เป็นเหนือกว่าชีวิต
สุชาดา โมรา
ผู้หญิงในสังคมไทย มีสถานะเป็นได้แค่เพียงแม่และเมียที่ดี คำว่า แม่ ยังแสดงธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม่ในวรรณคดีจึงไม่ใช่เป็นเพียงตัวละครที่โลดแล่นตามบทบาทที่กวีกำหนด หากแต่ตัวละครเหล่านี้แสดงให้เห็นความเป็นชีวิตที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน
ดั่งพระนางมัทรี ในมหาเวสสันดรชาดก ที่เป็นชายาของพระเวสสันดร ซึ่งภรรยาตามแบบอุดมคติของสังคม คือ เทิดทูนสวามีเหนือเกล้า มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีแต่พระสวามีเพียงผู้เดียว พระนางมัทรีจึงยืนยันอย่างแน่วแน่ว่าพระนางจะขอตามเสด็จพระเวสสันดร ไม่ว่าจะต้องมีชีวิตที่ยากลำบากอย่างไรก็ตาม เราจะสังเกตได้ว่า พระนางมัทรีมีลักษณะนิสัยที่เข้มแข็ง พระนางไม่เพียงคิดตามเสด็จพระสวามี เพราะเป็นจารีตของภรรยาที่ดีเท่านั้น แต่ทรงถือเป็นหน้าที่จะปกป้องดูแลพระสวามีทุกอย่าง เพื่อให้พระเวสสันดรไม่ลำบาก โดยไม่คำนึงถึงพระองค์เองเลย
ด้วยความจงรักภักดีและความกตัญญู ต้องการให้พระเวสสันดรบำเพ็ญพรตอยู่สบายโดย ไม่ต้องลำบากพระวรกาย เสด็จไปแสวงหาผลาผลเพื่อเลี้ยงครอบครัว พระนางจึงขออาสาเป็นผู้ออกป่าไปหาผลไม้ให้สวามีและโอรสธิดา ความมุ่งมั่นยอมลำบากกายนั้น ยังไม่เทียบเท่าการยอมทุกข์ใจเพื่อประโยชน์แห่งการบำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดร ความทุกข์ใจที่รุนแรงที่สุด คือการสูญเสียพระโอรสและพระราชธิดา แสดงการพิลาปคร่ำครวญของพระนางมัทรีอย่างสะเทือนอารมณ์ แต่เมื่อพระนางทราบว่าพระโอรสพระธิดาไม่ได้หายไป หากแต่พระเวสสันดรบริจาคเป็นทานแก่ชูชก พระเวสสันดรขอให้พระนางช่วยอนุโมทนาทานด้วยศรัทธา พระนางก็อนุโมทนาให้ด้วยความเต็มพระทัย
พระนางมัทรีผ่านความทุกข์ทรมานใจรุนแรงสาหัส ด้วยความเป็นแม่ทำให้พระนางพิลาปร่ำไห้ราวกับจะสละชีวิตเพื่อลูกได้ แต่ด้วยความเป็นพระชายาทำให้มัทรีสละลูกได้เพื่อให้พระสวามี การเสียสละของนางมัทรีจึงไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อมนุษย์ในสากลโลก พระนางมัทรีจึงเป็นนางแก้วคู่บารมีของพระเวสสันดรในการร่วมกันเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแห่งมนุษย์โลกทั้งปวง
ความเป็นแม่ที่มีความรักลูกท่วมหัวใจ และหวงแหนลูกสุดชีวิต เมื่อตัดสินพระทัยตามเสด็จพระเวสสันดรเข้าสู่ป่าหิมพานต์ พระเจ้าสูญชัยและพระนางผุสดีขอพระชาลีและกัณหาไว้พระนางมัทรีไม่ยอมยกให้ แม้จะเข้าพระทัยดีว่า พระเจ้าสูญชัยทรงสงสารพระราชนัดดา ไม่อยากให้ต้องลำบาก พระนางกราบทูลจึงพระเจ้าสูญชัยด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า
ขึ้นชื่อว่าบุตรเป็นที่สุดแสนเสน่หาถึงชั่วช้าประการใด ใจสามารถเป็นหนามเสี้ยนเบียดประชาราษฎร์ควรห้ามเฝ้า จะตัดจากลูกเต้านั้นไม่ขาด เกล้ากระหม่อมเหมือนฝ่าละอองธุลีพระบาทก็คงจะตัดพระลูกขาดได้คล่อง ๆ ... ข้ามัทรียังมีอาลัยเป็นล้นพ้นกว่าจะเลี้ยงได้ตะละคน ๆ สุดแสนยาก ทูลกระหม่อมจะมาพรากไปจากอก ดั่งจะหยิบยกเอาดวงใจไปจากกาย
เมื่อชูชกเดินทางมาถึงอาศรมสถานในยามเย็น ชูชกไม่ผลีผลามเข้าไปทูลขอสองกุมารในทันที เพราะทราบดีว่าพระนางมัทรีจะต้องขัดขวางถึงที่สุดตามธรรมชาติของแม่ที่ต้องหวงแหนลูกยิ่งชีวิต ชูชกรอคอยจนกว่าจะรุ่งสาง เป็นเวลาที่พระนางมัทรีต้องออกไปหาผลไม้ตามปกติแต่ในคืนนั้น ด้วยสังหรณ์ว่าจะมีเหตุร้ายทำให้พระนางมัทรีนิมิตฝันน่ากลัวและมีกิริยาอาการเป็นลางอาเพศบอกเหตุหลายอย่าง ด้วยความเกรงว่าหากทำนายฝันตามที่เป็นจริง พระนางมัทรีจะเป็นภัยขัดขวางการกระทำปิยบุตรทาน พระเวสสันดรจึงทำนายนิมิตฝันว่า เป็นเพราะพระนางมัทรีมาตกระกำลำบากทั้งการเสวยการบรรทม ดังนั้น ธาตุทั้งสี่จึงวิปริต
เมื่อปลุกพระชาลีพระกัณหาให้ตื่นบรรทมแล้ว จึงอุ้มแก้วกัณหาพ่อชาลีขึ้นสู่ตัก สั่งเสียให้พระชาลีดูแลพระกัณหา ดั่งที่ครวญสั่งพระโอรสธิดาว่า
...พ่ออยู่หลังระวังน้องให้จงดี พ่ออย่าตีกันฟังแม่ว่าแม่กัณหาเอ่ยแม่อย่าหลงระเริงเลยแล่นไปนักนะแม่ แม่จงเสงี่ยม อย่าตะลีตะเลียมชะล่าไปให้ไกลพี่ พ่อชาลีเหล่าก็อย่าเลินเล่อละพระน้องให้แล่นเล่นแต่ลำพัง จงฟังแม่พร่ำสอนพร่ำสั่งทุกสิ่งอัน...
