...แม้ว่าไม่บ่อยครั้งนัก ที่ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนดินแดนต่างถิ่น ...ความไม่ประสาของผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนไม่เคยรู้เลยว่ามีมาก .. ...แต่ทว่า มากนัก ...คงเริ่มตั้งแต่กางมุ้ง ซึ่งกว่าผู้เขียนจะเก้ๆกังๆ หามุมแขวน ...ซึ่งก็ได้สี่เหลี่ยมตามวิชาพิชคณิตมาหนึ่งชุด .. ...เป็นสี่เหลี่ยมมุมด้านไม่เท่า ...อย่าหวังว่าการเก็บมุ้งในยามเช้าจะเรียบร้อยหมดจด ...ผู้เขียนใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการหามุมรวบเก็บได้ ...เหมือนก้อนผ้าอะไรสักอย่าง แต่เอาเถอะ นั่นเป็นฝีมือที่สุดประณีตแล้ว ...ผู้เขียนอาจจะเป็นคนเดียวในหมู่บ้านนั้น ...ที่หอบเสื้อผ้ารวมถึงผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ...สายตาก็มองหาตะปู เพื่อแขวนสัมภาระดังกล่าว ...ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อที่จะจัดแขวน ...น่าขำ ! หากผู้เขียนมีเพียงผ้าผลัดผ้านุ่ง ก็คงไม่ต้องเรื่องมากขนาดนี้ ...น้ำขันแรก ที่บรรจงเอามือแตะ และนำมาลูบไล้ตามแขนขาก่อน ...ส่วนขันต่อไป ก็ต้องกลั้นใจตัดรดตัวไปเรื่อย ประมาณสิบขัน ...เรื่องที่จะต้องขัดสีฉวีวรรณ .. ยังพอมีเวลา ...กลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่ ค่อยคิด
...เช้านี้ .. ผู้เขียนอ้อยอิ่งที่จะลุกขึ้นจากที่นอน ...จันทร์ที่เริ่มต้นการทำงานของสัปดาห์ ...ไม่มีเสียงนกขับขาน ไม่มีเสียงไก่ขัน ...มีแต่เสียงนกหวีดแหลมปรี๊ดของ รปภ. ที่ปลุกให้ผู้เขียนตื่น ...พร้อมกับเสียงเบิ้นน้ำมันของมอเตอร์ไซด์ก่อนออก start ...ฟ้าสางที่กลางกรุงช่างแตกต่างจากสภาพที่เคยเห็นตามชนบท ...แต่เก้าสิบกว่าเปอร์เซนต์ ที่ผู้เขียนใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ...และด้วยสภาพที่เร่งรีบและต้องแข่งขัน ...ผู้เขียนจึงถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบคนเมือง ...หลายครั้งที่ผู้เขียนนึกอยากจะแหกกฏ แต่ทว่า.. ... นอกกฏ ผู้เขียนไม่รู้ว่าจะปฏิบัติเช่นไร ...ความเคยชิน ถูกสั่งสมมาโดยตลอด จนกลายเป็นระบบ
...หลายหนที่ผู้เขียนมองเห็นมุมตลก ...ในขณะเดียวกันกับที่ผู้แสดงอาจไม่ตลก ...อย่างเช้าวันก่อน ขณะที่รถติดไฟแดง.. ...ประตูของรถยนต์คันหน้าได้เปิดออก ...พร้อมกับคนขับที่ถือไม้ขนไก่ ...เขาออกมาปัดฝุ่นรถ พร้อมกับผิวปาก อย่างมีความสุข ...ผู้เขียนจินตนาการไปว่า ...เขากำลังปัดฝุ่นรถ ที่สนามหน้าบ้านของเขา ...โดยที่ภรรยาของเขาอาจจะเปิดเพลงและร้องคลอ ...ส่วนเขาผิวปาก ...แต่นี่ .. ภาพที่เห็น ไม่ใช่จินตนาการ ...สี่นาที ที่เขาจัดการปัดฝุ่นเสร็จสรรพ ...ก็พอดีกับสัญญาณไฟเปลี่ยน ...หกโมงสิบห้า ยังพอมีเวลาสำหรับผู้เขียน ...