ชายหนุ่มบังคับตัวเองให้นั่งอย่างสงบไม่วอกแวก อีกห้านาทีจะสิบเอ็ดโมง .. เป็นเวลาที่นัดหมายไว้ .. .. หันไปมองนอกหน้าต่าง .. เมฆฝนจางหายจากฟ้าแล้ว .. คงเหลือไว้แต่เพียงหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามกิ่งใบของต้นอโศกสปัน ลมเย็นแอบพัดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดค้างอยู่ .. เขาเหลือบมองเข็มนาฬิกาอีกครั้ง .. อีกสี่นาทีจะสิบเอ็ดโมง .. อากาศสงบนิ่ง .. แต่รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ระเหยจากดินหลังสิ้นฝน .. เขานึกอยากเป็นเข็มนาฬิกา .. ที่เดินเป็นวงกลม .. ไม่มีอดีต .. ไม่มีอนาคต .. ไม่มีข้างหน้าที่ต้องหวัง .. ไม่มีข้างหลังที่ต้องลืม .. เหลือบมองเข็มนาฬิกาอีกครั้ง .. อีกสามนาที .. เขานึกชื่นชมความสม่ำเสมอของเข็มนาฬิกา .. มันเดินด้วยจังหวะความเร็วคงที่ .. .. มีเพียงจิตใจคนเท่านั้น .. ที่รู้สึกว่ามันเดินเร็วไป หรือ ช้าไป เขาพยายามนึกเรื่องอื่น .. เพื่อให้ลืมเรื่องเวลา .. ในส่วนลึกเขาไม่อยากให้ถึงเวลานัดหมาย .. เขาไม่แน่ใจว่าการนัดหมายครั้งนี้ .. เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด .. เหลือเวลาอีกสองนาที .. บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด .. จนเขาได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดิน .. จะเริ่มต้นอย่างไรดี .. เขาควรจะบอกความจริงเลย .. หรือควรบอกทีหลัง .. หรือไม่ต้องบอกอะไรเลย? .. เขาเริ่มลังเล .. .. ยังพอมีเวลาที่จะเดินออกไปจากที่นี่ .. ชายหนุ่มพยายามบังคับสายตาไม่ให้เหลือบมองเข็มนาฬิกา .. เขารู้สึกเกลียดตัวเองที่กำลังตกเป็นทาสของอะไรบางอย่าง .. ที่ตัวเองไม่อาจจะเข้าใจได้ .. ครั้งแรกที่เขาเหยียบเข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ .. เขาต้องกลับออกไปพร้อมความรู้สึกผิดหวัง พ่ายแพ้ .. วันนี้ .. เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง .. มันจะเป็นยังไง? .. อีกไม่ถึงหนึ่งนาที จะสิบเอ็ดโมงแล้ว .. เขาสูดลมหายใจลึกๆ เหมือนต้องการเปลี่ยนลมหายใจเป็นพลังบางอย่าง เพื่อเอาไว้รับมือกับความจริง .. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า .. สายตาของเขาทอดวางอยู่ที่บานประตูไม้คู่นั้น .. หญิงสาวก้าวผ่านบานประตูเข้ามา .. เธอสวมเสื้อสีขาว .. กับกระโปรงยาวบานลายดอกไม้สีสดใส .. ผมที่ยาวคลุมไหล่พริ้วไหวไปตามจังหวะการเดินของเธอ .. เขาทอดสายตาจับจ้องอยู่ที่เธอ .. "นั่งสิแก้ว .." เขาเชื้อเชิญพร้อมลุกขึ้นยืนต้อนรับ .. เธอนั่งลงบนเก้าอี้ว่างเบื้องหน้าเขา .. "ขอบคุณที่อุตส่าห์มา .." "แก้วไม่เคยปฏิเสธเพื่อน .." "จะทานอะไรดีล่ะ" เขาถาม .. "เหมือนอย่างครั้งที่แล้วที่เรามาทานด้วยกัน .." เธอตอบ .. เขาหันไปสั่งอาหารกับบริกร .. "ความจำของคุณยังดีนี่ .. เกือบห้าปีแล้วใช่ไหมที่เราพบกันครั้งสุดท้าย .. ที่นี่.." เธอถามพร้อมรอยยิ้ม .. ที่ตราตรึงในทรงจำของเขาตลอดมา และจะคงอยู่ตลอดไป .. "ห้าปีกับอีกหกเดือน .. " เขาจำได้ดี .. เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดเขา .. เธอพาเขามาทานอาหารที่ร้านนี้ .. จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่า .. อาหารมื้อนั้นเป็นการเลี้ยงวันเกิดเขา หรือเป็นการเลี้ยงอำลา .. ก่อนที่เธอกับเขาจะแยกทางกันเดินหลังจากวันนั้น .. "ยังทำงานอยู่ที่เดิมหรือเปล่า?" "แก้วยังอยู่ที่เดิม .. ยุทธล่ะ?" "ผมว่าจะย้ายไปอยู่บริษัทอื่น .. ที่นี่มันงกเงินเหลือเกิน .. มันทำให้ชีวิตผมแห้งแล้ง .. มัวแต่วิ่งหาเงิน .. ผมว่ามีอะไรอีกหลายอย่างนะที่มีค่ามากกว่าเงินทอง .." "แก้วก็เบื่อ .. อยากจะหนีกลับไปเรียนต่อด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ให้มันสะใจไปเลย .. กลับไปหาอะไรที่มันงดงาม บริสุทธิ์ มีคุณค่าทางจิตใจ .." เขากับเธอเจอกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเขากำลังหาหนังสือสถาปัตยกรรมยุคกลาง .. แต่หาไม่เจอ .. จึงหยิบหนังสือศิลปะยุคกลางมาเปิดดู .. เหลือบเห็นเธอมายืนคอยอยู่ด้านหลัง .. เขาจึงหันไปถาม .. "ผมยืนขวางทางคุณหรือเปล่า?" "ไม่ค่ะ .. เอ่อ .. มายืนคอยหนังสือเล่มที่คุณถืออยู่ในมือ" "อ้อ .. หนังสือเล่มนี้บอกให้ผมรู้ว่างานสถาปัตยกรรมแฝงตัวอยู่ในงานศิลปะมากมาย" เขาบอก .. แล้วส่งหนังสือเล่มนั้นให้เธอ .. "คงเหมือนหนังสือเล่มนี้ที่บอกให้รู้ว่า งานศิลปะแฝงอยู่ในงานสถาปัตยกรรมก็มาก.." เธอชูหนังสือสถาปัตยกรรมยุคกลางที่อยู่ให้มือให้เขาดู จากนั้น เขาและเธอก็หอบหนังสือเล่มโตไปยังโต๊ะว่างที่ตั้งอยู่มุมห้องสมุด แล้วความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายคลึงกันก็งอกเงยขึ้นในดวงใจของคนทั้งสอง .. เขาและเธอเรียนจบปีเดียวกัน .. หลังจากเรียนจบเส้นทางชีวิตของทั้งสองก็ทอดยาวไปข้างหน้าร่วมกัน .. จนห้าปีให้หลัง .. เธอก็เดินจากไปกับจิตรกรหนุ่มไฟแรง .. และเขาก็เดินไปกับสถาปนิกสาว .. "ยังหลงเสน่ห์ศิลปะยุคกลางเหมือนเดิมมั๊ย?" เขาถาม "ไม่เปลี่ยนแปลง " เธอตอบด้วยรอยยิ้ม เกือบบ่ายโมงครึ่งแล้ว .. เขาและเธอยังอ้อยอิ่งกับอาหารเบื้องหน้า .. ต่างคนต่างเก็บเกี่ยวความรู้สึกที่ขาดหายไปของกันและกัน .. "เมื่อวันก่อน .. ผมแวะไปดูงานของ .............. ที่หอศิลป์" เขาพยายามแล้วที่จะไม่พูดถึงจิตรกรหนุ่มไฟแรงคนนั้น .. แต่ไม่สำเร็จ .. ทำได้แค่เพียงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เอ่ยชื่อ .. เท่านั้น "รู้สึกงานของเขาพัฒนาไปมาก มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น .. แก้วคงมีส่วนช่วยเขาอยู่มากเชียว .." "เขาตั้งใจจริง มุ่งมั่นมาก แก้วยืนช่วยอยู่ห่างๆ เท่านั้นเอง .. แล้วเจนเป็นยังไงบ้าง " เธอเอ่ยถามถึงเพื่อนสาวสถาปนิกของเขา .. "กำลังสนุกกับงานออกแบบคอนโดฯ สามสิบชั้นที่เชียงใหม่" "สังคมนี้มีแต่คนตั้งใจจะประสบความสำเร็จนะ .. ขยันกันจัง" เธอรำพึงรำพัน .. "คงไม่มีใครเหมือนเราสองคนหรอก .. ที่ผูกตัวเองไว้ที่ปลายฝัน .. แล้วแต่ว่าความฝันจะพาเราไปไหน" เขาระลึกถึงความหลัง .. "แก้วว่าความสุขมันไม่ได้อยู่ที่การประสบความสำเร็จ .. การมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคม .. แก้วว่าความสุขอยู่ที่ความพอดี .. การรู้จักทำงานอย่างมีความสุข .. รู้จักยิ้มให้ตัวเอง .." "บางทีผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนคิดแต่จะก้าวให้สูง .. ดูมันโดดเดี่ยว .. ทำไมไม่คิดก้าวไปข้างหน้า .. ไปให้ไกล .. ผมไม่แน่ใจว่า .. ระหว่างความยาวกับความสูง .. มันต่างกันหรือเหมือนกัน .." เวลายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ .. มันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ .. เขาและเธอยังคงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ ความรู้สึกที่ขาดหายไปยังไม่ได้รับการเติมให้เต็ม .. บริกรเก็บจานอาหารไปหมดแล้ว .. เหลือเพียงแก้วน้ำส้มสองแก้ว .. ทั้งคู่รู้ดีว่า .. เวลาของเขาและเธอกำลังจะหมดลง .. ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องบอกความจริงกับเธอ .. เขากับเจนแยกทางกันเดินแล้ว .. และอาทิตย์หน้าเขาจะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อทำวิจัยให้รัฐบาล .. หลังจากนั้นเขาวางแผนว่าจะทำงานอยู่ที่นั่นอีกหลายปี .. ทำไมเราต้องบอกเธอด้วยล่ะ? .. เขาถามตัวเอง .. เขาต้องการอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกับความจริงที่บอกออกไป .. ทำไมเขาจะต้องเสียสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้อีกสิ่งหนึ่งด้วยล่ะ .. ไม่จำเป็น .. เขาไม่ต้องการอะไรจากเธอ .. แม้แต่ตัวเธอ .. เขาโทรไปนัดเธอทานข้าวเพียงเพื่อต้องการเห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น .. เขาไม่กล้าหวังที่จะให้เธอกลับมาร่วมเดินทางเดียวกับเขา .. "แล้วเมื่อไหร่แก้วจะแสดงผลงานเดี่ยวของตัวเองบ้างล่ะ" "คงไม่มี .. แก้วไม่ชอบ .. แก้วคิดว่านั่นเป็นการทำเพื่อตัวเองมากเกินไป" เธอนึกอยากจะบอกความจริงกับเขาว่า .. เธอกับจิตรกรหนุ่มไฟแรงคนนั้น .. หันหลังให้กันแล้ว .. และเธอตัดสินใจไปวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับวัดแห่งหนึ่งในชนบททางภาคเหนือ ด้วยความเชื่อที่ว่าศิลปะเป็นความงดงามบริสุทธิ์ .. เธออยากให้เด็กๆ ในชนบท ได้เห็นความงดงามอันบริสุทธิ์นั้น .. แต่ .. เธอจะบอกเขาไปเพื่ออะไร? .. เธอถามตัวเอง .. แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่บอกเขา .. ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวลงต่ำลับหายไปหลังต้นอโศกสปันแล้ว .. เขายกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ .. คำสุดท้าย .. ได้เวลาแล้ว .. ได้เวลาที่เขาต้องไป .. เขาเรียกบริกรมาคิดเงิน .. เขาและเธอนั่งนิ่ง .. เหมือนต้องการเก็บซับความทรงจำในช่วงเวลาสุดท้าย .. .. ให้นานที่สุด .. ไม่มีใครต้องการจากไปพร้อมความเจ็บปวด .. เธออยากบอกความจริง .. เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ .. แต่วินาทีจะมีใครรู้ .. นอกจากตัวของเขา และ เธอ .. "เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ .. แก้ว .. " เขาตัดสินใจแล้ว .. เธอพยักหน้าเข้าใจ .. ความรู้สึกปวดร้าววิ่งรี่ไปจุกอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้าง .. เธอตัดสินใจแล้ว .. "ลาก่อน .. ยุทธ .." แก้วเป็นฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นด้วยความรู้สึกยากลำบาก .. "โชคดีนะแก้ว .. " ริมฝีปากชายหนุ่มสงบนิ่ง .. แม้ได้เห็นน้ำใสๆ ไหลรินจากดวงตาหญิงสาว .. เขารู้ดีว่า แก้วรู้สึกปวดร้าวมากเท่าๆ กับเขา เพราะแก้วไม่เคยร้องไห้ .. แก้วหันหลังเดินจากเขาไปอย่างช้าๆ .. เขาอยากตะโกนเรียกเธอให้หันกลับมาฟังความจริงที่เขาตั้งใจจะบอกเธอ .. แต่มันคงไม่มีประโยชน์อันใด .. .. เขาหันหลัง เดินไป .. เวลา .. มีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่น .. ความทรงจำที่มีความหมายยิ่งในวันนี้จะตราตรึงในหัวใจตลอดไป .. เขาและเธอจากกัน .. ใต้ต้นอโศกสปัน .. โดยมีเพียงทั้งสองเท่านั้น .. ที่รู้ความจริงในหัวใจตัวเอง .. .. ปล่อยทุกอย่างให้เป็นความทรงจำ .. .. ปล่อยถ้อยคำให้เลือนหายสู่ปลายฟ้า .. .. ปล่อยความรักให้กลืนกลบลบเวลา .. .. ปล่อยน้ำตารินรดหยดสุดท้าย ..
27 สิงหาคม 2548 08:52 น. - comment id 86311
อืมม ถ้าเป็นเรา เราจะพูดนะ... เราช่างพูด.....
28 สิงหาคม 2548 10:51 น. - comment id 86327
.. บางคนพูด .. บางคนไม่พูด .. .. บางครั้งผลเหมือนกัน .. บางครั้งผลต่างกัน .. .. พูดเพื่ออะไร? .. หรือ .. ไม่พูดเพื่ออะไร? .. .. ความรู้สึกก็เป็นเช่นนี้แหละ ..