เช้าวันจันทร์ที่แสนจะเร่งรีบผู้คนต่างออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปทำงาน ผิดกับสาวน้อยที่กำลังนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนอุ่นโดยลืมไปสนิทว่าวันนี้เธอมีนัดส่งงานแต่เช้า เสียงนาฬิกาปลุกดังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่สาวน้อยก็เอื้อมมือไปปิด..จนเธอนึกขึ้นมาได้...แล้วหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ตายแล้ว...แปดโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย.. สาวน้อยอุทานก่อนรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่ง ด้วยความเร่งรีบเธอคว้าแฟ้มงาน กุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว เธอขับรถมาที่สำนักงานเทศบาลเพื่อส่งงานวิจัยที่รุ่นพี่ที่เธอรู้จักว่าจ้างให้เธอช่วยทำให้ สาวน้อยรีบลุกออกจากรถแล้วคว้าแฟ้มงานและข้าวของออกไปโดยลืมสังเกตว่าระหว่างที่เธอรีบวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อเอางานไปส่งนั้น กระเป๋าตังค์ของเธอได้หล่นไประหว่างทาง มาสายไป 5 นาทีนะจ๊ะเป้ย เสียงรุ่นพี่ที่เธอนำงานมาส่งเอ่ยแซว ขอโทษทีค่ะพี่มุกเมื่อคืนตรวจงานวิจัยเนี่ยะดึกไปหน่อย ไม่อยากให้ผิดพลาดนะค่ะเลยตื่นสาย ขยันจริงนะครับ... ทรงวุฒิลูกชายส.จ.กิจจา เพื่อนสนิทของคุณพ่อเธอเอ่ยทัก อ้าว...พี่วุฒิมารับงานประมูลเหรอคะ..น่าจะแวะไปรับเป้ยบ้าง เป้ยจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำมันรถสาวน้อยหยอก ทั้งคู่สนิทสนมกันมากเพราะพ่อของเขาทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทและมีอุดมการณ์ทางการเมืองในทางเดียวกัน ทำให้ทรงวุฒิสามารถเทียวไปเทียวมาหาสาวน้อยได้อย่างเปิดเผย แม้ว่าเขาจะเพียรตามจีบและดีกับสาวน้อยเพียงใด แต่เธอก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเค้านอกจากพี่ชายเท่านั้น สาวน้อยได้รับสายเลือดนักการเมืองที่เข้มข้นจากคุณพ่อของเธอทำให้เธอมีความสนใจและชื่นชอบในสาขาวิชารัฐศาสตร์เป็นพิเศษซึ่งส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จในการเรียนเป็นอย่างมากนอกจากเธอจะมุ่งมั่นเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังแล้วเธอยังมีที่ว่าการอำเภอและสำนักงานเทศบาลของอำเภอนี้เป็นเสมือนกับมหาลัยแห่งที่สองของเธอในการศึกษาหาความรู้ สาวน้อยรู้จักกับผู้คนในหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานของอำเภอเป็นอย่างดีเพราะเธอมักจะเข้ามารับจ้างทำงานวิจัยหรืองานเอกสารต่างๆอยู่เสมอ และการที่เธอมาช่วยงานแม่ของเธอที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนหรือ กศน. ยังทำให้เธอได้มีโอกาสรู้จักและได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในหน่วยงานราชการต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย ใกล้กับสำนักงานเทศบาล นายตำรวจหนุ่มจบใหม่หมาดๆ จากรั้วสามพราน เดินออกมาจากบ้านพักหลังโรงพัก เขาสังเกตเห็นของสิ่งหนึ่งตกอยู่ที่พื้น นายตำรวจหนุ่มหยิบขึ้นมาดูทราบว่าเป็นกระเป๋าเงิน จึงนำขึ้นไปแจ้งความและทำบันทึกประจำวันไว้ที่โรงพัก เผื่อเจ้าของมาตามคืน นายตำรวจหนุ่มสำรวจดูกระเป๋าสตางค์เพื่อตรวจหาเอกสารเกี่ยวกับเจ้าของกระเป๋า เขาหยิบบัตรประจำตัวประชาชนในกระเป๋าใบนั้นออกมาดูแล้วอมยิ้มให้กับรูปบนบัตรที่เห็น ชื่อ ปิยะพัชร์ อุดมพัฒนกิจ ...อายุประมาณ 20 ปี..เอ้ ! ทำไม่พกบัตรเครดิตหลายใบจัง......!! นายตำรวจบึมบำกับตัวเองขนาดตรวจดูกระเป๋าสตางค์ หลังจากที่สาวน้อยพูดคุยกับพี่ๆ ที่สำนักงานและรับค่าจ้างสำหรับงานวิจัยของเธอเสร็จแล้ว เธอรีบตรงมายังรถเพื่อกลับไปเตรียมสคริปสำหรับจัดรายการวิทยุที่เธอเป็นดีเจอยู่ สาวน้อยมองหากระเป๋าสตางค์เพื่อจะนำเงินที่เพิ่งได้มาเก็บไว้ แต่ก็หาไม่พบ เธอร้อนใจมากเดินหาจนทั่วบริเวณทั้งในรถและนอกรถก็ไม่เจอ ด้วยความร้อนใจเพราะในกระเป๋าใบนั้นมีบัตรเครดิตอยู่ถึง 2 ใบ เธอจึงรีบเดินขึ้นไปที่โรงพักซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานเทศบาลเพื่อไปแจ้งความไว้ก่อน สวัสดีค่ะอาจักร... สาวน้อยกล่าวทักทายนายตำรวจเพื่อนสนิทของคุณพ่อเธอ เอ้า....ไปยังไงมายังไง ถึงขึ้นมาโรงพักแต่เช้าเนี่ยะเรา..? พอดีเป้ยทำกระเป๋าสตางค์หายนะค่ะ..มีบัตรเครดิตอยู่2ในนั้นเป้ยต้องทำยังไงบ้างคะ คุณอาจักรพาเป้ยไปทำบันทึกประจำวันและแจ้งอายัตบัตรไว้ แล้วอาสาเป็นธุระคอยตามเรื่องให้เผื่อใครจะเก็บมาคืน โดยที่เขายังไม่ทันสังเกตเห็นบันทึกประจำวันของนายตำรวจหนุ่มที่แจ้งไว้ก่อนแล้ว เป้ยขอบคุณคุณอามากนะคะ เป้ยขอตัวกลับก่อน.นะคะ สาวน้อยกล่าวขอบคุณแล้วรีบกลับบ้านเพื่อไปเตรียมงานดีเจและงานอื่นๆที่เธอรับมาอีกมากมายให้เสร็จทันเวลานัดส่งงาน ตอนสายของวันเดียวกันคุณอาจักรโทรศัพท์ไปบอกกับเป้ยว่ามีคนเก็บกระเป๋าสตางค์ได้แล้วนำมาส่งไว้ที่โรงพัก แต่คุณอาสารวัตรจักรินทร์ของเธอต้องออกพื้นที่ จึงอยู่เป็นธุระต่อให้ไม่ได้สาวน้อยจึงถามชื่อและเบอร์โทรของคนที่เก็บกระเป๋าได้เพื่อจะขอบคุณเขา คุณอาจักรของเธอบอกของพลเมืองดีคนนั้นซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนายตำรวจหนุ่มที่มารับตำแหน่งใหม่ที่สภ.อ.แห่งนี้นี่เอง เป้ย เดี๋ยวอาต้องไปธุระ เป้ยไปหา ร.ต.ต.ดลวัฒน์ พิทักษ์พงษ์ นะ เค้าเป็นคนเก็บกระเป๋าของเป้ยได้ ขอบคุณค่ะอา เดี๋ยวเป้ยจะรีบไปที่โรงพักนะคะ ...................................................... สาวน้อยเดินเข้าไปถามหานายตำรวจหนุ่ม ทราบว่าเขาทำงานอยู่ในห้องร้อยเวรสอบสวนจึงเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าไป ก๊อก ๆๆๆ ( เสียงเคาะประตู ) เชิญครับ.... เอ้า..สาวน้อยมาทำอะไรจ๊ะเนี่ย.. สารวัตรกิตติพงษ์ กล่าวทักทายเธอในฐานะคนรู้จักมักคุ้น เป้ยมาหา....ผู้หมวดดลวัฒน์ น่ะคะ.... ผมเองครับ...นายตำรวจหนุ่มแนะนำตัว คือเป้ยจะมาขอบคุณที่คุณเก็บกระเป๋าเงินของเป้ยได้น่ะคะ อ้อ....คุณนี่เองคุณ....ปิยพัชร์ ทำไมรูปในบัตรฯกับตัวจริงไม่เห็นเหมือนกันเลยล่ะครับ นายตำรวจหนุ่มหลุดปากแซวสาวน้อยออกไปด้วยความไม่ตั้งใจเพราะรูปในบัตรฯกับตัวจริงต่างกันมากจริงๆ เอ๊ะ..คุณทำไมถึงมาค้นกระเป๋าคนอื่นอย่างนี้ล่ะ... สาวน้อยต่อว่านายตำรวจหนุ่มด้วยความไม่พอใจ เพราะเรื่องบัตรฯ เธออายมากที่ตอนทำบัตรเธอยังดูกะโปโลและขี้แหล่ว่าตอนนี้มาก เอ้า..ถ้าผมไม่ตรวจดูจะรู้ได้ยังไงละครับว่ากระเป๋าเป็นของใคร....ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เรา.. ฉันไม่อยากต่อความกับคุณแล้วเป็นอันว่าขอบคุณมากแล้วกันนะคะ...ขอตัว..! สาวน้อยไหว้ลาสารวัตรกิตติพงษ์ แล้วหันมาแลบลิ้นใส่นายตำรวจหนุ่มก่อนจะรีบเดินออกไป ท่าทางปั้นปึ่งของเธอทำให้ทุกคนในห้องถึงกับออกอาการขำเพราะเข้าใจดีว่าเธอทั้งโกรธทั้งอายที่นายตำรวจหนุ่มไปแซวถึงรูปที่เธอไม่อยากให้มีใครเห็น ตกเย็นนายตำรวจหนุ่มสามทหารเสือ ประกอบด้วยพี่ใหญ่อย่างสารวัตรหนุ่มไฟแรงกิตติพงษ์ กับอีก 2 น้องใหม่ คือ ผู้หมวดศุภกรและผู้หมวดดลวัฒน์ ก็ออกมาเล่นกีฬาและบริหารเสน่ห์ด้วยการแจกยิ้มให้กับสาวๆ ที่มาออกกำลังกายและเดินเล่นที่สวนสาธารณะหน้าศูนย์ราชการแห่งนี้ ในขณะที่ทุกเย็นที่มีโอกาสสาวน้อยและแนนเพื่อนซี้ของเธอจะมาเดินเล่นและช่วยก้อยเพื่อนของเธอขายส้มตำอยู่เป็นประจำ วันนี้เป้ยได้เล่าเรื่องที่โดนนายตำรวจคนใหม่แซวให้แนนฟัง ดูเธอจะไม่พอใจเขาพอสมควร เธอรีบบรรยายถึงท่าทางที่วางท่า ของนายตำรวจหนุ่มให้แนนฟัง แนนพอนึกภาพออกเพราะเธอเป็นลูกสาวนายตำรวจที่โรงพักนี้และเคยเห็นนายตำรวจใหม่ทั้งคู่มาบ้างแล้ว สองสาวนินทานายตำรวจหนุ่มกันอย่างออกรสออกชาด และเป็นจังหวะที่นายตำรวจทั้งสามคนมานั่งกินส้มตำที่ร้านของก้อยพอดี.. แนน เป้ย..ดูโต๊ะพี่กิตติพงษ์ทีสิ..ก้อยยังไม่วางเลย.. เสียงก้อยร้องบอกเป้ยและแนนให้ช่วยดูแลแขก แนน ฉันว่าแกไปเถอะ..ฉันไม่อยากถูกแซวอีก สวัสดีค่ะอา..วันนี้จะกินอะไรดีคะ แนนทักทายสารวัตรกิตติพงษ์ เอาเหมือนเดิมแล้วกันนะ... ได้เลยค่ะ แนนจดรายการอาหารเสร็จก็ส่งให้กับก้อย สักครู่หนึ่งส้มตำ น้ำตกที่นายตำรวจสั่งก็เสร็จเรียบร้อยและคราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานเสิร์ฟอย่างสาวเป้ยแล้ว เธอรู้สึกเกร็งๆ ที่ต้องไปเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะของนายตำรวจหนุ่ม เอ้า..คุณปิยพัชร์...นี่เอง นายตำรวจหนุ่มกล่าวทัก เรียกว่าเป้ยก็ได้ค่ะ.... พวกนายเนี่ยโชคดีมากเลยนะที่ได้เยาวชนดีเด่นอย่างน้องเป้ยมาเสิรฟ์อาหารให้กินสารวัตรกิตติพงษ์พูด คุณเป้ยเป็นเยาวชนดีเด่นเหรอครับ..ทำไมเก่งจัง..แล้วตอนนี้เรียนที่ไหน ปีอะไรแล้วครับ ผู้หมวดศุภกรถาม สาวแป้งยิ้มอย่างเป็นมิตรเพราะผู้หมวดศุภกรดูไม่วางท่าและขี้แอ็คเหมือนกับผู้หมวดดลวัฒน์เพื่อนของเขา เป้ยเรียนมหาลัยเปิดน่ะคะ ปีหน้าก็จบแล้ว.. อะไรนะ..คุณเป้ยอายุเท่าไหร่ครับทำไมถึงจบไวจังเลย.. เป้ยลงทะเบียนเรียนเก็บหน่วยมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วล่ะค่ะ เป้ยอายุ 19 กำลังจะ 20 ปลายปีนี้แล้วค่ะ เก่งจังเลยนะครับ... นายตำรวจทั้งสามชวนเป้ยและแนนนั่งร่วมวงสนทนาด้วยกัน ตลอดการสนทนานายตำรวจหนุ่มพยายาม ยียวนกวนประสาทสาวเป้ยอยู่ตลอดเวลาเพราะเขาชอบท่าทางของเธอเวลาโกรธที่ดีน่ารักดีพิกล คุยกันได้สักพักหนึ่งสาวน้อยก็ขอตัวกลับบ้านเพราะใกล้ค่ำแล้วทิ้งให้สาวแนนและก้อยนั่งคุยกับสามตำรวจต่อ
25 พฤษภาคม 2548 06:53 น. - comment id 84884
ตกลงจะพมพ์หา 100 ไม่รู้ว่ากดรูปไหน หัวใจสีชมพู เติมสปาย และ น้ำอัดลม สดใส หวั่นไหว ได้อารมณ์ดีจัง น่ารักมาก อยากอ่านต่อค่ะ
26 พฤษภาคม 2548 11:10 น. - comment id 84938
ก็ดีนะค่ะอ่านไปก็น่งยิ้มอยู่เดียว เหมือนคนบ้เลย เรื่องจริงรึเปล่าเนี่ย ถ้าจริงก็ดีน่ะ เพราะคนแต่งคงจะเอามาจากประสบการณืจิง คงเป็นประสบการณืที่น่าประทับใจมากๆเลยนะค่ะ ดีใจด้วย แล้วก็ขอให้แต่งต่อไปเรื่อยจนจบและให้อย่างแฮปปี้ เอนดิ้งเหมือนละครไทยทั่วไปนะค่ะ
26 พฤษภาคม 2548 16:49 น. - comment id 84948
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ คุณอยากให้นิยายเรื่องนี้จบอย่างไรและคิดว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ...ขอบคุณค่ะ