ทำไมหนอวันนี้ เมื่อพยายามจะตั้งเทียนบนกำแพงโบสถ์ ต้องประสบความยากลำบากเพียงนี้ พอทีเถิดอย่างไรด้วยจิตใจเราที่พร้อม มาสักการะเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา เพียงเทียนดับเพราะลมพัดเป่าก็ช่างเถิด เดือนฉาย ป้อมคำ เด็กหญิงวัยแรกรุ่น พลางเดินออกมาจากประตูโบสถ์หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียน และรับศีลรับพลแล้ว แสงระรัววูบไหวไปตามแรงลมกระพือ เงาวูบไหวซ้อนซ้ำดูน่าฉงน เงาบางคนยืดโย้ออกจนน่าขัน แต่ที่งามจับใจคือประกายแสงเทียนที่แม้ดูไม่สว่างจ้า แต่เมื่อไปจับทอที่จีวรผ้าไตร กลับดูขรึมขลัง น่าศรัทธายิ่ง เอหายไปไหน เธอชะเง้อแลหาเจ้าปอนด์ เด็กน้อยวัยซนที่ติดตามมาด้วย เป็นเพราะเป็นชุมชนขนาดกลาง ผู้คนต่างรู้จักมักคุ้นกัน แล้วน้านวลจะไม่ตะเพิดเอาหรือ เล่นพาลูกเค้ามา แล้วปล่อยปละละเลยให้ลูกเขาไปไหนต่อไหนกับใครก็ไม่รู้ ลองดูแถวๆนี้ดูก่อน เดือนฉายเดินสอดส่ายสายตาฝ่าไปยังหมู่คน บ้างก็ต้องส่งยิ้มเป็นพัลวัน ก็ใครนั้นใช่ใครอื่น ละแวกเดียวกันทั้งสิ้น หรือเจ้าปอนด์จะไปหาลุงอินที่ฟากท้ายเหมือง เห็นมันโปรดปรานนักกับกรงนกเขา นกขุนทองช่าง จำนรรค์ อีกอย่างก็ไม่ไกลนักจากที่นี่ แล้วเธอก็บ่ายหน้าไปทางนั้น ทันเท่าความคิด ถนนเล็กๆเลียบไปตามคลองเล็กสายเก่าที่นับวันจะตื้นเขิน และขุ่นคล้ำ ด้วนระบบประปาเข้ามาแจกจ่ายสายน้ำสะดวกดาย เพียงแค่หมุนก๊อก ก็พรั่งพรูออกมาให้ได้ใช้ ไม่ต้องไปหาบน้ำเช่นยามก่อนเก่า เมื่อความเจริญเข้ามา ความเป็นส่วนตัวก็มีมากขึ้น ต่างคนต่างอยู่ในชายคาของตัวเอง บัดนี้ธรรมเนียมแกงไก่แลกต้มยำปลาหดหายไปหมดแล้ว ต่างคนต่างอยู่ สายน้ำลำคลองของส่วนรวมถูกทิ้งร้าง จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งที่ตลิ่งคือสวนสนุกของเด็กทะโมน คือแหล่งพูดคุยของกลุ่มแม่บ้านยามซักล้าง ..ลุงอิน ลุงอิน เดือนฉายร้องเรียกพอได้ยิน มีเสียงขยับเคลื่อนไหวออกมา ใครวะ เสียงอ้อแอ้ดวงตาแดงกร่ำฉ่ำดีกรีของแกมองเขม็งมายังสาวน้อยจนเธอหลบตาวูบรู้สึกถึงความร้อนแรงบางอย่าง จนต้องสะกดใจไว้แทบไม่อยู่ เมื่อบอกกล่าวเล่าขาน ลุงอินก็ฉวยเอาเสื้อเก่าคร่ำคร่ามาสวม พร้อมเหน็บพร้าขัดหลังตามเคย ออกตัวช่วยตามหาไอ้ปอนด์ เด็กตัวดีที่ไม่รู้ไปหลงเพลินที่ไหน เรืองนวลของแสงจันทร์เต็มดวงที่ทอฟ้า อาบจับให้ทุกสิ่งดูเป็นเงาสีเงินเย็นตา ลมยังคงโบกพัดอย่างเหมือนไม่รู้ว่าใจที่ไม่นิ่งของคนร้อนรนในจุดหมายจะยิ่งกระพือไปเท่านั้น ผ่านไปสองฟากข้าง หญ้าเริ่มชูตัวขึ้นสูง ผ่านจากตรงนี้ ก็เป็นคุ้มหนึ่งที่ไม่แน่จะเจอเจ้าปอนด์ที่ชอบมานั่งดูเด็กวัยรุ่นที่นั่งกดเกมส์อย่างลืมวันลืมคืนลืมหน้าที่ ความจริงแล้วเจ้าปอนด์มันมานอนหลับสนิทอย่างไม่รู้สะดุ้งที่บ้านแม่นวลอย่างไม่สนใจไยดีต่อความกังวลของเดือนฉาย ถ้าเอามือถือมาด้วยก็ดีสิลุงจะได้โทรถามคนนั้น คนนี้ได้ จริงด้วย เสียงของลุงอินดูแฝงท่าทีอะไรไว้ เงามืดตรงโค้งนั้นเหมือนมีอะไรรออยู่ แต่ด้วยความเป็นห่วง เดือนฉายลืมนึกถึงอะไรอื่นทั้งสิ้น รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ในวัด ก็ละลืมเสีย ด้วยคิดว่าใกล้กันแค่นี้ไม่ต้องใช้รถราให้เกะกะ ไม่คล่องตัว มีการจู่โจมอย่างไม่รู้ตัว โผใส่ร่างเธอจนล้มลง ตามมาด้วยวงแขนหื่นกระหาย เสื้อผ้าเธอถูกกระชากออกอย่างไม่แยแส สติเธอวูบดับลง เหมือนเทียนน้อยถูกลมแรงรังแกเอา วูบดับมืดลงไป ตะวันฉายขึ้นมาเมื่อเช้าใหม่ ผู้คนยังไม่เอะใจ จนกระทั่งหลวงน้ามาเห็นรถมอเตอร์ไซค์เบาะชื้นน้ำค้าง ตรงตะกร้าหน้ามีมือถือวางอยู่บนหนังสือเรียนอาชีวะ ถึงเวลานี้ทุกคนต่างเคลื่อนไหว. น้ำค้างพรมร่างน้อยๆให้กระตุกขึ้น ร่างสั่นระริก เดือนฉายเบิกตาโพลง ก่อนทำนบน้ำตาจะไหลมาไม่ทันตั้งตา เรือนร่างขาวบางเดินเข้ามาพร้อมโอบเธอไว้ ปลอดภัยแล้วหนู..ทำใจดีๆไว้ สักพักเรื่องเริ่มปะติดปะต่อ นายตำรวจเข้ามาสอบปากคำ เพื่อตามหาคนร้าย เป็นไงแขนแทบหัก หัวแทบระเบิด เสียงระโหยโรยแรงจากลุงอิน จากสภาพพันหัวขาวโพลนมีเลือดซึม แล้วคล้องแขนไว้ด้วยผ้ายืดอิลาสติกแก้เคล็ด น้ำตาเอ่อล้นมา เดือนฉาย เธอรอดพ้นจากทุรชนที่เห็นว่า ลำพังลุงอินแก่ๆจะมีน้ำยาอะไร แต่ลุงแกก็สวมหัวใจสิงห์ ยืนหยัดสู้จนกลุ่มวายร้ายที่เมายาบ้ากระเจิงไป ดีที่พวกมันมามือเปล่า จึงเสียทีมีดพร้าลุงอินที่ฉวัดเฉวียนฟาดคมเข้าสู่ใส่ ..พี่เดือน..กินติมเป่า.. เสียงเดียงสาของอ้ายหนูปอนด์ต้นเรื่องยังกังวานก้องที่ข้างเตียงผู้ป่วย ทั้งที่เรื่องร้ายนั้นผ่านพ้นไปอย่างเฉียดฉิว แทบจะสังเวยตัวเองให้ความเขลาโฉด หรือจะเป็นผลบุญทันตาเห็นที่เธอเพียรพัฒนาจิตใจในร่มพุทธธรรมอยู่เป็นนิจ จึงดลบันดาลให้เธอ มีกัลยาณมิตรอยู่ช่วยเหลือทั้งยามคับขัน และยามสุขสม. อาการดีขึ้นแล้ว เดือนฉาย ป้อมคำ อธิษฐานจิตจะไปปวารณาตัว อุทิศบุญกุศลให้อภัยทานอโหสิกรรมพวกเดนคนนั้น จะทุเลาบาปกรรมลงบ้าง สาธุ.. เธอเปล่งเสียงในใจเบาๆแต่อิ่มเอมในใจมี่เย็ยสงบลง แล้วหลับตายิ้มน้อยๆ แผ่เมตตา.
22 กุมภาพันธ์ 2548 22:40 น. - comment id 83015
งามจิตงามจบค่ะ ด้วยรักมาอ่านอย่างละเมียดค่ะ
23 กุมภาพันธ์ 2548 21:52 น. - comment id 83040
มีความลับอย่างหนึ่ง ที่เพิ่งรู้จากปากพี่สาวเมื่อคราวที่เธอต้องพักรักษาตัวจากการผ่าตัด .. ตอนนั้น อัลมิตรายังเล็กมาก เธอเห็นคนร้องบอกต่อกันมาว่าไฟไหม้ จึงอุ้มและเดินตามเขาไปดู ในที่สุดก็กลับบ้านไม่ได้ นานเหมือนกันจนค่ำกว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีช่วยพากลับมาส่งบ้าน เธอ..อุ้มอัลมิตราไว้ไม่ยอมให้พลัดหาย กลับมาถึงบ้านโดนตีเสียยับ .. น่าสงสารจัง
12 มีนาคม 2548 23:06 น. - comment id 83480
ความทรงจำบางประกายคล้ายม่านฝัน ระย้าย้อยลงมาคล้ายละอองหมอก บางครั้งเศร้า บางคราวสุข บ่อยครั้งจุกคอหอย ความเป็นจริงในปัจจุบันกาลเท่านั้น ที่เสริมส่งให้เราดำรงอยู่และระลึกรู้ด้วยมโนสติ และมโนไอเดีย