อาทิวา .. ลูกลิงอยากไปเที่ยวอัมพวาจัง มีโฮมสเตย์ด้วยนะอา นี่งัย ลูกลิงไปอ่านเจอที่เวป น่าสนใจนะคะ ข้อความที่ผ่านสื่อทาง IT ปรากฏที่หน้าจอของหนุ่มใหญ่ใจดี เจ้าของผลงานคาวราตรีพ๊อตเก็ตบุคหมาดๆ ไหน ดูก่อน อ้อ !! เห็นว่าศาลาไทยจะไปนะ ลองถามดูสิ อาทิวาส่งข้อความกลับมาให้เห็น ทันทีลูกลิงก็ตอบกลับไปว่า เหรอ อา ดีจังเลย อยากไป อยากไป.. ตัวหนังสือที่แสดงอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ แต่ตัวจริงที่นั่งคีย์ข้อความนี้นั่งยิ้มแต้ และฝันไปไกลแล้ว
ใครโทรมาหว่า เบอร์แปลก ๆ ปู่ลิงหยิบโทรศัพท์มาดูหมายเลข เฮ้ย ! ปู่ ผิดทางแล้ว ทำไมไม่ขึ้นสะพานอ่ะ มาด้านล่างมันกลับรถนะ ลูกลิงโวยวาย เมื่อเห็นว่าปู่ลิงขับรถผิดเส้นทาง อ้าว ลืมไป มัวแต่ดูโทรศัพท์ ว้า.. ต้องไป u-turn อีก ปู่ลิงบ่น ปู่ลิงต้องขับรถไปสองกิโล จนถึงป้ายบอกให้กลับรถได้ หลังจากข้ามสะพานไป ก็ถึงจุดนัดพบ เติมน้ำมันเต็มถังเรียบร้อย ก็นั่งกินกาแฟรอ ส่วนลูกลิงก็โต๋เต๋แถวร้านเซเว่น หาขนมไปตุนเพิ่ม สักพักสมาชิกอีกชุดก็มาสบทบ เป็นสามสาว ศาลาไทย หิ่งห้อยน้อยใจ รวยระรินกลิ่นชา .. เขาชื่อเพราะ ๆ กันทั้งนั้น ไหง๋เราชื่อเหมือนลิงขี้เหร่ชอบกล ฮา ( คิดในใจ ) อย่างน้อยตอนนี้ก็พอจะรู้คร่าว ๆ แล้วว่า ต้องเดินทางไป ที่ หมู่บ้านทรงไทยปลายโพงพาง อำเภออัมพวา เป็นแพ็คเก็จทัวร์สองวันหนึ่งคืน 700/ท่าน รายละเอียดอยู่ในกระดาษแฟ็กซ์ที่มองเห็นไม่ค่อยชัดนัก แต่คิดว่าไม่ยากนักที่จะคลำทางไปหมู่บ้านปลายโพงพาง รถคันที่ลูกลิงนั่งเป็นคันนำไปสู่การพักผ่อนที่เรียบง่าย ..สายน้ำ .. อัมพวา โดยลูกลิงถือแผนที่และบอกทางเป็นระยะ ๆ ... และแล้วก็ถึงจุดหมายจนได้ บอกแล้ว ลูกลิงบอกทางได้เจ๋งมาก (ไม่ได้ยอตัวเองนะเนี่ย) สังเกตว่าระยะทางที่แยกจากตัวถนนหลักมาแล้ว ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ บรรยากาศดี วันนี้ไม่ค่อยมีแดด อากาศกำลังสบายเชียวล่ะ
รถจอดอีกด้านของบ้านพักและต้องเดินข้ามสะพานเล็ก ๆ มาถึง บ้านทรงไทย ที่เป็นเรือนรับรองแขก เมื่อแสดงตัวกับเจ้าของสถานที่แล้ว ก็พากันเก็บข้าวของเข้าบ้านพักกันก่อน บ้านที่พักใหญ่เกิน 6 คน ห้องนอนสองห้อง และห้องโถงกว้าง สามารถนอนได้อีก 10 คนเป็นอย่างน้อย หน้าชานบ้าน มีโต๊ะไม้เล็กๆ และเก้าอี้สามตัว ไว้นั่งหย่อนใจ อ้อ ! ลืมบอกไป บ้านที่พักน่ะ เป็นบ้านทรงไทยเหมือนกันนะ อยู่ริมคลอง อีกสามด้านคือสวนส้มโอ หน้าบ้านมีท่าน้ำเล็กๆ ให้เรือเทียบได้ ที่สุดยอดก็น่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำทันสมัยมากเลยนะ เป็นชักโครก มีฝักบัว มองไปแล้วนับว่าหรูหราเชียว แต่ที่ ฮา กันก็น่าจะเป็นเพราะว่า ห้องน้ำไม่มีหลังคา ก๊าก !! นี่ถ้าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง จะแก้ผ้าอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ตอนเที่ยงคืน เขาว่ากันว่า จะทำให้สวย จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ พอดีเป็นคืนแรมเสียนี่ เลยผิดโผเล็กน้อย คิดแล้วก็ขำ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะต้องอาบน้ำอาบลมพร้อมกัน มีใบกล้วย ( เอ ! .. ใบตองกับใบกล้วย เนี่ย ตอนนี้จะเรียกกันยังงัยนะ สงสัยจัง ที่เป็นใบติดกับต้นกล้วยเรียกใบกล้วย ถ้าตัดออกมาแล้วเรียกใบตอง ถ้าเอามาเย็บเอาไม้มากลัดเรียกกระทง วุ๊ย !! ขี้สงสัยจังลูกลิง ถามในใจน่ะ ขืนถามเพื่อน มีหวังโดนล้อตลอดสองวันแน่ ) เอาใหม่ ตั้งต้นวรรคนี้ใหม่ดีกว่า เล่าแล้วมึน.. มีใบกล้วยระอยู่ด้านบนของผนัง ใบกล้วยโยกตามแรงลม ฮ่า บรรยากาศพิลึก ไม่เคยเลยนะเนี่ย ตอนกลางคืนจะมีสัตว์ประหลาดโผล่มาหรือเปล่าก็ไม่รู้ สยึมกี๋ยส์อ่ะ .. กลัวผีบุปผาราตรีด้วย ว๊า.. ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวเขารู้กันหมดว่า ลูกลิงกลัวผี เออใช่ ! มีเรื่องจี้เส้นอีกเรื่อง ลูกลิงกับออยยึดห้องนอนด้านขวา จากนั้นก็เปิดหน้าต่างทุกด้าน มีอยู่บานหนึ่ง ที่ลูกลิงเกือบไปแล้ว เกือบสร้างวีรกรรมไว้ แค่ผลักบานหน้าต่างเบา ๆ หน้าต่างดันหลุดผั๊วะไปทั้งบานอ่ะ ยังดีที่คว้าที่จับได้ทัน (ที่คว้าที่จับ 555 แล้วมันเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ เอาแบบนี้แหล่ะ คงมีคนเข้าใจบ้างล่ะ ) หน้าต่างไม้ค่อนข้างหนัก โอย ! ครั้นจะดึงกลับเข้าที่ ก็ไม่ไหว มันไม่ลงร่อง ลูกลิงแหกปากร้อง อ๊าก ! ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยลูกลิงด้วย คนแรกที่วิ่งเข้ามาในห้องคือ หิ่งห้อย เธอมาช่วยลูกลิงจับบานหน้าต่าง และพยายามดึงหน้าต่างให้กลับเข้าที่ แต่ก็ไร้ผล ก็เลยช่วยกันร้องประสานเสียงอีกหน ช่วยด้วย ช่วยด้วย หน้าต่างมันจะหล่นแล้ว ปู่ลิงเดินออกไปดูทางด้านนอก และช่วยยันหน้าต่างไว้ ไม่ให้ร่วงลงมา ตอนนั้นลูกลิงยังไม่รู้ว่า ด้านล่างถ้าหากหน้าต่างบานนั้นหล่นมาแล้ว มันจะต้องถูกอ่างล้างหน้า ที่อยู่ตรงแนวเดียวกันเป๊ะ เจ้าของบ้านพอได้ยินเสียงโกลาหล ก็เลยเข้ามาดู พอรู้ว่าหน้าต่างที่เขาปิดตายไว้นั้น โดนลูกลิงกระแทกเปิด จนตะปูที่ตอกไว้หลุด และเกิดเรื่องแบบนั้น ก็ไม่ว่าอะไร นอกจากหัวเราะลั่น และเดินกลับไปเอา ฆ้อนและตะปูมาจัดการตอกปิดตายหน้าต่างบานนั้นอีกหน .... เฮ้อ !! ซุ่มซ่ามอย่างกะส้วมซึมเลยลูกลิง เพิ่งเข้าบ้านพักไม่ถึง 2 นาที ทำบ้านเขาพังซะนี่
บ่ายโมงตรง สมาชิกทั้งหกรวมลูกลิงด้วย ก็ลงเรือหางยาว คนเรือชื่อนายสุวิทย์ ดูมาดก็นิ่งนะ แต่ที่ไหนได้ ปล่อยมุขฮาออกมาเป็นระยะเหมือนกัน ช่วงบ่ายนี้ เขาจะพาไปดูวิถีชีวิตชาวคลอง ชาวสวน นี่ ๆๆๆ ผ่านบ้านคุณมยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวชด้วยนะ สวยมากเลยนะ ศาลาริมน้ำก็งามแท้ บ้านก็ โอ้โห บอกไม่ถูก ดูจากรูปละกัน .. เก็บมาฝากน่ะ แม้นไม่ได้มีวาสนาได้อยู่ แค่นั่งเรือเฉียดบ้านก็สุขใจแท้ ... ( ลิเกมั๊ย ) ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับทัศนียภาพ ก็ต้องสะดุ้งโหยง มองเห็นจระเข้ตัวใหญ่อยู่ริมคลอง มองผ่าน ๆ ก็เหมือนขอนไม้ใหญ่ธรรมดา กำลังจะอ้าปากถามคนเรือเหมือนกันว่า ที่นี่มีจระเข้ด้วยเหรอ ก็พอดีกับที่คนเรืออธิบายว่า ของปลอมครับ จระเข้ชาละวัน ตอนนี้มีกองถ่ายมาสร้างหนัง เรื่องไกรทอง คืนนี้ก็มีถ่ายตอนที่เป็นคืนวันลอยกระทงครับ ... แล้วเขาขาดนางเอกป่าว ถามแบบว่ามั่นใจตัวเองมากเลย คนชื่อหญิงครับ เป็นนางเอก คนเรือตอบ ถ้าจะมาดูตอนถ่ายทำตอนเย็นก็ได้นะครับ ไม่ล่ะ เราจะดูหิ่งห้อย ลูกลิงตอบ แต่ขากลับเราผ่านทางนี้อีกมั๊ย จะได้ถ่ายรูปกับจระเข้ ครับ ได้ครับ คนเรือตอบ จากนั่นก็แล่นเรือไป
สถานที่คนเรือพาไปแวะแห่งแรกคือ สวนมะพร้าวของนายทวีศักดิ์ ( เขาไม่ได้บอกชื่อหรอก แต่แอบดูป้ายชื่อ ที่ติดผนังบ้านเขาน่ะ ) เขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่งของลูกลิงมาก ๆ ลูกลิงแอบกระซิบกับปู่ลิง ปู่ เขาหน้าตาเหมือนค้างคาวอ่ะ ปู่ก็ตอบว่า ใช่ เหมือนมาก คนใต้ด้วยนะ คนนคร ฯ แต่ค้างคาวอยู่สุราษฏร์นิ นายทวีศักดิ์คู่แฝดค้างคาว สาธิตวิธีการปีนต้นมะพร้าว ( อันที่จริงลูกลิงคิดว่า ขึ้นมะพร้าวน่ะ ไม่ยากนะ ลูกลิงสาธิตแทนก็ได้ สำคัญอีตอนลงจากต้นนี่สิ วิทยายุทธนี้ยังไม่ได้ฝึก ) เขาเป็นเก็บน้ำตาล ที่เราเรียกกันว่าน้ำตาลสดนั่นแหล่ะ เก็บมาให้ชิม เขาอธิบายเสียยืดยาวเลยนะ ปู่ลิงก็ทำท่าสนใจมาก ปู่ถามเขาว่า อ่า ! แล้วมีน้ำตาลเมาไหมครับ เขาตอบว่า ไม่มีครับ ลูกลิงเลยเสริมอีกนิด ทำไมล่ะ ไม่ต้องกลัวนะคุณ แถวนี้ไม่มีร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมาหรอก คู่แฝดค้างคาวก็ยิ้ม ๆ เดินนำไปอีกจุด และสาธิตวิธีการเคี่ยวน้ำตาล น้ำตาลสดที่เขาเก็บมานั่นไง ที่เขาเอามาเคี่ยวในกระทะใบใหญ่ โอ .. ยืนห่างๆยังร้อนวูบ ๆเลย เห็นยายคนหนึ่งกำลังเคี่ยวอยู่ สอบถามรู้ว่าเป็นแม่ของเขา ทำงานนี้มาตั้งแต่อายุ 13 ตอนนี้เขาสืบทอดงานนี้ ดีนะ ลูกลิงนึกถึงโรงงานทำเต้าหู้ของพ่อ ลูกชายตั้งเจ็ด ไม่มีใครสืบทอดเลย ผิดกลับรายนี้ลิบลับ เขาเตรียมน้ำตาลปึกให้ชิมด้วย (น้ำตาลที่เขาเคี่ยวแล้ว เรียกว่าน้ำตาลปึก) หวานสุดยอด หวานอะไรเช่นนั้น หวานกว่าหวาน .. สำนวนเห่ย ๆผุดขึ้นในสมองทันที ตอนที่เขายกน้ำตาลที่เคี่ยวเรียบร้อยแล้ว ลงมาอีกทาง เพื่อใช้ ใช้อะไรว๊า เครื่องมือนั้น ลูกลิงก็ไม่รู้จักชื่อเสียด้วย มันมีลักษณะอย่างนี้นะ เป็นคล้าย ๆ ที่ตีไข่ แต่ด้ามยาวใหญ่มาก ที่ตีเป็นทองเหลืองใหญ่เหมือนกัน ลูกลิงเห็นเพื่อนๆนึกสนุก ขอลองทำบ้าง เขาก็ใจดีนะ ให้ลองทำ พร้อมกับแนะวิธี แต่ลูกลิงไม่ได้อาสาทำ ลูกลิงกลัวจะทำของเขาเสียหาย ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย
หิ่งห้อยและศาลาไทยซื้อน้ำตาลปึกคนละกิโล ไม่แพงหรอกนะ กิโลละ 10 บาท เห็นหิ่งห้อยบอกว่าจะซื้อไปฝากเพื่อน ลูกลิงนึกถึงพี่เหมี่ยวขึ้นมาทันที นึกถึงต้นมะม่วงที่บ้านพี่เหมี่ยวด้วย ซื้อไปฝากบ้างดีกว่า เผื่อได้กินมะม่วงน้ำปลาหวานฟรี .. ไวปานวอก ทันทีที่คิดเสร็จก็กดเบอร์โทรไปหาพี่เหมี่ยว จุ๊กกรู๊ พี่เหมี่ยว ตอนนี้ลูกลิงอยู่อัมพวา สนใจน้ำตาลปึกมั๊ย ลูกลิงรีบถามทันที ที่พี่เหมี่ยวรับสาย ไปทำอะไรที่นั่น พี่เหมี่ยวถาม ถ้าบอกว่ามาตั้งรกรากที่นี่ จะเชื่อเร้อ มาเที่ยวอ่ะ พี่เหมี่ยว พี่เหมี่ยวจะทำเอาตาลป่าว ทำน้ำปลาหวานอร่อยนะ นี่ลูกลิงเห็นเขาทำสด ๆ เลยล่ะ ลูกลิงรีบโปรโมท ใจก็นึกถึงมะม่วงน้ำปลาหวาน ดี ดี ดี งั้นพี่เอาสิบกิโลนะ กิโลละเท่าไหร่ พี่เหมี่ยวถามอีก กิโลละสิบขีด เอ๊ย กิโลละยี่สิบบาท เฮ้ย !! เอาตั้งสิบกิโลเลยเหรอ ลูกลิงหูฝากป่าวเนี่ย ไหนพูดอีกที ลูกลิงถามย้ำอีกหน เอารถไปหรือเปล่า ตอนนี้พี่ไม่อยู่บ้านนะ อยู่ระยอง ลูกลิงสะดวกไหม ถ้าสะดวกเอาไปส่งที่บ้านพี่เลยนะ ป้าอิ้งอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวอีกสองวันทำมะม่วงน้ำปลาหวานให้กิน พี่เหมี่ยวบอก แค่นั่นแหล่ะ ได้ยินคำว่า มะม่วงน้ำปลาหวาน ลูกลิงก็รีบตอบกลับทันทีว่า ได้ ได้ เดี๋ยวจัดถวายให้ถึงบ้าน จากนั้นก็หันไปสั่งน้ำตาลปึกสิบกิโลจากนายทวีศักดิ์ เอาสิบกิโลค่ะ แต่ชั่งเกินได้นะ ไม่ต้องพอดีเป๊ะ ใจก็นึกพลาง ไม่ลำบากหรอกน่า สิบกิโลเอง มีปู่ลิงมาด้วยทั้งคน เรื่องแค่นี้เรื่องเล็ก ฮา ..
สั่งของ ชำระเงินเรียบร้อย ก็ลงเรือไปเที่ยวสวนส้มโอ ส่วนน้ำตาลปึกไม่ได้เอาลงเรือไปด้วยหรอก นายทวีศักดิ์บอกว่าจะเอาไปส่งที่บ้านพักให้ในตอนเย็น จากบ้านนายทวีศักดิ์ไปสวนส้มโอไม่ไกลนัก นั่งเรือแค่ประเดี๋ยว ก็ถึงแล้ว เอ ! ลืมสัมภาษณ์ชื่อเจ้าของสวนส้มแล้วสิ ทีนี้จะเรียกอย่างไรดี เอางี้ ค่อย ๆ คิดตามละกัน พอจอดเรือปุ๊บ ก็เดินเข้าสวน ซึ่งในสวนนี้เขาก็มีการเคี่ยวน้ำตาลเหมือนกัน แสดงว่าสวนนี้มีปลูกมะพร้าวบ้าง แต่ที่โดดเด่นคงเป็นส้มโอ พวกเราเดินผ่านต้นมะยม ซึ่งผลดกมาก อดใจไม่ไหว แอบรูดมาชิมตั้งหลายผล เปรี้ยวจี๊ดเลย ผลโตดีจัง นึกถึงส้มตำมะยมใส่กุ้งแห้ง โอย .. เขียนไปเนี่ย ต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับมุมปาก ฮ่า ฮ่า รสเปรี้ยวยังติดปากอยู่เลย .. ซู๊ด ๆ
หลังจากกล่าวทักทายกับเจ้าของบ้านเล็กน้อย น่าจะเป็นภรรยาเจ้าของสวนนะ กับลูกชายตัวน้อย แอบสืบมาแล้ว เรียน ป.1 โรงเรียนยังไม่ปิดเทอม หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ขนตาเงี๊ยะ งอนยาวเป็นแพ อย่างกะพระเอกลิเกเลย เจ้าหนูน้อยเดินตามแม่ ถือมีดยาวมาด้วย รองเท้าไม่ใส่ พาเดินข้ามท้องร่องอย่างสง่าผ่าเผย แต่พวกเราสิ อ้าปากมองตาค้าง ที่เจ้าหนูพาเดินข้ามน่ะ เป็นแค่ท่อนไม้ผอม ๆ ขนาดลำไม่เกินหนึ่งกำมือรอบของลูกลิง น่าจะยาวประมาณหกถึงเจ็ดก้าว ทีนี้ล่ะ จะเดินกันยังไง คิดหนัก คิดหนัก ..
น้อง น้อง.. เดินกลับมาอีกหน แล้วเดินให้พี่ดูใหม่หน่อยสิ ลูกลิงเรียกเด็กชายตัวจ้อย เขาก็น่ารักนะ เดินกลับไปกลับมาให้ดูหลายรอบ เอาล่ะ ถ้าอยากกินส้มโอ คงต้องเดินผ่านท้องร่องจุดนี้ให้ได้ เพราะภรรยาเจ้าของสวนปอกส้มโอรอให้ชิม ด้วยความที่ไม่อยากอายเด็ก หรือไม่ก็ ด้วยความที่อยากกินส้มโอ จึงตัดสินใจ เอาไงเอากัน เดินข้ามกันดีกว่า .. ปู่ลิงเดินเป็นคนแรก ปู่น่ะ เดินได้อย่างสง่าผ่าเผย ทั้งที่อ้วนเหมือนตือโป๊ยก่าย ลีลาอย่างกะนักกายกรรม รายต่อไปคือ หิ่งห้อย .. บ๊ะ ขนาดใส่รองเท้าส้นตึก ยังเดินผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ศาลาไทยคือรายถัดไป รายนี้ตั้งสมาธิอยู่นาน กว่าจะก้าวเท้าไป แต่ก็ผ่านด้วยดี ทีนี้เหลือสามคน คือ รวยระรินกลิ่นชา ลูกลิง และออย ต่างคนก็ต่างเกี่ยง ในที่สุดก็ต้องเป็นคิวของลูกลิง เจ้าประคู๊น อย่าให้พลาดเชียวนา ครึ่งวันที่ผ่านมา หน้าแตกไปสองหนแล้ว อย่าเกิดเรื่องฮาอีกเล้ว อายเค้า .. อธิษฐานเสร็จก็ก้าวพรวด ๆ ข้ามไปอีกฝั่งได้สำเร็จ ส่วนสองรายที่เหลือ จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้ข้ามมาฝั่งนี้ คนที่ข้ามฝั่งมาได้ ก็ทานส้มโอกันไป พร้อมกับบอกสองคนนั้นว่า ไม่ข้ามมา อดกินไม่รู้ด้วยน๊า ความจริงในใจน่ะ กังวลว่า ขากลับจะข้ามได้ปลอดภัยเหมือนขามาหรือเปล่า แต่ทำเป็นกลบเกลื่อน น่ะ .. ฮา ..
ออเดอร์ส้มโอสิบกิโล แต่เลือกผลเล็ก เพราะที่ชิมเป็นผลเล็กหวานชุ่มคอมาก ที่สำคัญไม่มีน้ำเฉอะแฉะเวลาปอก เกือบลืมไป ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ น่าจะเปลี่ยนเป็นส้มโอพันธุ์อวบอึ๋มเนอะ จะได้ฟังดูแล้วน่ากินกว่านี้ ฮา .. เมื่อเดินออกจากสวนส้มโอ ก็ต้องเดินผ่านต้นมะยมต้นนั้นอีกแล้ว อีกหนที่แอบรูดมะยม เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดกันน่าดู คราวนี้ส้มโอสิบเอ็ดผล สิบกิโล พวกเราถือกลับมาด้วย คนเรือยังไม่ลืมที่บอกไว้ คือ ให้ผ่านทางที่มีจระเข้ ทางกองถ่ายกำลังลากจระเข้ไปเข้าฉาก และพอดีกับพวกเราแวะซื้อไอศกรีมเนสเล่ท์ ที่คนขายพายเรือมาขาย ครั้งแรกในชีวิตที่กินไอศกรีมเรือ
จากนั้นก็จะกลับสถานที่พัก ตอนนั้นน่าจะประมาณสี่โมงเย็น ยังไม่ได้เวลาทานข้าวซึ่งเขาจะจัดเตรียมไว้ให้ พอมีเวลาซ้อมมือพายเรือซักหน่อย เรือเขาผูกโยงไว้กับเสาหน้าบ้าน ได้การล่ะ ลูกลิงปลดเชือกที่ผูกโยงไว้ และค่อย ๆ ก้าวลงเรือ จากนั้นก็พายงัด พายส่งเดชไปเรื่อย ปู่จ๋าปู่ มาพายเรือเล่นกัน ลูกลิงชวนปู่ลิง พายเป็นเปล่า ? ปู่ลิงถาม ไม่น่าจะยากนะปู่ นี่ไง พายเป็นไม่เป็นก็พายอยู่ เนี่ย ลูกลิงตอบพลางพยายามพายให้เรือเทียบท่า แต่ด้วยความที่ ขาข้างซ้ายของปู่จะหนักเกินเหตุ พอปู่หย่อนขาลงปุ๊บ เรือโคลงทันที แว๊ก ! ปู่ ไม่เอาแล้ว ปู่ห้ามลงนะ ตัวหนักอย่างนี้ เรือจมแน่ ๆ เลย ไม่เอา ไม่เอา ไม่ให้ปู่ลง ลูกลิงรีบห้ามปู่ กลัวปู่จะลงเรือแล้ว เรือต้องจมทันทีแหง๋ ๆ เราพายเป็น เราเคยพายเรือ เราลงเรือด้วยคนสิ หิ่งห้อยรีบวิ่งถลามาหลังจากที่ปู่ลิงถอยออก จากนั้นชั่วพริบตา หิ่งห้อยก็ลงมานั่งบนเรือเรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่า เรือจะโคลงเคลง เอ๊ะ .. มันยังไงหว่า เราพายเอง เราพายเป็น หิ่งห้อยบอก ลูกลิงจึงส่งพายให้หิ่งห้อย ดูท่าทางจับพายทะมัดทะแมงดี แต่ทว่า จ้วงแรกที่หิ่งห้อยพาย เรือก็พลิกทันที เฮ๊ย ! อ๊าก ! ว๊าย ! แว๊ก ! เสียงอุทานจากหลาย ๆ คน ดังประสานกัน โอ๊ย ตายแล้ว ปู่ ช่วยที ลูกลิงส่งมือให้ปู่ลิงช่วยฉุดขึ้นท่า กางเกงยีนส์ตัวเดียวที่มี เปียกโชกไปหมด ทั้งตกใจ ทั้งขำ ประสมกัน ปู่ลิงและออย เผอิญอยู่แถว ๆ ท่า เลยช่วยเหลือหิ่งห้อยและลูกลิงได้ทัน แต่มีอีกคนสิ นั่งอยู่ตรงบันได เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ไม่ได้วิ่งเข้ามาช่วยเหลือหรอก แต่กลับคว้ากล้องมาเก็บช็อตเด็ดนี้ทันที คนนั้นคือ ศาลาไทย อีกคนคือรวยระรินกลิ่นชา มัวแต่นั่งหัวร่ออยู่ที่ระเบียง แหม.. อะไรจะขำปานนั้น
ตกลงว่าวันนี้ลูกลิงทำอะไร เป็นเรื่องฮาตลอด อุตส่าห์ถนอมเนื้อถนอมตัวแล้วเชียว ยังไม่วายตกน้ำจนได้ น่าเขกกะบานตัวเองนัก ที่ไม่เตรียมกางเกงมาอีกซักตัว แล้วทีนี้ล่ะจำอย่างไรดี ตกน้ำริมคลองแบบนี้จอกแหนเต็มไปหมด กางเกงยีนส์ลายแหน ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เสื้อน่ะ ก็พอมีอยู่ ไม่ค่อยเดือดร้อน แต่กางเกงนี่สิ ที่อยู่ในเป้ คือกางเกงใส่นอน ลายสก๊อตเสียด้วย ไม่รู้ล่ะ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรจะใส่ หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ชุดที่ตกน้ำนั้นก็จ้างคนแถวนั้นซัก ตัวละ 10 บาท เท่ห์ซะไม่มีเลย ใส่กางเกงลายสก๊อตเดินทั่วย่าน .. คิดแล้วก็ขำ เอาน่า ส่งซักวันนี้พรุ่งนี้เช้าก็มีใส่แล้ว ดีกว่าใส่กางเกงนอนไปวัด โอ๊ย ไม่อยากจะคิด คิดแล้วปวดใจ
หลังจากอาหารมื้อเย็นที่แสนจะโอชา ก็จะไปตลาดน้ำ แต่เดี๋ยวนะ อยากรู้ไหมล่ะ ทานอะไรกันบ้าง อยากรู้หรือไม่อยากรู้ ไม่สนใจ ก็ลูกลิงอยากเล่านี่นา ..มีปลาช่อนตัวเบ่อเร่อทอดและราดน้ำพริก เหมือนปลาเก๋าราดพริกนั่นแหล่ะ แกงจืดเต้าหู้ น้ำพริกปลาทู ไข่ชะอมทอด และผักสด ลูกลิงทานตั้งสองจาน คนอื่น ๆทานกันน้อย มีอยู่ช่วงหนึ่ง สงสัยลูกลิงจะตาเซ่อเคี้ยวพริกเข้าไป โอย ..แทบจะพ่นไฟได้เชียว ร้อนไปถึงหู เผ็ดชะมัดเลย ยังดีที่มีผัดผักรวมมิตรช่วยดับไฟในปากได้บ้าง หลังอิ่มก็นั่งเรือไปตลาดน้ำอัมพวา แวะซื้อขนมไทย และของฝาก นี่ ๆๆ เขามีคาราโอเกะข้างถนนด้วยนะ และของรายทางก็น่ากินทั้งนั้นเลย โอย ท้องจะแตก อิ่มก็อิ่ม อยากกินก็อยากกิน แต่ไม่เป็นไร ลูกลิงพกอีโนมาสองซอง คิดว่าคงช่วยย่อยได้บ้าง ขนมไทยที่ลูกลิงยืนดูอยู่นานสองนานคือลูกชุบ เขาปั้นเป็นควาย เห็นแล้วนึกถึงอาทิวาเลย อ้าวแล้วกัน ไม่ได้หมายความว่า อาทิวาเป็นควายนะ คือว่า สัญลักษณ์บนหน้าจอตัวแทนอาทิวา เขาเลือกใช้รูปควายน่ะ ตัวละ ห้าบาท ศาลาไทยขออนุญาตเจ้าของร้านถ่ายรูปฝูงควาย เห็นรูปแล้ว สีสวยทีเดียว ..เนี่ย ลูกลิงคิดว่า ถ้าไม่ติดว่า มื้อเย็นเรียบร้อยมาแล้ว ที่บ้านพัก มีหวังลูกลิงสนุกสนานกับการแวะชิมตามร้านแน่นอน น่าหม่ำไปเสียหมด ฮา ..
ก็ระยะหนึ่งนะ ที่โต๋เต๋ในตลาดน้ำ ที่เด็ดสุดน่าจะเป็นลีลาของนักร้องหนุ่มคนหนึ่ง ที่ร้องเพลง คิดถึง ของหรั่ง คิดถึงเธอแทบใจจะขาด ... วู้ .. แสดงท่าทางซะ อย่างกับมืออาชีพ พวกเรายืนมองจากสะพานอยู่นาน จนเขาร้องจบเพลง ก็ชวนกันลงเรือไปดูหิ่งห้อยพลอดรักที่ต้นลำพูดีกว่า ตอนนั้น น่าจะสองทุ่มกระมัง เส้นทางสัญจรทางน้ำยามค่ำ บรรยากาศวังเวงน่าดู อากาศก็เย็น ลมที่ปะทะมาตลอดทำให้ขนตั้งแล้วตั้งอีก ต้องอดทน ต้องอดทน ลูกลิงบอกกับตัวเองเช่นนั้น เสียฟอร์มหมด ถ้าลูกลิงบ่นว่าหนาว อ๊ะ ไม่ได้..ไม่ได้.. มันก็ต้องเก๊กบ้างล่ะ
รอบข้างเป็นตลิ่งที่เต็มไปด้วยเงามืดของพุ่มไม้ นาน ๆ จะมีแสงไฟลอดมาจากบ้านที่อยู่ริมน้ำ ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดนอกจากเสียงพวกเราและเสียงเครื่องยนต์ของเรือ มองไปทางไหนก็ล้วนแต่สงบสงัด แรมสิบค่ำเดือนสาม ใช่สิ คืนนี้เป็นคืนแรม ทันทีที่ลูกลิงนึกได้ ก็แหงนมองสูงขึ้นมองฟ้า เห็นดาวระยิบระยับประดับบนม่านฟ้าสีดำ ลูกลิงถามคนเรือว่า พระจันทร์อยู่ทิศไหน ตอนนี้พระจันทร์ยังไม่ขึ้นครับ ต้องดึกกว่านี้ครับ คนเรือตอบกลับมา พระจันทร์ที่นี่ขึ้นช้าจัง ที่บ้านของลูกลิง พระจันทร์ขึ้นไวนะ สองทุ่มในห้องนอน ยังมองเห็นพระจันทร์ที่ระเบียง หรือว่า วันเสาร์-อาทิตย์ พระจันทร์หนีเที่ยว ลูกลิงบ่นไปงั้นเอง บ่นแบบไม่ต้องการคำตอบเสียด้วย ทางด้านซ้ายมือครับ ที่มีแสงไฟแว๊บๆ จะเห็นหิ่งห้อยที่ต้นลำพู คนเรือบอก ลูกลิงรีบมองตามที่คนเรือบอก ไหนอ่ะ มึดตื๋อ ลูกลิงหันไปมองคนละทางกับคนอื่น ไอ้ลูกลิง นั่นซ้ายซะที่ไหน เสียงปู่ลิงบอก กลั้วหัวเราะ แหม ก็อยากให้คนสนใจอ่ะ เลยมองผิดด้าน น้ำคลองว่าขุ่นแล้ว ยังไม่เท่าคำที่ลูกลิงแก้ตัว สวยมากเลย ที่ต้นลำพู แสงระยิบวับแวม คิดในใจว่า หากเราร้องเพลงเมอรี่คริสมาสต์ไป เพื่อนคงฮาอีกมิใช่น้อย ก็จริงนิ เหมือนต้นคริสมาสต์ที่ประดับไฟ ถ้าจะให้นับจับนวน นับไม่ถ้วนหรอก คนเรืออธิบายต่อไปอีกว่า หิ่งห้อยที่เห็นเป็นพันธุ์น้ำกร่อย ซึ่งจะเกาะกับต้นไม้ แต่ถ้าเป็นอีกพันธุ์ มักจะบินไปบินมา ลูกลิงรีบบอกให้ปู่ลิงถ่ายรูปเก็บไว้ ปู่ลิงถ่ายแล้วย้อนภาพดู ปรากฏเห็นแต่ต้นไม้มืด ๆ มองไม่เห็นตัวหิ่งห้อย ถ่ายเป็นวีดีโอ พอจะเห็นเป็นแสงกระพริบได้บ้าง ปู่ลิงจับหิ่งห้อยมาให้สามตัว คนเรือเตรียมขวดไว้ พวกเราถามเพื่อให้ได้รับคำประกันว่า มันจะไม่ตายนะ คนเรือบอกว่า ไม่ตายหรอก กลับถึงที่พักค่อยปล่อยได้ ตอนนี้ดูเล่นในขวดก่อน ตอนที่ดูหิ่งห้อย ก็นึกถึงเพื่อนอีกหลายคน อยากจะอวดจัง กดเบอร์โทรหาใคร ก็เหมือนกับมีพรายมาแกล้ง โทรไม่ติดซักราย อะไรว๊า ... มีโทรเข้ามาบ้างเหมือนกัน แต่ดันเป็นลุงเวทย์ .. ยี้ อวดลุงเวทย์เนี่ยนะ ไม่อวดดีกว่า
ยิ่งดึก ลมยิ่งเย็นยะเยือก ผ้าเช็ดผมผืนเล็กไม่ได้ช่วยป้องกันความหนาวได้เลย แก้มสองข้างเย็นเฉียบ คนเรือยังแวะจอดเรือเป็นระยะ เพื่อให้ดูความงดงามของหิ่งห้อยจนพอใจ คนเรือบอกว่า หิ่งห้อยตัวผู้แสงจะจ้ากว่าตัวเมีย เพราะแสงจะมีสองปล้อง ส่วนตัวเมียจะมีหนึ่งปล้อง ลูกลิงหันกลับไปถามหิ่งห้อยที่นั่งท้ายเรือว่า ตกลงเธอมีแสงหนึ่งปล้องใช่ไหม คืนนี้ขอดูหน่อยนะ ฮา .. แต่ที่เด็ดกว่านั้น คือคำที่คนเรือบอกว่า คงไม่มีแสงครับ แบบว่าหลอดชื้น ฮ่า ...ก๊าก คือว่าผมเห็นใครก็ไม่รู้สองคนพายเรือแล้วเรือล่มครับ ศาลาไทยหัวเราะ ฮ่า ฮ่า แล้วบอกว่า โอ๊ย พี่วิทย์ มุขเด็ดจัง คนอื่นก็ขำหรอกน่ะ แต่ลูกลิงกับหิ่งห้อยอะดิ ขำไม่ออก ลูกลิงทำไม่รู้ไม่ชี้ พยายามกดเบอร์โทรหา นายรมย์ กะว่าโทรติดจะอวดซักหน่อยว่าตอนนี้ดูหิ่งห้อยอยู่ แต่หมอนี่สงสัยบ้านอยู่หลังเขา (เขาค้อ) โทรไม่ติดซักที ไม่มีสัญญาณ ลูกลิงสังเกตุเห็นคนเรือจอดเรือนิ่ง เหมือนจะรออะไรอยู่ ก็เลยถามเขาด้วยความเกรงใจ รออะไรหรือเปล่าคะ ถ้ารอให้โทรติด ไม่ต้องรอนะคะ เขาตอบว่า ครับ ไม่รอ งั้นผมกลับก่อนนะครับ อ๊าก ! อีกหนแล้ว ที่เรียกเสียงฮาจากเพื่อนลั่นไปทั้งคุ้งคลอง ลูกลิงก็บอกทันทีเช่นกันว่า ตามสบายค่ะ เรือทิ้งไว้นี่นะคะ เดี๋ยวจัดการเองค่ะ เมื่อเย็นซ้อมพายเรือแล้ว นี่เรือเครื่อง คงไม่เท่าไหร่ อย่างดี ก็พรวดพราดเกยตลิ่งได้เองค่ะ เขาเรือสวนกลับมาว่า กลัวจะติดเครื่องไม่เป็นครับ แล้วน้ำก็เชี่ยวเสียด้วย ลอยตามน้ำไปตอนนี้ คงไปถึงตลาดน้ำที่ตะกี้ไปมาน่ะครับ ไหมล่ะ คนเรือของเรา เห็นมาดขรึมตั้งแต่ต้น มาตอนนี้ หยอดมุขเด็ดมารับแทบไม่ทัน ไอ้ที่หนาวตะกี้ ตอนนี้ลูกลิงร้อนรุ่มแล้วล่ะ .. ยี้ .. ฝากไว้ก่อนนายวิทย์ ตามเส้นทางเรือขากลับ ก็จะเห็นคนนั่งซุ่มตกปลาเป็นระยะ ๆ แปลกนะ ที่เขาหันหน้าเข้าทางตลิ่งกันเสียหมด ไม่รู้มีเคล็ดลับอะไร ตกปลาได้กันหรือเปล่าหนอ ( คิดในใจ) .. จากนั้น ออยซึ่งเป็นคนพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม (แต่ลูกลิงไม่ใช่คนพูดมากน๊า โน่นเลย หิ่งห้อย กะ รวยระรินกลิ่นชาต่างหาก..) ขึ้นเพลง ..ฉั น นั่ ง ต ก ป ล า อ ยู่ ริ ม ต ลิ่ ง.. ทันที่ที่ต้นเสียงร้องนำขึ้น ลูกลิงก็ร้องต่ออีกท่อนว่า .. แ ป ล ก ใ จ เ สี ย จ ริ ง ป ล า ไ ม่ กิ น เ ห ยื่ อ ... ฮ่า ฮ่า .. นึกแล้วก็ขำ กลัวคนที่นั่งตกปลาจะหันมาด่าเหมือนกัน แต่ลูกลิงคำนวนแล้วว่า เรือเครื่องย่อมไปเร็วกว่าเรือพายอยู่แล้ว ไม่กลัวหรอก ..กิ..กิ.. สามทุ่มนิด ๆ ที่คนเรือมาส่งพวกเราที่บ้านพัก ลูกลิงก็มัวแต่คิดว่า จะอาบน้ำดี หรือว่า อาบแห้งดี ก็เพราะเมื่อเย็นอาบน้ำไปแล้ว ตอนนี้อากาศก็เย็น น้ำก็เย็น ไม่อาบดีกว่า มัวแต่โยนหัวก้อยในห้องนอน สักพักปู่ลิงตะโกนมาจากระเบียงหน้าบ้านว่า กระเป๋าเงินสีน้ำตาล ของลูกลิงนี่หว่า ตกอยู่ในเรือ ลูกลิงมาดูหน่อย นายสุวิทย์เขาเอามาคืน ตอนแรกลูกลิงก็ไม่สนใจหรอก เพราะว่าลูกลิงฝากกระเป๋าเงินไว้ที่ออย ได้ยินตอนแรกยังเฉย ๆ จนปู่ลิงเรียกหาซ้ำสอง ก็เลยเดินไปดูซักหน่อย จริงด้วยกระเป๋าเงินของลูกลิงเอง โอย .. หายไปล่ะ แย่ บัตรอะไรต่อมิอะไร อยู่เพียบ ออย ออย อยู่ไหน บีบคอตายเลย ดีนะ กระเป๋าหล่นในเรือ ไม่หล่นน้ำตอนก้าวข้ามขึ้น-ลงเรือ หรือหล่นหายในตลาด ยุ่งเลยทีนี้ ลูกลิงบ่น เสียงอ่อย ๆ จากออย ตอบมาว่า แหะ แหะ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจ กระเป๋ากางเกงมันตื้น อ่ะ เฮ้อ ! บ่นไปก็เท่านั้น ได้กระเป๋าคืนมาก็ดีแล้วล่ะ ว่าแล้วโมเมไม่อาบน้ำซะเลย แปรงฟันอย่างเดียว แล้วเข้านอน คว้าผ้าห่มเพิ่มไปอีกชุด อากาศเย็น ๆ อย่างนี้ น่าจะเอาถุงเท้ามา เท้าเย็น นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา พลิกสองทีเอง ยังไม่สุกเต็มที่ ก็หลับผล็อย..
กลัวจะตื่นไม่ทันใส่บาตร เลยให้เพื่อนโทรเข้าตอนหกโมงเช้า ที่ไหนได้ ตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่า ๆ ตื่นแล้วก็คลุมผ้าอยู่นั่น เพราะอากาศเย็นมาก จากนั้นก็โทรปลุกเพื่อนว่า ไม่ต้องโทรปลุกลูกลิงแล้ว ลูกลิงตื่นแล้ว ตกลงใครปลุกใครกันแน่ ก็ไม่รู้ .. ทันทีที่เห็นฟ้าสว่างนิด ๆ ก็รีบไปเช็คกางเกงยีนส์ที่ตากไว้หน้าบ้าน กางเกงยังชื้นอยู่เลย แต่อีกไม่นานจะต้องใส่แล้ว จึงเอากางเกงมาตากที่เก้าอี้ในบ้าน และปิดพัดลมเบอร์สามเป่าให้แห้ง พัดลมตั้งค้างไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นพัดลมส่าย เอาล่ะสิ อากาศก็เย็น แถมเจอมนต์พระพายไฟฟ้าอีก ไม่ไหว ไม่ไหว หลบไปอยู่ที่อื่นดีกว่า ปล่อยให้พัดลมจัดการกางเกงยีนส์จนแห้งไปดีกว่า ศาลาไทยและหิ่งห้อยชวนไปดื่มกาแฟ ลูกลิงไม่ได้ไปดื่มด้วยหรอก แต่ก็ไปเดินเล่นละแวกนั้น ปู่ลิงยังไม่ตื่น เอ๊ะ ! หรือว่าตื่นแล้วก็ไม่รู้ เห็นนอนขดเป็นตัวนิ่มอยู่ใต้ผ้าห่ม ลูกลิงแอบไปที่ครัว เห็นเจ้าของบ้านกำลังเตรียมอาหารเช้าให้พวกเรา และมีสำรับอาหารสำหรับใส่บาตรด้วย ความจริงลูกลิงอยากจะช่วยนะ แต่ไม่มั่นใจว่าลูกลิงจะไปทำข้าวของเขาพังอีกหรือเปล่า หมู่นี้จับต้องอะไรบรรลัยหมด มือเจ้ากรรม .. รวยระรินกลิ่นชา เป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องนอน อั่นแน่ ! ไม่ได้บอกว่าตื่นสายกว่าใครนะ นอนคนละห้องกับลูกลิง ลูกลิงไม่รู้หรอกว่าใครตื่นก่อน แต่ที่รู้ ๆ ออยตื่นก่อนลูกลิง และ ลูกลิงตื่นก่อนปู่ลิง (แหง๋ ๆ ) ไปไหนกันหมด ลูกลิงรู้ไหม รวยระรินกลิ่นชาถาม ไปโซ้ยโกปี้ ตามไปดิ ลูกลิงตอบ ตอบเสร็จลูกลิงก็ย่อง ๆ ไปดูเรือที่เมื่อวานหัดพาย เช้านี้ทางสะดวกวุ๊ย ลองอีกซะทีดีไหม แต่เฮ้อ ถ้าตกน้ำอีก ทีนี้ไม่เหลือกางเกงใส่แล้ว ไอ้ที่เปียกเมื่อวานก็ยังไม่แห้งเลย ถ้างั้นอย่าดีกว่า (คิดในใจ) หิ่งห้อย นี่เธอ ตั้งใจจะคลุมผ้าเป็นนางตานีเดินไปกะเดินมาทั้งวันหรือเปล่า ลูกลิงแซวหิ่งห้อย เธอเป็นเด็กดอย แต่แปลกจัง เธอขี้หนาวชะมัด ผ้าห่มสีเขียวผืนนี้ เห็นเธอเดินไปไหนห่มไปด้วยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อะไรจะหนาวขนาดนั้น ยี้ ! ลูกลิง ก็มันหนาวอ่ะ เนี่ยหิ่งห้อยก็ตั้งใจจะเอามาเก็บอยู่หรอก หิ่งห้อยตอบและขึ้นเรือนพักไป พระจะมากี่โมงคะป้า จะเจ็ดโมงแล้วนะคะ ลูกลิงถามป้ามะลิซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เจ็ดโมงกว่าๆ จ๊ะ พระที่นี่ฉันมื้อเดียว ตอนท่านกลับจากบิณฑบาตร ท่านถึงจะผ่านทางนี้ แต่หนูเตรียมยกสำรับไปที่ท่าน้ำได้ สองสำรับของกลุ่มหนูจ๊ะ ยกไปได้เลย ป้ามะลิบอก
ออยและลูกลิงช่วยกันยกถาดคนละสำรับ ไปเตรียมท่าไว้ที่ท่าน้ำ ป้ามะลิปูเสื่อไว้ให้ สามสาวที่เหลือกำลังซื้อขนมจากยายคนหนึ่งซึ่งพายเรือขนมผ่านมา ขนมฟักทอง ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง มะพร้าวสังขยา หมี่กะทิ ข้าวต้มมัด ลูกลิงซื้อขนมยายไปหลายห่อ กะว่าจะเอาไปรวมกับของที่จะใส่บาตร และแบ่งไว้ทานบ้าง อ้อ ! ลืมบอก สำรับอาหารที่เตรียมใส่บาตร เป็นแกงส้ม 8 ถ้วย ขนม 6 ชุด น้ำ 2 ขวด ดอกไม้(ดอกอะไรก็ไม่รู้สิ) 2 ดอก ข้าว 2 ขัน ไม่นานนักก็มีพระสงฆ์พายเรือมา จึงกล่าวนิมนต์และใส่บาตร โดยช่วยๆกันใส่ หลวงพ่อบอกว่า เผื่อพระรูปหลังบ้าง มากัน 3 รูป จากนั้นก็ให้พรพวกเรา จากนั้นก็นิมนต์พระรูปที่สองและสาม ตามลำดับ พระรูปที่สามนี่สิ อาหารยังมีอยู่เต็ม จึงบอกกับหลวงพี่ว่า หลวงพี่รับเยอะๆเลยนะคะ มีอีกค่ะ เหลือข้าวติดก้นขันไว้นิดหน่อยและเหลือแกงส้ม 1 ถ้วย ลูกลิงบอกว่า กินข้าวก้นบาตร เฮง เฮง เฮง .. เอ แล้วนี่ นับว่าเป็นข้าวก้นขัน หรือก้าวก้นบาตร ก็ไม่รู้วุ๊ย แต่ที่รู้ ศาลาไทยหม่ำเรียบ .. อาหารมื้อเช้าสำหรับพวกเราเป็นข้าวต้มใส่หมูสับ+กุ้ง ความจริงลูกลิงไม่ค่อยถนัดข้าวต้มทรงเครื่องนัก แบบว่าลูกลิงหิวบ่อย (น่าจะเกิดเป็นพวกฮอบบิทเนอะ ) เกรงว่าสายหน่อย คงหิวอีกแน่ คิดอย่างนี้แล้วก็ตุนซะ 3 ถ้วย ทานมื้อเช้าเสร็จก็ลงเรือไปเที่ยว (อีกแล้ว) คราวนี้ มีมัคคุเทศก์สาวสวย คนเรือก็ไม่ใช่นายสุวิทย์ (แหม ลูกลิงอุตส่าห์ไปซ้อมหยอดมุขมาทั้งคืน กะว่า วันนี้ต้องเอาคืนให้ได้หลายฉึก อดเลย..) วันนี้จะทัวร์วัด ( เข้ากับวัยเลย วุ๊ย ) เส้นทางเรือ ก็เป็นเส้นทางเดียวกับเมื่อวานเย็นไปตลาดน้ำ แต่แทนที่จะเลี้ยวขวาตรงปากน้ำแม่กลอง ก็จะเลี้ยวซ้ายไปวัดบางกุ้ง ภายในพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักทั้งหมด ที่นี่มีพระอุโบสถมีต้นโพธิ์ปก เรียกกันว่า โบสถ์ปกโพธิ์ ลูกลิงได้ไปกราบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาด้วยนะ ซึ่งบริเวณนั้นมีปูนปั้น เป็นคนแสดงศิลปะการต่อสู้มวยไทย ลูกลิงยังไปเก๊กท่าต่อยมวยด้วยเลย กิ..กิ.. ที่ริมน้ำหน้าวัด ตรงที่เรือเทียบท่ารออยู่ มีปลาสวายตัวโต ๆ ปลาอื่นก็มีนะ แต่ลูกลิงไม่รู้จักชื่อพันธุ์สักเท่าไหร่ เลยโม้ไม่ออก ลูกลิงซื้ออาหารปลาโปรยไปที่น้ำ อื้อ ! ตัวเบ่อเร่อทั้งนั้น มัวแต่สนใจดูปลา เลยไม่ทันรู้ว่า เหลือลูกลิงคนเดียวบนท่าเรือนั้น เรือก็รอลูกลิงอยู่คนเดียว อ้าว.. แย่จังแฮะ
จากนั้นก็ไปวัดบางแคน้อย พระอุโบสถที่นี่สวยมาก เป็นไม้แกะสลักพระเจ้าสิบชาติ เหนือองค์พระพุทธรูปเป็นไม้แกะสลักเป็นรูปต้นโพธิ์ซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีนัก จึงถวายปัจจัยไปบ้างพอสมควรก่อนลงเรือไปวัดบางลี่กุฎีทอง ที่วัดนี้มัคคุเทศก์บอกประวัติว่า พ.ศ. 2303 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าฯ ให้นายทองด้วง (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรีซึ่งเป็นเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา ภายหลังหลวงยกกระบัตรได้แต่งงานกับคุณนาค บุตรีเศรษฐีบางช้าง และย้ายบ้านไปอยู่หลังวัดจุฬามณี ต่อมาเมื่อไฟไหม้บ้านจึงได้ย้ายไปอยู่ที่หลังวัดอัมพวันเจติยาราม ปี พ.ศ. 2310 พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรจึงตัดสินใจอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ในป่าลึก ในระหว่างนี้ ท่านแก้ว (สมเด็จกรมพระศรีสุดารักษ์) พี่สาวของหลวงยกกระบัตร ได้คลอดบุตรหญิงคนหนึ่งตั้งชื่อว่า บุญรอด (ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์บรมราชินี ในรัชกาลที่ 2) ต่อมาน้ำได้เซาะจนกุฎทอง 2 หลังพัง จนกระทั่งหลังที่ 3 (หลังที่ลูกลิงไปชม) ก็ถูกน้ำเซาะพังเช่นกัน ตอนนี้เหลือแต่เสาต้นเก่าต้นเดียว นอกนั้นเป็นเสาใหม่ทั้งสิ้น ในกุฎีนั้น มีรูปวาดสาวคนนั้นอยู่ด้วย สวยจริงอย่างที่เขาล่ำลือกันนะ สวยมาก ๆ
ชักหิวแล้วสิ น่าจะเป็นเวลาประมาณสิบโมงกว่า ๆ ขณะที่เดินทางถึงอุทยาน ร.๒ หลังจากที่เรือเทียบท่าและมัคคุเทศก์บอกเวลาขึ้นเรือ คือ สิบเอ็ดโมงครึ่ง ลูกลิงก็เหล่ๆก๋วยเตี๋ยวเรือแล้วล่ะ กะไว้ว่าถ้ามีเวลาต้องหม่ำให้ได้ ต้องเสียบัตรผ่านประตูเอง คนละ 20 บาท จากนั้นพวกเราอ้อยอิ่งกับการเก็บภาพตามทางไปเรื่อย ตอนนี้แดดกำลังสวย ภาพพรรณไม้ดอกต่างๆแจ่มชัดดี ถ่ายภาพมาสวยๆทั้งนั้น ภายในอุทยานมีพรรณไม้ในวรรณคดี ซึ่งจะมีป้ายบอกชื่อโดยละเอียด และมีบ้านทรงไทยที่สมบูรณ์แบบ มีห้องเก็บหุ่นกระบอก หัวโขนต่างๆ ห้องดนตรีไทย ห้องบรรทมของ ร.๒ นอกชาน ยังมีบอนไซ มีต้นโมกด้วย จำกลิ่นได้ ที่นอกชานมีหนังสือขาย ลูกลิงเห็นปู่ลิงหยิบพรรณไม้ไทยในวรรณคดีมาอ่าน ก็เลยแอบชะโงกจากด้านหลังมาดู เป็นรูปดอกไม้นะ แต่ละหน้าดอกไม้สวย มีร้อยกรองประกอบ และบอกว่า ร้อยกรองมาจากพระราชนิพนธ์เรื่องใด น่าสนใจทีเดียว ยุให้ปู่ลิงซื้อ แต่ปู่ไม่ซื้อ เล่มละ 100 บาท ปู่ลิงบอกว่า ในอิเหนามีหมดแล้วจะเอาอะไรอีก ซื้อมาก็ต้องให้คนอื่นอยู่ดี ก็ใช่ดิ ลูกลิงรู้ว่า ถ้าปู่ลิงซื้อ เดี๋ยวก็ต้องให้ลูกลิงอยู่ดี ลูกลิงก็เลยยุให้ปู่ลิงซื้ออ่ะ ..แต่ไม่สำเร็จ ยุไม่ขึ้น ลูกลิงเลยอดได้หนังสือ .. ว๊า ผิดแผน ..
เดินมาอีกนิดมี หอหนังสือ ชื่อ อาศรมศึกษา ชอบใจชื่อจัง มีคำว่าอาศรมด้วย ด้านหน้าอาศรมมีรูปปั้นหนุมาน ก๊าก ! อยากจะขำให้ก้องฟ้า เห็นไหมล่ะ ที่ไหนมีอาศรม ที่นั่นต้องมีลิง นึกแล้วก็ขำ .. ดูเหมือนว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงจะไม่เพียงพอที่จะชมทัศนียภาพทั่วถึง ขากลับลูกลิงแวะซื้อขนม หมากฝรั่งรสมินต์ ที่อยู่ในกล่องคล้ายกล่องบุหรี่ ตราแมวหรือตราดอกมะลิก็ไม่รู้ สองด้านของกล่องไม่เหมือนกัน ซื้อมะนาวแช่อิ่มที่อยู่ในกล่องยี่ห้อผลไม้เทสตี้ และซื้อลูกสมอห่อ 3 อย่างนี้ไม่แพงนัก ชุดละ 20 บาทเอง ซื้อมาฝากเพื่อนที่ทำงาน คุ้น ๆว่าตอนเด็ก ๆ เคยทานนะ ตอนนี้ไม่รู้หาซื้อที่ไหน หายากนะ .. ตอนที่เดินลงเรือ ลูกลิงก็ยังเห็นก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าเดิมยังจอดอยู่ นี่ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นล่ะก็ สั่งก๋วยเตี๋ยวแล้วล่ะ ตอนนี้หิ้วท้องรอก่อนละกัน ดันเกิดมาตัวโต หิวบ่อยเองนิ
สักเที่ยงกว่า ๆ เรือท่องเที่ยวก็นำพวกเรากลับมายังที่พัก อั่นแน่ ก๋วยเตี๋ยวเรือมาจอดรออยู่ ได้การล่ะ พวกเราจึงสั่งก๋วยเตี๋ยวรองท้องกันคนละชาม ก่อนที่จะไปอิ่มอร่อยกับร้านอาหารคุ้นลิ้นที่ดอนหอยหลอด ค่อยยังชั่วหน่อย เวลาที่ท้องอิ่มเนี่ย อะไร อะไร ก็ดูดีไปหมด เนอะ ..
ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากในการร่ำลา หลังจากที่ทานอาหารที่ร้านคุ้นลิ้นแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับ ใครมารถคันไหน ก็กลับคันนั้น ส่วนลูกลิงน่ะเหรอ ก็เป็นกรรมของปู่ลิงที่จะต้องไปส่งถึงบ้าน พร้อมช่วยถือของด้วย ไม่มากไม่น้อยเท่าไหร่ แค่น้ำตาลปึก 10 กิโล ส้มโอ 5 กิโล ขนม 1 ถุงใหญ่ .. เอาน่า ลูกลิงตัวเล็กน่าสงสารอย่างนี้ ปู่ลิงไม่ช่วยก็ใจดำเกินไปแล้วล่ะ
สายน้ำที่ไหลผ่านตามคูคลองอย่างไม่ขาดสาย และวิถีชีวิตแบบไทย ๆ ชาวบ้านหมู่บ้านปลายโพงพาง ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานให้ได้เห็นความเป็นอยู่อย่างเดิม ๆ ลูกลิงมีโอกาสท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมเพื่อเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ครั้งนี้ ความประทับใจต่าง ๆ จะอยู่ในความทรงจำไม่ลืมเลือน และนอกจากความเป็นกันเอง เหมือนญาติ เหมือนพี่-น้องแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ลูกลิงเรียนรู้ คือคำว่า สายน้ำสายชีวิต .. เอาไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ ลูกลิงคงต้องไปเยือนอีกสักหน .. ที่อัมพวา ใครจะไปกับลูกลิงบ้างคะ บ๊ า ย บ า ย ....
เก็บตก..รวยระรินกลิ่นชา ..
เก็บตก..ศาลาไทย
เก็บตก..หิ่งห้อยหลอดชื้น เอ๊ย หิ่งห้อยน้อยใจ
เก็บตก..รวยระรินกลิ่นชา - ออย (อดทานส้มโอ เพราะไม่กล้าข้ามท้องร่อง กิ้ว กิ้ว กิ้ว..)
เก็บตก..ปู่ลิง (แหม ..สมชื่อปู่ลิงจัง)
เก็บตก .. ปู่ลิง + ลูกลิง แค่ร้อยเดียว .. ปู่ซื้อหนังสือเล่มนี้ให้หน่อยก็ไม่ได้ .. งกจังอ่ะ ปู่
เก็บตก..แม่ค้าก้นเปียก...กิ กิ ..หิ่งห้อยหลอดชื้น
เก็บตก .. ๕ ๕ ๕ ไม่ออกชื่อดีกว่า กลัวโดนเอาคืน ..
เก็บตก .. เอ้า !! จ้องกันให้ชัดๆไปเลย ไม้สักทองแกะสลัก ฝีมือช่างอันเอกอุของคนไทย
เก็บตก .. ดูอะไรกันหว่า .. ? ไม่รู้ว่าแผนซ้อนแผนเก็บตกหรือเปล่า ระแวง วุ๊ย ..
เก็บตก .. บรรยากาศบริเวณคลองหน้าบ้านพัก ลดาแดดแสดส่งวางวงแสง เข้าสอดแซงแซมสร้อยร้อยพฤกษา เกี่ยวกระหวัดรัดวนสนธยา สะท้อนตาต้องธารละลานทอง แก้วกระจกวกไหวพระพายแต้ม ระย้าแย้มย้วยคลื่นก็ลื่นล่อง ทุกยาตราตราตรูด้วยเหลืองตอง มิบกพร่องภาพพิมพ์ดูอิ่มใจ ตลอดโค้งขนาบแน่นขนัดเขียว ร่มรกเรี้ยวเลาะเรื่อยลากเลื้อยไหล ขนานคู่คูคลองสองฟากไป บรรจบใกล้ไกลลิบต้องพริบตา ตระหนักนั้นฉันทามายาสิ้น กระแสสินธุ์เย็นสายคล้ายวรรษา แสงที่สุดแห่งสุรีย์เปล่งสีมา แดนใจเรารัตนากว่าทุกวัน
เก็บตก .. ดอกไม้ (ห้ามถามชื่อ..) ที่อุทยาน ร. ๒ งามเด่นเป็นพวงพู่ พิศมัยดูช่างพริ้งพราว ห้อยย้อยระโยงยาว แย้มดอกขาวราวอวดพรรณ กลีบดอกออกงามชื่น ดูดาษดื่นรื่นสุขสันต์ ลมล่องต้องพฤกษ์พันธุ์ เห็นสีสันอันต้องตา อวดโฉมให้ชมชื่น แสนสดชื่นรื่นหรรษา เบ่งบานจนลานตา รอเวลาที่แย้มบาน หอมหวลชวนหลงใหล จนเผลอใจให้เกษมศานต์ เอื้อมมือด้วยต้องการ กลับสะท้านพลันโยกคลอน เด็ดเจ้าราวหวงแหน มวลดอกแม้ชูช่อสลอน ยั้งใจไม่อาวรณ์ ขอลาก่อนเจ้ามาลา ฯ
เก็บตก..อีกมุมมองหนึ่งของบ้านสวนส้ม ที่ลูกลิงไปพัก
เก็บตก.. สภาพบ้านริมน้ำที่เห็น
เก็บตก .. ทิวทัศน์โดยรอบ
เก็บตก..ชุลมุนกันเหลือเกิน
เก็บตก..โอ้โห ถ้าตก เก็บแน่..
เก็บตก .. ศาลาไทยกำลังกวนน้ำตาล
เก็บตก .. รูปหมาหงอย ..
เก็บตก .. เด็ก ๆ บนสะพาน กำลังตกปลา
เก็บตก .. อิ่มบุญ
เก็บตก .. ภาพของภิกษุซึ่งมารับบิณฑบาตในยามเช้า .. เงาน้ำที่สะท้อนภาพก็ช่างงามนัก
เก็บตก .. มื้อสุดท้ายก่อนอำลา ที่ร้านคุ้นลิ้น ดอนหอยหลอด..
เก็บตก .. เสสรวลกลางสวนส้ม :)
เก็บตก .. ชีวิตเรียบง่าย ชาวบ้านบนสะพาน
เก็บตก .. ชอุ่มพุ่มเขียวขจี สุขเช่นนี้หาใดเทียม
เก็บตก .. บรรยากาศที่สงบสงัด ..และสาวอัมพวาตัวจริง (สาวมานานแล้ว)
เก็บตก .. ท้ายเรือของภิกษุ ทานอาหารเรียงราย
เก็บตก .. เรียบง่าย สายน้ำ อัมพวา
เก็บตก .. มาลีที่ปลายโพงพาง
เก็บตก .. อรุณเยือน
เก็บตก .. แสงสีทองค่อยๆโผล่พ้นยอดไม้
เก็บตก .. อีกมุมกล้องในยามเช้า
เก็บตก .. มื้อเช้าที่อัมพวา หลังจากอิ่มบุญก็ถึงคราวอิ่มท้อง
เก็บตก .. เบื้องหลังภาพ
เก็บตก .. ภายใต้ฟ้าเดียวกัน แตกต่างความสุขที่ได้รับ
เก็บตก .. เฮฮาหน้ากล้อง
เก็บตก .. สะพานร้าง ที่ อุทยาน ร.๒
เก็บตก .. บ้านทรงไทย ที่อุทยาน ร.๒
เก็บตก .. ทางเดินที่ร่มรื่น ความทรงจำอยากยื้อคืน
เก็บตก .. ต้นมะพร้าวที่สมเด็จพระเทพฯ ปลูกไว้เมื่อปีพศ.2543
เก็บตก .. บางซีน ที่ขรึม
หมากสุกเหลืองส้มสนธยา วางค่ำล่ำลาทิวาสมัย เขียนช่อธรรมชาติวาดใจ อิ่มอุ่นกรุ่นไออัมพวา เรียบง่ายงามแต่งครองตน รำไรรอคนค้นหา ความหมายสายน้ำธรรมดา ชีวิตอิสราสามัญ อยู่กรุงวุ่นวายหลายจริต สังคมถูกผิดบิดผัน ต่างยื้อต่างแย่งแข่งกัน แบ่งปันน้ำใจไม่มี เรียบง่ายสายน้ำอัมพวา ลบหมอกมายารัศมี ครรลองปัญญาท่าที วาดท่วงวางที่สายธาร
8 มีนาคม 2548 16:50 น. - comment id 83351
อ่านแล้วอยากไปด้วยจัง ชอบบ้านแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะมีโอกาส..ไหมหนอเรา ..................................................... .....................................................
9 มีนาคม 2548 01:42 น. - comment id 83362
วันนี้..งานเยอะ... ดึกมากแล้ว... เขียนยาวมาก.. ยังอ่านไม่จบ.. ขอหลบไปนอนก่อน.. ว่างแล้วจาย้อนมาอ่านใหม่ ปล.. อยากไปด้วย.. แต่..ว่ายน้ำก็ไม่เป็น.. พายเรือก็ไม่ได้.. เป็นแต่นั่งเสียว..อย่างเดียว.. แง ๆ..
9 มีนาคม 2548 09:47 น. - comment id 83372
สนุกดีค่ะ ...มีสาระและความบันเทิงครบถ้วน.. นับว่าเป็นการท่องเที่ยวที่คุ้มค่า จริงๆ .. ได้ทำบุญ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ (พายเรือไง) และความทรงจำที่ดีๆ ค่ะ ...
9 มีนาคม 2548 10:44 น. - comment id 83373
อิอิ ถ้าไม่เข้ามาอ่านเสียดายแย่... เห็นคุณอัลมิตราด้วยน่ารักจังค่ะ เพิ่งทราบนะคะว่ามีฉายาว่า ลูกลิง อิอิ น่าไปเที่ยวด้วยจังเลยนะคะ ท่าทางคงจะสนุกมากๆ อิจฉาวุ๊ย ไปดีกว่า
9 มีนาคม 2548 14:22 น. - comment id 83382
ยอดเยี่ยมมากค่ะ ทั้งเรื่อง ที่มากล้นสาระและแฝงความตลกไว้ ให้เห็นภาพราวตามไปด้วยเลยอิอิ ภาพงามมาก น่าจะมีพระเอกตามไปในหนหน้า พาไปฮันนี่มูนด้วยนะคะอิอิ เคยรจนาค้างไว้ เกี่ยวกับแม่น้ำอัมพวาค่ะ นางเอกไปพักโฮมสเตย์ สงสัยงานนี้ ต้องให้คุณอิมป็นนางเอกต่อแล้วค่ะ คิดถึงมากนะคะ
9 มีนาคม 2548 14:23 น. - comment id 83383
ยอดเยี่ยมมากค่ะ ทั้งเรื่อง ที่มากล้นสาระและแฝงความตลกไว้ ให้เห็นภาพราวตามไปด้วยเลยอิอิ ภาพงามมาก น่าจะมีพระเอกตามไปในหนหน้า พาไปฮันนี่มูนด้วยนะคะอิอิ เคยรจนาค้างไว้ เกี่ยวกับแม่น้ำอัมพวาค่ะ นางเอกไปพักโฮมสเตย์ สงสัยงานนี้ ต้องให้คุณอิมป็นนางเอกต่อแล้วค่ะ คิดถึงมากนะคะ
9 มีนาคม 2548 15:03 น. - comment id 83385
5555..สาว(...)น้อยตกน้ำ..น่าสนุกนะ ทีหลังบอกนะจะสอนพายเรือถนัดนักเรื่องนี้... **แวะมาอ่านพร้อมซึมซับบรรยากาศครับ
9 มีนาคม 2548 15:34 น. - comment id 83386
หายไปนาน เพิ่งกลับมาจากแดนไกลครับ เห็นคุณอัลมิตรามีความสุขกับการได้ไปท่องเที่ยว ภาพที่ยิ้มสดใสบ่งบอกได้ อ่านตามก็นึกภาพตามไปด้วย ผมรู้สึกตลกชื่อของคุณมาก ที่ชื่อลูกลิง ก็เคยเห็นคุณวฤกเขียนถึงบ้าง พอมาอ่านเนื้อเรื่อง พอจะเดาบุคคลิกได้บ้างครับ ซนครับ ซนน่ารัก
9 มีนาคม 2548 16:14 น. - comment id 83389
แวะมาดู เพราะว่าไม่สามารถอ่านจนหมดได้ ตาลายเหลือเกิน....อิอิ อิจฉา คนได้ไปเที่ยวบ่อยๆจัง ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน แล้วจะตะลอนเที่ยว ไม่แน่อาจมีหนังสือออกมาซักเล่มก็ได้ \" เที่ยวทั่วไทย กับนายขี้เมา \" 55555
10 มีนาคม 2548 00:17 น. - comment id 83403
...อยากอาบน้ำกลางแสงจันทร์ เหมือนตอนเป็นเด็ก อิ อิ..
10 มีนาคม 2548 00:21 น. - comment id 83404
...อยากอาบน้ำกลางแสงจันทร์ เหมือนตอนเป็นเด็ก อิ อิ.. ชื่อไม่ขึ้นครับ ไม่ได้อายพระจันทร์นะ
10 มีนาคม 2548 12:20 น. - comment id 83411
แอบมาดูรูป หลายรอบแล้ว และเห็นเปลี่ยนภาพใหม่ให้ดูเสมอๆ ชอบบรรยากาศจังค่ะ แล้วคนไหนเอ่ยคือคุณ ? ไม่เห็นเก็บตกมาให้ดูบ้างเลย อิอิ
10 มีนาคม 2548 13:14 น. - comment id 83413
ภาพที่ ..คนโบกมือบ๊ายบาย คนเดียวกับที่ประจบปู่ลิงซื้อหนังสือ นั่นแหล่ะ ... เจ้าลูกลิงตัวแสบ
10 มีนาคม 2548 13:59 น. - comment id 83415
คุณเมจิค .. อัลมิตราก็อยากไปอีกนะ อยากไปอยู่หลายๆวันเลยค่ะ คุณภูตะวัน .. เขามีเสื้อชูชีพให้สวมด้วยค่ะ ตอนที่อัลมิตราพายเรือจนล่ม ตอนนั้นยังไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ จากนั้นทางเพื่อนๆก็รีบจับอัลมิตราแต่งตัวใส่ชูชีพเลยค่ะ คุณคนเมืองลิง .. ค่ะ ที่อาศรมชาวโคลง จะเรียกอัลมิตราว่าลูกลิง (สงสัยอัลมิตราจะหน้าเหมือนลิง) สนุกมากเลยค่ะ หัวเราะกันได้ทั้งวัน คุณพุดพัดชา .. โอ๊ะ โอ .. พระเอกที่ไหนจะตามไปหนอ เห็นแต่ชาละวันตัวใหญ่ในคลองคงคาบพระเอกไปแล้วมั๊ง อยากให้คุณพุดไปนะคะ พาพระเอกของคุณพุดไปด้วย อัลมิตราจะแอบไปถ่ายรูปเก็บตกค่ะ :) คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. เชื่อแล้วล่ะ เขาว่าผู้ชายพายเรือ นิ คุณคนผ่านมา .. ค่ะ มีความสุขกับทริปนี้มาก อัลมิตราเคยมีความคิดว่า อยากมีบ้านริมคลอง มีท่าน้ำ ศาลาเล็ก ๆ แต่ตอนนี้อัลมิตราต้องขยันหน่อยจะได้เก็บตังค์ได้แยะ ๆ ไม่แน่น๊า เปิดฝาโออิชิคราวหน้า อัลมิตราอาจเจอเงินล้าน คุณขอโทษครับ..ผมเมา .. อ่านหน่อยน่า นะ นะ ตั้งใจเขียนเชียวนะคะ ทริปนี้สงสารปู่ที่นั่งกินเบียร์กระป๋องคนเดียว อานิรนามเบี้ยวกระทันหัน ลุงวลีอีกคน สงสารเสียให้เข็ด ค่ะ คุณdark side of mind .. ดีจังเลย ตอนเด็ก ๆ คุณมีโอกาสอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ ตอนเย็นที่จะไปตลาดน้ำ อัลมิตราเห็นผู้หญิงอาบน้ำที่ท่าด้วยล่ะ นุ่งผ้าถุง นั่งอยู่บันไดท่าน้ำ ตักน้ำอาบ (แอบไปเห็นว่า ปู่ลิงจ้องเขม็งเชียวค่ะ) คุณคนเมืองลิง .. แอบเก็บตกภาพเพื่อน ๆ กลัวโดนเอาคืนเหมือนกัน ..๕ ๕ ๕ ระแวงค่ะ นี่ต้องแอบเอามาปล่อยทีละรูปสองรูป .. ยังมีอีกสองกล้องนะคะ ที่อัลมิตรายังไม่ได้รับรูป คาดว่าจะได้ซีดีเร็วๆนี้ ไว้จะหามาเพิ่มให้ค่ะ ส่วนรูปลูกลิง มีคนแอบเฉลยแล้ว ยัยไหม .. ยี้ !!! มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
10 มีนาคม 2548 14:26 น. - comment id 83416
ยาวจัง.. แต่อ่านได้เพลินดี (รวดเดียวจบเลย:) อ่านแล้วอยากไปด้วยเลยแฮะ.. ที่ชอบมากๆอีกอย่างของบทความเรื่องนี้คือ ความเป็นกันเองน่ะ มีความรู้สึกว่าอัลมิตราใส่ความเป็นกันเองลงไปเยอะดีจัง.. :)
10 มีนาคม 2548 15:40 น. - comment id 83417
อีตาค้าคาวไหงไปขึ้นมะพร้าวได้อ่ะ เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หนูอัลที่รัก... เอ่อครือว่า ถามหน่อยเหอะห้องน้ำที่มะมีหลังคาเนี่ย ต้องแก้ผ้าอาบน้ำด้วยป่าวอ่ะ...
10 มีนาคม 2548 15:56 น. - comment id 83419
อิอิ ถ้าเขาไม่เฉลย แล้วคุณจะเฉลยหรือเปล่าเอ่ย... อิจฉาสุดขีดๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยากไปเที่ยวบ้างอ่ะ หน้าไม่เห็นเหมือนลิงเลยนี่นา..สงสัยจะซน + ดื้อ มากกว่ามั๊ง เอิ๊กๆๆๆ
10 มีนาคม 2548 16:02 น. - comment id 83421
คุณหมอกจาง .. นอกจากปู่ลิง ศาลาไทย ออย ที่คุ้นเคยสนิทสนมกันดีอยู่แล้ว อัลมิตรายังโชคดีที่ได้พบเพื่อนใหม่ หิ่งห้อยน้อยใจ และ รวยระรินกลิ่นชา .. มิตรภาพก่อเกิดจากการเกื้อกูลกัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาจากส่วนลึกของหัวใจ ไม่มีมลพิษใดมาเบียดบังความสุขนี้ได้ อีกทั้งชาวบ้านชาวคลอง ที่ได้ให้ความเอื้ออารีย์ หากจะคิดเข้าข้างตัวเองเล็กน้อย คงเปรียบได้ว่า อัลมิตรากลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านชนบท (ทั้งที่อัลมิตราไม่มีญาติที่อยู่ชนบท ) ไม่ว่าจะเป็นบ้านทรงไทย ที่อัลมิตราอยากมี (ฝันเฟื่องจัง เรา..) หรือ ศาลาท่าน้ำ ( เฮ้อ .. คนจนฝันก็เงี๊ยะ ) ทั้งนี้ทั้งนั้น อัลมิตราได้มีโอกาสมาเที่ยวครั้งนี้ และพกพาหัวใจที่ชุ่มชื่นกลับมาต่อสู้ในกรุงอีกหน นับว่าคุ้ม ค่ะ ยัยไหม .. คนที่อยู่บ้านสวน ที่ทำน้ำตาลปึกน่ะ เหมือนค้างคาวคืนคอนมากจริงๆนะ ถามปู่ลิงดิ ส่วนห้องน้ำที่ไม่มีหลังคา นั่นแหล่ะ อาบน้ำในห้องน้ำนั้น แก้ผ้าสิ คราวหน้าไป จะเก็บตกฉากนี้ให้ เอามั๊ย
10 มีนาคม 2548 16:04 น. - comment id 83422
คุณคนเมืองลิง .. อื้อ !! จอมดื้อเชียวล่ะ ฉายาที่บรรดาพี่ๆเรียก คือ ตัวแสบ .. ถ้าไปบ้านอัลมิตรานะ แล้วได้ยินแม่เรียกว่า ตัวแสบกินข้าวได้แล้ว นั่นแหล่ะ อัลมิตรา ค่ะ .. ไปมั๊ย .. จะพาไป
10 มีนาคม 2548 16:20 น. - comment id 83423
จ๊าก !! แก้ผ้าด้วยวุ๊ย!! มะหนาวพิกลๆหรือเวลาอาบอ่ะ .... อะจึ๋ย!! ภาพเก็บตกในห้องน้ำอ่ะ เอาสาว 35-24-36 สูง 165 ขึ้นไปหรือหนุ่มที่กล้ามสวยๆนะ สูง 170 ขึ้นไป มะใช่มีกล้ามท้อง แถมเตี้ยล่ำแบบปู่ลิงอ่ะ เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปู่ลิงมาแอบอ่านคราวหน้าจะมาถีบใยไหมป่าวอ่ะ หรือสาวปึ๊ก อย่างหนูอัลฯ ก้อมะอาวนา กัวอ่ะ 555 อ่านแล้วเย็นไว้นะโยม...555
10 มีนาคม 2548 16:29 น. - comment id 83424
เอ..หนูอัลที่รัก สงสัยอีกแระ หากเราไปด้วยจะกลายเป็นมลพิษป่าวอ่ะ...?
10 มีนาคม 2548 17:21 น. - comment id 83425
สงกรานต์ ปู่ลิงบอกว่าจะลงนครฯ.. ยัยไหมไปแซวปู่อย่างนี้ ปู่ไม่ซื้อขนมไปเยี่ยมด้วย ไม่รู้ด้วยน๊า ... อด อด อด .. สมน้ำหนวก ..
10 มีนาคม 2548 17:52 น. - comment id 83426
จะพาไปไหนก็ไปค่ะ..แบบว่า..ใจง่ายอ่ะ อิอิ
10 มีนาคม 2548 20:13 น. - comment id 83428
ห้าโหล ห้าโหล พี่ลูกลิง ^_^ อะโห ๆ เล่าละเอียดยิบซะขนาดนี้ หนูหิ่ง ฯ ไม่มีอะไรจะเล่าแล้วหละ เมี้ยว ๆ ๆ แฮ่...... เพิ่มเติมนิดหน่อย ปู่ลิงเกือบต้องถอยรถเข้าโรงซ่อมซะแล้ว ด้วยฝึเท้าในการขับรถของหนูหิ่ง ฯ คิก ๆ ๆ ชะดีที่เบรคยังดีอยู่ ^_^ พี่ไหม พี่ไหม หนูหิ่ง ฯ คิดถึงค่ะ หนูหิ่ง ฯ ก็มีโปรแกรมจะลงใต้เหมียนกัลล์ แต่ยังไม่บอกว่าตอนไหน เมี้ยว ๆ ๆ ^_^ ขอบอกสำหรับพี่ ๆ ที่เบี้ยวไม่ไปทริปอัมพวา ไม่ได้หัวใจหนูหิ่ง ฯ ด้วยหละ อิจฉามะ ๆ ^_^
10 มีนาคม 2548 22:50 น. - comment id 83434
ไว้ถ้ามีโอกาส จะจัดทริปไปเที่ยวอัมพวานะคะ คุณคนเมืองลิง คงต้องถามหลายๆคนก่อน เพราะวันว่างอาจไม่ตรงกัน และแต่ละคนอาจจะอยู่กันไกล หิ่งห้อยฯ .. จำได้แล้ว ตอนที่ปู่ออกจากบ้านกำนันได้หน่อย ตรงสะพานน่ะ ปู่เองยังหัวเราะลั่นรถเลย ที่จู่ๆเหยียบเบรคพรึ๊ดแบบนั้น .. ปู่น่ะ มีแผนจะเอาจักรยานของอัลมิตราไปใช้อยู่แล้ว รถยนต์ถ้าซ่อม คงเอาไปปลูกสาระแหน่ นั่นแหล่ะค่ะ ... :) ปล. ไว้เจออาทิวา , อานิรนามจะถามให้นะ ว่าใครจะจับไม้สั้น ไม้ยาว เอาหัวใจหิ่งห้อยน่ะ ..
25 มีนาคม 2548 04:45 น. - comment id 83759
...เจื่อยแจ่วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง ดังเพลงมนต์รักแม่กลอง ล่องลอยพริ้วหวานซ่านมา กล่อมสาวงามบ้านอัมพวา มนต์รักแม่กลองแว่วมา เหมือนสายธาราแม่กลองรำพัน ...พี่ต้องจากลาขวัญตานุ่งน้อง ไม่ลืมลาสาวแม่กลอง ต้องทวนหวนมาสักวัน กลิ่นเนื้อนางไม่จางสัมพันธ์ เราสองล่องเรือร่วมกัน ร้องเพลงชมจันทร์ลุ่มน้ำแม่กลอง ...ไม่ลืมน้ำใจไมตรี สาวงามบ้านบางคณที เอื้ออารีเรียกร้อง ให้ดื่มน้ำตาล พร้อมกับยิ้มหวานของนวลละออ ก่อนลาจากสาวแม่กลอง เราร่วมปิดทองงานวัดบ้านแหลม ...เจื่อยแจ่วแว่วเสียงสำเนียงขับร้อง คร่ำครวญลาสาวแม่กลอง ล่องลอยเมื่อคืนข้างแรม กรุ่นหอมไอทะเลเคล้าแตง มนต์รักแม่กลองแทรกแซง คิดถึงพวงแก้มนวลสาวแม่กลอง เพลงมนต์รักแม่กลอง ไม่ได้บอกไว้ว่าใครร้อง น่าเสียดายจัง หาโพสต์มาจากในgoogle ครับ ป.ล. มีเวลาเข้ามาดูทริปอัมพวาของคุณอัลมิตราจนได้ครับ : ]
25 มีนาคม 2548 09:06 น. - comment id 83761
ค่ะ คุณลักษมณ์ .. ยินดีที่คุณมาอ่านนะคะ ขอบคุณมากสำหรับเพลงมนต์รักแม่กลอง .. เข้ากับบรรยากาศเลยค่ะ :)