ปาฏิหาริย์รักข้ามมิติ ( ตอน เรื่องประหลาด 3 )

สุชาดา โมรา

...อยู่กับตัวเองคนเดียวมันเหงาเหลือเกิน...ความรู้สึกนี้มันกลับเข้ามากระทบใจอีกครั้ง เมื่อไรเราจะสลัดมันไปได้ซะทีนะชาตินักรบนึกพร้อมกับแสดงสีหน้าซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
โทรทัศน์จึงเป็นสิ่งที่เขาเลือกเปิดมากกว่า เพราะมีทั้งภาพ ทั้งเสียง ให้ได้ยินได้ฟัง อย่างน้อยการมองดูชีวิตคนอื่นในโทรทัศน์ ก็ทำให้หลงลืมการอยู่คนเดียวไปได้บ้าง
ชาตินักรบเดินไปหยิบจานและช้อนที่หลังห้องมาใส่ข้าวกล่องที่แวะซื้อจากร้านปากซอย เปิดขวดน้ำรินน้ำใส่แก้ว  พร้อมแล้วสำหรับการกินอาหารค่ำและการดูรายการโทรทัศน์
ใครน่ะใคร
เขารู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่  เขาจึงตะโกนออกไปและรีบหันหลังกลับไปดูทันที  แต่ก็น่าแปลกที่เขาเองกลับไม่เห็นอะไรเลย
ตายแล้วเขาจะเห็นเราไหมนะ  แคนดี้นึกพร้อมกับลอยตัวไปยังหลังประตูห้องครัวก่อนที่ชาตินักรบจะหันมา  หล่อนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขานั่งทานข้าวอยู่คนเดียวอยู่ครู่หนึ่ง ชาตินักรบก็อดนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับอาริซ่า อดีตคนรักที่เพิ่งเลิกกันไปไม่นาน เพราะงานที่เขาและเธอทำอยู่ทำให้แต่ละคนมีเวลาให้กันไม่ได้มากนัก ...ช่วงเวลาที่ได้นั่งทานข้าวกับเธอตอนนั้น สำหรับเขาแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแตกต่างกับตอนนี้มาก
ชาตินักรบคิดเรื่อยเปื่อยย้อนไปถึงสมัยที่เขายังอยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัด ช่วงเวลาเย็น ๆ แบบนี้เป็นเวลาที่สมาชิกทุกคนจะมานั่งทานข้าวล้อมวงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เสร็จจากอาหารเย็นแล้วยังเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวใช้เป็นโอกาสในการพูดคุยปรึกษาหารือกันในเรื่องต่าง ๆ
เขาออกจากบ้านมาทำงานในเขตเมืองหลวงได้เกือบสามปีแล้ว นับตั้งแต่เรียนจบทางด้านหนังสือพิมพ์และการเป็นบรรณาธิการมาด้วยผลการเรียนที่ดีเยี่ยม แม้ว่าพ่อแม่จะคะยั้นคะยอให้เขาทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในตัวจังหวัด เพราะอยู่ใกล้บ้านก็ตาม แต่เขากลับเลือกที่จะมาสมัครทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอย่างสำนักพิมพ์ไททรรศน์ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านมากที่สุดและเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดมากกว่า.เพราะอยากจะมองเห็นโลกให้กว้างขึ้น และอยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น..เขาบอกตัวเองและคนในครอบครัวอย่างนั้น
ชาตินักรบมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้ฝนเริ่มตกลงมาแล้ว นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้โทรกลับบ้าน เกือบสองเดือนได้แล้วมั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง
เมื่อทานข้าวเสร็จ ชาตินักรบจึงยกจานและแก้วไปล้างและเก็บไว้ เขาเดินมาที่โทรศัพท์ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดหมายเลขลงไป สัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่สามสี่ครั้ง จึงมีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย
พ่อเหรอครับ เขาทักเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
เออ 
จะนอนหรือยังครับพ่อนี่ผมโทรมารบกวนหรือเปล่า
กำลังจะนอนแล้ว
เหรอครับ
มีอะไรหรือเปล่าเจ้าชาติ โทรมาซะดึกดื่น เสียงพ่อถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง 
ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะถามว่าที่บ้านฝนตกหรือเปล่า...แม่ล่ะครับเป็นยังไงบ้าง 
บทสนทนาดำเนินไปไม่ถึงห้านาที ชาตินักรบเริ่มรู้สึกว่าตนเองนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะถามไถ่พ่อแม่ไม่ออกแล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายขอยุติการสนทนาขึ้นก่อน หลังจากที่วางสายเสร็จแล้วชาตินักรบจึงนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้บอกสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งให้กับพ่อแม่ได้รู้ สิ่งสำคัญนั้นก็คือประโยคที่ว่า...... คิดถึงนะครับ รักษาสุขภาพด้วย........

