เพียงสายลมพัดผ่าน

พรวิสาข์


            มุมเดิมๆในห้องแคบๆ   โคมไฟดวงน้อยและรูปถ่ายหลายรูปถูกจัดวางบนโต๊ะเขียนหนังสือ  อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  น่าแปลกก็ตรงที่รูปถ่ายเหล่านั้นไม่ใช่ของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย   ผ้าม่านลูกไม้ผืนสีฟ้าถูกรวบมารวมกันเพื่อเปิดหน้าต่างกระจกรับลมสายลมที่พัดผ่านให้ได้สัมผัส 
ฉันเดินไปเปิดหน้าต่างรับสายที่พัดโชยมาอย่างเบาๆ   มองบรรยากาศกรุงเทพฯยามค่ำคืน   แสงสว่างจากตึกรามบ้านช่องส่องแสงสว่างไปทั่ว   แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าจากตึกสูงเห็นเพียงดวงดาวไม่กี่ดวง  มองขึ้นไปบนฟ้าเหมือนดาวเหล่านั้นอยู่ใกล้ๆแต่ถ้าให้เอื้อมเท่าไหร่ก็คงเอื้อมไม่ถึง   สายลมที่พัดโชยแผ่วเบาเมื่อครู่เริ่มทวีความแรงมากขึ้น  ฉันตัดสินใจที่จะปิดหน้าต่างเอาผ้าม่านลง   ภายหลังจากสูดอากาศภายนอกมาพอสมควร   และมาสัมผัสบรรยากาศแบบในห้องแคบๆ   บรรยากาศเดิมๆที่ฉันคุ้นเคยอยู่ทุกวัน
             เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น  ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์  เหลือบมองดูนาฬิกาที่แขวนไว้เหนือประตูห้องด้านในบอกเวลาเกือบ 5 ทุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิดต้องเป็นเสียงโทรศัพท์ที่บอกให้ฉันเอา KEY CARD ไปเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ฉันต้องทำทุกคืนวันอังคารอยู่แล้ว และวันนี้ก็คงเช่นกัน ภายหลังจากที่ฉันรับสายถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ฉันคิดในตอนแรกไม่ถูกต้องซะแล้ว เพราะว่าคืนนี้พี่ของฉันต้องเข้าเวรควบ 2 กะ กว่าจะได้กลับก็พรุ่งนี้สายๆ  
              อีกครั้งที่ฉันต้องนอนคนเดียว  ความเงียบเหงา  ความอ้างว้างวูบเข้ามาในหัวใจ  ฉันเหลือบมองดูนาฬิกาอีกครั้ง  เพิ่งจะ 5 ทุ่มกว่านิดๆที่บ้านฉันคงยังไม่เข้านอน ฉันตัดสินใจที่จะโทรศัพท์กลับบ้านเพียงแค่ได้คุยกะพ่อหรือแม่สักนิดก่อนนอนคืนนี้เพื่อให้ฉันได้หลับสนิท ก็เท่านั้น   เรื่องราวสารทุกข์สุกดิบถูกถ่ายทอดระหว่างฉันกับพ่อแม่ มันคงจะทำให้ฉันมีความสุขและนอนหลับสนิทถ้าหากว่าแม่ไม่ถามคำถามเรื่องของขวัญกล่องนั้น ของขวัญกล่องใหญ่ถูกห่อด้วยกระดาษสีฟ้า  ขาว และผูกด้วยโบว์ฟ้า - ขาวมีระบายลูกไม้ติด แถมพ่วงด้วยระฆังใบเล็กๆ และเส้นด้ายสีทองเส้นเล็กๆตัดกับสีของกล่องของขวัญ มองดูสวยงามมาก เป็นของขวัญที่ฉันได้รับเนื่องในวันพิเศษ  ฉันน่าจะเปิดมันตั้งแต่ได้รับ  หากเพียงเพราะฉันไม่กล้าพอที่จะรับรู้ว่าข้างในมันเป็นอะไรฉันจึงไม่ยอมเปิดของขวัญกล่องนั้น  แต่ใช่ว่าฉันจะลืมหรอกน่ะฉันคิดอยู่เสมอว่าสักวันฉันจะไปเปิดดูว่าของข้างในมันคืออะไร   วันนี้คำพูดของแม่ทำให้ฉันคิดขึ้นมาอีกครั้งมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่ฉันจะเปิดของขวัญกล่องนั้นเสียที
              ฉันกลับมาเอนตัวนอนอีกครั้งหลังจากวางสายจากแม่ แต่มันไม่ทำให้ฉันหลับลงไปได้   เปิดดูรายการทางทีวีก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ  ฉันเลยตัดสินใจหยิบแผ่นหนังที่เรียกน้ำตาจากคนดูไปได้มากโข  หยิบขึ้นมาดูอีกครั้งหลังจากที่ไปดูเมื่อตอนเข้าฉายใหม่ๆ The letter: จดหมายรัก เป็นครั้งที่สามที่ฉันดูหนังเรื่องนี้ ความรักที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละคร ไม่รู้นะว่าโลกนี้จะมีความรักแบบนี้จริงหรือไม่ คนที่มีความรักน่าจะให้คำตอบได้ว่ามีหรือไม่มี???
หนังจบไปแล้ว ฉันยังไม่ง่วง  เลยตัดสินใจหยิบ postcard ที่ฉันสะสมมานานส่งไปให้ใครคนหนึ่ง เกือบ 5 ปีแล้วมั้งที่ฉันเริ่มส่ง postcard  ให้คนๆนี้  (เจ้าของรูปถ่ายที่ฉันวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ) นั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าด้านหลัง postcard ฉันจะเขียนว่าอะไรดี  สุดท้ายมาจบที่เลียนแบบหนังรักที่ฉันเพิ่งดูจบไปหมาดๆดีกว่า  
 The letter : จดหมายรัก  ตัวแทนความรัก...ความห่วงใย ของชายหนุ่มที่มอบให้หญิงสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง ความรักที่ไม่มีวันหมดสิ้น   แม้ว่าลมหายใจของชายหนุ่มจะหมดลงไปแล้ว  แต่ความรักจะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์................
The postcard : ไปรษณียบัตร ตัวแทนความรัก ความห่วงใย ความอาทร ของคนๆนึงที่มอบให้ใครอีกคน ผู้ซึ่งเป็นคนพิเศษในความรู้สึก ความห่วงหาอาทร...ความห่วงใยที่ไม่มีวันหมดสิ้น...ตราบเท่าที่ลมหายใจยังมี 
ฉันเข้านอนด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม  พรุ่งนี้เช้าฉันจะเอา  postcard ไปหย่อนตู้ไปรษณีย์  อีกไม่เกิน 3 วัน ผู้รับปลายทางคงได้รับ    รับแล้วจะรู้สึกยังไงบ้าง   อยากรู้จัง???
เมื่อไหร่ที่ฉันกลับบ้าน ฉันจะทำการแกะกล่องของขวัญกล่องนั้นดู แล้วฉันจะมาเล่าให้ฟังนะ  ว่าของขวัญชิ้นนั้นคืออะไร  รอลุ้นเป็นเพื่อนหละกัน  !!!   
หลับเถอะนะ  พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว  ราตรีสวัสดิ์ค่ำคืนแห่งความเงียบเหงา    
				
comments powered by Disqus
  • นายตัวแสบ

    22 เมษายน 2548 15:43 น. - comment id 84387

    น่าติดตามจัง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน