" มีเศษเหล็ก ขวดเปล่าๆ หนังสือพิมพ์เก่าๆ มาขาย " เสียงประกาศที่ดังฟังชัด จากอาแป๊ะ ซื้อของเก่า ใกล้เข้ามา ชายคนหนึ่ง กับหนังสือเก่าๆมัดหนึ่ง มีทั้งหนังสือพิมพ์ มีทั้งกระดาษบันทึกเก่าๆ หนักประมาณ 15 กิโล โดยประมาณ "หยุดก่อนครับ อาแป๊ะ" "ผมเอาหนังสือเก่าๆมาขายครับอาแป๊ะ" "กิโลเท่าไหร่ครับ อาแป๊ะ ช่วงนี้" "กิโล 2 บาท ว่ะ อาตี๋" "ช่วงนี้ก็อย่างงั้นๆ เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่" "เอาเลย ลื้อเอาของลื้อมาชั่งได้แล้ว เดี๋ยวอั้วได้ไปต่อ" "ครับ อาแป๊ะ" ว่าแล้วชายคนนั้นก็หยิบกระดาษหนังสือเก่าๆมัดนั้น ขึ้นตาชั่ง " 16 กิโล ว่ะ แต่อั้วขอลื้อ 15 กิโลแล้วกันนะ ลื้อคงไม่ว่าอะไร" "ได้ครับอาแป๊ะ..ดีกว่าปล่อยให้มันรกบ้านนะครับ" "อั้ว ขอบใจ ลื้อมาก" ขณะที่กำลังยกกระดาษมัดเก่าๆนั้นลงจากตาชั่ง ชายคนนั้นเกิดเสียหลัก กระดาษมัดเก่าๆนั้น...มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งร่วงหลุดลงมา... มันเป็นสมุดบันทึกที่ครั้งหนึ่งเป็นสมุดที่น่าหยิบน่าอ่านมากที่สุด ...หน้าปกเป็นรูปพระจันทร์กำลังตกน้ำ...เขียนข้อความเอาไว้ว่า... .....ที่รักของฉัน....9 กันยายน 2535 ชายคนนั้นหยิบขึ้นมาดูแล้วยืนคิดอะไรอยู่ชั่วขณะ "อาตี๋ ลื้อเป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงอาแป๊ะร้องถามมา "ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อาแป๊ะ" "ผมขอสมุดบันทึกเล่มนี้คืนนะครับ ไม่ขายพร้อมกับหนังสือและกระดาษ เก่าๆมัดนี้แล้วนะครับ" "เอาซี..ลื้อไม่ขาย อั้วก็ไม่ว่าอะไร... เอานี่เงินค่าหนังสือมัดเก่าๆของลื้อ" ชายคนนั้นรับเงินค่าหนังสือกระดาษเก่าๆ ซึ่งมันเป็นราคาเพียง 30 บาท เป็นการเพียงพอแล้วที่สามารถซื้ออาหารได้หนึ่งจานกับน้ำลำไยอีกหนึ่งแก้ว สำหรับคนหนึ่งคน... "ขอบคุณครับอาแป๊ะ..วันหลังผมจะเอามาขายอีกนะครับ" แล้วเสียงร้องประกาศ " มีเศษเหล็ก ขวดเปล่าๆ หนังสือพิมพ์เก่าๆ มาขาย " ก็ค่อยๆ ห่างออกไป ชายคนนั้น...เดินกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมกับสมุดบันทึกในมือเล่มนั้น ....ที่รักของฉัน....แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ที่นั่งทำงานส่วนตัว...ฟังเพลงบ้าง..ดูหนังบ้าง แต่...ขณะนี้เขากำลังใช้เก้าอี้ตัวนี้ เปิดดูบันทึกที่เขียนไว้ ....หน้าแรก...มีข้อความเขียนบอกไว้ว่า...สุขสันต์วันเกิดจ๊ะพี่หนุ่ย..ที่รักของฉัน และของคนอื่น....28 สิงหาคม 2535 เมื่อได้อ่านแล้วก็อดนั่งยิ้มคนเดียว...นี่เรามีค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ...ไม่ล่ะ.. คงเป็นแค่อารมณ์เป็นเพียงแค่ความรู้สึกในขณะนั้นของคนเขียน... แล้วภาพวันเก่าๆก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถทำให้ จิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในยามที่เผลอคิดถึง อยากได้ยินเสียงหัวเราะ อันสดใส ...หน้าที่การงาน เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับคนพิเศษที่เคยได้หยอกล้อ (ไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่เรารักมากหรือเปล่า) ในขณะนั้น แต่นั่นแหละคงใช่ เพราะเราเองก็ไม่มีใครคบหากันเป็นพิเศษเหมือนเธอคนนั้น "พี่ต้องไปแล้วนะ วันที่ 2 กันยายน นี้แหละ" "ไปไหนเหรอ" เสียงที่ถามมามีน้ำเสียงที่ตกใจนิดหนึ่งแล้วก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะ "พี่ไปหลายวัน" เสียงที่ล้อตามหลังจากที่คำถาม "ไปไหนเหรอ" จบ "ใช่ครับ และอาจจะไปอยู่ที่โน่นเลย" "แล้วแม่พี่ล่ะ" "ก็คงอยู่ที่นี่ ต่อไป แต่พี่จะหมั่นกลับมาหาท่านแล้วกัน" "แล้วพี่จะไปไหนเหรอ" "ไปอำเภอพระแสง ครับ" "พี่ได้บรรจุที่นั่นเหรอ" "ครับ" "มีพนักงานกี่คนค่ะ" " สามคนครับ" "แล้ววันเกิดของพี่ปีนี้ที่สัญญาว่าจะพาน้องไปดูหนังล่ะ" เป็นคำถามที่คนฟังต้องอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนตอบออกไปด้วยความไม่แน่ใจว่า "พี่จะพยายามมาให้ได้แล้วกันน่ะ" ระยะทางจากบ้านดอน(อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี)กับอำเภอพระแสง...แม้จะประมาณ 75 กิโลเมตร จะว่าไกลก็ไกลเพราะการเดินทางในขณะนั้น อาศัยเพียงรถยนต์โดยสาร ประจำทาง กระบี่-สุราษฎร์ธานี ซึ่งเที่ยวสุดท้ายมาถึงพระแสงประมาณเวลา 16.50 น. ถ้าเสร็จภาระกิจหน้าที่ทันก็ขึ้นรถทัน....ถ้าไม่ทันก็ไม่ได้กลับ ....วันที่ 28 สิงหาคม 2535 วันนั้นเป็นวันที่สมุดบันทึกเล่มนี้....ที่รักของฉัน...ซึ่งถูกบรรจุ อยู่ในกล่องพร้อมกับห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญ ซึ่งสวยแบบเรียบง่ายถูกส่งให้ "น้องให้พี่หนุ่ย" "แต่เอาไว้เปิดวันที่ 9 กันยา น่ะ ห้ามเปิดก่อน ถ้าน้องรู้น้องโกรธด้วย" "อ้าว! แล้วทำไมต้องเปิดวันที่ 9 กันยา ด้วยล่ะ" "เผื่อพี่ไม่ได้มาตามสัญญาที่ให้ไว้" ....เมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวัน...วงจรชีวิตซ้ำๆ ตอนเช้าตื่นนอน ทำภาระกิจส่วนตัว อาบน้ำ ทานข้าว ได้เวลาทำงานก็ทำงาน ตอนเที่ยงก็พักกลางวัน ตอนบ่ายเริ่มทำงานต่อ ตอนเย็นเมื่อถึงเวลาเลิกงานก็หยุดทำงาน เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน ...วันนี้เป็นวันที่ 9 กันยา มีเพิ่มมาอย่างหนึ่งคือ...การเปิดห่อของขวัญที่ได้มาเมื่อ วันที่ 28 สิงหาคม ....สิ่งที่ได้เห็นเป็นสมุดบันทึกรูปพระจันทร์กำลังตกน้ำ.... และเป็นวันที่ได้ให้สัญญากับคนๆหนึ่งไว้เป็นพิเศษ....และเป็นวันที่รู้สึกว่าเวลาของเข็ม นาฬิกาเดินช้าเป็นอย่างมากที่สุด ....และแล้วเมื่อถึงเวลาเลิกงาน..."เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะพี่ วันนี้ผมมีนัด" "ได้เลยไอ้น้อง...มีนัดกับสาวซิท่า...รีบร้อนอย่างนั้น" ช่วงเวลาที่รอรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้านและเดินทางไปตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ "หนุ่ย กลับเข้าสำนักงานด่วน มีรถชนเสาหัก..เดี๋ยวพี่จะออกไปแก้ไขกันสองคน...หนุ่ย คอยประสานงานที่สำนักงานด้วยเผื่อดับไฟปฏิบัติงาน" "ครับ" เป็นคำที่ตอบไปแล้วรู้สึกว่าห่อเหี่ยวในชีวิต มันเป็นกรรมอะไรกันนักกันหนา ทำไมวันอื่นไม่เกิด...มาเกิดเอาวันนี้ด้วย ....ตลอดเวลาที่ผ่านไป หลายอย่างที่ผ่านมา ผู้ชายคนนั้นยังจำได้ ในวันที่ 9 กันยา ของทุกปี ไม่ใช่เป็นวันคล้ายวันผู้ให้กำเนิดของชายคนนั้น....แต่มันเป็นวันผิดคำสัญญาครั้งแรกในชีวิต ของผู้ชายคนนั้น...ซึ่งวันนี้ เดี๋ยวนี้ ยังไม่สามารถแก้ตัวได้.....ไม่ใช่ไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัว ...แต่มันหมดโอกาสที่จะแก้ตัว.... ......เพราะเธอคนนั้น ผู้หญิงคนแรกที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของผู้ชายคนนั้น ....เธอจากไปแล้ว.... ......เพราะผู้ชายคนนั้น คือ คนๆนี้ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว ซึ่งก็คือ...ตัวผมเอง...ที่รักของฉัน...
12 มิถุนายน 2548 22:51 น. - comment id 85261
น่าสง สารจังเลย... เพิ่งรู้ว่านามปากกา.. ที่รักของฉัน.. มาจากอะไร..
12 มิถุนายน 2548 23:22 น. - comment id 85262
แล้วสมุดบันทึกนั่น มีทั้งหมดกี่หน้าคะ
12 มิถุนายน 2548 23:41 น. - comment id 85264
ไม่มีคำว่าสายเกิน และไม่มีใครไม่เคยทำผิด คำอธิบาย บ้างครั้งเหมือนการแก้ตัว แต่บางครั้งเหมือนการชี้แนะ อธิบายกับเธอซิค่ะ คงยังไม่สายเกินไป
13 มิถุนายน 2548 12:29 น. - comment id 85276
แล้วไงต่อเอ่ย
13 มิถุนายน 2548 21:30 น. - comment id 85281
ฉันจากเธอมาแล้ว ทั้งยังอาลัยในกลิ่นหอมของเธอ แต่ธรรมชาติ...ที่ฉันเป็น พาฉันให้จากเธอมา เธออย่าได้เศร้าเลย ด้วยว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ฉันเองก็จะพร่ำบอกตัวเองเช่นนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ พายุ พัดฉันมาใกลแสนใกลแล้ว แต่ฉันยังคงจำความรู้สึกที่ได้สัมผัสกลิ่นกายเธออยู่ไม่รู้จาง..........ดอกพุทธซ้อน.ที่รักของฉัน
13 มิถุนายน 2548 21:40 น. - comment id 85284
ทำไมเธอจึงไม่ใจเย็นตรองเหตุผลเล่าคะ น่าเสียดายมิตรภาพดีๆ ที่มีต่อกันนะคะ ไม่เป็นไรนะคะคุณหนุ่ย.. เนื้อคู่แล้วคงไม่แคล้วกันค่ะ เป็นกำลังใจให้ สักวัน..ค่ะ สักวัน..คงได้เจอ สวัสดีค่ะ
14 มิถุนายน 2548 09:16 น. - comment id 85287
กลับมาอ่านอีกวัน..น่าจะได้นา.. ผิดสัญญาเพราะจำเป็นนี่นา.. คิดมากไปน๊า...batman ...
14 มิถุนายน 2548 12:04 น. - comment id 85292
เอ่อ พี่หนุ่คะ วันที่ 28 สิงหา 2538 อ่ะ เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดหนู 8 ขวบพอดีเลยค่ะ เอ่ ความทรงจำแบบนี้ อ่านกี่ทีก็พลอยเศร้า อ่านแล้วยิ่งเงียบเหงา เฮ่อ ทำไมมีแต่คนเศร้านะไม่เข้าใจ