ใครน่ะใคร
เขายังคงรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังเขาทุกที  เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนสวย  แววตาเป็นประกาย  ใบหน้ารูปไข่  แก้มสีชมพูระเรื่อ  ปากเธอสวยราวกับกลีบกุหลาบสีชมพูอ่อน  แต่งตัวราวกับเจ้าหญิงในชุดสีขาวประดับด้วยอัญมณีสีรุ้ง  มีกำไลที่ข้อมือเป็นรูปมังกรขาว  เธอมีปีกเป็นขนนกและเธอบินได้
 นี่เธอเธอเป็นใครน่ะ  เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง
ตายแล้วเขาเห็นเราได้ไงเนี่ย  หรือว่าเขาจะเป็นแต่คงไม่ใช่หรอก  มนตราเอาอาจจะเสื่อมลงก็ได้เพราะเราก็หายตัวมานานแล้วเหมือนกัน  แคนดี้ตอบกับตัวเองในใจ
.แวบ..แคนดี้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับค่อย ๆ หายตัวไปกับผนังห้องที่เป็นสีขาวสะอาดตา
ชาตินักรบรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก  เขาจึงรีบขยี้ตาทันที  เมื่อจ้องมองไปที่ผนังห้องก็มองไม่เห็นเธอแล้ว
สงสัยเราคงตาฝาดไปเอง  เขาเอ่ยขึ้น
รุ่งชึ้น 
๐๙.๒๓ น. สำนักงานหนังสือพิมพ์ไททรรศน์
คุณอดิศรเดินมาถามชาตินักรบถึงโต๊ะทำงานว่าเขามีเรื่องที่จะเขียนเปิดคอลัมน์ให้หรือยัง เมื่อชาตินักรบเล่าถึงเรื่องที่เขากำลังจะทำให้ฟัง เขาได้รับความเห็นจากคุณอดิศรว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว เขาอยากรู้มากว่าชาตินักรบจะเขียนเรื่องราวออกมาในแนวไหน
ดี ๆ เอาเลยนะ  คุณรีบไปเก็บข้อมูลมานะ  แล้วถ้าเขียนเสร็จแล้วก็เอามาส่งผมที่ห้องด้วย

๐๙.๓๕ น. แฟลตแห่งหนึ่งที่ย่านบางกะปิ
ปาริชาติได้กลิ่นเหม็นมาจากห้อง ๔๐๗ ห้องพักข้าง ๆ ห้องของเธอมา ๒-๓ วันก่อนแล้ว กลิ่นเหม็นที่ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน  หลังจากที่ทนเหม็นจนนอนไม่หลับมาตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ปาริชาติจึงตัดสินใจเดินมาเคาะประตูห้องนั้นเพื่อจะสอบถาม เจ้าของห้องว่าเก็บอะไรเหม็น ๆ ไว้ในห้อง หรือได้กลิ่นอะไรเหม็น ๆ ในห้องหรือเปล่า 
เมื่อปาริชาติยืนอยู่หน้าประตูห้อง ๔๐๗ จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ทวีความรู้แรงเพิ่มมากขึ้น เหม็นมากจนแทบจะอาเจียนออกมา เธอกลั้นใจเอามือข้างหนึ่งอุดจมูกไว้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียกเจ้าของห้อง
นี่คุณ..มีใครอยู่มั๊ย...มีใครอยู่หรือเปล่า ? 
เธอไม่มียินเสียงตอบรับกลับมา แม้ว่าเธอจะส่งเสียงเรียกเจ้าของห้องดังเพียงใดก็ไม่มีใครตอบรับกลับมาสักที 
ชั่วขณะที่มีความเงียบเป็นเสียงตอบรับ ปาริชาติได้ยินเสียงเหมือนคนพูดคุยกันเบา ๆ มาจากข้างในห้อง ใจเธอเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา เธอเคยรู้จักเจ้าของห้องนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...
เคยสิ...ดูเหมือนเขาจะชื่อทรงพล เธอเคยเห็นเขาอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งแล้วแต่โอกาส ว่าจะบังเอิญเปิดประตูห้องมาเจอกันตอนไหน เขาเป็นผู้ชายอายุยี่สิบต้น ๆ เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ท่าทางเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปไหนแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืนหรือวันหยุดก็ตาม ที่เธอรู้ก็เพราะว่าเธอมักจะได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงโทรทัศน์ดัง มาจากห้องข้าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว   จำได้ว่าเธอเห็นเขาครั้งล่าสุด เมื่อ ๕-๖ วันที่ผ่านมานี่เอง หลังจากนั้นมาเธอยังไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกเลย
ความเงียบทำให้ความรู้สึกบางอย่างอย่างเกิดขึ้นในจิตใจ สมองของปาริชาติเริ่มนึกไปถึงข่าวต่าง ๆ ที่เธอเคยอ่าน หรือได้ยิน ได้ฟัง มาจากสื่อต่าง ๆ และเริ่มประมวลผลมันเข้ากับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
มีความเป็นไปได้ ที่น่าเชื่อถืออยู่มากทีเดียวว่าอาจจะเกิดเรื่องร้าย ๆ เรื่องหนึ่งขึ้นที่อีกฟากหนึ่งของประตู เธอกลั้นหายใจ ตัดสินใจเคาะประตูห้องนั่นดูอีกครั้งหนึ่ง
ก๊อกก๊อกก๊อก
นี่คุณ ถ้าไม่เปิดประตูออกมา ฉันจะไปเรียกผู้ดูแลข้างล่างให้ขึ้นมานะ...คุณ...คุณ
ความเงียบยังคงเป็นคำตอบที่เธอได้รับกลับมาปาริชาติเริ่มมั่นใจในความคิดของเธอมากขึ้น เธอวิ่งลงจากชั้น ๔ ลงไปหาไสวผู้ดูแลอาคารที่ชั้นล่าง เล่าเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งข้อสงสัยของเธอให้เขาฟัง และร้องขอให้เขาเอากุญแจสำรองขึ้นไปเปิดประตูห้องของทรงพล
ไสวกดเบอร์โทรศัพท์ของห้องทรงพลขึ้นมาเพื่อสอบถาม สัญญาณดังอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย ไสวเองก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้เห็นทรงพลมา ๔-๕ วันแล้วเช่นกัน
ความสงสัยบวกกับเรื่องราวที่เขาได้ฟังมาจากปาริชาติ เชิญชวนให้เขาตัดสินใจเดินขึ้นมาข้างบนเพื่อหาข้อพิสูจน์
ตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้
ประตูถูกลงกลอนจากด้านใน แม้ว่าไสวจะใช้กุญแจสำรองไขเปิดลูกบิดแล้วก็ตาม กลิ่นที่เหม็นรุนแรง กับการคาดการณ์ซึ่งน่าจะมีเค้าความจริงอยู่ไม่น้อย ทำให้ไสวตัดสินใจพังประตูห้องของทรงพลเพื่อจะเข้าไปดูเหตุการณ์ ข้างใน