แต่อาจจะสายสำหรับหลายคน ...กว่าผู้เขียนจะบิดขี้เกียจ ด้วยลีลาคล้ายโยคะ ...ซึ่งความจริง อยากสลัดง่วงต่างหาก ...อ้อยอิ่งกับการชำระล้างร่างกาย และเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปทำงาน ...ได้ดูข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ พร้อมกับจัดการกับอาหารเช้าและน้ำผลไม้ ...เถอะน่า ! .. ...จะรีบร้อนไปไย ...ช่วงปิดเทอม เส้นทางจราจรไม่ค่อยจราจลสักเท่าไหร่
...มองออกไปทางระเบียง ฟ้าเริ่มรำไร ...ยามนี้จะมีใครบ้างที่เหมือนผู้เขียน ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในเมืองหลวง ...แต่เฝ้ามองท้องฟ้า ดูเมฆแต่ละก้อนที่มีรูปร่างต่างกัน ...ฟ้าไม่ค่อยชัดแจ่มตานัก จนผู้เขียนแยกไม่ออกว่า ...อากาศอึมครึม หรือ เป็นเพราะชั้นบรรยากาศที่มองตรงจุดนี้ ...เช่นกัน ยามกลางคืน ระเบียงห้องนอน ...พระจันทร์มาเยือนให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ...แทนที่จะหลับตานับลูกแกะกระโดดข้ามกำแพง เวลานอนไม่หลับ ...ผู้เขียนนับจำนวนเครื่องบินที่บินผ่าน ...แสงไฟกระพริบและเคลื่อนตัวบนฟ้า ...เมื่อตอนเด็กผู้เขียนนึกว่าเป็นดาวตก ...หลงอธิษฐานไปเสียหลายหน ..
...เจ็ดโมงสิบ .. สมควรแก่เวลาที่จะต้องเดินทาง ...ผู้เขียนบอกลาผู้สื่อข่าวช่องสาม คุณสรยุทธ ...ดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจผู้เขียนแม้สักนิด ไม่แสดงอาการรับรู้ด้วยซ้ำ ...ช่างเขาเถอะ เขายังคงอ่านข่าวให้อีกหลายล้านคนฟัง ...ผู้เขียนก็มีภาระกิจที่ต้องทำเหมือนกัน ...ก่อนปิดประตูบ้าน...นึก นึก นึก .. ของสำคัญสามสิ่งได้นำติดตัวมาด้วย ...กุญแจบ้าน โทรศัพท์ กระเป๋าเงิน .. ...เหมือนเครื่องรางของขลัง ที่จะขาดเสียมิได้ในชีวิตประจำวัน ...นี่แค่วันจันทร์ แต่ใจลอยไปถึงวันศุกร์เสียแล้ว .
14 มีนาคม 2548 16:17 น. - comment id 83524
เย้........เรื่องนี้ อ่านจนจบครับ อิอิอิ
14 มีนาคม 2548 16:23 น. - comment id 83525
อ้าว ยังไม่จบเหรอนี่....อิอิอิ พี่ไปทำงานผมยังนอนไม่ตื่นเลย 5555 วันนี้ฝนตกครับ บรรยากาศดีมากกกกกก น่านอน อิอิอิ
14 มีนาคม 2548 21:38 น. - comment id 83527
อาการเดียวกันค่ะ เฮ้อ แค่วันจันทร์เอง
14 มีนาคม 2548 22:58 น. - comment id 83531
ดีจัง..... ณ...บ้านนอกเดียวนี้วิถีชีวิตก็ไม่ต่างจากในเมืองกรุงหรอก การแข่งขันเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ภูมิใจนะที่ได้อยู่บ้านนอก
15 มีนาคม 2548 00:21 น. - comment id 83533
ฝันไปป่าว
15 มีนาคม 2548 00:32 น. - comment id 83534
นี่ดีนะ..ยังไม่ถึงขนาดก่อนออกจากบ้านต้องก้าวเท้าไหนก่อน...อิ อิ ม่ายงั้น...ผมอาจต้องสำลักน้ำพร่วดเหมือนกัน..
15 มีนาคม 2548 01:35 น. - comment id 83536
ความปรารถนาที่คละรวมในใจแต่ละที่
15 มีนาคม 2548 08:22 น. - comment id 83537
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกๆ คน.. คุณขอโทษครับ ผมเมา .. โอ้โห ฝนตก ดีจังนะคะ ข่าวว่าแล้งนักปีนี้ เห็นข่าวทีไร ใจห่อเหี่ยวทุกที ตื่นสายจัง สร่างเมาหรือยังเนี่ย คุณเพียงพลิ้ว .. วันเสาร์ -อาทิตย์ อัลมิตราจะแปลงกายเป็นหนอน ทำตัวขนานกับผืนโลก ถ้าไม่มีธุระนอกบ้าน ก็อยู่แต่ในบ้านค่ะ คุณเด็กหลังสวน .. รู้มั๊ย อัลมิตราอยากใช้ชีวิตอย่างคุณนะ สมถะเรียบง่าย แต่ก็.. อยู่กลางกรุงก็ได้แต่ฝัน ไอซ์ .. ตกใจตื่น ก็เพราะไอซ์นี่แหล่ะ ยี้ คุณdark side of mind .. โอ๊ย ! โดนย้อนรอย บางทีออกจากบ้านไปได้หน่อย ก็ไม่แน่ใจว่าปิดประตูล๊อคดีหรือเปล่า วกกลับมาดูอีกหน ก็มีนะ บ่อยด้วยล่ะ คุณอาภาภัส.. นับเป็นโชค ที่ทุกคนมีวิทยปัญญา สามารถนำไปใช้สร้างจินตนาการได้ อย่างน้อยก็สุขในตน ค่ะ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า..
15 มีนาคม 2548 11:03 น. - comment id 83542
บรรยากาศตอนอรุณรุ่งในเวทีธรรมชาติ มีความหมายและพลังซ่อนเร้น จากประสบการณ์ที่เคยได้พานพบและถ่ายทอด ออกมาเป็นบทกลอนบ่อยๆ อาจพอจะทำให้รู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่าง \"เมือง\" กับ \"ชนบท\" ร้อยแก้วไพเราะและให้บรรยากาศที่ละมุนมากครับ
15 มีนาคม 2548 13:05 น. - comment id 83546
หากจะพูดถึงความเป็นอยู่ระหว่างคนกรุงกับคนต่างจังหวัด นั้นต่างกันไม่มากนัก ด้วยทุกคนต้องทำงาน สู้เพื่อมีชีวิตอยู่คล้าย ๆ กัน แต่หากจะพูดถึงสภาพดินฟ้าอากาศ รวมไปถึงน้ำจิตน้ำใจแล้วต่างกันมากมาย เมื่อวานนี้ที่บ้านมัทฝนตก อากาศหนาวน่านอนจริง ๆ แต่บ้านป๊าที่เมืองนนท์แดดเปรี้ยง ร้อนมาก มัทมาทักทายคุณอัลค่ะ หวังว่าคงสบายดีนะคะ อยู่ตึกสูง ๆ ระวังเปลือกโลกจะแยกตัวด้วยนะคะ เป็นห่วงค่ะ
15 มีนาคม 2548 13:18 น. - comment id 83548
เอาน่า คุณอัลมิตรา ฟ้าไหน ก็ ฟ้าเดียวกัน อาจต่างมุมมองบ้าง ก็ฟ้าบ้านเรา ในเมื่อ ยังคิดว่า คนปัดฝุ่นรถ คนนั้น ปัดฝุ่นอยู่ในสนามหญ้า บ้านตนเอง ได้ ก็คิดเสียว่า.... ฟ้าสางที่กลางกรุง หรือ ฟ้าสางที่กลางไพร มันก็ทำให้หัวใจ คุณอัลมิตรา สดชื่นได้เหมือนกัน แล้ว..อีกไม่นาน ฟ้าสางที่กลางไพร..จะมาเยือนหัวใจคุณอัลมิตรา อีกครั้ง หากมีเวลา..มาเยี่ยมบ้านนา บ้างเน้อ พี่ เน้อ !! อ้าว อ้าว ไง มาทางนี้ได้หว่า ว่าจะคุยเป็นงานเป็นการ จบแบบนี้ทุกที สิน่า ไปล่ะจ้า ..................................................................... .....................................................................
15 มีนาคม 2548 15:19 น. - comment id 83550
คุณบุรุษแห่งธาร .. เฉกความเยือกเย็นของสายน้ำ ถ้อยคำของคุณเป็นเช่นนั้น เฉกความแข็งแกร่งแต่อ่อนโยน อัลมิตราอยากเป็นเช่นนี้ สายลมพริ้วไหว ต้นไม้เอนลู่ มวลแมลงทักทายดอกไม้ ภาพที่เห็น ไม่ใช่ภาพที่วิจิตรพิศดาร จนเกินความสามารถที่ธรรมชาติจะหยิบยื่นให้มนุษย์ แต่มนุษย์อีกหลายคนหันหลังหนี พร้อมโหยหาสิ่งอื่นมาทดแทน ในที่สุด .. ธรรมชาติ ก็ยังคงอยู่เหนือจิตที่ดื้อฝืนของมนุษย์ คุณมัดหมี่ .. เมื่อคืนมีเสียงจากทางไกลส่งข่าวมาว่า หลังคาบ้านจะหลุดเป็นแผ่นๆแล้ว ลมแรงมากเลย ฝนตกหนักเชียว.. จำได้ว่า อัลมิตราตอบไปทันที ดีจัง อัลมิตราชอบเสียงฝนตก ถึงแม้ว่าขณะนั้น สภาพอากาศที่กรุงเทพจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่อัลมิตราก็หลับอย่างมีความสุขและเต็มอิ่ม เช้านี้ ..เลือกชุดทำงานเป็นเสื้อแขนยาวสีชมพู+กางเกงสีขาว ตั้งใจใส่เสื้อผ้า seven days seven colors .. และก็เตรียมตัวเตรียมใจตั้งแต่เช้าว่า.. เที่ยงวันนี้จะทานบะหมี่ต้มยำขาหมู ทั้งรู้ว่า ตามตารางอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นจะเปลี่ยนเมนูทุกวัน วันจันทร์ขาย ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย วันอังคารขาย เย็นตาโฟ วันพุธ-พฤหัส ขาย ต้มยำขาหมู วันศุกร์ขายก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น จนกระทั่งเที่ยง พอได้เวลาปั๊บ ก็รีบตรงแน่วไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เห็นผักบุ้งเด่นตั้งแต่ไกล ก็ยังไม่เอะใจสักนิด จนกระทั่ง ยืนมองตู้อาหารหน้าร้าน ยืนอ้าปากค้างอยู่นาน กลายเป็นอึ้ง .. เพราะอาหารไม่ใช่อย่างที่ตั้งใจ จนเจ้าของร้าน ต้องถามว่า จะทานเส้นอะไร มัดหมี่โฟพิเศษค่ะ .. ๕๕๕ จริง ๆ นะ คุณเมจิค .. ใช่แล้ว แม่นแล้ว ถูกต้องคร๊าบบบบบบบบ ... ไม่ว่าจะฟ้าสางที่กลางไพร หรือฟ้าสางที่กลางกรุง อัลมิตราก็มีความสุขตามอัตภาพนั้นๆ ความประทับใจที่ได้รับมา... อัลมิตราจะเก็บใส่ลิ้นชักความทรงจำอย่างเบามือ และหยิบขึ้นมาชื่นชมเสมอ ..เมื่อมีโอกาส บางครั้งการให้รางวัลกับตนเอง อาจจะไม่ใช่รูปธรรม อัลมิตราคิดเช่นนั้น การมองโลกให้งดงาม มองอย่างหัวใจที่สดใส เพียงเท่านี้โลกนี้..ก็ยิ้มให้เราแล้ว ค่ะ ว่าแต่ว่า .. ชวนแล้วชวนเลย น๊า .. ถ้าโมเมชั่น อัลมิตราจะงอแงไปนานนะคะ มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
15 มีนาคม 2548 15:31 น. - comment id 83551
แวะมาอ่านฟ้าสางที่กลางกรุงครับ...อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน..จะต่างกันก็ที่สภาพแวดล้อมเท่านั้นกลางไพรหรือในกรุงถึงเวลาเช้าก็ฟ้าแจ้งจางปางเหมีอนกันใช่ไหมคุณอัลฯ..เอาพล็อตนี้ไว้เขียนฟ้าสาง(จางปาง)ที่เชียงรายดีกว่า ห้ามคิดตังค์นะ..ไม่จ่ายด้วยอ่ะ...
15 มีนาคม 2548 16:19 น. - comment id 83553
ฟ้าสาง ที่ไหนไหนไม่สู้ที่บ้านเกิดค่ะ ก็แปลกดี เพราะอาจจะฝังความทรงจำ รำลึกรักยามวัยเยาว์ไว้มากมาย ที่สดสล้างสว่างกระจ่างใจเสมอมา ฟ้า..ที่งามด้วยเมฆหมอกไกลแผ่นดินใหญ่ ลม..ไสวพัดโบกทิวมะพร้าว ดิน..ทรายละเอียดละมุนเท้าราวแป้งนุ่มยามก้าวเดิน น้ำทะเล..ไล่โทนสีสนุกนักน่ารักด้วยเขียวกระจ่างรับกับฟ้าสีสด ดงดอกทองหลางแดงสะพรั่งตัดฉับกับฟ้าสีน้ำเงินงามเข้มและร่างเราเองที่แหวกว่ายให้น้ำทะเลโอบกอดไว้อย่างรักใคร.. หลับตา ลอยตัวทิ้ใจแล้วฝันไกล เห็นฟ้าใส..นกทะเล เห็นปุยเมฆเหว่ว้าปลอบประโลม เห็นคลื่นเห่..หอมหลอมให้กล้าแกร่งเข็งแรง ยอมผิวคร้ามตามตะวัน มิพรั่นใจ หอมเนียนนวลแดดพร่างแบบผิวสาวไพรน้ำผึ้งรวง.. อิอิ..บรรยาย..ได้อีกยาวค่ะ รักคิดถึง
15 มีนาคม 2548 16:21 น. - comment id 83554
พี่พุดรักภาพสาวนั่งบนเรือมาก ขออนุญาติเซบไว้ใช้งานนะคะ ด้วยรักขอบคุณ
15 มีนาคม 2548 18:39 น. - comment id 83556
งุงิ .... อุ๊อ่านจบแล้วนะคะพี่ ได้ 2 บรรยากาศเลยอ่ะค่ะ ........ แต่ว่า 6 โมงเช้าก่า ๆ เนี๊ย อุ๊เพิ่งกลับจาไปเที่ยวมาค่ะ 555 คนอื่นๆ เค้าตื่นไปทำงาน แต่อุ๊เพิ่งกลับเข้าบ้าน ..... งุงิ
15 มีนาคม 2548 23:22 น. - comment id 83563
อ่านแล้วยิ้มได้ค่ะพี่ คิดถึงพี่จัง
16 มีนาคม 2548 00:51 น. - comment id 83566
ท่าทางสัปดาห์นี้ คุณต้องยุ่งมากแน่ๆเลย ฟ้าสางที่ไหน ตะวันขึ้นที่ไหน มันก็ฟ้าผืนเดียวกัน ตะวันดวงเดียวกัน ความรู้สึกคนมากกว่ามั้งครับ ที่ทำให้เรามองในมุมที่เปลี่ยนไป :)
16 มีนาคม 2548 08:18 น. - comment id 83567
อรุณสวัสดิ์..เช้าที่ฝนตก หัวใจสดชื่นแจ่มใสทุกคน นะคะ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. ค่ะ ถึงอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ใต้ผืนฟ้าเดียวกัน ฟ้ามิอาจเปลี่ยนแต่สิ่งรอบข้างเปลี่ยนไปค่ะ คุณพุดพัดชา .. เมื่อเด็กอัลมิตราไม่ค่อยสนใจกับท้องฟ้าสักเท่าไหร่นัก ตื่นมาก็หาของกิน และก็ออกไปเล่นไปตามประสา หิวก็กลับมากินใหม่ ละแวกบ้าน ยังไม่มีรถพลุกพล่านเหมือนอย่างทุกวันนี้ ยังมีดิน มีหญ้า เท้าของอัลมิตรายังได้สัมผัสกับดินชื้น ๆ บ้าง ความสุขในวัยเยาว์ สาละวนอยู่กับพลังซนที่มีมหาศาล หากฟ้ามืดแล้ว..ถ้ายังไม่กลับเข้าบ้าน ก็จะถูกทำเอ็ดถูกทำโทษ วิถีชีวิตถูกปรับไปเรื่อย ๆ ตามวัย และความเจริญของเมือง บางอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจ .. ตอนนี้ อาจเหลือเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ที่ทำให้ภาพเก่า ๆ ย้อนมาค่ะ คุณสาวดำ-รำพันรัก .. เช้านี้ฟ้าครึ้มฝนจนไม่แน่ใจว่ากี่โมงแล้ว กระทั่งต้องดูนาฬิกา จึงพบว่าหกโมงเศษ ๆ ก็ยังคงอ้อยอิ่งตามเดิม กว่าจะเยื้องย่างไปอาบน้ำ (ต้องทำใจ) ทานอาหารเช้า พร้อมกับ จ้องหน้าคุณสรยุทธ..บนจอทีวี ฝนตก ไม่ได้ทำให้อัลมิตราเร่งรีบขึ้น .. ยังมีเวลา ยังมีเวลา คุณCompletely .. :) สบายดีไหมคะ คิดถึงเช่นกันนะ คุณเรไร ..สัปดาห์นี้ หากเป็นเรื่องงานก็หนักพอสมราคาเงินเดือนค่ะ มีประชุมเกือบทุกวัน บางวันสองตั้งสามรอบ ( อย่างกะหนัง ) ใต้ฟ้าผืนนี้ และตะวันดวงเดียวกัน .. ทุกอย่างเป็นดั่งเดิม ฉากของฟ้าก็เหมือนม่านประดับ ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง ตามสภาพอากาศ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นภายใต้ผืนฟ้า บางสิ่งอาจก่อให้เกิดความระคายใจ บางสิ่งอาจทำให้ใจรู้สึกสุขปีติ หลากคนแม้ยลหนึ่งช่อง อาจจะได้หลายความคิดเห็น หลายคนและยลหลายช่อง ย่อมแตกกระจายในผลสะท้อน เพราะความรู้สึกของคนนี่เอง .. จึงทำให้เกิดเรื่องมากมาย แต่ถ้าเราไร้ความรู้สึก .. โลกนี้คงดูแสนจะธรรมดา จืดชืด ... เนอะ :) มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
16 มีนาคม 2548 09:32 น. - comment id 83568
ไร้หัวใจด้วยไหม ?
16 มีนาคม 2548 10:35 น. - comment id 83572
บทกวีหลายบท ...แสดงถึงความมีอารมณ์ขำขันเฮฮา... ...ไว้เพื่อยามเศร้าเหงาหงอย...จะได้อ่าน บทกวีหลายบท ..เป็นแนววิชาการที่อิงความเป็นจริง... ...ที่สามารถอ้างอิงในการศึกษาหาความรู้ได้... บทกวีบางบท ...เป็นแนวปรัชญาและตรรกวิทยา... ...อาจจะดูลึกลับซับซ้อนบ้าง... ...แต่ไว้อ่านเมื่อต้องการข้อมูลบางอย่าง... บทกวีบางบท ...เป็นแนวการเมืองการสังคม...ที่เป็นปัจจุบัน... ...ไว้เพื่อทราบว่า...ในช่วงเวลานั้น ๆ...ที่บทกวีนี้ถูกเขียนขึ้น... ...มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญเกิดขึ้นบ้าง... บทกวีบางบท. ..เป็นแนวประวัติศาสตร์พงศาวดาร... ...เพื่อให้เรารู้ที่มาที่ไปของเรา.. ...และประเทศชาติเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ไทย... บทกวีบางบท ...สื่อความหมายซ่อนเร้น... ...เปรียบเทียบประชดประชัน...ได้ความเข้มข้นของชีวิต... บทกวีบางบท ...เศร้าโศก...แทบจะร้องไห้เมื่อได้อ่าน... ...อย่างน้อยที่ทำให้ผู้อ่านรู้ว่า... ...ชีวิต...ไม่ได้มีแต่ความร่าเริงเสมอไป... ...สุขเศร้าเหงา...ย่อมคืบคลานมาได้...เท่ากันทุกคน... บทกวีบางบท ...เป็นการชื่นชมธรรมชาติ...และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง... ...ที่ได้ผ่านไปมาพบเห็น.. ...บางสิ่งยากเกินกว่าจะไปมองเห็นของจริง... ...แต่บางสิ่งที่ง่ายที่จะพบเห็น... ...จนลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ข้างตัวเรา... บทกวีบางบท ...กล่าวถึงบุคคลที่สำคัญและไม่สำคัญ... ...เพื่อให้เรารับรู้ถึงวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนเหล่านั้น... ...ว่ามีชีวิตอย่างไร...แก่นแท้ของเขาอยู่ที่ไหน... บทกวีบางบท...เกินคำบรรยายว่า... ...รู้สึกอย่างไรที่ได้เขียน... บทกวีบางบท...ก่อข้อกังขาว่า ผู้เขียนไร้ใจ หรือไม่ ... มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
25 มีนาคม 2548 21:38 น. - comment id 83773
บทกวีทุกบท...คือบทกวี ... (หมดมุข ครับ : ] อภัยให้ด้วย)
25 มีนาคม 2548 22:18 น. - comment id 83777
ต้องดำน้ำหา ค่ะ ถึงจะเจอ
26 มีนาคม 2548 17:14 น. - comment id 83784
นึกว่าต้องปีน ขึ้นไปหาบนหน้าบรรณ ของสถาปัตยกรรมไทย ซะอีก ครับ
26 มีนาคม 2548 17:27 น. - comment id 83785
แก้หน้าบรรณ เป็นหน้าบัน ครับ : ]