เพื่อนเอยจะบอกให้

อัครเดช

ขณะที่เข้าเรียนวิชา TH 244 เมื่อชั่วโมงก่อน   ประโยคหนึ่งที่อาจารย์ได้กล่าวไว้   จนอดไม่ได้ที่ผมต้องหวนกลับมาคิด   ประโยคนั้นก็คือ เราใช้กันมาอย่างผิด ๆ จนถูกไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเรากำลังพูดถึงการใช้คำ ๆ หนึ่ง   แต่ในเสี้ยวหนึ่งของความคิด   ผมได้มองไปถึงมุมหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา   หรือขณะทียังประสบอยู่ ณ ปัจจุบัน   บางทีไม่รู้ว่าลืม   หรือจงใจจะไม่เห็นมัน   จนบ่อยครั้งที่เห็นปฏิบัติกันมาอย่างผิด ๆ จนถูกไปเสียแล้ว   แต่คำว่า ผิด ในที่นี้ต่างจากคำว่า ผิด ของอาจารย์ตรงที่ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนมายืนยันได้   มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน   สิ่งนั้นคือ จิตสำนึก
   หลังเลิกงานผมหยิบหนังสือเรียนไปนั่งอ่านตรงระเบียงหลังห้องเช่า   เงาของต้นกล้วยทอดยาวมาถึงที่ม้าหินอ่อน   ลมเย็นพัดเอื่อย ๆ    เปิดหนังสืออ่านไม่ทันหมดหน้า   คล้ายเสียงร่ำไห้ของใครบางคนแว่วมากับสายลม   ผมละสายตาจากหนังสือมองออกไปยังที่มาของเสียงนั้น   และก็ไม่เหนือความคาดหมาย   เธอนั่งซบหน้าอยู่กับม้าหินอ่อนตรงที่หลังห้องของเธอ   นี่ไม่ใช่ภาพที่ผมเห็นเป็นครั้งแรก   บ่อยครั้งเหลือเกินกับภาพเช่นนี้   จนทำไห้ไร้ความรู้สึกใด ๆ เข้าไปทุกที   ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามา   อีกแล้วหรือ?   และคงจะไม่ใส่ใจนักหากคนกำลังร่ำให้อยู่นั้นไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก
   รอฮานี   หญิงสาวจากปลายสุดของเขตแดนด้ามขวานไทย   ปีกว่าแล้วที่เธอมาเรียนที่นี่   สถานที่แห่งนี้คือ  ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร    เธอเป็นนักเรียนคนหนึ่งในแผนกตัดเย็บเสื้อผ้า   ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอเมื่อวันเปิดคอร์สใหม่   สาวน้อยสูงเพรียวร่างเล็กในชุดเด็กนักเรียนศูนย์ฯ     แต่เป็นที่สะดุดตากว่าใครอื่นก็ตรงที่เธอคลุมอิญาบ  ซึ่งเป็นผ้าคลุมผมของสตรีมุสลิม   เนื่องจากผมเป็นคนที่มาจากถิ่นแถบเดียวกันจึงทำให้รู้จักกับเธอ 
   หนึ่งปีผ่านไป   หญิงสาวที่เคยขี้อาย  พูดน้อย  ได้เปลี่ยนไปคล้ายดั่งคนละคน   อิญาบที่เคยคลุมนั้นไม่รู้ว่าร่วงไปตั้งแต่เมื่อไหร่    เธอบอกว่าเธออายที่จะต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเวลาที่ไปไหนกับเพื่อน    แต่เธอเคยบอกว่าถ้าเป็นที่บ้านพ่อเธอจะไม่ยอมให้ออกไปไหนเด็ดขาดหากไม่คลุมผม   ศาสนาเธอเคร่งครัดมาก   ครั้งหนึ่งเธอเล่าว่า   เธอโดนพ่อตีเพราะมัวแต่เล่นเพลินจนลืมละหมาด   ซึ่งเป็นการกราบไหว้พระเจ้าของชาวมุสลิมที่ต้องปฏิบัติวันละห้าครั้ง
   ผมนั่งคิดอยู่นานสองนาน   และในที่สุดก็ตัดสินใจตรงเข้าไปหา   เธอเงยหน้าขึ้นเมื่อผมนั่งลงตรงม้านั่งตรงข้าม   นัยน์ตาเธอแดงก่ำน้ำตายังคลอเบ้า   เธอยกมือขึ้นเช็ดแล้วฝืนยิ้ม   เขาบอกว่าเขาจะไปจากเธอหากเธอไม่ไปเอาเด็กออก   เธอร้องโฮออกมาอีกครั้งเมื่อบอกเรื่องนี้กับผมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง   ผมเห็นท่าไม่ค่อยดี จะลุกจากไป   และบอกว่าไม่ขอฟังได้ไหมผมได้ยินมามากพอแล้ว   น้ำเสียงเธอสั่นเครือเอ่ยขึ้นว่า   หากเธอต้องตายลงเพราะความอัดอั้นใจถ้าไม่ได้ระบายออกมาให้ใครฟัง   ผมจะฟังเธอไหม   ใจหนึ่งอยากจะบอกว่า   มันเป็นเรื่องของเธอ   แต่จิตใจที่ไร้ความรู้สึกนั้นต้องโอนอ่อนเพราะเสียงสะอื้นนั้นได้บาดลึกลงเกินไปแล้ว
   เธอท้องได้สองเดือนแฟนเธอต้องการให้ไปทำแท้ง   เธอว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้มันเท่ากับว่าได้ฆ่าลูกในไส้ของตัวเอง   มันเป็นบาปอย่างมหันต์   กับการที่ได้ทำซีนา   ซึ่งหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้แต่งงานตามหลักศาสนาอิสลามนั้นมันก็เกินพออยู่แล้ว   และนี่กับคนที่ต่างศาสนาอีก   ผมอยากถามเธอว่าเหตุใดเล่าถึงได้มาคิดเอาตอนนี้   แต่ผมไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้   ต้องทนฟังเธอต่อไป  เธอถามผมว่าการฆ่าตัวตายตามหลักศาสนาของผมนั้นบาปไหม   ผมได้แต่จ้องหน้าเธอแต่ไม่มีคำใดหลุดออกมา
   ตอนนี้ทางบ้านของเธอรู้เรื่องแล้ว   เธอเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบอก   และในเร็ว ๆ นี้พ่อแม่จะมารับกลับบ้าน   เธอจะทำอย่างไรดี  จะให้กลับบ้านไปในสภาพเช่นนี้นะหรือ  คนเขาจะได้เรียกลูกเธอว่า  ลูกซีนา   พ่อเธอเป็นถึงโต๊ะอิหม่าม   ซึ่งมีความหมายรวมถึงผู้นำทางศาสนาอิสลามและผู้นำชุมชนด้วย   แม่เป็นครูสอนศาสนา  แล้วต่อไปใครจะเคารพนับถือ   เธอปล่อยโฮออกมาอีกครั้งแล้วฟุบหน้านิ่งไปกับโต๊ะ  ผมลุกออกมาเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้เอ่ยสักคำ
   ค่ำลงของวันนั้นผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง   เธอมาถามหายาพาราเซตามอลที่ผม   บอกว่าเธอปวดหัวมาก   ผมส่งขวดยาให้   บอกให้เอาไปทั้งขวด   หายป่วยแล้วค่อยเอามาคืน   เช้าวันรุ่งขึ้นผมเข้าไปสอบตั้งแต่เช้าและมีสอบติดต่อกันสามวันผมต้องค้างห้องเพื่อนในกรุงเทพฯ สองคืน
วันที่ผมกลับมาที่ห้อง   เมื่อเดินผ่านหน้าห้องเธอรถกระบะคันสีเขียวจอดอยู่ที่หน้าห้อง   ตรงป้ายทะเบียนท้ายรถบ่งบอกว่ามาจากจังหวัดปัตตานี   พ่อเธอคงจะมาแล้ว   ผมคิด   
   ผมกลับมาถึงที่ห้องไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง   เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งนำกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้   และบอกว่าเธอกินยาพาราเซตามอลเข้าไปทั้งขวด   โชคดีที่เพื่อนเธอมาพบแล้วนำส่งโรงพยาบาล   หมอบอกว่าถ้าช้ากว่านี้แค่ครึ่งชั่วโมงเธออาจจะเสียชีวิตได้   เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯติดต่อไปที่บ้านของเธอ   พ่อเธอเพิ่งมาถึงเมื่อเช้าวันนี้   และตอนนี้ก็ได้นำตัวเธอกลับไปแล้ว
   โธ่เอ๋ยชีวิต   ใครเลยจะคิดว่าเธอกล้าทำถึงขนาดนั้น   เธอผิดไหมหนอ   หรือการที่เธอได้กระทำไปอย่างนั้นเธออาจจะทำถูกก็ได้ใครเลยจะรู้   ตัวของเธอ   หัวใจของเธอ   และชีวิตก็ของเธอ   จริงอยู่เธอเคยบอกว่าชีวิตนี้เป็นของพระเจ้า   พระเจ้าเป็นผู้สร้างและพระเจ้าก็จะเป็นผู้ทำลาย   แล้วเหตุอันใดเล่าเธอถึงได้กล้าฝืนกฎข้อนี้   นั่นไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอกล้าที่จะเดินตามทางที่ได้เลือกเองละหรือ   พระเจ้าได้ให้ชีวิตแก่เธอ   แต่ผู้ที่จะมาเติมเต็มชีวิตนั้นคือตัวของเธอเอง
   เพื่อนรุ่นน้องกลับไปแล้ว   ผมหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดู   มีข้อความเขียนไว้ว่า  ถ้าเขากลับมาให้บอกเขาว่านีได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว   ให้เขาอยู่อย่างสบายใจได้   ไม่มีทั้งนีไม่มีทั้งลูก   และขอบคุณพี่ที่ทนนั่งฟังนีอยู่ตั้งนาน   นีจะกลับบ้าน  นีลืมไปว่านียังมีพ่อมีแม่   และอาจจะมีสิ่งที่ดี ๆ อีกมากมายทียังรอนีอยู่   นีจะไปอยู่กับลูกกับพี่กับน้อง  และกับพระเจ้า  ผมวางกระดาษแผ่นนั้นลง   บอกกับตัวเองไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไรในตอนนี้   นี่ผมจะร้องไห้หรือกำลังหัวเราะ
   หลายวันหลังจากนั้น   หลังเลิกงานผมหยิบหนังสือเรียนไปนั่งอ่านตรงระเบียงหลังห้องเช่า   เงาของต้นกล้วยทอดยาวมาถึงม้าหินอ่อน   ลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เปิดหนังสืออ่านไม่ทันหมดหน้า    คล้ายเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคนแว่วมากับสายลม?				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน