เรื่อง นายกระป๋องกับน้องห้าว บทที่1 ตอนที่1

วสวัส

"ผู้จัดการค้าา ท่านประธานเรียกให้เข้าพบค่ะ" เสียงของหญิงสาวเร่งเร้าชายหนุ่มผู้หนึ่งด้วยการลากเสียงยาวๆแกมเบื่อหน่าย ผลักประตูชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง
	"รู้แล้วๆเรียกๆอยู่ได้ทั้งวัน ไม่รู้วันไหนท่านคงประกาศเรียกผมออกทางลำโพงของบริษัทย์" เสียงชายหนุ่มวัยกลางคน ผมสีดำขลับหยักศกเล็กน้อย ตาตี่แต่ดวงตาเป็นประกายกล้า คิ้วเข็มผิวขาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาสีชมพูเรื่อได้รูปสวย รูปร่างสูงโปรงอยู่ในชุดสูตรสีน้ำตาลตัดกับเน๊กไทสีชมพูดูแปลกตานั่งไขว้ห้างบนเก้าอี้สีดำบุหนังตัวใหญ่ กล่าวขึ้นอย่างรำคาญใจ
	"คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ....เพียงแต่ได้ยินมาว่าท่านแค่จะปิดประกาศตารางเวลาที่คุณต้องเข้าพบท่านเอาไว้ทั่วบริษัทย์เห็นว่า แม้แต่ในห้องน้ำก็ไม่เว้น ฮิฮิฮิ" เสียงหญิงสาวกล่าวพร้อมหัวเราะน้ำเสียงแกมหยอกผู้จัดการด้วยท่าทีสนิทสนม
	ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างยิ้มๆ ประหนึ่งว่าชื่นชอบในคำพูดคุยเล่นสนุกสนานของผู้ใต้บังคับบัญชา จากนั้นทอดแววตาอย่างมีเล่ห์แล้วกล่าวขึ้นว่า
	"คุณโฉม ก็หยอกผมเล่นอยู่เรื่อย เดี๋ยวปั๊ดส่งรายงานเรื่องคุณชอบเอาขนมมาแอบทานในเวลางานให้ท่านประธานด้วยซะเลย ฮ่าฮ่า ดีเลยๆเดี๋ยวหยิบขึ้นไปด้วยดีกว่า ลัล ลา"
	"ว๊าย อย่านะคะคุณสมุทร โอ๋ๆๆ โฉมก็แค่ล้อคุณเล่น ถ้าคุณโกรธทีหลังโฉมไม่ล้อเล่นแล้ว" หญิงสาวปั้นหน้าเศร้าๆอย่างน่าสงสารแต่แล้วก็กลับยิ้มขึ้นที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย
	"วันนี้มีมะม่วงน้ำปลาหวาน สนใจไหมคะผู้จัดการสุมทรขา.."
	"อะ...ไม่ล่ะเดี๋ยวขึ้นไปพบพ่อประธานสุดรักของผม กลิ่นน้ำปลาหวานจะได้ไปเตะจมูกท่านเอา" ชายหนุ่มกล่าวอย่างทีเล่นทีจริง
	"อะตามใจค่ะ...อ่อ อีกเรื่องหนึ่งนะคะคุณสมุทร เย็นนี้คุณลอเร้นโทรมา บอกว่าจะชวนท่านไปทานข้าว แล้วให้ดิชั้นบอกผู้จัดการด้วยว่า มีเรื่อง'สำคัญ'จะบอกผู้จัดการ"
หญิงสาวกล่าวพร้อมกับหดคอกลับไปพร้อมปิดประตูลงอย่างเบาๆ
	"ยัยละไม มีเรื่องอะไรนะ ชอบเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแส้ตัวเองอยู่เรื่อยเลยยัยนี่ คราวนี้เรียกตัวเองว่าลอเร้น อิโธ่ ชื่อละไมดีๆไม่ชอบ ฮ่าฮ่าฮ่า"ชายหนุ่มหัวเราะร่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน
ใช้มือทั้งสองกระชับสูตรให้เข้าที่แล้วจึงสวมรองเท้าหนังให้ดูเรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากห้องไป
	"ติ๊ง" เสียงของลิฟตัวใหญ่ดังขึ้นเมื่อถึงชั้นที่มีคนกดลง ชายหนุ่มก้าวสั้นๆออกจากลิฟประหนึ่งว่าไม่อยากจะให้ถึงจุดหมายอย่างเร็วไปนัก 
	"สวัสดีครับท่านผู้จัดการ"
	"สวัสดีค่ะท่านผู้จัดการ"
	เสียงกล่าวทักทายของเหล่าพนักงานประจำชั้นนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นค่อยสงบลงสู่สภาวะของการทำงานเดิมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มเดินก้าวสั้นๆตรงไปยังประตูบานใหญ่ที่อยู่ลึกสุดของชั้น ทางเดินลาดปูด้วยพรมสีน้ำเงินเข้มจนไปถึงหน้าประตูห้องเหมือนอนึ่งว่าให้เกียตรสูงสุดต่อผู้ที่อยู่ภายใน เขาเดินมาหยุดที่ประตูขนาดใหญ่ทำด้วยไม้สัก สลักเสลาเป็นรูปมังกรใหญ่ตัวหนึ่งครั้นแล้วรำพึงเสียงเบาๆกับตัวเอง
	"พ่อนี่ชอบทำอะไรแปลกๆ ทำตัวยังกับยากูซ่า"
	พูดพลางบิดลูกบิดประตูเปิดออกอย่างช้าๆ
	"ปิดไป!!!ไม่มีมารยาทเลยเข้าห้องทำงานของคนอื่น ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูเสียก่อน" เสียงตวาดห้าวของชายผู้หนึ่ง ดังขึ้น น้ำเสียงฟังดูมีอายุและแฝงไปด้วยความจริงจังเป็นระเบียบ
	"ขอ..ขอโทษครับพ่อ ผมเคยชินจากที่บ้านน่ะ" เสียงชายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทีเกรงๆพร้อมกับปิดประตูลงแล้วจึงเคาะประตู เปิดกลับเข้ามาใหม่
	"มานั่งนี่สิ"
	"ครับคุณพ่อ"
	"งานที่ฉันมอบให้ไปทำแบบสำรวจ ความต้องการของตลาดไปถึงไหนแล้ว"เสียงชายชรากล่าวขึ้นพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนังสีแดงตัวใหญ่
	"เอ่อ...คือกำลังทำอยู่น่ะครับ" เสียงชายหนุ่มตอบเบาๆเหมือนอยู่ในลำคอ
	"นี่มันเกือบจะสองอาทิตย์แล้วนะสมุทร ลูกก็รู้นี่ว่าตอนนี้บริษัทย์ของเรามีคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาธุระกิจอาหารกระป๋องของเราเนี่ย ถึงจะมียี่ห้อติดหราอยู่ตามห้างดังๆใหญ่ๆแต่ถ้าเราไม่รู้จักคิดริเริ่มทำอะไรใหม่ๆออกมาสู่ตลาดผู้บริโภค ไม่นานพวกของเก่าๆก็กลายเป็นของจำเจ จากของจำเจกลายเป็นของที่ถูกลืม พวกยี่ห้อใหม่ๆมาแรงคนเขาก็อยากจะลองของใหม่ เกิด
มันทำให้ติดตลาดได้เราเองจะเดือดร้อนกันไปทั่ว เห้อ... ทำไมฉันมีลูกชายไม่เอาถ่านอย่างนี้ได้นะ บ้าฉิบ..."
	ชายชราถอนหายใจแรงๆเฮือกหนึ่งก่อนจะยืนขึ้นสะบัดมือไปไพร่หลังแล้วจึงเดินมาข้างๆเก้าอี้ที่ลูกชายตนนั่งอยู่
	"ผมทราบแล้วครับพ่อ"เสียงชายหนุ่มตอบเอื่อยๆอย่างรู้สึกผิด
	ชายชรามองก้มต่ำมายังชายหนุ่มพร้อมกับถอนใจหนักๆอีกคำหนึ่งแล้วจึงปั้นหน้าตาเคร่งเครียด
	"เมื่อทราบแล้วก็ต้องทำด้วย แกจะมาลอยเป็นพ่อพวงมาลัยอยู่เหมือนอย่างนี้ไม่ได้ อายุก็ปาไป27แล้ว นี่พ่อรู้มาว่าบริษัทย์ ฟูดรีเฟรช บริษัทย์คู่แข่งรายใหม่ที่น่ากลัวของเราเขาจะจัดงานการกุศลบริจาคเงินสร้างโรงพยาบาล มันยังส่งบัตรเชิญเข้างานเปิดตัวโครงการมาหยามพ่อถึงบริษัทย์ทั้งที่เคยพบกันครั้งเดียวตอนประชุมองค์การอาหารเมื่อครั้งที่แล้ว น่าเจ็บใจนัก"
	"ไม่ดีเหรอครับคุณพ่อ งานบุญนะครับ" 
	"ดีกับผีอะไรล่ะ แกนี่ช่างไม่รู้เรื่องเลย ถึงจะเป็นงานบุญแต่ก็ต้องรู้ว่าบริษัทย์เราเป็นคู่แข่งกัน มันเล่นส่งบัตรเชิญมาให้ถึงหน้าประตูห้องแบบนี้ถ้าเราไปก็เท่ากับว่าเราญาติดีกับมันน่ะสิ น้อยๆหน่อย พ่อไม่มีวันลงให้กับมันหรอก" ชายชราผู้เป็นพ่อกล่าวเสียงหนักๆแกมตวาดอย่างหัวเสีย
	"คร..ครับ ครับ" ชายหนุ่มกล่าวเสียงอึกอัก พร้อมกับเอามือคลายเน็คไทด์ที่คอให้หลวมขึ้นเหมือนหายใจไม่สะดวก
	"แกต้องแต่งงานตาสมุทร พ่อให้เวลาแกอีก2ปี แกต้องแต่งงานไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่สนใจแกอีก" ผู้เป็นพ่อจ้องมองมาที่ชายหนุ่มเขม็ง แววตาจริงจังเหมือนหนึ่งว่าจะบังคับผู้เป็นลูก
	ชายหนุ่มได้ยินผู้เป็นพ่อกล่าวเช่นนั้น รีบเงยหน้ามองตอบกลับด้วยดวงตาคมกริบเป็นประกายแฝงแววไม่พอใจพร้อมกับแบะปากออก ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆกังๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังเหมือนหนึ่งว่าโกรธจัด
	"จะบ้าไปแล้วเหรอครับพ่อ แต่งงาน แต่งงาน โอ้...ผมยังไม่มีแฟนเลย พ่อจะให้ผมแต่งงานได้ยังไง แล้วระยะเวลาแค่สองปี ผู้หญิงที่ไหนเขาจะมาจริงใจกับผมด้วย อย่างมากถ้าพ่อจะได้ลูกสะใภ้ คงเป็นลูกสะใภ้จอมโกยขโมยเกาะกิน ซะมากกว่า พ่อจะเอาชีวิตของผมมาล้อเล่นและเสี่ยงลงในเรื่องธุรกิจแบบนี้ มันออกจะมาเกินไปหน่อยนะครับพ่อ" 
	"มากเกินไปเหรอ แกพูดว่ามากเกินไปกับฉันงั้นเหรอ..." ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับอาการสั่นของมือน้อยๆ
	"แล้วไอ้ที่แก กินอยู่ทุกวันนี้โดยแทบไม่ได้ทำอะไร มีเงินใช้ในตำแหน่งผู้จัดการ ให้ไอ้พวกพนักงานมันดูเนี่ย ไม่เรียกว่ามากเกินไปเหรอ แกเหยียบหัวพ่อตัวเองชัดๆ ยังมีไอ้ที่ไปเกาะแกะพนักงานสาวๆอีก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ กับไอ้ผู้หญิงข้างนอกนั้น แกจะควงเล่นควงทิ้งฉันไม่ว่า แต่ไอ้ในบริษัทย์นี่ให้มีนไว้หน้าฉันบ้าง อย่าให้เขาพูดกันให้ฉันได้ยินว่าแกมันเป็นไอ้ อวชาติบุตรดีแต่ผลาญเงินพ่อเงินแม่กินทุกวี่ทุกวัน เห้อ...โอ๊ย...ฉันปวดเหลือเกิน!!!" เสียงตวาดดังลั่นห้องใบหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง เหงื่อของผู้เป็นพ่อไหลลงประสองแก้มและลำคอทั้งที่อยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนที่จะตัวสั่นงันงกล้มคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับใช้มือกดตรงอกด้านซ้ายแน่นๆ
	"พ่อ พ่อ พ่อเป็นอะไร"ชายหนุ่มตะลึงลานกับเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น พร้อมกับรีบวิ่งไปเปิดประตูห้อง
	"รีบเรียกรถพยาบาลเร็วๆ ท่านประธานป่วยกระทันหัน เร็วๆถ้าท่านประธานเป็นอะไรไป ฉันจะไล่ออกมันให้หมด" เสียงตวาดดังก้อง พนักงานในออฟฟิสต่างวางมือจากงานที่ทำหันมามองชายหนุ่มด้วยท่าทีประหลาดใจ ก่อนที่จะจับใจความในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดขึ้นได้ 
	พนักงานบริษัทย์ต่างวิ่งกันให้จ้าละหวั่น
	"เรียกรถพยาบาลด่วน" พนักงานคนหนึ่งตะโกนขึ้น พร้อมกับเสียงกดโทรศัพท์ดังจนแทบจะเป็นเสียงเดียว....				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    5 สิงหาคม 2548 01:38 น. - comment id 85870

    .....65.gif   แวะมาอ่านนิยายรักกุ๊กกิ๊กค่ะ อ่านแล้วน่ารักดีค่ะ เอ สาวห้าวที่ว่า น่าจะเป็นฉางน้อยมากกว่านะค่ะ 55565.gif
    ..... อยากเขียนเรื่องสั้นได้บ้างจังค่ะ ฉางน้อยยังมือใหม่ก๊าบบบบ โปรดชี้แนะด้วยเด้อคะเด้อ ฮี่ ฮี่   เขียนเอง ยังไม่กล้าอ่านค่ะ  555 กลัวเขาบอกว่าเขียนไม่ได้เรื่อง คิก คิก 74.gif65.gif74.gif65.gif19.gif
  • วสวัส

    5 สิงหาคม 2548 03:24 น. - comment id 85872

    อิอิอิ ขอบคุณมากครับที่อ่านแล้วโพสให้กำลังใจนางเอกตัวจริงยังไม่ออกครับ คอยติดตามต่อไปนะครับขอบคุณจริงๆครับ29.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน