมีเสียงแว่วออกมาทั่วห้อง ใช่...ใช่ เรารักกัน แต่ว่าเนตรตายไปแล้ว เราอยู่คนละโลกกันนะเนตรเอกนั่งลงหลับตาตัวสั่น แล้วที่เราสัญญากันหละ เอกลืมสัญญาใช่ไหม เอกไม่ได้ลืม แต่เอกไม่กล้า...นิดเข้าใจไหมเอกไม่กล้าเอกตะโกนออกมาพร้อมกับเอามือปิดหู แล้วถ้าเนตรจะช่วยเอกหละ... ไม่!เอาเอกยังไม่อยากตาย เนตรไปเถอะตอนนี้เราอยู่คนละโลกแล้วนะเนตร ถึงแม้เราจะยังรักกันอยู่พอเอกพูดจบพัดลมใหญ่บนเพดานก็เริ่มหมุนแรงขึ้นแรงขึ้น เอกได้ยินเสียงก็มองขึ้นไปบนเพดาน เนตร...อย่านะเนตร เนตรจะทำแบบนี้ไม่ได้ ชีวิตของเราสองคนสิ้นสุดลงแล้ว เนตรไปเกิดใหม่เพื่อลืมทุกๆอย่างเถอะ...พอเอกพูดจบไฟในห้องก็สว่างและพัดลมบนเพดานก็หยุดหมุนเอกรีบวิ่งออกไปจากบ้านเช่าแล้วไปอยู่กับเพื่อนแถวนั้น สามวันต่อมาเอกกลับมาที่ห้องอีกครั้ง เอกเดินตรงไปในห้องนอนเพื่อที่จะเก็บของออกไป พอเดินมาถึงเตียงก็รู้สึกง่วงก็เลยนอนลงบนเตียง ขณะนั้นเอกก็ได้กลิ่นเหม็นที่โชยออกมาจากใต้เตียง พอเอกก้มลงไปดูก็ตกใจเมื่อเห็นศพของเนตรหงายหน้าอยู่ใต้เตียง เนตรยังไม่ได้ไปเกิด เนตรยังเฝ้ารอความรักที่เขามีให้กลับมาเหมือนเดิม เนตรยังเฝ้ารอเอก พอเอกเห็นร่างของเนตรเขาก็สลัดความกลัวแล้วกอดร่างของเนตรเอาไว้ เนตร เอกอยู่นี่ เอกอยู่กับเนตรแล้ว เอกรักเนตรเราจะไม่ทิ้งกัน เราจะไม่ทิ้งกัน...แล้วห้องๆนั้นก็ถูกปิดตายพร้อมๆกับความรักของทั้งสองชั่วนิรันดร...
25 สิงหาคม 2548 22:53 น. - comment id 86285
กรีดมีดลงบนเนื้อที่สั่นรัว ทิ้งความกลัวลงปลายมีดให้ผวา ใส่เกลือโรยเติมน้ำปลาเอามือทา ตามประสาฆ่าตกรผู้ใจดี
26 สิงหาคม 2548 21:33 น. - comment id 86303
.......ฮี่ ฮี่ อ่านแล้วก๊าบบบบเพ่ชาย ดีๆๆๆ ดีมากๆฮับผม
3 มีนาคม 2549 15:53 น. - comment id 89885
เขียนอีกนะข้าพเจ้าเข้ามาอ่านงานของท่าน