.Story9 เงินคือพระเจ้าเด็กแนว(แนวไหน)บายๆกทม.....
[ไร้ตัวตน]
.Story9 เงินคือพระเจ้าเด็กแนว(แนวไหน)บายๆกทม.....
สวัสดีท่านผู้มี(ขี้เกียจ)ทั้งหลาย
ก่อนอื่นกระผมขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาคลิกเม้าท์ในมือของท่านมาทางนี้ มันเป็นเกียติแก่ผมคนนี้มาก ที่ผมได้มีโอกาสเขียนอะไรให้พวกคุณได้อ่านกัน
เรื่องที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนโลกนี้ เล่าเลยละกันนะไม่อยากมากความปะเดี๋ยวความมันจะมาก คือเรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเป็นเด็กบ้านนอก ก็ไอ้เรื่องที่ผมเป็นเด็กบ้านนอกนี้แหละทำให้ผมไม่ได้เป็นเด็กในเมืองซักที ทำไงได้หละครับก็คนมันไม่ใช่เด็กแนว ผมก็เลยได้เป็นแค่แนวเด็ก เกิดอยากเป็นวัยรุ่นแบบเด็กในเมืองอย่างเขา ก็เลยตัดสินใจล่ำลาท่านพ่อท่านแม่เพื่อไปศึกษาต่อที่กรุงเทพ แม่เราก็เข้าใจในตัวเรา ว่าเราต้องรู้จักเรียนรู้เมืองใหญ่บ้าง ท่านก็เลยให้มาเรียนที่นี่ พอรถมาจอดที่สถานีขนส่งหมอชิด ก้าวแรกที่ย่างลงมาจากประตูรถผมตกใจ มีชายหน้าเหี้ยมหลายคนเลย บ้างชี้หน้าผม บ้างจับมือผม บ้างส่งยิ้ม(อันหลังนี่ไม่มีนะครับ) เขาจะถามผมด้วยคำถามเดียวกันหมดทุกคนว่า ไปไหนครับเป็นภาษาอีสาน ผมรู้สึกหงุดหงิดมากก็เลยตอบส่งเดชไปว่า ไปตายครับ ไม่มีใครมาถามผมอีกเลย ผมมีความสงสัยอยู่ว่า ตอนนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพแล้ว ทำไมมีแต่ผู้คนที่จมูกแฟบ โหนกแก้มสูงๆพูดอีสานหละ หรือ ว่าเขาจะสำนึกบ้านเกิด แต่ผมก็หยั่งเชิงไว้ก่อนโดยการพูดภาษากลาง แต่ก็ทำไงได้ครับ ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นเด็กแนว(แนวไหน)แล้ว ก่อนจะมานี่ผมได้แผนที่ที่ๆผมกำลังจะไปอยู่ด้วย มันเป็นห้องเช่าของน้าชื่อ บักหำน้อย แต่เขาไม่ให้เรียกเขาให้ผมเรียก เดวิส (หน้าตาเขาคล้ายฝรั่งมากๆ จมูกแบนๆ(แฟนทิ้ง) โหนกใหญ่ๆ หน้าสี่เหลี่ยม) ผมเดินไปเรื่อยๆมือกวักเรียกแท็กซี่ พอขึ้นรถเขาถามผมว่าจะไปไหนดีครับ ผมก็เลยยื่นแผนที่ๆแม่วาดไว้ให้เขาดู จากหมอชิดถึงบางซื่อ ผมใช้เวลา2ชั่วโมงกว่า ผมบอกกับแท็กซี่ว่า คุณครับอีกไกลไหมครับตอนนี้ผมกำลังจะอ๊วกแล้วครับเขาบอกว่า เดี๋ยวครับยังไม่ถึง500เลยครับ ค่าแท็กซี่หมดไป500 แม่ให้มา2พัน รถที่กรุงเทพนี่แปลกนะครับ แตรดังมากและเวลาขับก็ไม่นิ่งเหมือนที่บ้านเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวหยุด มันทำให้เด็กแนวอย่างผมแทบอ๊วก เพราะเมารถ พอมาถึงที่ห้องเช่า ผมก็รีบนอนเพราะเหนื่อยมากับการเดินทางและพอตื่นขึ้นผมจะไปเที่ยว ทัวตามประสาเด็กแนวหน้าอย่างผม พอถึงตี5หน้าน้าผมปลุก ผมถามน้าว่าทำไมถึงรีบปลุกจังหละครับยังไม่เช้าเลย น้าบอกว่าที่กรุงเทพเขาเช้าแล้วหละ อ๋อ... อาบน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จ ถึงคราวเด็กแนวต้องทัวซะแล้ว! เดินออกจากห้องเช่ามาที่ถนนหน้าปากซอย โอ้แม่เจ้าอะไรกันนี่ นี่มัน...ไม่ทันได้ติดรถ รถดันมาติดซะแล้ว นั่งรอรถอยู่ประมาร30นาทีรถมา ขาซ้ายก้าวขึ้นขาขวายังตามมาไม่ทันเลยรถวิ่งพวด แหม!เด็กแนวเกือบพาดท่า ดีนะที่ผมปืนต้นไม้เก่งที่บ้าน แต่ไม่ดีเท่าไรที่รองเท้าข้างหนึ่งผมหลุด เดินด้วยท่าทางเขินๆไปหาที่นั่งในรถ ปรากฏว่าที่นั่งไม่มีก็เลยไม่ได้นั่งที่ ก็เลยต้องยืนที่เอา ในใจก็รู้สึกกลัวและผวา กลัวว่าใครจะมาเหยียบเท้าเข้า เด็กแนวต้องมีลอยkittoแน่ๆ แต่ที่เสียดายมันไม่ใช่kitto แต่มันเป็นรองเท้าส้นสูงของหญิงอ้วนๆคนหนึ่งประทับที่ตรงกลางเล็บตีน แอ๊งๆ(โอ้ย)เจ็บมาก คุณครับเดินยังไงครับมาเหยียบเท้าผมได้ไง รู้ไหมเขาตอบว่าไง แล้วคุณหละยืนยังไงให้ฉันเหยียบเท้าได้ อยากจะตบด้วยฝ่ามืออรหันขั้นที่19 ปลอบใจตัวเองว่าเด็กแนวต้องไม่โกรธ รถถึงป้ายผมรีบลงเดินหาร้านขายรองเท้าก่อนเลย บังเอิญๆที่ร้านมีแต่รองเท้าบูซ เด็กแนวก็เลยชื้อใส่ เดินเที่ยวเตร่ไปเรื่อยๆ ปากก็อ้ารับอากาศของกรุงเทพที่มีแต่ควันต่างๆ รูจมูกเต็มไปด้วยฝุ่น ผ่านข้างทางเห็นสาวๆบ้างใส่เสื้อโชวสดือบ้าง บ้างโชว์กางเกงในบ้าง ไม่ได้อยากดูนะครับแต่แม่ผมสอนให้มองคนต้องมองแต่หัวจรดตีน ไม่ใช่สวยหรืออะไรนะครับ ในสายตาผม ผมมองว่าคนพวกนี้ไม่มีค่าเอาเสียเลย เหมือนของเก่าๆที่วางเกลื่อนกลาดทั่วถนน เพราะถ้ามีของดีจริงเขาไม่โชว์กันหรอกครับ พวกคุณผู้หญิงๆฟังเอาไว้ละกัน พวกผู้ชายเขาชอบค้นหา ชอบผู้หยิงที่รักนวนสงวนตัว พอเดินไปเรื่อยๆเวลาก็ใกล้ค่ำ รีบกลับบ้านเอาแผนที่ออกมาดู เหอะๆแผนที่ยับหมดรอยปากกาแม่ผมเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมต้องโบกรถแท็กซี่กลับ คราวนี้เบาหน่อยมันเอาผม400 ก่อนลงรถผมก็เลยขอบคุณมัน กลับถึงห้องสามทุ่ม น้าเดวิสไม่อยู่ เพราะเขาทำงานพาสทาม ผมก็เลยจำเป็นต้องเฝ้าห้อง เวลาประมาณตี3ผม เป็นโรคไซนัส เพราะฝุ่นกรุงเทพทำผม ก็เลยต้องช่วยตัวเอง เดินออกไปหารถแท็กซี่(อะไรๆก็แท็กซี่)พาไปที่โรงพยาบาล(ไม่ประสงออกนามว่าโรงพยาบาลอะไรแต่ผมขอสัญญาว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลนี้อีกจนตาย) ผมเอาเงินไว้ในห้อง1000เอาติดตัวมาด้วย500 ให้แท็กซี่ไป200 มาถึงที่โรงบาล ผมเป็นหนักมาก จนรู้สึกว่ากำลังจะกลับแล้วหายใจไม่ออก เดินตรงไปที่เค้าร์เตอร์ด้วยอาการที่แย่มาก หมอถามผมว่า คุณมีบัตรประชาชนไหม ในใจผมเองก็เริ่มฉุนเพราะตอนนี้ผมแย่มาก ผมรีบหาบัตรให้หมอไป และเขาถามต่อไปว่ามีเบอร์โทรไหม ก็เลยต้องเอาเบอร์ให้หมออีก พอถามผมเสร็จ ก็พาผมไปที่ห้อง ขอโทษครับหมอให้ผมเดินไปเอง ทั้งๆที่ผมกำลังจะเป็นลม พอไปถึงหมอไม่ได้สนใจผมเลย ประมาน5นาทีหมอมาถามผมว่าอาการเป็นไง ผมก็บอกไปตามที่ผมเป็น ตอนนี้ผมหนาวมากตัวผมสั่นแรง อยากรู้ไหมครับหมอบอกผมว่าไง เขาบอกว่า จะสั่นทำไม อย่าสั่น พอรักษาผมเสร็จ มาที่ห้องจ่ายเงิน (ผมยังไม่ได้กินยา) เขาบอกว่าทั้งหมด500บาท ตอนนั้นผมเหลือเงินแค่300เอง ผมเลยบอกหมอว่าพรุ่งนี้ผมเอามาให้แล้วกันครับ เขาบอกว่าไม่ได้ ผมบอกต่อไปว่างั้นผม ขอกินยาก่อนได้ไหมครับผมจะให้200 เขาก็ไม่ให้ ทั้งๆที่ผมกำลังแย่ยาก็ไม่ได้กิน เงินผมก็มี ผมก็ไม่ใช่คนจน มันไม่เชื่อผม พอดีถึงเวลาน้าพักงาน30นาที น้าโทรมาแล้วเขาก็มาพาผมออกจากโรงบาล วันนั้นถ้าน้าไม่มาผมคงไม่ได้กินยาแน่ ผมเสียความรู้สึกมาก จนถึงวันนี้เหตุการณ์นั้นยังอยู่ในหัวสมองของผม ผมก็เลยได้คติที่ว่า เงินคือพระเจ้า! ลาก่อนเด็กแนว กรุงเทพ ขอกลับไปหายใจเอาอากาศของ(คน)ในบ้านนอกดีกว่า บายๆๆๆๆ