ฉันนั่งอยู่บนรถไฟไปเมืองปิซ่า .. เธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม .. เขานั่งอยู่เก้าอี้ตัวถัดไปอีกฝั่งหนึ่ง .. เธอผมสั้น .. หน้าตาน่ารัก .. รูปร่างกะทัดรัด .. เขาเป็นหนุ่มเซอร์ .. หน้าตาคมเข้ม .. ฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับคนทั้งคู่มากเกินกว่าผู้โดยสารรถไฟโบกี้เดียวกัน .. นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ฉันสนใจล้วนอยู่นอกหน้าต่าง ฉันนั่งมองเมืองฟลอเรนซ์เสียเพลิน .. จะรู้สึกแปลกๆ สักหน่อย .. ตรงที่เธอนั่งอยู่ตรงข้าม หันหน้าไปมองหน้าต่างอีกฝั่งหนึ่งอยู่ตลอด .. สงสัยเองอยู่ในใจว่า จะไม่ง่ายกว่าหรือถ้าเธอหันมาทางกระจกด้านนี้ แต่ว่าไปธุระก็ไม่ใช่ ฉันหันกลับไปนอกหน้าต่างเหมือนเคย รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ลอยอยู่รอบๆ ตัว มองไปตรงข้ามเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากของหญิงสาวคนเดิม แต่ตาคู่นั้นก็ไม่ได้จ้องมองใคร .. ไม่ได้ยิ้มให้ใคร .. ดูคล้ายยิ้มกับตัวเอง มองถัดไปเห็นชายหนุ่มที่เก้าอี้อีกตัว .. เขาหันหน้ามามองกระจกด้านนี้ แทนที่จะมองกระจกด้านโน้นที่ใกล้กว่า .. ตอกย้ำความสงสัยเดิมขึ้นไปอีกว่า .. หรือเป็นธรรมดาที่คนบ้านเมืองนี้จะไม่มองกระจกฝั่งที่ใกล้กว่ากัน .. หรือฉันเองที่เป็นคนแปลก? ในที่สุดพลังงานความหวานที่กระจายอยู่ทั่วโบกี้ .. ก็ค่อยๆ เผยเรื่องราวของเธอและเขา .. พลังงานในตัวของคนทั้งสองสื่อออกมาทางสายตา .. บอกว่าเขาสนใจกันและกัน และก็กำลังมองกันอยู่ แต่ถ้าจะมองกันให้ตรงๆ ความตื่นเต้นก็อาจหมดไป .. หัวใจอาจเต้นแรงน้อยกว่าเดิม .. เขาและเธอจึงเลือกที่จะมองไปทางตรงข้ามกัน .. .. สัมผัสกันตรงจุดตัดเส้นสายตา .. เกิดเป็นเรื่องราวในอากาศที่จะมีคนแค่สองคนเท่านั้นที่รู้ ฉันเองก็คงไม่สังเกตเห็น .. ถ้าพลังงานร้อนแรงนั้นไม่เคลื่อนไหวมากระทบโดน .. จนต้องแอบยิ้มกับตัวเองด้วยเหมือนกัน .. คนสองคนมองกันเป็นระยะ .. ไม่ต้องใช้คำพูด .. มีแต่การสื่อความหมายในพื้นที่ว่างระหว่างกัน .. ซึ่งในโอกาสนี้ก็ดูน่าจะมีความหมายมากกว่าคำพูดไปเสียแล้ว ฉันยังคงนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เรื่องราวเป็นของเขาสองคนอย่างที่ควรจะเป็น ไม่นานนักรถไฟก็จอดที่สถานีแรก .. .. สถานีที่ชายหนุ่มเก็บของเตรียมตัวจะลงรถไฟ .. เธอยังมองไปที่หน้าต่างด้านนั้น .. เป็นครั้งแรกที่เขามองเธอตรงๆ .. ก่อนจะจากไป .. เธอไม่ได้มองตอบกลับ .. สายตายังคงมองออกไปด้านนอก .. .. เขาลงรถไฟไปแล้ว .. .. .. .. เธอหันมองตามไป .. .. .. .. และนั่นก็อาจจะสายเกิน .. .. .. .. เพราะอาจเป็นเพียงโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้พบกัน .. โดย .. พิมพิดา กาญจนเวทางค์ .. .. ไอรัก .. สัมผัสความรู้สึก .. จากส่วนลึกของหัวใจ .. ต่างถิ่นแคว้นแดนไกล .. แม้เพียงใกล้เสี้ยวนาที .. สัมผัสไออุ่นอวล .. ลอยโลมล้วนทั่วฤดี .. ไร้ซึ่งหนึ่งวจี .. จดจำไว้.. ไออุ่นรัก .. เคยได้ยินเรื่องเล่าว่า ... ความจริงแล้วหนึ่งชีวิตของมนุษย์ .. มีหัวใจสองดวง .. มีคนสองคน .. เมื่อเราเกิดมามีเพียง .. หนึ่งหัวใจ .. หนึ่งคน .. เราจึงต้องตามหาอีกหนึ่งหัวใจ .. และอีกหนึ่งคน .. .. เพื่อให้เป็นหนึ่งชีวิต .. ที่สมบูรณ์ .. ความรู้สึก .. ของหนึ่งชีวิต .. มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รับรู้ .. เรื่องราวชวนฝัน .. ในวันฟ้าสวย .. -- กีกี้ --
20 มิถุนายน 2548 14:07 น. - comment id 85377
ว้าว..... ขอบคุณ อ่านไปใจอดหวั่นไม่ได้ ผมจ้องมองคุณผ่านตัวอักษรนี่ คุณเคยจ้องมองผมมาเข้ามาไหม... ไม่แน่อาจมีสักวันที่เราจ้องตากัน...
20 มิถุนายน 2548 14:27 น. - comment id 85379
บางทีนั่นอาจจะเป็น..อย่างที่มันควรจะเป็นแล้วก็ได้มั้ง ถ้าหากใครสักคนหนึ่งพูดขึ้นมา ใครสักคนถามชื่ออีกคน..เริ่มต้นการสนทนา บางทีความสวยงามนั้น อาจไม่ติดอยู่ในความทรงจำได้แนบแน่นอย่างนี้.. ความงดงามของผู้พเนจร อาจบางครั้ง จำเป็นเพียงแค่ความเงียบและรอยยิ้ม.. ............................ All I ever wanted All I ever needed Is here in my arms Words are very unnecessary They can only harm... Enjoy The Silence (Depeche Mode)
20 มิถุนายน 2548 17:05 น. - comment id 85384
คุณบางคนเรียกทะเลสีน้ำเงิน .. ทะเลลึกมากนักค่ะ .. จ้องด้วยตาเนื้อ .. คงยากจะเห็น .. .. ไว้รอวันที่เราจ้องตากันดีกว่าไหม? คุณหมอกจาง .. Power of Silence .. เคยได้ยินเขาว่ากันมาเหมือนกันค่ะ .. ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น .. ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในหัวใจอย่างเงียบๆ .. และแอบนอนนิ่งอยู่ในนั้น .. มีเพียงหัวใจสองดวงที่รับรู้ .. หวานเน๊อะ .. แหวะๆๆๆ .. .. ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ สักคำให้ลึกซึ้ง .. ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ ..
20 มิถุนายน 2548 23:29 น. - comment id 85392
ไอรัก .. ไม่จำเป็นต้องสัมผัสด้วยตา ไอรัก .. ไม่จำเป็นต้องได้ยิน ไอรัก .. กระจายอยู่ทั่วๆไป ตราบที่มีเรา :)
21 มิถุนายน 2548 01:20 น. - comment id 85394
คุณอัลมิตรา .. .. ไอ .. หมอก .. ควัน .. หน้าตามันก้อคล้ายกันนะคะ .. เหมือนเพลงของพี่เบิร์ดว่า .. หมอกจางๆ หรือควัน .. คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ .. อยากจะถามดู .. ว่าเธอเป็นดั่งหมอกหรือควัน .. .. ไปนอนดีกว่าค่ะ .. ดึกมากแล้ว .. ฝันดีนะคะ ..
21 มิถุนายน 2548 19:05 น. - comment id 85412
ฟอร์มเยอะไปหน่อยมั้งคะ... หลาย ๆ คนนิยมรักษาฟอร์ม ฟอร์มดีไม่มีตก ฟอร์มตกไม่เก็บ แต่มานั่งเจ็บทีหลัง อย่างเจ๊เองนี่ก็ฟอร์มจัดเหมือนกันค่ะ ฟอร์มว่าเป็นหญิงเปรี้ยว หญิงแก่น เกร่งกร้าว ห้าวหาญ.... แต่จริง ๆ แล้ว เป็นผู้หญิงบอบบาง อ่อนต่อโลก ขี้แย มองนกบิน ดอกไม้บาน น้ำค้างร่วง ก็ร้องไห้แล้วค่ะ......( น่าเชื่อมั้ยเนี้ย? )
22 มิถุนายน 2548 12:17 น. - comment id 85420
.. คุณเจ๊ซอนย่า .. .. อย่างนั้นเจ๊ก้อเป็นสาวไร้เดียงสา .. อ่อนต่อโลกอ่ะจิ .. .. .. อืม .. เรื่องในห้างสรรพสินค้าของเจ๊ .. ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า .. เจ๊อ่อนต่อโลกจริงๆ ..
7 พฤศจิกายน 2548 18:49 น. - comment id 87715
ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ถึงเบื้องลึกในใจคน รู้หน้าไม่รู้ใจ ใครที่เขียนบทกลอนอาจเป็นนางบมารร้ายยิ่งกว่าร้ายใดๆในโลก สักวันกรรมตามทันไม่รู้ด้วยนะ
14 ธันวาคม 2548 01:17 น. - comment id 87981
คิดว่าคงไม่บางคนที่เรียกทะเลสีน้ำเงิน แต่คงเป็นคนส่วนใหญ่มากกว่า คำว่า \"บางคน\"น่าจะใช้กับคนที่เรียกทะเล ว่า \"วิหาร\" เหมือนที่คุณ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล เรียกมากกว่า
14 ธันวาคม 2548 01:20 น. - comment id 87982
She took the last train out of my hea