...ปัง....ประตูถูกกระแทกเข้าไป
กลิ่นเหม็นรุนแรงนั้นลอยเข้ามาปะทะจมูกจนสะอึก และสิ่งที่พวกเขาพบนั้นถึงกับทำให้ผงะด้วยความตกใจ 
ทรงพลเจ้าของห้องนอนตะแคง เป็นศพอยู่บนเตียง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกำลังรู้สึกเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกุมอยู่บริเวณหน้าอก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นไปเหนือศีรษะเหมือนกำลังพยายามจะไขว่คว้าหาอะไรบางอย่าง 
เมื่อมองตามทิศทางมือของทรงพลขึ้นไปจนสุดเขตสายตา เห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะติดกับผนังห้อง...โทรศัพท์นั่นเอง...เขากำลังพยายามจะหยิบโทรศัพท์
โทรทัศน์ในห้องนั้นถูกเปิดทิ้งไว้ สภาพศพบวมเป่ง มีคราบน้ำเหลืองเป็นวงกว้างให้เห็นบนฟูกนอน ภาพที่เห็นกับกลิ่นที่ได้รับ เกินความทนทานของจิตใจที่จะรับได้ ร่างกายของปาริชาติและไสวขับดันบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจากบริเวณช่องท้อง เพื่อลดความกดดันนั้นให้ลดลง
โอ๊ก..
โอ๊ก..
พวกเขาอาเจียนออกมาเกือบจะพร้อมกัน
ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ไม่มีร่องรอยการฆาตกรรม หลักฐานที่ปรากฏไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ตายฆ่าตัวตายแต่อย่างใด ตำรวจซึ่งมาตรวจที่เกิดเหตุให้ความเห็นในเบื้องต้นว่า 
ผู้ตายอาจจะหัวใจวายตาย 
ชาตินักรบหยิบสมุดบันทึกของเขาขึ้นมา บันทึกข้อความลงไป
นางปาริชาติหญิงข้างห้อง และนายไสว ผู้ดูแลอาคาร พบศพนายทรงพลผู้ตาย ในห้องพักหมายเลข ๔๐๗ ย่านบางกะปิ... หลังจากที่ผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณ ๕ วัน... ก่อนผู้ตายจะเสียชีวิตคาดว่าน่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกอย่างรุนแรง และพยายามจะหยิบโทรศัพท์เพื่อติดต่อใครสักคนให้มาช่วยเหลือ แต่เขาทำไม่สำเร็จ หัวใจของเขาทำร้ายตัวเขาเองก่อนที่เขาจะบรรลุเป้าหมาย 
เสียงโทรศัพท์มือถือของชาตินักรบดังขึ้น หมายเลขที่แสดงทำให้รู้ว่าเป็นเบอร์ของคุณอดิศรหัวหน้ากองบรรณาธิการ 
ครับ หัวหน้า ชาตินักรบตอบรับ
จำเรื่องต้นไม้ที่สวนสาธารณะที่คุณพูดถึงได้หรือเปล่า 
มีอะไรเหรอครับ
ผมเพิ่งขับรถผ่านมาจากทางนั้น มีเรื่องอยากจะให้คุณช่วยเช็คดูหน่อย
ได้ครับ ผมเพิ่งทำข่าวเสร็จพอดี มีเรื่องอะไรเหรอครับ คงจะเป็นเรื่องด่วนน่าดู ไม่งั้นหัวหน้าคงไม่โทรศัพท์มาหาเขาทันทีแน่
...ผมเพิ่งเห็นต้นไม้ทุกต้นในสวน ผลิดอกผลิใบเต็มต้นเมื่อกี้นี้เอง.....
.หา.เขานึกในใจก่อนที่จะขับรถออกมา				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน