จาก "จุดหนึ่ง" ภาพวาดของพ่อ

vaproud

 

                    ทุกครั้งที่พาตัวเองนั่งเครื่องไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็ก  หากสมุดเรียนหน้าไหนมีพื้นที่เพียงพอต่อการหยิบดินสอขึ้นมานั่งวาดรูปก็ตาม  ฉันจะวาดความคิดและจินตนาการที่โลดแล่นอย่างอิสระลงบนพื้นที่ว่างเปล่านั้นทันที  จนบางครั้งจินตนาการของฉันแอบซุกซนจนเกินความพอดี  ตะเหลิดหลุดลอยออกนอกพื้นที่จนกลายเป็นจิตรกรรมประดับผนังห้องนอน

                    ยิ่งในช่วงใกล้วันเปิดเทอมที่จะต้องไปซื้อหนังสือและสมุดเรียนใหม่ด้วยแล้ว  กลับต้องเร่งวันเร่งคืนให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว  เป็นเพราะด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นว่า  ในหนังสือวิชาศิลปะนั้นมีคำสั่งอะไรใหม่ๆ ให้ได้ประลองฝีมือบ้าง  มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและค้นหาจริงๆ สำหรับเด็กอย่างฉัน จนวันที่เติบโตขึ้น ฉันได้เรียนรู้บางสิ่งที่ป๋า (คุณพ่อผมยาว) คอยบอกเอาไว้เสมอว่า มีโอกาสก็เรียนไปนะ  ป๋ากับแม่ไม่มีสมบัติอะไรมากพอจะมอบให้  ฉันพอจะเข้าใจในสิ่งที่ป๋าพยายามจะบอกกับฉัน  เพราะนั่นคือเรื่องจริง  การศึกษาเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ป๋ากับแม่จะให้ฉันได้

                    หลังจากนั้นผ่านไป  ผ่านไปจนกระทั่งวัยวันล่วงเลย  ฉันกลับค้นพบบางสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นอยู่  ฉันพบว่าในตู้หนังสือจากแต่ก่อนเป็นที่เก็บของเล่นชิ้นเล็กๆ  น้อยๆ   กลับถูกแทนที่ด้วยหนังสือหลากหลายประเภทที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ  และเวลาในวันๆ หนึ่งจะถูกใช้ให้หมดไปกับการอ่านเขียน  จนทำให้ฉันกลายเป็นอีกคนที่หลงใหลในตัวอักษร  และหวงแหนหนังสือทุกเล่มของตัวเองเอามากๆ  จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อก่อน  เวลาที่วาดรูปเล่นลงบนพื้นว่างเปล่าในหนังสือของป๋า  จึงทำให้ต้องโดนบ่นโดนว่าทุกที

                    แล้ววันหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในชีวิต  เมื่อกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดชั้นวางหนังสือ  ฉันได้พบกับสมุดวาดภาพสมัยที่ป๋ายังเรียนอยู่ที่เพาะช่าง  มันเก่าซะจนได้กลิ่นความเก่าของกระดาษ  และเมื่อพลิกไปทีละหน้า ทีละหน้า จนเดินทางมาหยุดอยู่ที่หน้าหนึ่ง  มีข้อความและภาพประกอบเขียนด้วยดินสอรางๆ  ฉันคิดว่าป๋าคงจะสเก็ตซ์รูปภาพที่ดูแล้วเป็นประเภท Abstract Art และเขียนคำจำกัดของความหมายของภาพเอาไว้ข้างๆ ฉันอ่านมันด้วยความตั้งใจและตื่นเต้นเป็นที่สุด ราวกับว่าฉันค้นพบความลับของจักรวาลก็ว่าได้

 

                    จากจุดหนึ่ง ของมุมโลก เราได้เริ่มต้นขึ้น ณ ที่นั่น เป็นการยากมากที่จะบรรยายให้คนอื่นเข้าใจ แม้แต่ตัวเราเองบางครั้งอารมณ์มันก็ชักพาให้หันเห ความคิด ตลอดอารมณ์ทุกๆ วินาทีที่เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งเวลานี้ อารมณ์ก็เปลี่ยนแปลงไป แต่เราได้ตั้งใจไว้ว่าจะทำอะไร พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ ให้บรรลุความตั้งใจ และแล้วเวลาของการเริ่มต้นก็ได้อุบัติขึ้น

                    จุดหนึ่งที่เกิดขึ้นในสิ่งที่เขาสมมติว่าเป็นโลก ตัวของมันเองไม่สามารถที่รู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร แต่มารู้เอาตอนที่มันโตขึ้นมาแล้ว มีการเรียนรู้ตามอย่าง ตลอดจนการฝึกหัด จนบัดนี้มันเริ่มมีความเข้าใจในวิชา แต่อวิชาก็มาบดบังความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่า เกิดมาจากอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องเกิด เกิดเพื่ออะไร เกิดไปทำไม เสมือนหนึ่งจุด ถ้ามันมีความรู้สึก มีความคิด มีการเจริญเติบโต มันก็จะถามตัวมันเองว่า ใครเป็นผู้ให้กำเนิดต่อมัน มันคงจะมองหาอยู่ มันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า มันมีความสำคัญต่อกรอบกระดาษที่ล้อมรอบมันอยู่อย่างไร ทำไมมันถึงต้องมาอยู่ในกรอบอันนั้นด้วย แล้วมันจะคิดต่อไปอีกว่า มันจะออกมาจากนั่นได้อย่างไร ทำไมมันถึงต้องอยู่ในกรอบอันนั้นด้วย ถ้ามันรู้จักต่อสู้ มันรู้จักคิด สักวันหนึ่งมันจะหลุดออกจากกรอบอันนี้ก็ได้ แล้วผมเองก็หวังว่ามันคงจะมาบอกด้วยนะ"

 

                    ฉันปิดสมุดลงพร้อมกับความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้น ฉันก็คงไม่ต่างอะไรไปจากจุดในภาพที่ป๋าวาดไว้นั้น เพียงแต่ฉันเป็นจุดหนึ่งที่มีความคิดและความรู้สึก ที่ถูกจุดไว้ให้บนพื้นที่ว่างเปล่าโดยไม่ได้มีกรอบมาคุมขัง ฉันสามารถลากยาวต่อไป ต่อจินตนาการจนเกิดภาพวาดภาพใหม่ ตามแต่ใจของฉันต้องการ แต่ก็ใช่ว่าภาพทุกภาพจะประสบความสำเร็จและงดงามเสมอ เพราะว่าในบางเวลาก็อยากจะถอยกลับหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่ยังจุดเดิมอีกครั้ง สิ่งนี้เองที่คอยสอนให้จุดจุดนั้นได้เรียนรู้ความหมายมากมายของชีวิต จากความพลาดพลั้ง การลองถูกลองผิด และจากประสบการณ์...

                    แล้ววันนี้ก็อยากจะบอกกับคนที่วาดจุดนั้นขึ้นมาว่า ขอบคุณที่ไม่เคยสร้างกรอบใดๆ มาล้อมรอบไว้ ดีใจที่ถูกจุดให้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ด้วยความตั้งใจและความรัก  ป๋าเป็นศิลปินเอกในดวงใจที่ทำให้เด็กคนหนึ่งฝัน ฝันที่อยากจะเดินตามรอยเท้าคู่นั้น...และสักวันจะทำให้ป๋าได้ภูมิใจ

 

 

comments powered by Disqus
  • พี่นก

    15 กรกฎาคม 2548 13:06 น. - comment id 76210

    12.gif จบประทับใจจัง
    
    พี่จำภาพวาดหลายๆภาพของนิที่วาดและส่งให้พี่ดูได้
    (นิจำได้รึป่าว)
    รูปนึงที่พี่ชอบมาก. . .
    เด็กผู้หญิงในมือถือหัวใจสีแดง
    
    ขอให้น้องสาวคนนี้ \"เดินตามรอยป๋า. .\"
    และที่สำคัญตั้งใจเรียนนะจ๊ะ
    ป๋าจะได้ภูมิใจ. . .ในตัวนิ (ที่เป็นดวงใจของเค้า)
    เหมือนอย่างที่นิภูมิใจในตัวป๋า (ที่เป็นศิลปินเอกในดวงใจของนิ)
    
       
             3.gif3.gif . . .
  • vaproud ♫♪

    14 กรกฎาคม 2548 19:12 น. - comment id 76239

    พี่หมอกจาง
    
    ขอบคุณมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่าน...
    จาก จุดหนึ่ง ภาพวาดของพ่อ
    คือสิ่งที่เขียนออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
    เวลาที่เขียนเรื่องของป๋าทีไรมีความสุขทุกทีค่ะ
    เพราะว่าป๋าคือต้นแบบและเป็นฮีโร่สำหรับตัวเองเสมอมา
    ดีใจ...ที่มีคนรับรู้ถึงสิ่งที่อยากจะสื่อและเขียนออกไป
    ขอบคุณค่ะ
    
    อืม...ช่ายๆ เวลาที่ไปซื้อสมุดหนังสือกับแม่ที่โรงเรียนนะ
    เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเลยค่ะ
    ทุกหน้าในหนังสือศิลปะสำหรับนิแล้ว
    อ่า...มันเป็นเหยื่อที่น่าลิ้มลองที่สุดเลย 
    
    
    1.gif
  • vaproud ♫♪

    14 กรกฎาคม 2548 19:19 น. - comment id 76240

    หนูนิไม่กล้าให้ป๊ะป๋าอ่านเลยค่ะพี่ชาย
    ไม่กล้าจริงนะ...^^
    
    แต่คงจะมีสักวันที่กล้าและฝากไปให้ป๋าดู
    HaHa นึกถึงตอนที่วาดรูปให้ป๋า ไม่กล้าไปให้ตรงๆ
    เลยได้แต่แอบเอาใส่กระเป๋าไว้ให้ป๋าดูที่ทำงาน
    ขอบคุณค่ะที่เข้ามาอ่านนะคะ
    
    ว้าว...พี่ชายเราผมจะยาวแล้วเหรอ
    
    11.gif
  • nava

    13 กรกฎาคม 2548 22:08 น. - comment id 76254

    ปวดแสบจมูกแป๊บๆเกือบเอ่อน้ำตา
    ให้ป๋าอ่านยัง   น้  อ  ง  นิ!
    ป๋าผมยาวอาจแปลบๆปลื้มๆ
    1.gif
    
    ปี้จาย(ผมเกือบยาว)
  • หมอกจาง

    13 กรกฎาคม 2548 18:28 น. - comment id 76544

    จุดหนึ่ง..
    ลึกซึ้งจังวาพราว..  ความคิดในเรื่องจุดหนึ่งบนกระดาษเนี่ย..
    
    ตีความได้กว้างเท่ากว้าง ลึกเท่าลึกที่ใจใครจะตีความเลย..
    
    มีคำนึง ที่คุณพ่อผมยาวของวาพราวพูดไว้เหมือนพ่อของพี่เปี๊ยบเลย..
    มีโอกาสก็เรียนไปนะ  พ่อกับแม่ไม่มีสมบัติอะไรมากพอจะมอบให้ นอกจากส่งให้เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่ลูกจะเรียนได้เท่านั้นแหละ 
    ..อ่านแล้วก็นึกถึงพ่อ..
    
    อ้อ..อีกอย่าง 1.gif 
    เด็กๆพี่ก็เป็นอีกคนที่ดีใจมาก เวลาได้ซื้อหนังสือเรียนใหม่..
    แล้วภายในไม่เกินสามวัน หนังสือภาษาไทยที่มีเรื่องสั้นมีกลอนเล่มหนาๆ (สมัยนั้นเรียก ทักษะสัมพันธ์..ไม่รู้เดี๋ยวนี้เรียกเหมือนกันไหม) ก็จะถูกอ่านจนจบ 55
    แล้วถ้าเทอมนั้นมีหนังสือนอกเวลาด้วย.. อันนั้นแหละคือเหยื่อรายต่อไป 1.gif
  • vaproud ♫♪

    16 กรกฎาคม 2548 14:37 น. - comment id 84474

    จำได้ค่ะพี่นก...
    แล้วภาพนั้นนิยังเก็บเอาไว้เลยนะ
    
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจของพี่สาวคนนี้
    อบอุ่นจังเลยค่ะ
    จะเดินตามฝัน...
    และทำให้ฝันเป็นจริงค่ะ
    
    ...^______________^...
    
    อีก 1 วันที่ยิ้มกว้าง กว้าง
    ยิ้มให้พี่นกด้วยนะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน