ดอกไม้ของดินนา
vaproud
ดอกไม้ของดินนา ๑
เช้า
ลำแสงสีทองตกกระทบลงบนเปลือกตาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ราวกับจะปลุกปลอบความหม่นเศร้า ซึ่งหลบเร้นอยู่ภายในดวงตาเธอให้พบความงดงามที่บรรจงสร้างอย่างตั้งใจ ใครเล่าจะล่วงรู้สิ่งนี้อาจเป็นเพียงสิ่งสุดท้ายซึ่งหลงเหลืออยู่บนโลกใบคร่ำเก่า...
ท่ามกลางมหานครที่ถูกบ่มเพาะไว้ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุ ก่อเกิดเทคโนโลยีอันชาญฉลาดมากมาย ล้วนแล้วคือผลผลิตจากมันสมองของมนุษย์ ทุกสิ่งเริ่มก้าวย่างสู่การแปรเปลี่ยนครั้งสำคัญ อีกทั้งชีวิตผู้คน ณ เวลานี้ถูกกลืนไปกับกระแสนิยมที่ถั่งโถมเข้ามาอย่างรุนแรง หายนะค่อยๆ คืบคลานดั่งเงาตามตัวอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณบางอย่างเตือนมนุษย์ ผู้หลงระเริงในสิ่งที่ตนเองเรียกว่า ความสุขอันจริงแท้
หากแต่ไม่ใช่กับหญิงสาวคนนี้...ดินนา สาวน้อยวัยยี่สิบสามปี ผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเส้นสีเมื่อเวลาถูกปลดปล่อยจากปลายพู่กันอย่างเป็นอิสระ เธอรักธรรมชาติเฉกเช่นเดียวกับที่ธรรมชาติรักสรรพสิ่งบนโลก เมื่อภายในจิตใจของเธอรู้สึกเปราะบางฝืนทนแบกรับแรงกระแทกจากสภาวะแวดล้อมภายนอกบีบบังคับ ธรรมชาติ คือ เพื่อนที่คอยโอบกอดเธอไว้และพร้อมจะรับฟังหญิงสาวโดยไม่มีเสียงพร่ำบ่นเล็ดลอดออกมาสักครั้ง ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้ผู้คนรอบข้างมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำตัวลึกลับและแปลกแยกไปจากคนอื่นๆ
หลังจากหลุดลอยไปกับภาพฝันนานนับชั่วโมง หญิงสาวคืนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ดวงตาสีเศร้าค่อยๆ เปิดรับแสงอุ่นๆ จากดวงตะวันพลันเกิดรอยยิ้มน้อยๆ ส่งคืนกลับไปยังจุดกำเนิดของแสงที่มา
วันนี้ฉันจะต้องพบเจออะไรอีก หญิงสาวพร่ำบ่นเพียงลำพังในห้องเช่า ถอนหายใจยาวๆ ก่อนที่จะพาร่างตัวเองเดินไปยังกระถางดอกไม้เก่าๆ ที่ดัดแปลงมาจากกระป๋องใส่อาหารสำเร็จรูปเหลือทิ้ง
เธอตักน้ำรินรดลงไปทีละกระถางที่ตั้งวางเรียงรายเป็นแถวริมขอบบานหน้าต่าง กลิ่นไอดินหอมฟุ้งขึ้นแตะจมูกของหญิงสาว จนอดไม่ได้ที่จะพริ้มตาหลับใหลสักครู่หนึ่งแล้วสูดกลิ่นหอมเย็นๆ ของอากาศเข้าไปลึกๆ จนเต็มปอด หยดน้ำใสไหลตามกลีบดอกไม้สีขาวสะพรั่งบาน ร่วงหล่นกระทบลงกับกันสาดของห้องเช่าชั้นล่างที่ยื่นออกไป จนทำให้เกิดจังหวะเสียง เปาะแปะ เปาะแปะ เปาะแปะ... ก่อนละอองเล็กๆ น้อยๆ จะกระจัดกระจายไร้ทิศทางสู่พื้นดินเบื้องล่าง ทำให้หญิงสาวนึกถึงเด็กผู้ชาย คนหนึ่งขึ้นมาในความรู้สึกอย่างชัดเจน
ความทรงจำที่ยังชัดเจน
ระหว่างเดินทางกลับห้องพักเมื่อหลายเดือนก่อน หญิงสาวได้พบเห็นเด็กผู้ชายผมสีแดงอายุราวๆ สิบสองปี เขากำลังมีความสุขอยู่กับการเล่นกระโดดเหยียบกระป๋องใส่อาหารสำเร็จรูป เสียงแรงอัดกระแทกดังขึ้นจากริมถนน เป๊าะ เป๊าะ...เป็นระยะๆ และก่อนที่กระป๋องใส่อาหารสำเร็จรูปใบอื่นๆ ที่เหลืออยู่จะกลายเป็นเพียงของเล่นไร้ซึ่งคุณค่า นอนเกลื่อนกลาดเป็นขยะอยู่บนท้องถนน เธอจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น
น้องคะ...น้อง เด็กน้อยลดระดับเท้าให้สัมผัสกับพื้นดินก่อนมองหาที่มาของต้นเสียง
มีอะไรหรือเปล่าครับพี่...
พี่ขอกระป๋องที่เหลือนี้ได้ไหมคะ? หญิงสาวกล่าวจบ เธอจึงโปรยยิ้มให้เด็กผู้ชายผมสีแดงคนนั้นอย่างเป็นมิตร เด็กชายผมสีแดงทำหน้างุนงงแต่ไม่ลืมที่จะถามคำถามกลับมายังหญิงสาว
แล้วพี่จะเอาเศษกระป๋องพวกนี้ไปทำอะไรล่ะครับ
พี่จะเอาไปปลูกต้นไม้ค่ะ
ปลูกต้นไม้?
พี่ยังปลูกต้นไม้อยู่อีกเหรอครับ! แล้วเสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบนั้นออกจากปากของหญิงสาว
พี่นี่แปลกจังนะ ผมไม่เห็นใครคิดแบบพี่เลย
แล้วที่บ้านน้องไม่มีใครปลูกต้นไม้เหรอ
อืม... เขาครุ่นคิดก่อนตอบ
ก็มีครับ...ผมนี่ไง พี่อยากเห็นต้นไม้ของผมหรือเปล่า กำลังออกดอกเชียว เด็กชายยื่นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วรุ่นใหม่ล่าสุด ที่กำลังเป็นนิยมในมือส่งให้หญิงสาวดู
พี่ลองกดปุ่มนี้สิครับ แล้วเอาจมูกมาใกล้ๆ แบบนี้ เขาสาธิตวิธีการใช้งานเครื่องเล่นชิ้นใหม่อย่างคล่องแคล่วและเชื้อเชิญหญิงสาวให้ลองทำตาม แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โต้ตอบจากหญิงสาวเลย
ดอกไม้ที่สวยที่สุด หอมที่สุดและไม่มีวันตายของผม... น้ำเสียงบ่งบอกความภาคภูมิใจของเด็กชาย ทำให้หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัวกับคำที่ออกจากปากของเด็กชายผมสีแดงคนนั้น ก่อนที่เธอจะเดินจากมาโดยไม่กล่าวลาใดๆ ทั้งสิ้น
คืนนั้นทั้งคืนดินนานั่งมองดูดอกไม้ที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงความมืดมิดแล้วพยายามตอบคำถามให้กับตัวเอง ทำไมถ้อยคำของเด็กชายผมสีแดงที่เธอบังเอิญพบเจอในวันนี้ถึงมีอิทธิพลมากมายต่อความรู้สึก...
ในความฝันเสมือนจริง
เด็กคนนั้นเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ใช่! เขาไม่ได้ทำผิดอะไร เขาเป็นเพียงเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ของโลกคนหนึ่ง ที่กำลังถูกยัดเยียดในสิ่งที่ไม่สมควรก็เท่านั้น
เมฆสีคล้ำลอยเกลื่อนไปทั่วสารทิศ ความเงียบถูกละลายหายไปกับลมโหมแรงกรรโชกดังมาเป็นจังหวะ ฉุดกระชากร่างบอบบางของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น ในเสียงของสายลมคล้ายจะบอกอะไรบางอย่างให้หญิงสาวรับรู้ ดินนาลุกยืนขึ้นมองฟ้าผ่านบานหน้าต่างบานเดิม แล้วทันใดนั้นเธอเห็นกลุ่มควันมหึมาพวยพุ่งขึ้นจากยอดตึกสูงที่เบียดเสียดสะท้านสู่ฟ้า แล้วดวงไฟเล็กๆ ลุกเป็นประกายเข้ามาในดวงตาทั้งสองข้างของเธอ...หญิงสาวรู้สึกถึงความร้อนที่วูบวาบแผ่ซ่านไปทั่งร่างกายจนทำให้เธอสะดุ้งตกใจอย่างแรง เนื้อตัวของเธอสั่นเทาไปกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เกิดอะไรขึ้น...นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นเนี่ย! เสียงภายในใจของหญิงสาวตะโกนก้องดัง
มีเสียงร้องโหยหวนแว่วดังมาจากที่ตรงนั้น เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงชายแม้กระทั่งเด็กเล็กๆ จำนวนนับร้อยนับพัน พวกเขาติดอยู่กับกองเพลิงที่กำลังโหมพัดลามไปยังตึกข้างๆ ทุกวินาที ร่างบางร่างปลิดปลิวสู่พื้นดินอย่างกับเศษใบไม้ที่แห้งตายแล้วร่วงหล่นจากต้นอย่างไร้คุณค่าท่ามกลางผืนแผ่นดินที่กลายเป็นสีแดงแห้งผาก หญิงสาวพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ ทั้งๆ ที่รอบดวงตาคู่นั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำใสๆ ที่ไหลอาบออกมาไม่หยุด เธออยากกล่าวอะไรออกมามากมายกว่านี้ นอกเหนือจากการที่ยืนแน่นิ่งดูความหายนะขย้ำทำลายล้างทุกสิ่งไปต่อหน้าต่อตา เธอทรุดกายอันอ่อนล้าของเธอลงกับพื้นห้อง โดยไม่มีเรี่ยวแรงใดมากพอที่จะยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว
หยุด...หยุดเสียทีเถิด
ได้โปรด
นี่เป็นความฝันใช่ไหม...ใช่ไหม หญิงสาวสะอื้นไห้ไปพร้อมๆ กับมองไปที่ภายนอกหน้าต่าง สายฝนเริ่มพรูพรายลงมาอย่างหนัก เปลวเพลิงอันโชติช่วงค่อยๆ พร่าเลือนไปกับสายฝน
เธอเห็นแสงสีขาวนวลสะท้อนมาจากเบื้องหลังประตูห้อง เธอพาร่างอันไร้เรี่ยวแรงเดินโซเซไปเปิดประตูบานนั้น ก่อนล้มลงอีกครั้งบนผืนหญ้าสีเขียวที่มีดอกไม้สะพรั่งบาน
หญิงสาวเห็นชายคนหนึ่งในชุดสีขาวทั้งชุด เข้ามาโอบกอดร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน ความอบอุ่นจากชายคนนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนกลับไปเป็นเด็กๆ อีกครั้ง ดั่งมีพลังพิเศษบางอย่างที่ถูกถ่ายทอดให้กับเธอ เธอช่างมีความสุขเหลือเกิน หญิงสาวพยายามจะมองชายผู้นั้นอีกครั้ง เขาเพียงหันกลับมาส่งยิ้มให้และวางดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ลงบนฝ่ามือของเธอ ก่อนที่ชายผู้นั้นจะกลายร่างเป็นนกพิราบขาวโบยบินอยู่น่านฟ้าอย่างอิสระเสรี...