ความรักความห่วงใยที่มีต่อพระกุมาร ทำให้พระนางมัทรีไม่เป็นสุขเลย เมื่อต้องเดินทางไปหาผลไม้ในป่าตามที่ทรงกระทำเป็นกิจวัตร เมื่อพระทัยของพระนางรุ่มร้อนเช่นนี้ สิ่งที่พระนาง เห็น จึงปรวนแปรไปด้วยพระอารมณ์ที่เศร้าหมอง
พระนางมัทรีพยายามเก็บผลไม้โดยเร็ว เพื่อจะได้เสด็จกลับแต่วัน แต่เนื่องจากเทพยดาทรงทราบดีว่าพระนางรักลูกสุดชีวิต หากเสด็จกลับแต่วัน ก็จะพบว่าพระเวสสันดรได้พระราชทานพระชาลีกัณหาให้แก่ชูชกไปแล้ว เทพยดาจึงแปลงร่างเป็นราชสีห์และเสือมาขวางทางไว้จนค่ำจึงปล่อยให้พระนางกลับสู่อาศรม เมื่อเสด็จถึงและไม่พบชาลีกัณหาวิ่งมารับเช่นเคย เมื่อไม่เห็นก็ใจหายคร่ำครวญหวนไห้ เพราะเกรงว่าจะสูญเสียพระกุมารไปเหมือนดังลางสังหรณ์ในนิมิตฝัน
หากเราคำนึงถึงความเป็นจริงว่าพระชาลีกัณหาเป็นเพียงทารกน้อยที่ยังไม่อดนมก็ถูกพรากไปจากมารดา ความโหยหาของสองกุมารที่มีต่อพระราชมารดานั้นย่อมมี แรงผลักดันมาจากความกระหายในน้ำนมแม่อันเป็นธรรมชาติของเด็ก เมื่อทั้งสามพระองค์ซึ่งมีจิตใจจดจ่อต่อกันอยู่พบกัน ความตื่นเต้นสะเทือนใจสุดประมาณทำให้ทั้งสามถึงกับสิ้นสติสัมปชัญญะ แต่สิ่งที่เป็นความปรารถนาฝังลึกในจิตใต้สำนึกของทั้งสามพระองค์ คือ ความผูกพันของลูกและแม่ เป็นเพศเดียวที่สามารถส่งผ่านกระแสความรักของตนไปสู่ผู้ที่ตนให้กำเนิดด้วยธารน้ำนม สิ่งอัศจรรย์ที่บังเกิดน้ำนมไหลจากพระเต้าของพระนางมัทรีเข้าสู่ปากพระชาลีกัณหา จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงว่าพระนางมัทรีและสองกุมารต่างบรรลุความปรารถนาที่ต้องการพบกันและได้ถ่ายทอดความรักสู่กัน
เรื่องของชาดกเรื่องนี้ให้ชัดเจนและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นความรักความผูกพันที่ผู้เป็นแม่มีต่อลูกอันเป็นที่รักที่สุดในชีวิต ถ้าชีวิตจริงของผู้เป็นแม่เจอกับอุปสรรคกับการสูญเสียลูกไป เชื่อว่าผู้ที่เป็นแม่ไม่ยอมแน่นอน ความหมายของคำว่ารักยากนักที่จะมาบรรยายเป็นถ้อยคำ ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะความรักที่เกิดขึ้นกับแม่และลูก จะมีแม่ที่ไหนที่ไม่รักลูกบ้างต่อให้ลูกชั่ว ลูกไม่ดีแค่ไหนความผูกพันทางสายเลือดความเป็นแม่ที่มีต่อลูกก็จะยิ่งผูกพันเป็นล้านเท่า ก็ด้วยความรักความห่วงใยที่ตัดอย่างไรก็ตัดไม่ขาดเพราะลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของแม่ ในความเป็นแม่ลูกจึงเป็นเหนือกว่าชีวิตสิ่งอื่นใดๆ
ถ้าจิตใต้สำนึกกำลังหลงระเริงกับชีวิตสวยหรู ก็อยากให้หันกลับมารักดูแลครอบครัว มาสร้างความอบอุ่นให้กับสถาบันครอบครัวตอนนี้ ก่อนที่อะไรจะสายเกินไปและขอให้เชื่อในความรักของผู้ที่เป็นแม่เถอะว่า แม่รักลูกทุกคนด้วยความบริสุทธิ์ใจของแม่จริงๆ
สังคมเจริญขึ้นทุกวันจะมีสักกี่พันคนที่จะนึกถึงพระคุณแม่ผู้ให้กำเนิด อยากให้สังคมทุก ๆ สังคมมาสร้างจิตสำนึกรักแม่ให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าการแสดงความรักของลูกที่มีต่อแม่อาจจะน้อยกว่าที่แม่มีให้ต่อลูก แต่ถ้าเราให้ความรักด้วยรักจริงและสิ่งนี้เองที่เป็นของขวัญและเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตของแม่
อานุภาพของความรักอันยิ่งใหญ่นี้เป็นตัวแทนความรักของแม่ที่มีต่อลูก